บทที่ 641 โหมโรง (2)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ราตรี​เย็นเยียบ​ดุจ​วารี​

หรงหรง​ที่​นอนหลับ​อย่าง​ตื้นเขิน​กระดิกหู​ใน​ฉับพลัน​ ได้ยิน​เสียง​สะบัด​แขน​เสื้อ​ดัง​ขึ้น​เบา​ๆ

มีคน​แสดง​วิชา​ตัวเบา​ร่อน​ลง​บน​ลาน​ที่อยู่​ด้านนอก​

นาง​จับ​กระบี่​สั้น​บน​หัว​เตียง​ไว้​โดย​จิตสำนึก​ จากนั้น​ก็​ตัดสิน​จาก​เสียง​ฝีเท้า​อัน​แผ่วเบา​ได้​ว่า​เป็น​อาจารย์​ของ​ตนเอง​

“อาจารย์​ ท่าน​กลับ​มาจาก​การ​ฝึก​ยุทธ์​แล้ว​หรือ​”

ตอนที่​ถามนั้น​ นาง​เห็น​อาจารย์​ผลัก​ประตู​เข้ามา​ ท่ามกลาง​แสงจันทร์​หรุบหรู่​ มองไม่เห็น​รูปร่างหน้าตา​ที่​ชัดเจน​ แต่​ดู​จาก​เค้าโครง​ร่างกาย​แล้ว​ดูเหมือน​กระเซอะกระเซิง​เล็กน้อย​

หรงหรง​ลุกขึ้น​เพื่อ​จุด​ตะเกียง​ แต่​หญิง​งามรีบ​ห้าม​ไว้​

“อย่า​จุด​ตะเกียง​!”

หญิง​งามเดิน​นวยนาด​อ้อม​สิ่งกีดขวาง​ใน​ห้อง​ไป​หยิบ​ถังไม้จาก​ด้าน​หลังฉาก​บัง​ลม​แล้ว​หมุนตัว​เดิน​ออก​ประตู​

ชั่วเวลา​ครึ่ง​เค่อ​ หรงหรง​ได้ยิน​เสียง​ถอด​เสื้อ​ดัง​ ‘ฟึบฟับ’​ และ​ยัง​มีเสียง​น้ำ​หยด​เบา​ๆ รู้​ได้​ทันที​ว่า​เริ่ม​อาบน้ำ​แล้ว​

‘จริงๆ​ เลย​ มีอะไร​น่าอาย​กัน​…’ หรงหรง​กระซิบกระซาบ​ใน​ใจ

อาจารย์​เลี้ยง​นาง​มาจน​โต​ จนถึง​ช่วง​สาวแรกรุ่น​ยัง​เคย​แช่ถังไม้ใบ​เดียว​กับ​อาจารย์​อยู่เลย​

ทันใดนั้น​นาง​ก็​สูด​จมูก​และ​พูดเสียงต่ำ​

“กลิ่น​อะไร​”

ชาว​ยุทธ​จักร​มีประสาท​รับรู้​ที่​ไว​มาก​

เสียง​น้ำ​หยุด​ลง​ น้ำเสียง​ของ​หญิง​งามดู​ผวา​เล็กน้อย​

“กลิ่น​อะไร​ อืม​ อาจ​เป็น​เพราะ​อาจารย์​ฝึก​ยุทธ์​อยู่​ใน​ป่า​เลย​แปดเปื้อน​สิ่งสกปรก​เข้า​…”

หญิง​สามพรหมจารี​ไม่รู้จัก​รสชาติ​ของ​น้ำตาล​ ไม่ได้​สงสัย​เลย​แม้แต่น้อย​ ได้​แต่​พูดว่า​ “อ๋อ​”

“อาจารย์​ ท่าน​ว่า​เมื่อใด​ข้า​ถึงทำให้​ฆ้อง​เงิน​สวี่​รัก​ข้า​ได้​” หรงหรง​หน้านิ่วคิ้วขมวด​

หญิง​งามกล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​เย็นชา​ “อย่า​ได้คิด​เลย​ บำเพ็ญ​ตบะ​อย่าง​ว่านอนสอนง่าย​ มองดู​คนหนุ่ม​ด้าน​ข้าง​ให้​มาก​หน่อย​ ฆ้อง​เงิน​สวี่​ไม่ใช่สิ่งที่​เจ้าสามารถ​อาจเอื้อม​ได้​”

หรงหรง​ทำ​เสียง​ฮึดฮัด​กล่าว​ “ข้า​ชอบ​เขา​ ชอบ​ก็​ไป​ช่วงชิง​ ได้​เห็น​เขา​ทุกวัน​ ได้​เป็น​อนุ​ข้า​ก็​ยินยอม​”

‘ชอบ​ก็​ไป​ช่วงชิง​…’ หญิง​งามเอา​หลัง​พิง​ถังไม้และ​พูด​พึมพำ​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่กลับมา​ท่ามกลาง​ความมืด​ หน้าแดง​เปล่งปลั่ง​มีรอยยิ้ม​เล็กน้อย​ สภาพ​ทั่ว​ทั้ง​ร่างกาย​อธิบาย​คำกล่าว​ที่ว่า​ ‘พ​อมนุษย์​เจอ​เรื่อง​ที่​เป็น​สิริมงคล​จิตใจ​ก็​เบิกบาน​’ ได้​อย่าง​สมบูรณ์​

แม้เขา​ยัง​ไม่อาจ​เผชิญหน้า​กับ​ความสัมพันธ์​นี้​ได้​โดยตรง​ กลัว​ผลลัพธ์​หลังจาก​ถูก​เปิดเผย​ แต่​ก็​ไม่มีเจตจำนง​แน่วแน่​ว่า​จะวาด​เส้น​แบ่ง​เขต​ให้​ตัวเอง​อย่าง​ชัดเจน​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่เข้าใจ​ความกังวล​ของ​จี้จิ่น​เหมย​ เพราะ​เขา​เอง​ก็​มีความรู้สึก​หวาดกลัว​แบบ​เดียวกัน​

คน​สอง​คน​ที่​อายุ​ห่าง​กัน​เกือบ​ยี่สิบ​ปี​กลายเป็น​คู่​บำเพ็ญ​ อยู่​ภายใต้​ระดับ​เหนือ​มนุษย์​แล้ว​ ไม่ว่า​จะใน​นิกาย​สวรรค์​หรือ​ทางโลก​ การ​รวมตัว​เช่นนี้​จะดึงดูด​มาซึ่งสายตา​แปลก​ๆ

แม้กระทั่ง​ยั่วเย้า​ให้​ผู้คน​ทอดทิ้ง​

เขา​กด​กระบี่​บินลง​ ตอนที่​เข้าใกล้​ที่พัก​นั้น​ก็​ร่อน​ลงมา​ล่วงหน้า​ จากนั้น​ก็​จัดระเบียบ​เสื้อผ้า​หน้า​ผม​อย่าง​ละเอียดถี่ถ้วน​

หลังจาก​มั่นใจ​ว่า​ไม่มีพิรุธ​แล้ว​ ถึงกลับ​ไป​เรือน​สี่ประสาน​

‘แก​ร๊ก’​

ประตู​เรือน​ไม่ได้​ลงกลอน​ คน​ที่พัก​อยู่​ด้านใน​ไม่สนใจ​ด้วยซ้ำ​ว่า​จะลงกลอน​ประตู​หรือไม่​

พริบตา​ที่​ผลัก​ประตู​ สภาพ​ภายใน​ห้อง​ทำให้​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่อึ้ง​ไป​ครู่หนึ่ง​

ริม​โต๊ะ​หิน​มีสวี่​ชีอัน​ ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ เหมียว​โห​ย่ว​ฟาง ฉู่หยวน​เจิ่น​ และ​ไต้​ซือเหิงหย่วน​นั่ง​อยู่​

ทุกคน​กำลัง​ดื่ม​สุรา​อยู่​ ใน​มือถือ​จอก​สุรา​ และ​มองดู​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม​แปลก​ๆ

‘มีอารมณ์​สุนทรีย์​ขนาด​นี้​เชียว​หรือ​…’

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่สีหน้า​สงบ​ ไม่ลุกลี้ลุกลน​

ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ถาม “ไป​ไหน​มา”

“เดินเล่น​เรื่อยเปื่อย​”

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ตอบ​เช่นนี้​

จอม​ยุทธ​หญิง​นก​นางแอ่น​เหิน​ทำ​จมูก​ฟุดฟิด​ “กลิ่น​ชาด​ทา​แก้ม​และ​กลิ่น​แป้ง​ของ​หญิงสาว​”

เทพบุตร​ไม่ลนลาน​แม้แต่น้อย​ และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​

“เสน่ห์​ที่​น่า​สมควร​ตาย​ของ​ข้า​…สิ่งที่​กลัด​กลุ้มใจ​ที่สุด​ของ​หนุ่ม​รูปงาม​ก็​คือ​ได้รับ​ความนิยม​จาก​หญิงสาว​มากเกินไป​”

ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​พยักหน้า​ช้าๆ ทันใดนั้น​ก็​ทำ​ท่าทาง​แสดง​ออกมา​ด้วย​อารมณ์​ลึกซึ้ง​

“เหมย​เอ๋อร์​ อายุ​ไม่ควร​เป็น​สิ่งกีดขวาง​ความรัก​ระหว่าง​เรา​”

สวี่​ชีอัน​ลุกขึ้น​เงียบๆ​ และ​จ้องมอง​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​อย่าง​ลึกซึ้ง​

“หาก​เจ้ากลัว​ข่าวลือ​ กลัว​วิธีการ​มอง​ของ​ศิษย์​และ​สหาย​ร่วม​สำนัก​ เช่นนั้น​ข้า​จะพา​เจ้าไป​”

…รูม่านตา​ของ​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ค่อยๆ​ เบิก​กว้าง​ เขา​ดู​โง่ไป​เลย​ทีเดียว​

ห​ลี่​หยวน​เจิ่น​ส่ายหน้า​และ​จิบ​สุรา​ที​หนึ่ง​

“ห​ลี่​เต้า​ฉาง เจ้าอาจ​ไม่รู้​ ข้า​ก็​ไม่มีบิดา​มารดา​มาตั้งแต่​เด็ก​ ไม่รู้​ว่า​ความรู้สึก​ที่​ถูก​แม่โอ๋​เป็น​อย่างไร​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางกล่าว​

“จอม​ยุทธ์​ฉู่อย่า​ได้​เศร้า​เสียใจ​ไป​ ใน​เมื่อ​เจ้าไม่ยอมให้​ข้า​เป็น​พี่น้อง​กับ​เจ้า เช่นนั้น​ข้า​ก็​จะเป็น​ลูก​ของ​เจ้า”

น้ำเสียง​เพิ่ง​สิ้นสุดลง​ จิ้งจอก​ขาว​น้อย​ตัว​หนึ่ง​ก็​กระโจน​ออกจาก​ห้อง​ น้ำเสียง​ดังกังวาน​ราวกับ​กระดิ่ง​เงิน​ และ​กล่าว​ด้วย​เสียง​อ่อนช้อย​

“รับรู้​ได้​หรือยัง​ เลือด​ใน​ทรวงอก​เดือด​พล่าน​เพราะ​เจ้า”

ขณะนี้​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่รู้สึก​เหมือน​ตนเอง​ถูก​โลก​ทั้ง​ใบ​ทอดทิ้ง​

“พวก​…พวก​เจ้า…”

เทพบุตร​ใบหน้า​แดงก่ำ​ รู้สึก​แค่​ว่า​มีเปลวไฟ​ลุกไหม้​ภายใน​ร่าง​ ควัน​ดำ​ลวงตา​พ่น​ออกจาก​ศีรษะ​

สมาชิก​พรรค​ฟ้าดิน​เข้า​ห้อง​ไป​นอน​ด้วย​ความพึงพอใจ​ ทิ้ง​ให้​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ยืน​อึ้ง​อยู่​ใน​ลานบ้าน​คนเดียว​

“อ้อ​! ใช่สิ พ่อแม่​เสียชีวิต​ตั้งแต่​เด็ก​ใช่หรือไม่​ ประเดี๋ยว​ข้า​จะพูดคุย​กับ​ผู้อาวุโส​สอง​ท่าน​สักหน่อย​” ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​พูดทิ่มแทง​ไป​อีก​ประโยค​ด้วย​รอย​ยิ้มกริ่ม​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่มีพ่อ​มีแม่และ​ก็​เป็น​คน​นิกาย​สวรรค์​ด้วย​

‘ข้า​มีชีวิต​อยู่​ ยัง​จะมีความหมาย​อะไร​อีก​…’ เทพบุตร​ถามสำรวจ​ตรวจสอบ​จิตใจ​ตนเอง​

เมือง​ชิงโจว​ ที่ทำการ​สมุหเทศาภิบาล​

ภายใน​ห้องโถง​ หยาง​กง​ฆราวาส​จื่อ​หยาง​ที่​ไว้หนวด​เคราแพะ​ หน้าตา​ผ่ายผอม​ กำลัง​อ่าน​และ​ตรวจสอบ​ข่าว​กรอ​งอ​วิ๋น​โจว​ที่​หน่วย​จารกรรม​ส่งกลับมา​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​

“ตอนนี้​เข้าใจ​สาเหตุ​ที่​ผู้ลี้ภัย​กรู​กัน​ไป​ที่​อวิ๋น​โจว​แล้ว​”

หยาง​กง​ที่​ดำรงตำแหน่ง​สมุหเทศาภิบาล​ใน​ชิงโจว​มองดู​เจ้าหน้าที่​รอบ​ๆ ห้องโถง​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​ และ​กล่าวว่า​

“ใน​ข่าวกรอง​บอ​กว่า​ ขุน​นางใน​อวิ๋น​โจว​ประกาศ​เปิด​คลังเสบียง​ดึงดูด​ให้​ผู้ลี้ภัย​สมัคร​เป็น​ทหาร​”

‘อวิ๋น​โจว​จะกบฏ​หรือ​…’ บรรดา​ข้าราชการ​มีสีหน้า​อึมครึม​ไม่ได้​ตกตะลึง​และ​ประหลาดใจ​เลย​ และ​ก็​ไม่ได้​คุมแค้น​ด้วย​ บางคน​แค่​นิ่งเฉย​และ​เคร่งขรึม​

เมื่อ​สอง​เดือนก่อน​ อดีต​จักรพรรดิ​ถูก​สวี่​ชีอัน​โค่น​ใน​เมืองหลวง​ไม่นาน​ ราชสำนัก​ส่งคำสั่ง​ไป​ที่​ชิงโจว​ติดต่อกัน​หลาย​ฉบับ​ สั่งให้​ชิงโจว​เข้าสู่​สถานะ​เตรียม​รบ​ ตุน​อาหาร​ ตุน​อาวุธ​เหล็ก​ บูรณะ​กำแพงเมือง​

อวิ๋น​โจว​อยู่​ติด​ทะเล​ ทิศใต้​คือ​ทะเล​เวิ้งว้าง​สุดลูกหูลูกตา​ พื้น​ที่ทาง​ทิศเหนือ​ส่วนมาก​มีพรมแดน​ติดต่อ​กับ​ชิงโจว​

กากเดน​ราชวงศ์​ก่อน​ต้องการ​ใช้อวิ๋น​โจว​เป็น​รากฐาน​ ยกกำลัง​พล​ขึ้น​เหนือ​ปราบปราม​เมืองหลวง​ จำเป็นต้อง​ยึด​ชิงโจว​ให้ได้​ เพื่อ​ให้ได้​ยุทธศาสตร์​เชิงลึก​ที่​เพียงพอ​

หาก​ไม่สามารถ​เอาชนะ​ชิงโจว​ได้​ ทหาร​กบฏ​ก็​จะถูก​ขัง​ตาย​อยู่​ใน​มุมหนึ่ง​ขอ​งอ​วิ๋น​โจว​

ตุลาการ​ความมั่นคง​กล่าว​ด้วย​ความลังเล​

“พวกเรา​ต้อง​เพิ่ม​ระดับ​กำลัง​ใน​การ​บรรเทาทุกข์​ประชาชน​ผู้ประสบภัย​ให้​มาก​ หยุดยั้ง​แนวโน้ม​ของ​ผู้ลี้ภัย​ที่​หลบหนี​ไป​ทางใต้​

เทียบ​กับ​ภูมิภาค​อื่นๆ​ แล้ว​ ทางใต้​อบอุ่น​กว่า​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ อาหาร​ก็​มีอย่าง​เพียงพอ​ ด้วยเหตุนี้​จำนวน​ผู้ลี้ภัย​ใน​ชิงโจว​จึงน่ากลัว​อย่างยิ่ง​

หาก​ผู้ลี้ภัย​เหล่านี้​สุมหัว​กัน​ไป​อวิ๋น​โจว​ ผล​ที่​ตามมา​นั้น​อันตราย​ยิ่งนัก​

ข้าหลวง​ชิงโจว​พยักหน้า​ติดต่อกัน​

“แม้ราชสำนัก​จะให้​เสบียง​และ​หญ้า​แก่​พวกเรา​เพียงพอ​ แต่​มัน​เก็บ​ไว้​ใช้กับ​สงคราม​ที่​ยืดเยื้อ​ เวลานี้​ภัย​หนาว​โหมกระหน่ำ​ไป​ทั่ว​ทุกหนทุกแห่ง​ ราชสำนัก​ขาดแคลน​เสบียง​ หมด​ไป​กับ​ผู้ลี้ภัย​ ต่อไป​พอ​เสบียง​และ​หญ้า​ไม่พอ​ ไม่ต้อง​รอ​ให้​ศัตรู​โจมตี​ พวกเรา​ก็​จะพังทลาย​กันเอง​”

ใน​ภาวะสงคราม​ สิ่งแรก​ที่​ต้อง​คำนึง​มาก​ที่สุด​คือ​ข้อเรียกร้อง​ของ​กองทัพ​

ข้าราชการ​อีก​คน​กล่าว​ออกมา​

“ภัยพิบัติ​โหม​ซัดสาด​ จำนวน​ผู้ลี้ภัย​มากกว่า​ที่​คิด​ไว้​มาก​ อวิ๋น​โจว​กล้า​เปิด​คลังเสบียง​ใหญ่​ ใช่ว่า​เสบียง​และ​หญ้า​ของ​พวกเขา​จะไม่มีวัน​หมด​ ไม่กลัว​จะลาก​ตัวเอง​ให้​พังทลาย​ไป​ด้วย​หรือ​”

หยาง​กง​กล่าว​ด้วย​เสียงทุ้ม​ลึก​

“ใน​ช่วง​ยี่สิบ​ปี​ที่ผ่านมา​ ทหาร​กบฏ​อวิ๋น​โจว​กักตุน​เงิน​อาหาร​และ​ยุทธปัจจัย​ก็​เพื่อ​เวลานี้​ การ​สะสมและ​ภูมิหลัง​ของ​พวกเขา​จะต้อง​อยู่​เหนือ​จินตนาการ​ของ​พวกเรา​อย่าง​แน่นอน​”

“ใต้เท้า​สมุหเทศาภิบาล​ เช่นนั้น​ควร​ทำ​อย่างไร​ดี​”

บรรดา​ข้าราชการ​ใบหน้า​เต็มไปด้วย​ความ​เศร้าหมอง​

สำหรับ​ผู้ลี้ภัย​ใน​ตอนนี้​ มีนม​ก็​คือ​มารดา​ ใคร​ให้อาหาร​ พวกเขา​ พวกเขา​ก็​ทุ่มเท​ชีวิต​เพื่อ​คน​นั้น​

หยาง​กง​คิด​ลังเล​ครู่หนึ่ง​ก่อน​กล่าว​

“ปิด​ถนน​ที่​มุ่งสู่ชาย​แด​นอวิ๋น​โจว​ ขัดขวาง​การ​ลง​ใต้​ของ​ผู้ลี้ภัย​ ส่งคน​ไป​แพร่ข่าว​ว่า​ ที่​อวิ๋น​โจว​เปิด​คลัง​บรรเทาทุกข์​ประชาชน​ผู้ประสบภัย​พิบัติ​นั้น​เป็น​แค่​ข่าวลือ​ อีก​อย่าง​ใคร​กล้า​กระจาย​ข่าว​ว่า​อวิ๋น​โจว​เปิด​คลังเสบียง​ ให้​สังหาร​อย่าง​ไม่มีข้อยกเว้น​”

ข้าหลวง​ชิงโจว​ขมวดคิ้ว​มุ่น​

“ใต้เท้า​สมุหเทศาภิบาล​ สิ่งนี้​จะให้​ผู้ลี้ภัย​ก่อ​การกบฏ​อย่าง​ฉับพลัน​ได้​”

หยาง​กง​ยิ้ม​กล่าว​ “ข้า​พูด​แค่​ว่า​ปิด​ถนน​ที่​มุ่งสู่อวิ๋น​โจว​ หาก​ผู้ลี้ภัย​จะข้าม​น้ำ​ข้าม​ภูเขา​หรือ​อ้อม​ไป​ยัง​มณฑล​ใกล้เคียง​เพื่อ​ลง​ใต้​นั้น​ ไม่เกี่ยวกับ​พวกเรา​แล้ว​”

คน​ที่อยู่​บน​ที่นั่ง​ล้วน​เป็น​คน​เจน​โลก​ จึงเข้า​ใจความ​ยอดเยี่ยม​ของ​แผน​นี้​ในทันที​

อากาศ​เย็น​จน​พื้น​กลายเป็น​น้ำแข็ง​ ทางเดิน​บน​ภูเขา​เดิน​ยาก​ อยาก​จะข้าม​น้ำ​ข้าม​ภูเขา​ลง​ใต้​ ไม่ใช่เรื่อง​ที่​ใคร​ก็​สามารถ​ทำได้​

เช่นนี้​ก็​ลด​จำนวน​ผู้ลี้ภัย​ลง​ใต้​ได้​จำนวนมาก​

อ้อม​ไป​ยัง​มณฑล​ใกล้เคียง​เพื่อ​ลง​ใต้​ ก็​มีผลสรุป​เช่นเดียวกัน​

เพราะ​ดี​เลว​อย่างไร​ก็​ยัง​มีความหวัง​อยู่​เล็กน้อย​ ผู้ลี้ภัย​ไม่ยอม​เป็น​ปลา​ตาย​แห​ขาด​แน่นอน​

ผู้บัญชา​การชิง​โจว​ทอดถอนใจ​กล่าว​

“โชคดี​ที่​ชิงโจว​เรา​ยัง​นับว่า​อุดมสมบูรณ์​และ​มีประชากร​มาก​ คลังเสบียง​สะสมไว้​เพียงพอ​ หาก​เป็น​เมื่อ​สอง​ปีก่อน​เกรง​ว่า​คง​วุ่นวาย​เป็นการใหญ่​แล้ว​”

หลังจาก​หยาง​กง​บริหาร​มาปี​กว่า​ๆ การเมือง​ใน​ชิงโจว​ก็​มีกฎเกณฑ์​ แต่ละ​บ้าน​ล้วน​มีอาการ​เหลือ​ เสบียง​และ​หญ้า​ใน​คลังเสบียง​ของ​ขุนนาง​ก็​สะสมไว้​เพียงพอ​เช่นกัน​

ตอนนี้​มานึกดู​แล้ว​ ราชสำนัก​มีญาณพิเศษ​ที่​ทราบ​เหตุการณ์​ล่วงหน้า​ ได้​ทำการ​รับมือ​ไว้​ตั้งแต่แรก​แล้ว​

หลังจาก​เร่ง​เดินทาง​มาสอง​วัน​สอง​คืน​ จีเสวียน​ควบคุม​เรือ​อวี่​โจว​ไป​ถึงชิงโจว​ก่อน​

เพื่อ​ป้องกัน​ไม่ให้​เจอ​กับ​ท่าน​โหราจารย์​ที่​นอ​กอวิ๋น​โจว​ พวกเขา​เปลี่ยนเส้นทาง​บก​ เดิน​ข้ามน้ำข้ามทะเล​ด้วย​ความยากลำบาก​ไป​ตาม​เส้นทาง​ที่​ไกล​แสน​ไกล​ ห้อ​ตะบึง​อย่าง​ถึงขีดสุด​จน​เข้าสู่​อวิ๋น​โจว​อย่าง​ราบรื่น​

หลังจากนั้น​ค่อย​ควบคุม​เรือ​อวี่เฟิง​อีกครั้ง​จน​ไป​ถึงเมือง​เฉียน​หลง​

เหนือ​ทะเล​เมฆา จีเสวียน​ยืน​อยู่​ริม​กราบ​เรือ​ เขา​ก้มลง​มอง​เมือง​ขนาดใหญ่​ที่​สร้าง​อิง​ตาม​ภูเขา​ด้วย​แววตา​ที่​ดู​ล่องลอย​เล็กน้อย​

จาก​บ้าน​ไป​สอง​เดือน​ นาน​ราวกับ​ผ่าน​ไป​สอง​ปี​ ตอน​ไป​จาก​เมือง​เฉียน​หลง​นั้น​ ข้าง​กาย​เขา​มียอด​ฝีมือ​หก​คน​คอย​ช่วยเหลือ​ ทว่า​กลับมา​วันนี้​ข้าง​กาย​เขา​เหลือ​แค่​สวี่​หยวน​ซวง​กับ​สวี่​หยวน​ไหว​

พวก​หลิ่ว​หง​เหมียน​ทั้ง​สามไม่ทราบ​ร่องรอย​ นักบวช​เต๋า​เจียว​เยี่ย​เสียชีวิต​ใน​เมือง​ยง​โจว​

การท่อง​ยุทธ​ภพ​ใน​ครา​นี้​ ทิ้ง​รอย​หมึก​เข้ม​ไว้​ใน​ชีวิต​ของ​เขา​อย่าง​ไม่อาจ​ลบเลือน​ได้​

“ในที่สุด​ก็​กลับมา​แล้ว​”

เรือ​อวี่เฟิง​หยุด​ค้าง​อยู่​บน​อากาศ​เหนือ​เมือง​เฉียน​หลง​ สวี่​หยวน​ไหว​แบก​พี่สาว​กระโดด​ลง​ไป​

จีเสวียน​ถือโอกาส​กระโดด​ขึ้น​ฟ้านำ​ภาชนะ​สามขา​เล็ก​ๆ ออกมา​ และ​เก็บ​เศษปราณ​มังกร​ที่​กระจัดกระจาย​กับ​เรือ​อวี่เฟิง​เข้าไป​ใน​ภาชนะ​สำริด​

ทั้ง​สามเดินตาม​เนิน​ที่​ปู​ด้วย​หิน​ไข่​ห่าน​ไป​บน​ยอดเขา​ ประชาชน​และ​ทหารหาญ​ที่​พบ​เจอ​ระหว่างทาง​ล้วน​หยุด​ฝีเท้า​ลง​ และ​ทักทายปราศรัย​กับ​จีเสวียน​อย่าง​อบอุ่นใจ​

จีเสวียน​ตอบรับ​แต่ละคน​ด้วย​รอยยิ้ม​อบอุ่น​ ยิ่ง​เดิน​ขึ้นไป​ด้านบน​ ประชาชน​ธรรมดา​ก็​ยิ่ง​น้อยลง​ จนกระทั่ง​ไร้​ซึ่งร่องรอย​

พวกเขา​เดินผ่าน​กำแพงเมือง​เตี้ย​ๆ และ​เข้าไป​ใน​บริเวณ​ที่​เชื้อพระวงศ์​อาศัย​อยู่​

จีเสวียน​เดิน​ไป​ทางใต้​ ไป​ทาง​จวน​เจ้าเมือง​

พี่น้อง​ตระกูล​สวี่​เดิน​ไป​ทางตะวันตก​ นั่น​คือ​ทิศทาง​ไป​หอ​ความลับ​สวรรค์​

หลัง​เดินผ่าน​ยาม​รักษาการณ์​ไป​หลาย​คน​ จีเสวียน​ก็​เข้าไป​ใน​จวน​เจ้าเมือง​ และ​พบ​กับ​บิดา​ที่​ห้อง​หนังสือ​

ชาย​วัยกลางคน​ที่​มีลักษณะ​น่าเกรงขาม​ สวม​เสื้อคลุม​สีม่วง​หรูหรา​ องคาพยพ​ได้สัดส่วน​งดงาม​ เขา​ยืน​อยู่​หน้า​โต๊ะ​ขนาดใหญ่​ มือ​ทั้งสอง​จับ​โต๊ะ​ไว้​และ​ดู​แผนที่​ที่ราบ​กลาง​ที่​กาง​อยู่​อย่าง​ละเอียดถี่ถ้วน​

“ข้า​หารือ​กับ​ท่าน​ราชครู​และ​แม่ทัพ​ทั้งหลาย​แล้ว​ อยาก​จะบัญชา​ทหาร​ออกรบ​บุก​ไป​ทางเหนือ​ จัก​ต้อง​ยึด​ชิงโจว​มาให้ได้​”

ชาย​วัยกลางคน​ที่​สวม​ชุด​คลุม​สีม่วง​ไม่ได้​เงยหน้า​ขึ้น​ แต่​มองดู​แผน​ที่แล้ว​พูด​ต่อ​

“แต่​ตอนนี้​ชิงโจว​เป็นหนึ่ง​เดียวกัน​ ถูก​หยาง​กง​ปกครอง​จน​เป็นระเบียบเรียบร้อย​ ต้อง​พูด​เลย​ว่า​บัณฑิต​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ล้วน​มีวิธี​การปกครอง​บ้านเมือง​และ​ทหาร​จริงๆ​ หาก​จะยึด​ชิงโจว​มาให้ได้​นั้น​ มัน​ไม่ยาก​ แต่​จะให้​บาดเจ็บ​น้อยที่สุด​และ​ยึด​ได้​ไว​ที่สุด​นั้น​มัน​ยาก​! เจ้าคิด​ว่า​อย่างไร​”

จีเสวียน​เดิน​มาถึงขอบ​โต๊ะ​และ​ก้มหน้า​กวาด​ดู​ที​หนึ่ง​

“ชิงโจว​จำเป็นต้อง​ยึด​มาให้ได้​ แต่​ไม่จำเป็นต้อง​ฝ่าโจมตี​ซึ่งๆ หน้า​ สามารถ​ยืม​เส้นทาง​จาก​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ผ่าน​อวี่​โจว​และ​เข้าสู่​เขต​ใจกลาง​ชิงโจว​โดยตรง​ หรือ​ใช้เส้นทาง​ทะเล และ​ผ่าน​ดินแดน​ของ​สำนัก​พ่อ​มด​ไป​”

ชาย​วัยกลางคน​ที่​สวม​ชุด​คลุม​สีม่วง​พยักหน้า​ด้วย​ความพอใจ​ ขณะนี้​ถึงถามขึ้น​มาว่า​

“ท่อง​ยุทธ​ภพ​ใน​ครา​นี้​ รู้สึก​อย่างไรบ้าง​”

จีเสวียน​สีหน้า​หม่นหมอง​ “ลูก​ละอายใจ​นัก​ สวี่​ชีอัน​น่ากลัว​และ​แข็งแกร่ง​เกินไป​ จนกระทั่งบัดนี้​ ลูก​ค้นหา​และ​รวบรวม​ได้​แค่​เศษปราณ​มังกร​ที่​กระจัดกระจาย​จำนวน​หนึ่ง​เท่านั้น​”

“ปราณ​มังกร​แตก​กระเจิง​ ที่ราบ​กลาง​ตก​อยู่​ใน​ภาวะ​ผีซ้ำด้ำพลอย​ เป็น​ผลลัพธ์​ที่​ดี​สำหรับ​พวกเรา​ ส่วน​ปราณ​มังกร​นั้น​ สามารถ​รวบรวม​ได้​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​ดี​ที่สุด​ รวบรวม​ไม่ได้​ก็​ไม่ต้อง​ดึงดัน​”

ชาย​วัยกลางคน​ที่​สวม​ชุด​คลุม​สีม่วง​ยิ้ม​ออกมา​

จีเสวียน​มีสีหน้า​ผ่อนคลาย​ลง​ “ระหว่างทาง​ที่​เดินทาง​กลับมา​ พบ​ผู้ลี้ภัย​จำนวนมาก​เข้าสู่​อวิ๋น​โจว​ ท่าน​พ่อ​วางแผน​ก่อการ​แล้ว​หรือ​”

“อีก​สามวัน​ให้หลัง​ ข้า​จะประกาศ​ตน​เป็น​จักรพรรดิ​ใน​อวิ๋น​โจว​ เจ้าเตรียมพร้อม​สักหน่อย​…”

ชาย​วัยกลางคน​ที่​สวม​ชุด​คลุม​สีม่วง​กล่าว​ด้วย​คำ​ที่​แฝงความหมาย​ลึกซึ้ง​

มือ​ของ​จีเสวียน​สั่นสะท้าน​เบา​ๆ อยู่​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​เขา​พยายาม​อย่าง​เต็มที่​เพื่อ​ระงับอารมณ์​ตื่นเต้น​ไว้​ และ​โค้ง​ตัว​กล่าว​

“พ่ะย่ะค่ะ​ เสด็จ​พ่อ​!”

ทาง​ด้าน​ตะวันตก​ เข้าไป​ใน​คฤหาสน์​ที่​สังกัด​หอ​ความลับ​สวรรค์​ สวี่​หยวน​ซวง​กับ​สวี่​หยวน​ไหว​ไม่ทัน​ได้​เปลี่ยน​เสื้อผ้า​และ​เครื่องใช้​ ก็​มุ่งตรง​ไป​ยัง​เรือน​เล็ก​ที่​มารดา​อาศัย​อยู่​

เงียบเหงา​ เปล่าเปลี่ยว​ นอกจาก​คนรับใช้​ไม่กี่​คน​ที่​ปรนนิบัติ​อยู่​ที่นี่​แล้ว​ ดูเหมือน​จะไม่มีคน​มาเยือน​เลย​

ภายใน​ห้องรับแขก​เล็ก​ๆ ที่​จุด​ไม้จันทน์หอม​อยู่​ สตรี​ที่​กำลัง​หวี​มวยผม​ที่​ดู​ภูมิฐาน​ สวม​เสื้อกันหนาว​สีคราม​เข้ม​ กระโปรง​ยาว​ร้อย​กลีบ​ กำลัง​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​บน​เบาะ​กลม​

นาง​หลับตา​ครุ่นคิด​อย่าง​หนัก​

สวี่​หยวน​ซวง​ผลัก​ประตู​ห้องรับแขก​เล็ก​ๆ ก่อน​กล่าว​เบา​ๆ

“ท่าน​แม่ พวกเรา​กลับมา​แล้ว​”

สวี่​หยวน​ไหว​ไม่ได้​พูด​อะไร​ แต่​มีรอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​

สตรี​งดงาม​ที่​ดู​สง่าผ่าเผย​ลืมตา​ขึ้น​ราวกับ​ถูก​ยกภูเขาออกจากอก​ และ​ยิ้ม​กล่าว​

“กลับมา​ก็​ดีแล้ว​ พวก​เจ้าทั้งสอง​ผอม​ลง​ไป​มาก​ มีอะไร​เพิ่มขึ้น​ใน​แววตา​เล็กน้อย​ ดูท่า​คง​ผ่าน​เรื่องราว​มาไม่น้อย​ล่ะ​สิ”

นาง​ลังเล​ครู่หนึ่ง​ก่อน​ถาม

“ไม่ได้​เจอ​กับ​เขา​หรือ​”

………………………………………..

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท