บทที่ 635 ความรู้สึกปลอดภัย

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ชั่วพริบตา​ ยอด​ฝีมือ​ขั้น​สี่ทั้งสอง​ท่าน​กลายเป็น​ลูก​แกะ​ที่​ถูก​สังหาร​

สิ่งนี้​คือ​พลานุภาพ​จาก​ของ​วิเศษ​ แม้ว่า​จะไม่สมบูรณ์​ แต่​ ‘มนุษย์​ธรรมดา​’ ก็​ไม่อาจ​ต้านทาน​ได้​

ภายใต้​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​ ไม่มีพลัง​ใด​ที่จะ​ต่อกร​กับ​ของ​วิเศษ​ได้​

หลิ่ว​หง​เหมียน​ จิ้งซิน​ และ​จิ้งหยวน​ไม่รู้จัก​กระจก​เทพ​ฮุ่น​เทียน​ แต่​เมื่อ​พานพบ​กับ​อาการ​สลบไสล​พิลึกพิลั่น​ของ​ไป๋​หู่​และ​ฉีฮวน​ตาน​เซียง​ รวมถึง​ยอด​ฝีมือ​อีก​สี่คน​ และ​ยังมี​ตง​ฟางหว่าน​ชิงที่​แสดงออก​ชัดเจน​ว่า​ ‘คิดคด​ทรยศ​’ เช่นนี้​ ควร​เลือก​อย่างไร​ ไม่ต้อง​บอก​ก็​เป็นที่​เข้าใจ​

ปราศจาก​การร้อง​เตือน​ใดๆ​ หลิ่ว​หง​เหมียน​ฟัน​กระบี่​เป็น​กากบาท​แสร้ง​เข้า​จู่โจม โดย​ไม่หัน​กลับมา​ นาง​วิ่งหนี​ออก​ไป​ราวกับ​เสือดาว​ที่​ปราดเปรียว​

นาง​ฉลาด​พอที่จะ​เลือก​วิ่งหนี​ แทนที่จะ​บินหนี​

จอม​ยุทธ์​ผู้​หยาบช้า​ขอ​แค่​ปลายเท้า​อยู่​บน​พื้นดิน​ ก็​สามารถ​เพิ่ม​ขีดจำกัด​ได้​เร็ว​สุด​เท่าที่​ทำได้​ หาก​เลือก​ใช้วิชา​ตัวเบา​หรือ​ทะยาน​ขึ้น​ท้องฟ้า​ ใน​สายตา​ของ​ปรมาจารย์​ลัทธิ​เต๋า​ที่​สามารถ​ควบคุม​กระบี่​บิน​ได้​ จึงเหมือน​โยน​ตน​ใส่กับดัก​ตรงๆ​

จิ้งซิน​และ​จิ้งหยวน​หนี​เตลิด​ไป​พร้อมกัน​ อาวุธ​วิเศษ​เพียง​ชิ้น​เดียว​ ต้อง​วิ่ง​แยกกัน​เท่านั้น​ถึงจะมีชีวิตรอด​

ฉู่หยวน​เจิ่น​มอง​สถานการณ์​ ตะโกน​ออกคำสั่ง​ทันที​

“ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ เจ้าตาม​จิ้งหยวน​ไป​ เมี่ยวเจิน​ตาม​จิ้งซิน​ ส่วน​ข้า​กับ​เหิงหย่วน​จะตาม​หลิ่ว​หง​เหมียน​เอง​”

แม้ว่า​จะเขา​เพิ่ง​ปะทะ​คน​เหล่านี้​เป็นครั้งแรก​ แต่​ก็​ได้รับ​ข้อมูล​ของ​หลิ่ว​หง​เหมียน​และ​คนอื่นๆ​ มาจากห​ลี่​ห​ลิง​ซู่คร่าวๆ​ บ้าง​แล้ว​

การ​จัดเรียง​กำลังคน​ของ​ฉู่หยวน​เจิ่น​มีความพิถีพิถัน​ ใน​บรรดา​สามคน​ จอม​ยุทธ์​ภิกษุ​จิ้งหยวน​ครอบครอง​พลัง​เทพ​วชิระ​อยู่​ จึงเป็น​สิ่งรับมือ​ยาก​ที่สุด​ ดังนั้น​ให้​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ไล่ล่า​ด้วย​อาวุธ​วิเศษ​ และ​เมื่อ​เขา​ไป​ ตง​ฟางหว่าน​ชิงต้อง​เข้ามา​สมทบ​อย่าง​แน่นอน​

ฝ่าย​หลัง​ซึ่งอยู่​ใน​ฐานะ​ชาว​ยุทธ​จักร​ ย่อม​สามารถ​หยุดยั้ง​จอม​ยุทธ์​ภิกษุ​ได้​

มีเพียง​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​เท่านั้น​ที่​ไม่มั่นคง​ใน​ด้าน​นี้​นัก​ แต่​พระภิกษุ​นิกาย​ฉาน​ที่​ไร้​ฝีมือ​การต่อสู้​ไม่สามารถ​ทำ​อะไร​นาง​ได้​

ส่วน​หลิ่ว​หง​เหมียน​ใน​ฐานะ​ชาว​ยุทธ​จักร​ ปล่อย​ให้​เขา​และ​เหิงหย่วน​ เพราะ​ลงมือ​ง่าย​นิดเดียว​

เหิงหย่วน​กระโดด​ขึ้นไป​บน​หลัง​ฉู่หยวน​เจิ่น​ ทั้งสอง​ขี่​กระบี่​พุ่ง​จากไป​ พร้อม​ส่งเสียงคำราม​ราวกับ​สายลม​

หลิ่ว​หง​เหมียน​ทะลุ​ผ่าน​ซอก​เขา​ ชุด​กระโปรง​ของ​นาง​เกี่ยว​กิ่งไม้​และ​ต้นไม้​จน​ขาดลุ่ย​ นาง​ไม่อาจ​หยุด​ฝีเท้า​ มีเพียง​ความคิด​จะหนี​อยู่​ใน​หัว​นาง​เท่านั้น​

พวกเขา​เพิ่ง​ดีใจ​ที่​ตน​กลายเป็น​ผู้ฝึก​ตน​ขั้น​สี่ เป็น​เพียง​ ‘คน​ตัวเล็ก​’ ที่​มองข้าม​ได้​ง่าย​ ฉีฮวน​ตาน​เซียง​กับ​ไป๋​หู่​สาบาน​ว่า​จะต้อง​ลอบ​แก้แค้น​ให้จงได้​

ใคร​จะรู้​ว่า​ ฆ้อง​เงิน​สวี่​ไม่ได้​สนใจ​พวกเขา​ แต่​ใช่ว่า​จะปล่อย​พวกเขา​ไป​ คม​ดาบ​สี่เล่ม​ของ​พวกเขา​แอบแฝง​อยู่​นอก​ฝัก​มาแต่ไหนแต่ไร​

‘ฟิ้ว…’​

เสียง​ตัดผ่าน​อากาศ​เหนือ​หัว​ ทำให้​หลิ่ว​หง​เหมียน​ตกใจ​ รับรู้​ได้​ว่า​ปรมาจารย์​ลัทธิ​เต๋า​ไล่กวด​ทัน​เสียแล้ว​

บน​ภูเขา​มีความ​ลาดชัน​ทั้ง​สูงและ​ต่ำ​ มีต้นไม้​ขวางกั้น​ไม่น้อย​ คง​ยาก​ที่จะ​วิ่งหนี​กระบี่​บิน​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ หลิ่ว​หง​เหมียน​เร่งความเร็ว​ของ​ฝีเท้า​ ขณะ​หัก​กิ่งไม้​ไป​ด้วย​

นาง​ถีบตัว​กระโดด​ขึ้น​สูง พลิกตัว​กลางอากาศ​ ขว้าง​กิ่งไม้​ใส่ศัตรู​ที่อยู่​บน​ฟากฟ้า​ด้านหลัง​

‘ฟิ้ว!’​

กิ่งไม้​พุ่ง​ทะยาน​ออก​ไป​ ห้อมล้อม​ด้วย​ลมปราณ​ที่​ทรงพลัง​ เร็ว​กว่า​ลูกธนู​หลาย​เท่าตัว​

ฉู่หยวน​เจิ่น​เอื้อมมือ​ออก​ไป​ คว้า​กิ่งไม้​ไว้​ใน​มือ​

‘รับมือ​ข้า​ด้วย​มือเปล่า​รึ​? เขา​ไม่ใช่ผู้​บำเพ็ญตน​หรอก​หรือ​…’ หัวใจ​ของ​หลิ่ว​หง​เหมียน​สั่นคลอน​

มีความคิด​แวบ​หนึ่ง​ผุด​ขึ้น​มา นาง​ได้ยิน​เสียง​ ‘กรอบแกรบ​’ กระทบ​เข้า​โสต​ประสาทหู​ กิ่งก้าน​ใบไม้​โดยรอบ​ บิดพลิ้ว​ลอย​ขึ้น​จาก​พื้น​ จากนั้น​ พวก​มัน​ก็​ถูก​ปราณ​กระบี่​ช้อน​ตัว​ขึ้น​ ก่อตัว​ขึ้น​เป็น​วงแหวน​งดงาม​

ฉู่หยวน​เจิ่น​ชี้นิ้ว​ดั่ง​กระบี่​ เคลื่อน​วงแหวน​ลงมา​

‘ฟุ่บ​ ฟุ่บ​ ฟุ่บ​…’

กิ่ง​ไม้ใบ​หญ้า​ที่​แห้ง​กรอบ​ปลิว​ระเนระนาด​กลายเป็น​ฝน​กระบี่​ หน้า​พื้นดิน​ยุบตัว​เป็น​บ่อ​เล็ก​ๆ ทั่วกัน​ ก่อน​ต้นไม้​ใน​ป่า​เกิด​เสียง​ ‘แก​ร่ก’​ ยาม​ฝน​กระบี่​โปรย​ลงมา​

หลิ่ว​หง​เหมียน​วิ่ง​พล่าน​อยู่​ท่ามกลาง​ฝน​กระบี่​โปรยปราย​ อาศัย​ลางสังหรณ์​อันตราย​ล่วงหน้า​ของ​ชาว​ยุทธ​หลบหลีก​ อันที่จริง​แล้ว​นาง​ไม่สามารถ​หลีกหนี​ได้​ จึงจำต้อง​ใช้เนื้อหนัง​ตัวเอง​กำบัง​

ระหว่าง​ข้าม​ผ่าน​ฝน​กระบี่​ ทันใดนั้น​ก็​หยุด​ฝีเท้า​ ด้านหน้า​คือ​ภิกษุ​รูป​ทอง​วัยกลางคน​ ยืน​ประนม​สอง​มือ​ รอคอย​นาง​อยู่​

ส่วน​ด้านหลัง​คือ​ นัก​ดาบ​เสื้อ​ดำ​ที่​ยืน​อยู่​บน​ด้าม​กระบี่​อย่าง​ภาคภูมิ​และ​เป็นอิสระ​

หนึ่ง​เค่อ​ต่อมา​ ทั้ง​สามฝ่าย​ก็​แยกตัว​จากกัน​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่แบก​จิ้งหยวน​ที่​สลบไสล​ไว้​บน​บ่า​ พลาง​ขี่​กระบี่​พา​กลับมา​พร้อมกับ​ตง​ฟางหว่าน​ชิง

ส่วน​เหิงหย่วน​แบก​หลิ่ว​หง​เหมียน​ไว้​บน​บ่า​เช่นกัน​ และ​กลับมา​พร้อม​ฉู่หยวน​เจิ่น​ด้วย​กระบี่​บิน​

มีเพียง​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ที่​ใบหน้า​คล้ำ​ดำ​และ​ว่างเปล่า​

เมื่อ​เห็น​เช่นนี้​ ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ก็​รู้สึก​กระปรี้กระเปร่า​ เท้า​เอว​ วางท่า​เป็น​พี่ใหญ่​ พร้อม​หัวเราะ​

“ไม่ใช่ว่า​ข้า​บอก​เจ้าแล้ว​รึ​ ศิษย์​น้อง​ นี่​จะทำลาย​ชื่อเสียง​ของ​ข้า​ให้​เสื่อมเสีย​ ซ้ำยัง​ทำลาย​ตัวตน​เทพธิดา​นิกาย​สวรรค์​ จิ้งซินอ​ยู่​ใน​อาณาเขต​เจ้าแล้ว​แท้ๆ​ เจ้ายัง​ปล่อย​ให้​เขา​หนี​ไป​ได้​รึ​?”

ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​หัวเราะ​เสียง​เย็น​

“สบาย​มาก​ แค่​เอา​สาว​ๆ รอบกาย​เจ้ามาเพิ่ม​กำลัง​ก็​คง​พอแล้ว​”

…ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่กลับคำ​ทันใด​ “จิ้งซิน​ไม่อ่อนแอ​ ยอด​ฝีมือ​ขั้น​สี่สูงสุด​ อันที่จริง​ก็​คง​ฝืนใจ​นิดหน่อย​ ศิษย์​น้อง​เอ๋ย​ เจ้าเจอ​งาน​ยาก​จริงๆ​”

ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ส่งเสียง​หึ​

แก่น​ปราณ​แห่ง​ลัทธิ​เต๋า​แม้ว่า​จะยับยั้ง​คาถา​ได้​ แต่​การ​ดูด​วิญญาณ​ของ​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ รวมถึง​โจมตี​ขอบเขต​จิต​เดิม​ของ​เขา​ ไม่สามารถ​สกัดกั้น​พระภิกษุ​นิกาย​ฉาน​ได้​เช่นกัน​

เคล็ดลับ​อัน​เป็นหนึ่งเดียว​ของ​ชาว​นิกาย​สวรรค์​ พระภิกษุ​นิกาย​ฉาน​ก็​สามารถ​มองเห็น​คาถา​และ​ใช้วิชา​ฉาน​แก้ไข​ได้​

อย่างไรก็ตาม​ ทักษะ​การต่อสู้​ของ​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ยังคง​ต้อง​แข็งแกร่ง​ให้​เท่า​จิ้งซิน​ใน​ระดับ​หนึ่ง​ มิเช่นนั้น​ จิ้งซิน​ผู้​อยู่​ใน​ขั้น​สี่สูงสุด​จะหัน​กลับมา​เป็น​ฝ่าย​ไล่ล่า​บุตรธิดา​นิกาย​สวรรค์​แทน​

ฉู่หยวน​เจิ่น​ไม่แปลกใจ​กับ​เรื่อง​นี้​ แม้จะคาด​ไว้​อยู่แล้ว​ จึงเอ่ย​กลั้ว​หัวเราะ​

“ปลา​ลอดช่อง​แห​ไม่จำเป็นต้อง​กังวล​หรอก​ พวกเรา​เก็บเกี่ยว​ได้​ไม่น้อย​แล้ว​ นักบวช​เต๋า​ห​ลี่​ รบกวน​เจ้าถ่ายเท​จิต​เดิม​หลิ่ว​หง​เหมียน​ด้วย​”

จิต​เดิม​ของ​หลิ่ว​หง​เหมียน​ถูก​โจมตี​โดย​กระบี่​ใจจาก​นิกาย​มนุษย์​ กาย​หยาบ​ได้รับ​ความ​ทรมาน​จาก​พลัง​เทพ​วชิระ​ของ​เหิงหย่วน​ ซึ่งตอนนี้​ตก​อยู่​ใน​อาการสาหัส​

แต่​ไม่นาน​ก็​คง​ฟื้น​

ระหว่าง​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ดูด​วิญญาณ​ของ​หลิ่ว​หง​เหมียน​ออก​ไป​ ฉู่หยวน​เจิ่น​ก็​กวาด​มอง​รอบ​ๆ พอ​เห็น​ว่า​ไม่มีคนนอก​ จึงหยิบ​เศษหนังสือ​ปฐพี​ขึ้น​มา

เหิงหย่วน​ ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ และ​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ต่าง​คน​ต่าง​หยิบ​ชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ออกมา​

ระหว่าง​ที่​ต่อสู้​กัน​เมื่อ​ครู่​ พวกเขา​ใจสั่น​ไม่หยุด​ รับรู้​ว่า​มีคน​กำลัง​ใช้หนังสือ​ปฐพี​ แต่​ยัง​ไม่มีเวลา​สนใจ​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงเพิกเฉย​

“โอ้​ หมายเลข​หนึ่ง​บอ​กว่า​กระบี่​สยบ​ดินแดน​หาย​ไป​…”

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่อ่าน​ข้อ​ความใน​หนังสือ​ ตะลึงงัน​ครู่หนึ่ง​ “หมายเลข​หนึ่ง​คือ​ใคร​?”

ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ชำเลือง​มอง​เขา​ เอ่ย​เสียง​เรียบ​

“หมายเลข​หนึ่ง​คือ​ฮว๋าย​ชิ่ง องค์​หญิง​แห่ง​ต้าฟ่ง​ เป็น​หญิง​ผู้​หนึ่ง​ที่​น่ารำคาญ​มาก​”

ทุกวันนี้​ ตัวตน​ผู้​ถือครอง​ชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ เกินขอบเขต​การปิดบัง​มานาน​แล้ว​

ยกเว้น​หมายเลข​แปด​ที่​วางสาย​จนกระทั่ง​ตอนนี้​ ซึ่งคนอื่นๆ​ อยู่​ใน​สาย​เดียวกัน​ ล้วน​กลาย​เป็นเพื่อน​กัน​แล้ว​

หมายเลข​หนึ่ง​คือ​องค์​หญิง​ฮว๋าย​ชิ่งรึ​! ใน​สมอง​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ปรากฏ​ภาพ​กระโปรง​ยาว​หรูหรา​ ความงดงาม​แสน​ประณีต​และ​สูงส่ง

ทั่ว​สรรพางค์​กาย​สั่นเทิ้ม​ด้วย​ความเจ็บปวด​ทางใจ​ทันที​

สวี่​ชีอัน​คน​ระยำ​ สมภาร​กิน​ไก่​วัด​เอ๊ย​!

เหิงหย่วน​เอ่ย​ถามด้วย​ความประหลาดใจ​

“ประสก​ห​ลี่​ได้รับบาดเจ็บ​หรือ​? เหตุใด​เจ้าถึงตัวสั่น​?”

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่กล่าว​วาทศิลป์​แฝงด้วย​สัจธรรม​ พร้อมกับ​สีหน้า​เห็นอกเห็นใจ​

“เพราะว่า​ใน​โลก​นี้​พานพบ​กับ​ภัยพิบัติ​นับ​พันปี​ เปรียบเหมือน​คนดี​เช่น​ข้า​ที่​ถูก​ข่มเหง​ซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ สวรรค์​ช่างไม่ยุติธรรม​”

ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​เบะ​ปาก​

“ไม่ต้อง​สนใจ​เขา​หรอก​ เขา​แค่​เสียใจ​ที่​สูญเสีย​ชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​มาแรมปี​ ทำให้​คน​สกุล​สวี่​ก้าว​นำหน้า​ไป​ก่อน​”

เหิงหย่วน​เข้าใจ​ในทันที​ ครุ่นคิด​อยู่​ครึ่งหนึ่ง​ พลาง​เอ่ย​ว่า​

“แม้น​ไม่มีใต้เท้า​สวี่​ แต่​องค์​หญิง​ฮว๋าย​ชิ่งก็​คง​ไม่เหลียวแล​ประสก​ห​ลี่​หรอก​”

…ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ไม่แสดง​สีหน้า​ “ไต้​ซือ​ ท่าน​รู้​วิธี​หุบปาก​หรือไม่​?”

เหิงหย่วน​ขมวดคิ้ว​แล้ว​ส่าย​หัว​

“ประสก​เป็น​จอม​ยุทธ์​ภิกษุ​ ไม่ได้​บำเพ็ญ​ฉาน​”

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ประกบ​มือ​ทั้งสอง​

ฉู่หยวน​เจิ่น​รีบ​นำ​หัวข้อ​สนทนา​เดิม​กลับ​เข้ามา​ เอ่ย​ว่า​ “เรื่อง​นี้​จะได้เรื่อง​หรือไม่​?”

เหิงหย่วน​กับ​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ไม่ยอม​พูดจา​ คน​หนึ่ง​เป็น​คน​สบาย​ๆ อย่างไร​ก็ได้​ ส่วน​อีก​คน​หนึ่ง​ขี้คร้าน​จน​เพิกเฉย​คำถาม​ของ​หมายเลข​หนึ่ง​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ไม่ได้​สนิทสนม​กับ​หมายเลข​หนึ่ง​ เลย​งด​ออกความเห็น​

ดังนั้น​ฉู่หยวน​เจิ่น​เป็น​ผู้​ถือ​ปากกา​ จึงเขียน​ตอบ​

หมายเลข​สี่ “กระบี่​สยบ​ดินแดน​อยู่​ใน​มือ​สวี่​ชีอัน​ เขา​เพิ่ง​อัญเชิญ​ร่าง​ธรรม​ของ​จักรพรรดิ​เกา​จู่ เพื่อ​ต่อสู้​กับ​ร่าง​ธรรม​ของ​พระโพธิสัตว์​สำนัก​พุทธ​ เอาชนะ​สำนัก​พ่อ​มด​ สำนัก​พุทธ​ รวมถึง​ยอด​ฝีมือ​เมือง​เฉียน​หลง​ คุ้มครอง​เขา​เฉวี่ยนหรง​และ​ปราณ​มังกร​”

หลังจาก​แจ้งข่าว​เสร็จสิ้น​ ฉู่จ้วง​หยวน​ลาก​สายตา​มอง​เชลยศึก​ เอ่ย​ว่า​

“ปรมาจารย์​ซิน​กู่​และ​ปีศาจ​พยัคฆ์​กำลังจะ​ตาย​ รีบ​กำจัด​จิต​เดิม​พวกเขา​เถอะ​”

ผู้คน​เหล่า​ใน​ฐานะ​ที่​เป็นยอด​ฝีมือ​ขั้น​สี่ ตอน​เป็น​แกนนำ​อยู่​ใน​เมือง​เฉียน​หลง​ ได้​รู้เรื่องราว​จาก​ข่าวกรอง​มาไม่น้อย​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ก้มหน้า​ลง​ สื่อสาร​กับ​กระจก​เทพ​ฮุ่น​เทียน​ ปลดปล่อย​จิต​เดิม​ของ​ฉีฮวน​ตาน​เซียง​กับ​ไป๋​หู่​ ผนึก​พวกเขา​ลง​ใน​อาวุธ​พิเศษ​ที่​บรรจุ​จิต​เดิม​

ลังเล​ครู่หนึ่ง​ ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ก็​หันไป​มอง​ตง​ฟางหว่าน​ชิง แล้ว​เอ่ย​ว่า​

“พี่​ชิง เจ้าไป​เถอะ​”

ตง​ฟางหว่าน​ชิงเอ่ย​เสียง​เรียบ​ “คุณชาย​ห​ลี่​ เจ้าต้อง​กลับ​ตำหนัก​มังกร​ตง​ไห่​กับ​ข้า​”

ฉู่หยวน​เจิ่น​และ​คนอื่นๆ​ คิด​ว่า​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่จะตอบกลับ​ว่า​ “ถ้าเรา​อุดมการณ์​ไม่เหมือนกัน​ ก็​จงอย่า​มาคบคิด​กัน​เลย​”อะไร​ทำนอง​นี้​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ส่ายหน้า​

“ประสบการณ์​ทางโลก​ของ​ข้า​ยัง​ไม่จบสิ้น​ หาก​กลับ​ตำหนัก​มังกร​ตง​ไห่​กับ​เจ้า อาจารย์​ของ​ข้า​ต้อง​ออก​ตามหา​ เขา​ต้อง​จับ​ข้า​กลับ​นิกาย​สวรรค์​เป็นแน่​ ถ้าเช่นนั้น​ บางที​ข้า​อาจจะ​ไม่ได้​ออกจาก​นิกาย​สวรรค์​อีก​ชั่วชีวิต​”

เขา​บอก​เจตนารมณ์​ของ​ตน​และ​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ให้​แก่​ตง​ฟางหว่าน​ชิง

ตง​ฟางหว่าน​ชิงไม่เชื่อ​คำพูด​ของ​เขา​ จึงหัน​มอง​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​

ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ส่งเสียง​ “อืม​” ขานรับ​

ตง​ฟางหว่าน​ชิงขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ใบหน้า​เย็นชา​สะท้อน​ความลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​

“ถ้าอย่างนั้น​ข้า​จะไป​กับ​เจ้า”

เอ่อ​…แววตา​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่แวววาว​ นึก​หา​ข้อแก้ตัว​อย่าง​ชาญฉลาด​ เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เคร่งขรึม​

“ข้า​ไม่คิด​จาก​พี่​ชิงไป​แม้แต่น้อย​ แต่​เจ้าหัวขโมย​สวี่​ทั้ง​ชั่วช้า​สามานย์​ ใจคอ​คับแคบ​ เขา​ต้อง​เห็น​เจ้า แล้ว​เด็ด​ทำลาย​ดอกไม้​แสน​งามเป็นแน่​ และ​ข้า​คง​ไม่ใช่คู่ต่อสู้​ของ​เขา​”

เหิงหย่วน​ขมวดคิ้ว​ ไม่ค่อย​พอใจ​เท่าไร​ จึงส่งกระแสจิต​หา​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​กับ​ฉู่หยวน​เจิ่น​

“ประสก​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ดูเหมือน​จะมีอคติ​ฝังลึก​กับ​ใต้เท้า​สวี่”​

ยัง​ไม่ลึก​เท่าไหร่​หรอก​กระมัง​ เทียบ​กับ​การ​ถูก​หลอกลวง​อย่าง​น่าอนาถ​ แต่​นี่​คง​เป็น​เพียง​การ​ไม่พอใจ​ส่วนตัว​เท่านั้น​ อย่างไร​งาน​นี้​ก็​ยัง​ต้อง​ทำ​อย่าง​แข็งขัน​…ฉู่หยวน​เจิ่น​ยิ้มมุมปาก​

ไม่ใช่อคติ​ฝังลึก​ หาก​แต่​เป็นปฏิปักษ์​ซึ่งกันและกัน​เรื่อง​ผู้หญิง​ระหว่าง​คน​หื่น​กาม​กับ​ปัญญาชน​…ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​เอ่ย​เสียง​เรียบ​

“ไม่ต้อง​ห่วง​ แม่นาง​ตง​ฟางวางใจ​เถอะ​ ชาย​สกุล​สวี่​ขี้คร้าน​เกิน​กว่า​จะใส่ใจเจ้า ตราบใดที่​เจ้าไม่ได้​ทำ​เรื่อง​ไร้​มนุษยธรรม​ ไม่มีความแค้น​กับ​เขา​ เจ้าก็​สามารถ​ไป​ยัง​เขา​เฉวี่ยนหรง​ได้​”

‘ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ ยาย​หญิง​อัปยศ​ของ​นิกาย​สวรรค์​ ไม่ใช่ว่า​เจ้ากำลัง​บีบคั้น​ให้​ข้า​ไป​ตาย​หรอก​นะ​…’ ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่เดือด​ปุด​ ครั้น​ศิษย์​พี่​ศิษย์​น้อง​สอด​ประสาน​สายตา​กัน​ จึงเกิด​ประกายไฟ​ที่​มองไม่เห็น​ชน​กัน​เข้า​

ฉู่หยวน​เจิ่น​กระทืบ​กระบี่​บิน​ ไป​แยก​การ​ถกเถียง​กัน​ระหว่าง​หงส์​อ่อน​มังกร​หลับ​แห่ง​นิกาย​สวรรค์​ เอ่ย​ว่า​

“กลับ​เขา​เฉวี่ยนหรง​กัน​เถอะ​”

กระบี่​สยบ​ดินแดน​อยู่​ใน​มือ​สวี่​ชีอัน​ เขา​เพิ่ง​ต่อกร​กับ​สำนัก​พุทธ​ สำนัก​พ่อ​มด​และ​พวก​กบฏ​เมือง​เฉียน​หลง​ เพื่อ​คุ้มครอง​ปราณ​มังกร​และ​เขา​เฉวี่ยนห​รง.​..

ภายใน​ห้อง​พระ​บังคน​[1] ฮว๋าย​ชิ่งจ้องมอง​ชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ใน​มือ​ ตกตะลึง​เล็กน้อย​

การอัญเชิญ​ร่าง​ธรรม​ของ​จักรพรรดิ​เกา​จู่หมายถึง​อะไร​?

ร่าง​ธรรม​ของ​พระโพธิสัตว์​แห่ง​สำนัก​พุทธ​ล้วน​อยู่​บน​โลก​หรือ​?

เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​เขา​เฉวี่ยนหรง​กัน​แน่​?

ความสงสัย​ก่อตัว​ขึ้น​ภายในใจ​ องค์​หญิง​ใหญ่​ผู้​สงบนิ่ง​ อยากรู้อยากเห็น​เกี่ยวกับ​การต่อสู้​บน​เขา​เฉวี่ยนหรง​ที่อยู่​ห่าง​ออก​ไป​ใน​ขณะนี้​

เหมือน​ตอน​หนังสือ​การบัญชี​มาอยู่​ตรงหน้า​ ทำให้​นาง​ฝักใฝ่​อยาก​อ่าน​มัน​

ฮว๋าย​ชิ่งรีบ​สงบสติอารมณ์​ เดิน​ออกจาก​ห้อง​พระ​บังคน​โดย​ไร้​การแสดงออก​ใดๆ​ กลับ​ไป​ยัง​โถงรับรอง​ด้าน​ข้าง​

ขณะนี้​ สมาชิก​ราชวงศ์​ภายใน​ห้อง​ทรง​อักษร​ยังคง​ดำเนิน​การประชุม​อย่าง​ต่อเนื่อง​

บรรดา​องค์​หญิง​และ​ท่านหญิง​กำลัง​จิบ​น้ำชา​ อร่อย​กับ​เค้ก​ ก้มหน้าก้มตา​พูดคุย​กัน​ รอ​การประชุม​จบ​ลง​

หลังจาก​เข้ามา​นั่ง​แล้ว​ ฮว๋าย​ชิ่งยกแก้ว​ชาขึ้น​จิบ​ พลาง​เบนหน้า​ชำเลือง​มอง​สีหน้า​เคร่งขรึม​ของ​หลิน​อัน​ กระซิบ​ว่า​

“พวก​ขุน​นางใน​รู้​สาเหตุ​ที่วัด​หย่ง​เจิ้น​ซาน​เห​อ​แผ่นดินไหว​แล้ว​”

ดวงตา​หลิน​อัน​แวววาว​ มอง​ไป​ทาง​หน้า​อย่าง​สงสัย​

“เจ้ารู้​?”

ฮว๋าย​ชิ่งหัน​กลับมา​ เบน​สายตา​มอง​ทาง​อื่น​ กด​เสียง​ขรึม​

“กระบี่​สยบ​ดินแดน​อยู่​ใน​มือ​สวี่​ชีอัน​ เขา​ต้องสู้​กับ​สำนัก​พุทธ​ สำนัก​พ่อ​มด​และ​เมือง​เฉียน​หลง​ที่​เหลืออยู่​”

กระบี่​สยบ​ดินแดน​อยู่​กับ​หมา​รับใช้​คน​นั้น​…หลิน​อัน​หายใจ​กระชั้น​ถี่ พูดโพล่ง​ขึ้น​มา

“ถ้าเป็น​เช่นนั้น​ เขา​จะบาดเจ็บ​หรือไม่​?”

ฮว๋าย​ชิ่งตอบกลับ​เสียง​เรียบ​ “เขา​เจ็บ​แน่​ถ้าแพ้​”

คำพูด​แสน​คลุมเครือ​ ทำให้​หัวใจ​หลิน​อัน​ที่​เพิ่ง​ฟื้นคืนชีพ​ขึ้น​มา ล้ม​ลง​อย่าง​ฉับพลัน​

สิ่งที่​ตามมา​คือ​ความรู้สึก​ปลอดภัย​อย่าง​มาก​ ความกังวลใจ​และ​ว้าวุ่น​ใจทั้งหมด​พลัน​มลาย​สิ้น​

นาง​ไม่รู้​รายละเอียด​ด้วยซ้ำ​ โดย​ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง​ของ​เบื้องหลัง​ แต่​ตราบใดที่​รู้​ว่า​เรื่อง​นี้​เป็น​ฝีมือ​ของ​เขา​ มีเขา​ประคับประคอง​อยู่​ ใน​ใจของ​หลิน​อัน​ก็​สงบเงียบ​และ​เบาใจ​อย่าง​ไม่เคย​เป็นมา​ก่อน​

หลิน​อัน​ค่อยๆ​ ปรับ​ลม​หายใจเข้า​และ​ออก​ ระบาย​ความ​อัดอั้น​ใน​ใจ

“ข้า​ต้อง​ไป​บอก​เสด็จ​พี่​จักรพรรดิ​”

คิ้ว​เรียว​เล็ก​ของ​หลิน​อัน​คลายตัว​กลับมา​มีชีวิตชีวา​อีกครั้ง​

ฮว๋าย​ชิ่งเหลือบมอง​นาง​ “เจ้ามีช่อง​ทางพิเศษ​สื่อสาร​กับ​สวี่​ชีอัน​ เกี่ยวกับ​ข้า​ที่ไหน​กัน​เล่า​”

“ไม่ต้อง​ห่วง​หรอก​!”

หลิน​อัน​ตบ​ไหล่​นาง​ พลาง​เอ่ย​อย่าง​จริงใจ​

ฮว๋าย​ชิ่งถอนหายใจ​ หาก​เปลี่ยนเป็น​น้องสาว​นาง​อื่น​ นาง​คง​ไม่มีทาง​พูด​เช่นนี้​

นาง​เปิดเผย​ตรงไปตรงมา​เหมือน​หลิน​อัน​ เริ่ม​จาก​การประเมิน​สถานการณ์​โดยรวม​ของ​ต้าฟ่ง​ใน​ปัจจุบันนี้​ ไม่ว่า​จะเป็น​ราษฎร​หรือ​ข้าราชการพลเรือน​ ความมั่นคง​ย่อม​เป็น​สิ่งแรก​ที่​ควร​นึกถึง​

ประการ​ที่สอง​ พลเรือน​ใน​พระราชวัง​จำนวนมาก​รู้เรื่อง​นี้​ดี​ จึงยาก​ที่จะ​ปกปิด​ และ​นำ​มาสู่เหตุผล​ที่​ทุกฝ่าย​ต่าง​ต่อต้าน​การ​รับบริจาค​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งเป็น​ผู้ปกครอง​ประเทศชาติ​ ชื่อเสียง​มากมาย​ที่​สั่งสมมา ถูก​ฆ้อง​สวี่​เงิน​ย่ำยี​จน​ป่นปี้​

หลิน​อัน​สะบัด​กระโปรง​ลุกขึ้น​ ออกจาก​โถงด้าน​ข้าง​ ตรง​ไป​ยัง​ห้อง​ทรง​อักษร​

“องค์​หญิง​ พระองค์​เข้าเฝ้า​ไม่ได้​พ่ะย่ะค่ะ​”

ขันที​ที่​เฝ้าประตู​ขัดขวาง​ทันที​ เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​ขมขื่น​

“ฝ่าบาท​และ​บรรดา​ท่าน​อ๋อง​กำลัง​หารือ​กัน​อยู่​ ท่าน​อย่า​ทำให้​กระหม่อม​ลำบากใจ​”

หลิน​อัน​ชี้นิ้ว​ไป​ทาง​ประตู​ทางเข้า​ห้อง​ทรง​อักษร​ ตรัส​ด้วย​น้ำเสียง​ทรงพลัง​

“รีบ​ไป​รายงาน​”

ตอนนี้​นาง​โต​เป็นผู้ใหญ่​แล้ว​ ยับยั้ง​ช่างใจได้​หลาย​สิ่ง เปลี่ยนไป​จาก​เดิม​ โดย​ไม่สนใจ​ความรู้สึก​ของ​ขันที​เลย​

ขันที​ลังเล​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​วิ่ง​โหย่ง​ๆ ไป​ทาง​ห้อง​ทรง​อักษร​

สายตา​หลิน​อัน​ลาก​ตาม​เขา​ เห็น​จ้าว​เสวียน​เจิ้น​ ขุนนาง​ฝ่าย​เสด็จ​พี่​จักรพรรดิ​ชะโงก​หน้า​ออกมา​ มอง​นาง​หลายครั้ง​พร้อม​รอยยิ้ม​ประจบสอพลอ​ ก่อน​ถอยกลับ​เข้าไป​

จ้าว​เสวียน​เจิ้น​วิ่ง​ออกมา​ด้วย​ตนเอง​ ค้อม​หัว​ลง​อย่าง​นอบน้อม​

“องค์​หญิง​ ฝ่าบาท​รับสั่ง​ให้​พระองค์​เข้าไป​”

หลิน​อัน​พยักหน้า​ด้วย​ความพึงพอใจ​ นาง​รู้​ว่า​เสด็จ​พี่​จักรพรรดิ​จะยอมให้​ตน​เข้าไป​แน่นอน​

เมื่อ​ต้องการ​ความช่วยเหลือ​จาก​นาง​ จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งแทบ​ไม่เคย​ปฏิเสธ​

หลิน​อัน​เดินตาม​จ้าว​เสวียน​เจิ้น​ข้าม​ธรณีประตู​ เข้าสู่​ห้อง​ทรง​อักษร​ ทั้งสอง​ฝั่งของ​พรม​แดง​ มีบรรดา​เสด็จ​อา​และ​พี่น้อง​ยืน​อยู่​ กำลัง​มอง​หลิน​อัน​ที่​เดิน​เข้ามา​ สีหน้า​ไม่ค่อย​มีความสุข​นัก​

ลี่​หวา​งเอ่ย​เสียง​เย็น​

“ผู้อาวุโส​กำลัง​หารือ​ เจ้าเข้ามา​ทำ​อะไร​ เสียมารยาท​”

เขา​ตำหนิ​ทั้ง​หลิน​อัน​ และ​ไม่พอใจ​ที่​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งคอย​ให้ท้าย​น้องสาว​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งสูด​ลมหายใจ​ ตรัส​อย่าง​อดกลั้น​ว่า​

“หลิน​อัน​ เรา​กับ​เหล่า​เสด็จ​อา​กำลัง​หารือ​กัน​ เรื่อง​ของ​เจ้า ไว้​ค่อย​คุย​กัน​ภายหลัง​”

หนึ่ง​ใน​ชิน​อ๋อง​โบกมือ​ พร้อม​สั่งจ้าว​เสวียน​เจิ้น​ว่า​ “ส่งองค์​หญิง​หลิน​อัน​กลับ​ไป​เสีย​”

จ้าว​เสวียน​เจิ้น​มอง​ไป​ทาง​พระราชวัง​ แม้จะผ่าน​มาสอง​ราชวงศ์​ นาง​ก็​ยังคง​เป็น​องค์​หญิง​ผู้​เป็น​ที่รัก​ที่สุด​

หลิน​อัน​ไม่สนใจ​ผู้อื่น​ ตรัส​ถามว่า​

“เสด็จ​พี่​จักรพรรดิ​ทรง​รู้​สาเหตุ​ที่วัด​หย่ง​เจิ้น​ซาน​เห​อ​แผ่นดินไหว​หรือไม่​เพคะ​?”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งสีหน้า​เคร่งขรึม​ กวาดตา​มอง​ลี่​หวา​งและ​คนอื่นๆ​ ตรัส​ด้วย​สุรเสียง​เย็นเยียบ​

“เป็น​เรา​ที่​ประพฤติ​ชั่ว​ สร้าง​ความไม่พอใจ​แก่​ขุนนาง​หลาย​ร้อย​คน​ บรรพชน​จึงประณาม​”

“เรา​ตกปากรับคำ​เสด็จ​อา​ทุกคน​แล้ว​ว่า​ จะออก​กฤษฎีกา​สำนึก​โทษ​ในทันที​ และ​รำลึก​ความผิด​ใน​พระตำหนัก​สามวัน​ เพื่อ​สยบ​ความโกรธแค้น​ของ​บรรพบุรุษ​”

“เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​เสด็จ​พี่​จักรพรรดิ​ของ​ข้า​?”

หลิน​อัน​เลิกคิ้ว​ จ้องมอง​ไป​ที่​ชิน​อ๋อง​และ​จวิ้น​อ๋อง​ทั้งสองฝ่าย​

…………………………………………………

[1] ห้อง​พระ​บังคน​ เป็น​คำราชาศัพท์​ของ​ห้องส้วม​

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท