บทที่ 638 หลี่หลิงซู่ในถิ่นอสุรา (1)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ไป๋​จีขดตัว​อยู่​บน​หิน​ใน​ท่า​นอนหลับ​ ไม่กี่​วินาที​ต่อมา​ จิตใจ​ที่​น่ากลัว​และ​เผด็จการ​ก็​ตื่นขึ้น​ใน​ร่าง​ของ​นาง​

ชั่ว​ขณะนี้​ สิงสาราสัตว์​และ​นก​ใน​ป่า​ก็​เงียบเสียง​ลง​อย่าง​พร้อมเพรียงกัน​ บ้าง​ก็​หมอบลง​บน​พื้น​ บ้าง​ก็​กางปีก​ออกมา​คลุม​ศีรษะ​ของ​ตนเอง​

แรง​กดขี่​ของ​สิ่งมีชีวิต​ระดับสูง​กว่า​ทำให้​สิ่งที่​มีชีวิต​ทั้งมวล​ที่อยู่​ใกล้เคียง​ตัวสั่น​งันงก​ราวกับ​วัน​โลกาวินาศ​กำลัง​ใกล้​เข้ามา​

ที่​ยอด​สูงสุด​ของ​เทือกเขา​เฉวี่ยนหรง​ที่​ทรุดตัว​ลง​ครึ่งหนึ่ง​ ตา​เฒ่าโค่ว​หยาง​โจว​มีความรู้สึก​บางอย่าง​ เขา​ขมวดคิ้ว​และ​หันไป​มอง​ใน​ระยะไกล​

ไอ​ปีศาจ​แข็งแกร่ง​มาก​ สุนัขจิ้งจอก​ขาว​ที่อยู่​ข้าง​สวี่​หนิง​เยี่ยน​ตัว​นั้น​…เขา​จ้องมอง​อย่าง​พิจารณา​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ถอน​สาย​ตากลับ​และ​ไม่สนใจ​อีก​

ใน​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ หลังจาก​จิตใจ​ที่​เผด็จการ​มาถึง ไป๋​จีก็​ลืมตา​ขึ้น​ ดวงตา​ข้าง​หนึ่ง​ของ​มัน​ประกาย​แสงแวววาว​ ดวงตา​อีก​ข้าง​สีดำ​แป๋ว​ไร้เดียงสา​

“องค์​หญิง​!”

ไป๋​จีตะโกน​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​

จากนั้น​มัน​ก็​เปิดปาก​พูด​อีกครั้ง​ น้ำเสียง​แปร​เปลี่ยนเป็น​เสียง​ผู้หญิง​วัย​สุกงอม​ที่​มีเสน่ห์​ดึงดูด​

“คน​สกุล​สวี่​ไม่อยู่​ที่นี่​ สาวน้อย​ เจ้ามีเรื่อง​อะไร​จะรายงาน​รึ​”

น้ำเสียง​ของ​ไป๋​จีสลับ​ไปมา​อย่าง​ไร้​รอยต่อ​ และ​เปลี่ยน​กลับมา​เป็น​น้ำเสียง​ของ​เด็กผู้หญิง​ที่​ไร้เดียงสา​อีกครั้ง​

“องค์​หญิง​ ตอนนี้​ข้า​อยู่​ที่​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ใน​เจี้ยน​โจว​ เพิ่ง​มีการ​สู้รบ​เพื่อ​แย่งชิง​ปราณ​มังกร​ที่นี่​ มัน​เกี่ยวข้อง​กับ​สำนัก​พุทธ​ เจ้าแห่ง​วัสสาน​สำนัก​พ่อ​มด​ และ​ยังมี​โหร​จาก​เมือ​งอ​วิ๋น​โจว​ด้วย​”

จิ้งจอก​เก้า​หาง​เงียบ​ลง​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​ก็​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “ดูเหมือน​การต่อสู้​นี้​จะรุนแรง​มาก​ มิเช่นนั้น​ เจ้าคง​ไม่คิด​ที่จะ​ตามหา​ข้า​”

ไป๋​จีพยักหน้า​อย่าง​หนักแน่น​พลาง​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ว่า​ “ฆ้อง​เงิน​สวี่​ชนะ​แล้ว​ ครั้งนี้​สำนัก​พุทธ​ได้รับ​ความเสียหาย​อย่าง​หนัก​”

น้ำเสียง​ของ​จิ้งจอก​เก้า​หาง​เคร่งขรึม​ขึ้น​เล็กน้อย​ “แล้ว​บทสรุป​เป็น​อย่างไร​”

ไป๋​จีกล่าวว่า​ “เทพ​อารักษ์​ทั้งสอง​ท่าน​อย่าง​ตู้​ฝาน​และ​ตู้​หนาน​ถูกโค่น​ลง​แล้ว​”

หลังจาก​กล่าว​จบ​แล้ว​ จิ้งจอก​เก้า​หาง​ก็​เงียบ​ลง​และ​ไม่พูด​อะไร​อยู่​นาน​ ไป๋​จีจึงอด​ที่จะ​พูด​ไม่ได้​

“องค์​หญิง​?”

จิ้งจอก​เก้า​หาง​ถึงเริ่ม​กล่าวว่า​ “จงเล่าเรื่อง​นี้​ให้​ข้า​ฟังโดยละเอียด​”

ไป๋​จีถ่ายทอด​ข้อมูล​ที่​ได้ยิน​จาก​สวี่​ชีอัน​ให้​องค์​หญิง​ฟังอย่าง​ไม่ตกหล่น​แม้แต่น้อย​ แต่​สิ่งที่​มัน​พูด​ค่อนข้าง​กระชับ​ เพราะ​สวี่​ชีอัน​พูด​สั้น​และ​กระชับ​มาก​ เขา​เพียงแค่​บอก​กระบวน​การต่อสู้​ทั่วไป​เท่านั้น​

“ข้า​พอ​จะจินตนาการ​ถึงความตื่นเต้น​จน​อกสั่นขวัญหาย​ได้​ เมื่อ​ตู้​หนาน​และ​ตู้​ฝาน​สิ้นชีพ​ พลัง​การต่อสู้​ขั้นสูง​ของ​สำนัก​พุทธ​ใน​ตอนนี้​ก็​จะเหลือ​เพียง​พระโพธิสัตว์​สามองค์​ ได้แก่​ เจีย​หลัว​ซู่ กว่าง​เสีย​น​ และ​หลิว​หลี​ ยังมี​พระอรหันต์​ตู้​เอ้อร์​อีก​องค์​ ใน​เวลา​เพียง​หนึ่ง​เดือน​สั้น​ๆ สำนัก​พุทธ​สูญเสีย​ยอด​ฝีมือ​เหนือ​มนุษย์​มากกว่า​ห้า​ร้อย​ปี​ที่ผ่านมา​เสีย​อีก​ สมแล้ว​ที่​เป็น​บุคคล​ซึ่งแบกรับ​โชคชะตา​ครึ่งหนึ่ง​ของ​ประเทศ​”

ไป๋​จีฟังออก​ว่า​มีความยินดี​แฝงอยู่​ใน​น้ำเสียง​ของ​องค์​หญิง​ มัน​ยก​อุ้งเท้า​ขึ้น​มาตบ​หิน​พลาง​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ว่า​ “ถึงเวลา​ที่จะ​ตอบโต้​ภูเขา​สือ​ว่าน​และ​ยึด​ดินแดน​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​ของ​พวกเรา​คืน​มาแล้ว​”

จิ้งจอก​เก้า​หาง​หัวเราะ​พลาง​กล่าวว่า​ “ยัง​ไม่ถึงช่วงเวลา​ติดสัด​ ลมปราณ​แข็งแกร่ง​เช่นนี้​ ลูก​สุนัขจิ้งจอก​แรกเกิด​ไม่กลัว​เสือ​ แต่​ที่​เจ้าพูด​ก็​ถูก​ โอกาส​ที่จะ​ยึด​ภูเขา​สือ​ว่าน​คืน​มาอยู่​ไม่ไกล​แล้ว​”

หลังจาก​หยุด​ครู่หนึ่ง​ นาง​ก็​ไม่ได้​พูด​หัวข้อ​นี้​ต่อ​และ​กล่าว​ด้วย​ความ​เศร้าสร้อย​ “คิดไม่ถึง​เลย​ว่า​ท่าน​โหราจารย์​จะเต็มใจ​รับ​การ​สะท้อน​กลับ​ตาม​กฎธรรมชาติ​เพื่อ​เขา​ ตอนนี้​ข้า​มีข้อสงสัย​บางอย่าง​เกี่ยวกับ​จุดประสงค์​ของ​ท่าน​โหราจารย์​”

จาก​การ​ตอบสนอง​ของ​ไป๋​จี นาง​ไม่เห็น​สัญญาณว่า​สวี่​ชีอัน​จะถูก​แรง​สะท้อน​กลับ​แต่อย่างใด​

ไป๋​จีเอียง​ศีรษะ​เล็กน้อย​ “การ​สะท้อน​กลับ​ตาม​กฎธรรมชาติ​?”

“พลัง​แห่ง​ ‘พ่อ​มด​ผู้​ประสาทพร​’ ของ​สำนัก​พ่อ​มด​สามารถ​อัญเชิญ​วิญญาณ​บรรพบุรุษ​และ​วิญญาณ​ที่​พัวพัน​กับ​เหตุ​และ​ผล​ของ​ตนเอง​ได้​ โดยทั่วไปแล้ว​ สามารถ​อัญเชิญ​ได้​เพียง​วิญญาณ​ผู้​กล้า​ใน​ขอบเขต​เดียวกัน​เท่านั้น​ ถ้าเป็น​วิญญาณ​ผู้​กล้า​ระดับสูง​ก็​จำเป็นต้อง​พึ่งพา​พลัง​ภายนอก​ ใน​สงคราม​ที่​เว่ยเยวียน​โจมตีเมือง​จิ้งซาน​ เขา​อาศัย​ดาบ​สลัก​ปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​และ​มงกุฎ​แห่ง​ปราชญ์​เอก​ใน​การอัญเชิญ​วิญญาณ​ปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​ออกมา​ เขา​จึงมีราคา​ที่​จำเป็นต้อง​จ่าย​สำหรับ​สิ่งนี้​ รา​คาที่​ต้อง​จ่าย​ในที่นี้​ไม่ใช่เพียง​ตัว​เขา​ใน​ฐานะ​พาหะ​ กาย​เนื้อ​ก็​จะถูก​ทำลาย​ด้วย​พลัง​ที่​เหนือกว่า​ นอกจากนี้​ยังมี​การ​สะท้อน​กลับ​ตาม​กฎธรรมชาติ​ เพราะ​การกระทำ​เช่นนี้​เป็นการ​ละเมิด​กฎเกณฑ์​ ไม่ว่า​เว่ยเยวียน​จะปิดผนึก​พ่อ​มด​สำเร็จ​หรือไม่​ เขา​ก็​ต้อง​ตาย​อย่าง​แน่นอน​”

ไป๋​จีตกตะลึง​ใน​ฉับพลัน​

“เช่นนั้น​ฆ้อง​เงิน​สวี่…”​

จิ้งจอก​เกา​หาง​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “จักรพรรดิ​เกา​จู่ไม่ใช่ปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​ ผล​การ​สะท้อน​กลับ​ไม่ได้​หนักหนา​อะไร​เช่นนั้น​ ใน​ฐานะ​โหราจารย์​ที่​เป็น​โหร​ขั้น​หนึ่ง​ย่อม​สามารถ​แบก​รับได้​ แต่​หาก​เป็น​ขั้น​สามอย่าง​สวี่​ชีอัน​…”

ต่อให้​เขา​จะโชคดี​พอที่​รักษา​ชีวิต​ไว้​ได้​ แต่​ก็​มีราคา​ที่​ต้อง​จ่าย​อัน​หนักหนา​จน​เกิน​จะทน​เช่นกัน​

“เช่นนั้น​ตู้​หนาน​ที่​แบกรับ​ร่าง​ธรรม​ระดับ​เพชร​จะประสบ​ผล​การ​สะท้อน​กลับ​ของ​กฎธรรมชาติ​ด้วย​หรือไม่​” ไป๋​จีนึกถึง​เทพ​อารักษ์​ตู้​หนาน​

“สิ่งนี้​ไม่ได้​หมายความว่า​อัญเชิญ​วิญญาณ​บรรพบุรุษ​แล้​วจะ​ไม่ถูก​สะท้อน​กลับ​จาก​กฎธรรมชาติ​ เพียงแต่​เขา​ใน​ฐานะ​เทพ​อารักษ์​ขั้น​สามที่​ต้อง​ทน​ต่อ​การ​ปลุกเสก​ของ​ร่าง​ธรรม​ขั้น​หนึ่ง​ หลังจาก​จบเรื่อง​จึงมีราคา​ที่​ต้อง​จ่าย​ที่​ไม่อาจ​จินตนาการ​ได้​ จัดการ​ศัตรู​ได้​หนึ่ง​พัน​ ฝั่งตน​สูญเสีย​ไป​แปด​ร้อย​ก็​ช่างมัน​ นอกจากนี้​ เหตุ​ที่​เขา​สามารถ​แบกรับ​แก่น​โลหิต​ของ​พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่ ได้​ เพราะ​เขา​ก็​เป็น​เทพ​อารักษ์​เช่นกัน​ ถ้าเป็น​พระอรหันต์​ก็​ไม่มีทาง​แสดง​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ได้​”

ไป๋​จีพยักหน้า​อย่าง​เชื่อฟัง​

หลังจาก​พูดคุย​ธุระ​แล้ว​ มัน​ก็​ถามว่า​ “องค์​หญิง​พบ​เผ่า​เดียว​กันที่​นอก​อาณาจักร​บ้าง​หรือไม่​”

จิ้งจอก​เก้า​หาง​ส่าย​ศีรษะ​

“นอก​อาณาจักร​กว้างใหญ่​ไพศาล​ มหาสมุทร​ไร้​ขอบเขต​ การ​ค้นหา​เผ่า​เดียวกัน​ก็​ไม่ต่าง​อะไร​กับ​การ​งมเข็มในมหาสมุทร​ แต่​ข้า​ได้​พบ​กับ​ทายาท​ปีศาจ​ตัว​หนึ่ง​และ​ข้า​ก็ได้​เรียน​รู้เรื่อง​ที่​น่าสนใจ​จาก​มัน​”

ไป๋​จีถามด้วย​ความสนใจ​อย่างยิ่ง​ “ทายาท​ปีศาจ​รึ​?”

“เป็น​บุคคล​ที่​เคย​ปรากฏตัว​ที่​เมือง​ไป๋​ตี้​ใน​อวิ๋น​โจว​ เขา​บอก​ความลับ​บางอย่าง​เกี่ยวกับ​ยุค​ปีศาจ​ให้​ข้า​ฟัง และ​ยัง​บอกเป็นนัย​ๆ ถึงเหตุผล​ที่​แท้จริง​ว่า​เหตุใด​ทายาท​ของ​ปีศาจ​จึงหนี​ออกจาก​แผ่นดิน​จิ่ว​โจว​ใน​ตอนแรก​”

นาง​ยิ้ม​ตาหยี​และ​กล่าว​ต่อไป​โดย​ไม่รอ​ให้​ไป๋​จีถาม “ความลับ​สวรรค์​มิอาจ​เปิดเผย​ได้​ ตอนนี้​การ​บำเพ็ญ​ของ​เจ้ายัง​ไม่เพียง​พอที่จะ​จ่าย​ราคา​สำหรับ​การ​รู้​คำตอบ​ เอาล่ะ​ พา​ข้า​ไป​พบ​เขา​”

เวินเฉิง​ปี้​กลับ​ไป​ที่​ห้องประชุม​ เมื่อ​เข้า​ผลัก​ประตู​เข้าไป​ เฉาชิงหยาง​และ​คนอื่นๆ​ ก็​หยุด​พูด​ทันที​และ​หันมา​มอง​เขา​

“ท่าน​บรรพบุรุษ​บอ​กว่า​อย่างไร​?”

เฉาชิงหยาง​จ้อง​ใบหน้า​รอง​ผู้นำ​พันธมิตร​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​จะกล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “ดูเหมือน​เจ้าจะพอใจ​กับ​คำตอบ​ของ​ท่าน​บรรพบุรุษ​มาก​”

ฟู่จิงเห​มิน​และ​คนอื่น​มุ่ย​ปาก​ทันที​ เวินเฉิง​ปี้​เป็น​ผู้เสนอ​ให้​สร้าง​อาคาร​ส่วนกลาง​บน​ภูเขา​ ซึ่งการ​สร้าง​อาคาร​ส่วนกลาง​บน​พื้นราบ​ปกติ​แตกต่าง​กับ​การ​สร้าง​บน​ภูเขา​อย่าง​สิ้นเชิง​

เวินเฉิง​ปี้​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “ท่าน​บรรพบุรุษ​บอ​กว่า​ความวุ่นวาย​กำลังจะ​มา อาคาร​ส่วนกลาง​จะต้อง​สร้าง​บน​ภูเขา​เพื่อ​ครอบครอง​ภูมิประเทศ​”

เฉียว​เวิง​จาก​สมาคมการค้า​เจี้ยน​โจว​ขมวดคิ้ว​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ขมขื่น​ “ท่าน​บรรพบุรุษ​มิใช่คน​ดูแล​บ้าน​ ไม่รู้​ว่า​ข้าวของเครื่องใช้​นั้น​มีราคาแพง​ ทุกท่าน​ก็​อย่า​ขอ​อะไร​ที่​มาก​เกินควร​ ต่อไป​ก็​จงใช้ชีวิต​อย่าง​ประหยัด​เถอะ​”

หัวหน้า​สำนัก​และ​ผู้นำ​ขั้น​สี่ทุกคน​ต่าง​ก็​ขมวดคิ้ว​ด้วย​ความไม่สบายใจ​

ไม่ใช่ว่า​ไม่เต็มใจ​จะจ่าย​ เพียงแต่​ฝ่าย​ชาว​ยุทธ​ภพ​ย่อม​ไม่สามารถ​เก็บภาษี​ได้​เหมือน​ราชสำนัก​ พวกเขา​มีธุรกิจ​ของ​ตนเอง​

แต่​เนื่องจาก​ทั้ง​ภัยธรรมชาติ​และ​ภัยพิบัติ​ที่​มนุษย์​สร้าง​ขึ้น​ ธุรกิจ​ของ​นิกาย​ได้รับ​ผลกระทบ​อย่าง​หนัก​ และ​ธุรกิจ​ก็​ซบเซา​มาก​ แต่​กลุ่มคน​ที่​อาศัย​พวกพ้อง​ใน​การดำรงชีวิต​ควร​ได้รับ​การ​สนับสนุน​หรือ​ช่วยเหลือ​ ทั้ง​ยัง​ต้อง​ร่วมมือ​กับ​ราชสำนัก​ใน​การ​จัดหา​โจ๊ก​เพื่อ​บรรเทา​สาธารณภัย​ ทำให้​พวกเขา​ประสบปัญหา​กดดัน​ทางการเงิน​อย่าง​หนัก​

ตอนนี้​ยัง​ต้อง​รับภาระ​ค่าก่อสร้าง​อาคาร​ส่วนกลาง​ขนาดใหญ่​ แค่​คิด​ก็​รู้​ว่า​ชีวิต​ลำบากยากแค้น​เพียงใด​

ใน​เวลา​เช่นนี้​ บรรทัดฐาน​คุณธรรม​ที่สูง​เกินไป​จึงกลายเป็น​ภาระ​แทน​

หาก​เป็น​นิกาย​ชาว​ยุทธ​ภพ​ธรรมดา​ที่​ห่วงใย​ชีวิต​และ​ความตาย​ของ​ประชาชน​ นั่น​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​ราชสำนัก​ต้อง​กังวล​

เมื่อ​เวินเฉิง​ปี้​เห็น​สีหน้า​ท้อแท้​ของ​ทุกคน​ มุมปาก​ของ​เขา​ก็​กระตุก​เล็กน้อย​

“ทุกท่าน​ไม่ต้อง​กังวล​ สิ่งที่​เป็น​อุปสรรค​ใหญ่​ที่สุด​ใน​การ​สร้าง​อาคาร​ส่วนกลาง​คือ​กำลังคน​และ​เงิน​ ตราบใดที่​พวกเรา​แก้ปัญหา​สอง​ข้อ​นี้​ได้​ เช่นนั้น​ก็​ไม่เป็นอะไร​แล้ว​ไม่ใช่รึ​”

ฟู่จิงเห​มิน​เหล่​ตา​พลาง​กล่าว​ด้วย​ความ​เย้ยหยัน​ “แต่​พวกเรา​แก้ปัญหา​เรื่อง​เงิน​ไม่ได้​ เจ้าเปลี่ยน​ได้​รึ​?”

ทุกคน​มอง​ไป​ที่​รอง​ผู้นำ​พันธมิตร​ด้วย​สีหน้า​ว่างเปล่า​

เวินเฉิง​ปี้​ไม่ได้​ตื่นตระหนก​ แต่​กล่าว​อย่าง​ฉะฉาน​ “พวกเรา​ทุกฝ่าย​ทุก​พรรค​ต่าง​ก็​ต้องการ​บริจาค​เงิน​และ​เสบียงอาหาร​ อีก​ทั้ง​ยัง​ร่วมมือ​กับ​ราชสำนัก​ใน​การ​จัดหา​โจ๊ก​เพื่อ​สงเคราะห์​ผู้ประสบภัย​ ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ พวกเรา​เพียงแค่​รวบรวม​ผู้ประสบภัย​ขึ้น​มา ให้​พวกเขา​สร้าง​อาคาร​ส่วนกลาง​สำหรับ​ทุกคน​โดย​ใช้แรงงาน​มาแลก​กับ​การ​ช่วยเหลือ​ สิ่งนี้​ไม่เพียงแต่​ช่วย​แก้ปัญหา​ด้าน​กำลังคน​เท่านั้น​ พวกเรา​ก็​ไม่จำเป็นต้อง​จ่าย​เงิน​ออก​ เรียก​ว่า​ การ​สงเคราะห์​การทำงาน​”

ทั่ว​ทั้ง​ห้องประชุม​เงียบ​ชั่วขณะ​ หัวหน้า​ของ​แต่ละ​ฝ่าย​แต่ละ​พรรค​ทุกคน​ต่าง​ก็​ตกตะลึง​อยู่​นาน​ จากนั้น​เสียง​การ​สนทนา​ก็​ปะทุ​ขึ้น​ใน​เสี้ยว​วินาที​

“ดูเหมือน​จะเข้าท่า​ เช่นนี้​ก็​ไม่จำเป็นต้อง​จ่าย​เงิน​ออก​เพิ่มเติม​ แต่​ถึงอย่างไร​ก็​ต้อง​จ่าย​เงิน​และ​เสบียง​เพื่อ​สงเคราะห์​ผู้ประสบภัย​อยู่ดี​”

“ใช่ ใช่ ใช่ มีผู้ประสบภัย​มากมาย​ถึงเพียงนั้น​ ไม่จ่าย​จะดีกว่า​ อีก​ทั้ง​ยัง​ไม่จำเป็นต้อง​ให้เงิน​เพิ่มเติม​ แค่​อิ่ม​ก็​พอ​”

“การ​สงเคราะห์​การ​ทำ​งาน.​..นี่​คือ​ความคิด​ของ​ท่าน​บรรพชน​รึ​?”

อันที่จริง​เหตุผล​นั้น​ง่าย​มาก​ เพียง​นิดเดียว​ก็​เข้าใจ​ทะลุปรุโปร่ง​

เหตุ​ที่​พวกเขา​คิดไม่ถึง​ ไม่ใช่เพราะ​โง่เขลา​ แต่​เป็น​เพราะ​การ​คิด​ถูก​จำกัด​ ใน​ยุค​นี้​ ราชสำนัก​ต้อง​มีส่วน​ร่วมใน​การ​ก่อสร้าง​โครงสร้างพื้นฐาน​ ประชาชน​ก็​มีหน้าที่​ใน​การทำงาน​โดย​ไม่มีค่าตอบแทน​

สิ่งนี้​เรียก​ว่า​แรงงาน​เกณฑ์​

กล่าวอีกนัยหนึ่ง​คือ​ ที่จริง​ไม่จำเป็นต้อง​จ่าย​เงิน​สำหรับ​การ​ก่อสร้าง​โครงสร้างพื้นฐาน​ เป็น​ประชาชน​เอง​ที่​ควร​รับผิดชอบ​

ใน​เมื่อ​สามารถ​กิน​ฟรี​ได้​ ใคร​จะเป็น​ผู้ริเริ่ม​ควัก​เงิน​กัน​?

ไม่ใช่ว่า​คิด​แนวคิด​ใน​การ​สงเคราะห์​การทำงาน​ไม่ออก​ แต่​มัน​ไม่จำเป็น​อย่าง​แน่นอน​

สำหรับ​ช่วงเวลา​ที่​ประสบภัย​ ทำไม​ถึงไม่มีใคร​คิด​วิธี​ที่​คล้าย​กัน​นี้​ขึ้น​มาได้​ เพราะ​ถูก​จำกัด​ด้วย​เวลา​เช่นเดียวกัน​

เหตุผล​นั้น​ง่าย​มาก​ ราชสำนัก​ไม่ใช่จอม​บ้าคลั่ง​โครงสร้างพื้นฐาน​ หลาย​สิบ​ปี​ก็​ใช่ว่า​จะซ่อมแซม​กำแพงเมือง​หรือ​สร้าง​ถนน​ได้​

ใน​เมื่อ​ไม่จำเป็น​ เช่นนั้น​จึงไม่มีบริบท​สำหรับ​การ​สงเคราะห์​การทำงาน​อยู่​

แต่​ตอนนี้​ แนวคิด​นี้​สามารถ​แก้​ความ​ลำบากยากแค้น​ที่​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​กำลัง​เผชิญ​อยู่​ได้​อย่าง​สมบูรณ์แบบ​

ตอนนี้​สถานการณ์​กลับ​พลิกผัน​ภายใน​คราว​เดียว​

“สมแล้ว​ที่​เป็น​ท่าน​บรรพชน​ มีอายุ​ยืนยาว​ก็​เฉลียวฉลาด​และ​มีไหวพริบ​มากกว่า​เรา​มาก​”

“ท่าน​บรรพชน​คือ​ผู้​ที่​ผ่าน​ความทุกข์ยาก​มาอย่าง​โชกโชน​ ท่าน​คือ​ผู้​ที่​เฉลียวฉลาด​มาก​”

เฉียว​เวิง​ หยาง​ชุย​เสวี่ย​ และ​คนอื่นๆ​ ไม่ตระหนี่​กับ​คำ​ชื่นชม​แต่อย่างใด​ ใบหน้า​ของ​พวกเขา​เต็มไปด้วย​ความสุข​ ปัญหา​แสน​ยากเข็ญ​ที่​ทำให้​ปวดหัว​ถูก​ท่าน​บรรพชน​แก้ไข​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​

เวินเฉิง​ปี้​ตกตะลึง​ตัว​แข็งทื่อ​ พลาง​โบกมือ​ปฏิเสธ​อย่าง​ต่อเนื่อง​ “นี่​ไม่ใช่ความคิด​ของ​ท่าน​บรรพชน​…”

ทุกคน​มอง​เขา​ด้วย​ความสงสัย​ “เจ้ารึ​?”

เวินเฉิง​ปี้​ยังคง​ส่าย​ศีรษะ​ “ไม่ใช่ข้า​”

ดวงตา​ของ​เซียว​เย​ว่​หนู​ส่องแสง​ประกาย​ขึ้น​ทันที​

และ​ก็​ได้ยิน​เวินเฉิง​ปี้​กล่าว​ตามที่​คาด​ “เป็น​ความคิด​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ เขา​กำลัง​คุย​กับ​ท่าน​บรรพชน​อยู่​พอดี​ ก็​เลย​ให้​แนวความคิด​กับ​ข้า​ จุ๊จุ๊ สมแล้ว​ที่​เป็น​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ ผู้ชำนาญ​ด้าน​ยุทธวิธี​ทางทหาร​ ผู้นำ​ด้าน​บทกวี​ เก่ง​ทั้ง​บุ๋น​และ​บู๊​ ทั้ง​ยังมี​ความสามารถ​ใน​การปกครอง​ประเทศ​”

ฆ้อง​เงิน​สวี่…​ทุกคน​ต่าง​ก็​หันมา​มองหน้า​กัน​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​และ​ความรู้สึก​ที่ว่า​ ‘ที่แท้​ก็​เป็น​เขา​ เช่นนั้น​ข้า​ก็​ไม่มีอะไร​ต้อง​ประหลาดใจ​เลย​’

“ถ้ารู้​เร็ว​กว่า​นี้​ก็​ไม่ต้อง​เปลือง​สมอง​แล้ว​ สู้ถามฆ้อง​เงิน​สวี่​โดยตรง​เลย​ดีกว่า​”

ฟู่จิงเห​มินตบ​โต๊ะ​ด้วย​ความเศร้า​

มีบุคคล​ที่​เป็น​เหมือน​เทพเจ้า​อยู่​เช่นนี้​ พวกเขา​กลับ​มองข้าม​และ​โต้เถียง​กัน​อยู่​ที่นี่​อยู่​นาน​

หยาง​ชุยเสวี่ย​กล่าว​ด้วย​ความ​ทอดถอนใจ​ “เขา​มีความสามารถ​ใน​การปกครอง​ประเทศ​จริงๆ​ ฆ้อง​เงิน​สวี่​เป็น​ลูกศิษย์​ของ​เว่ยเยวียน​ สีคราม​นั้น​กลั่น​มาจาก​ต้น​คราม​ แต่​สีสัน​แก่​เข้ม​ยิ่งกว่า​ต้น​คราม​เสีย​อีก​”

บรรยากาศ​ใน​ห้องประชุม​ผ่อนคลาย​ลง​และ​มีความ​ร่าเริง​มากขึ้น​

หรงหรง​พร้อมด้วย​สหาย​ใน​หอ​หมื่น​บุปผา​รับผิดชอบ​หน้าที่​ใน​การต้ม​ยา​ สั่งกำชับ​ให้​ทหาร​เก็บกวาด​ซากปรักหักพัง​เพื่อให้​ค่ายทหาร​ฟื้น​ความสงบเรียบร้อย​โดยเร็ว​

“ท่าน​อาจารย์​ ทำไม​ท่าน​ถึงดู​ไม่มีความสุข​เลย​เล่า​?”

หรงหรง​หันไป​มอง​หญิง​งามที่​กำลัง​เก็บ​สมุนไพร​

กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ประสบ​หายนะ​ครั้ง​ใหญ่​เช่นนี้​ ถึงจะทำให้​รู้สึก​เศร้าใจ​แต่​ศัตรู​ก็​ถูก​ขับไล่​ไป​ได้​สำเร็จ​ ฆ้อง​เงิน​สวี่​มีผลงาน​โดดเด่น​ ทุก​คนใน​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​โชคดี​ที่​ได้​เห็น​การต่อสู้​ที่​น่าอัศจรรย์​นี้​กับ​ตา​ ยกเว้น​คน​ที่​สูญเสีย​ญาติ​และ​มิตรสหาย​แล้ว​ ผู้คน​ส่วนใหญ่​ยังคง​ตื่นเต้น​มาก​

โดยเฉพาะ​ลูกศิษย์​ของ​กองกำลัง​เหล่านี้​ที่​มีจิตใจ​ค่อนข้าง​ผ่อนคลาย​มากขึ้น​

สุดท้าย​อาคาร​ส่วนกลาง​ก็​ไม่ใช่ประตู​ใหญ่​ของ​ตนเอง​

แต่​หญิง​งามกลับ​ขมวดคิ้ว​ตลอดเวลา​ตั้งแต่​การต่อสู้​จบ​ลง​ เห็นได้ชัด​ว่า​นาง​มีเรื่อง​อะไร​บางอย่าง​อยู่​ใน​ใจ

“ข้า​ไม่เป็นอะไร​ อย่า​พูดมาก​ที่นี่​ ทำหน้าที่​ของ​เจ้าให้​ดี​”

หญิง​งามขมวดคิ้ว​สั่งสอน​

หรงหรง​มุ่ย​ปาก​ พลาง​ช่วย​หยิบ​สมุนไพร​และ​กล่าว​พึมพำ​ว่า​ “ข้า​มอง​รอบ​ๆ จน​ทั่ว​แล้ว​ แต่​ก็​ยัง​ไม่เห็น​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ เขา​อาจจะ​ไม่ได้​อยู่​ใน​พื้นที่​นี้​แล้ว​กระมัง​”

หญิง​งามยิ่ง​ขมวดคิ้ว​แน่น​และ​ชี้แนะ​ด้วยใจจริง​ว่า​ “หรงหรง​ อย่า​เพ้อฝัน​ใน​สิ่งที่​ไม่ควร​ มีผู้หญิง​ชื่นชอบ​สวี่​ชีอัน​มากมาย​ราวกับ​ฝูงปลา​ แต่​เจ้าไม่สามารถ​ควบคุม​ผู้ชาย​เช่นนี้​ได้​ หาก​ต้อง​เป็น​ทาส​เป็น​นางบำเรอ​ เจ้าเต็มใจ​หรือไม่​?”

เมื่อ​กล่าวถึง​ตรงนี้​ สีหน้า​ของ​หญิง​งามก็​ดู​เศร้าสลด​อย่าง​มาก​

หรงหรง​เห็น​เช่นนี้​ก็​ตกใจ​จน​หน้าซีด​ “ท่าน​อาจารย์​ ข้า​มิได้​เศร้า​ แล้ว​ท่าน​เศร้า​อะไร​ หรือว่า​ หรือว่า​ ท่าน​ก็​ชื่นชอบ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​รึ​? เขา​เป็น​ลูกชาย​ท่าน​ได้​เลย​นะ​”

หญิง​งามโกรธจัด​ ในขณะที่​กำลังจะ​พูด​ จู่ๆ ก็​เห็น​กระบี่​แสงตวัด​ผ่าน​ที่​เหนือศีรษะ​ ร่าง​ที่​โดยสาร​อยู่​บน​ดาบ​หลาย​ร่าง​ลง​จอด​ที่ไหน​สัก​แห่ง​ใน​ค่ายทหาร​

หญิง​งามมอง​ขึ้นไป​บน​ท้องฟ้า​ด้วย​อารมณ์​ซับซ้อน​อย่างยิ่ง​

ลานบ้าน​บางแห่ง​ทางใต้​ของ​ค่ายทหาร​

ฉู่หยวน​เจิ่น​ ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ และ​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่กด​กระบี่​บินลง​และ​ลง​จอด​ใน​ลานบ้าน​อย่าง​แผ่วเบา​

ใน​ลานบ้าน​ มีหญิง​นาง​หนึ่ง​กำลัง​นั่ง​ซักผ้า​อยู่​บน​ที่นั่ง​เล็ก​ๆ

นาง​ชำเลือง​มอง​พวกเขา​อย่าง​สบาย​ๆ ก่อน​จะหันไป​ใน​บ้าน​และ​ตะโกน​ว่า​ “สกุล​สวี่​ พวก​หัวมังกุท้ายมังกร​ของ​เจ้ามาหา​เจ้าแล้ว​”

ผู้หญิง​คน​นี้​พูด​อะไร​กัน​….ใบหน้า​ของ​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​เต็มไปด้วย​ความไม่พอใจ​

พระ​มเหสี​? ฉู่หยวน​เจิ่น​มอง​ผู้หญิง​ธรรมดา​คน​นี้​ซ้ำไปซ้ำมา​ด้วย​ความรู้สึก​ไม่แน่ใจ​เกี่ยวกับ​ตัวตน​ของ​นาง​

เขา​รู้​ว่า​พระ​มเหสี​ใน​อ๋อง​สยบ​แดน​เหนือ​ใน​ตำนาน​นั้น​ติดตาม​สวี่​ชีอัน​ท่อง​ไป​ใน​โลก​กว้าง​ แต่​ใบหน้า​แสน​ธรรมดา​ที่​ปรากฏ​ตรงหน้า​ทำให้​เขา​เชื่อมโยง​ถึงหญิง​งามอันดับ​หนึ่ง​แห่ง​ต้าฟ่ง​ได้​ยาก​

สวี่​ชีอัน​ที่​กำลัง​เปลี่ยน​ผ้าปูที่นอน​อยู่​ใน​ห้อง​ได้ยิน​เสียง​ก็​ยิ้ม​ขึ้น​มาเหมือน​แต่ก่อน​

“จัดการ​เรียบร้อย​แล้ว​รึ​?”

สายตา​ของ​เขา​หยุด​อยู่​ที่​ตง​ฟางหว่าน​ชิงชั่วขณะ​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่จึงไอ​กระแอม​ขึ้น​มาและ​กล่าวว่า​ “พี่​สวี่​ พี่​ชิงไม่มีเจตนา​ที่จะ​เป็น​ศัตรู​กับ​ท่าน​ เพียงแต่​แต่ละคน​ก็​มีความ​เป็นตัวของตัวเอง​…”

สวี่​ชีอัน​โบกมือ​ “เห็นแก่​ประโยชน์​ที่​เจ้าช่วย​ข้า​ ข้า​จะไม่ทำให้​นาง​ลำบาก​”

ตง​ฟางหว่าน​ชิงถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​

ศัตรู​หลัก​ของ​เขา​คือ​สำนัก​พุทธ​และ​สวี่​ผิง​เฟิง ใน​การท่อง​โลก​ครั้งนี้​ ถึงแม้พี่น้อง​ตง​ฟางจะเป็น​ศัตรู​ด้วย​ แต่​ก็​ไม่ได้​ยุ่งเกี่ยว​อะไร​กัน​มาก​นัก​

และ​เมื่อ​เทียบ​กับ​ตง​ฟางหว่าน​หรง​พี่สาว​ของ​นาง​ ความน่าสนใจ​ของ​ตง​ฟางหว่าน​ชิงค่อนข้าง​ต่ำ​มาก​

สวี่​ชีอัน​ไม่ได้​เกลียด​อะไร​นาง​มาก​นัก​ เหตุผล​ที่​แท้จริง​คือ​ระดับ​ที่​ไม่สูงพอ​และ​ความ​ไม่โดดเด่น​ของ​นาง​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ยืน​มือ​ไขว้หลัง​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “พี่​ชิง ข้า​บอก​แล้ว​ ท่าน​ต้อง​เชื่อ​ข้า​ ข้า​ยัง​เป็น​คน​ถ่อมตัว​อยู่​เล็กน้อย​”

สวี่​ชีอัน​ชำเลือง​มอง​เขา​และ​หัน​กลับมา​โดย​ไม่แสดง​อารมณ์​ใดๆ​ ก่อน​จะตะโกน​เข้าไป​ใน​บ้าน​ว่า​ “ไฉซิ่งเอ๋อร์​ ออกมา​หน่อย​”

การแสดงออก​ของ​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ตกตะลึง​จน​ตัว​แข็งทื่อ​ทันที​!

………………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท