บทที่ 645 ประกาศตนเป็นจักรพรรดิ

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

“ใต้เท้า​เซี่ย​ ไม่ได้​พบกัน​นาน​เลย​นะ​ขอรับ​”

หยาง​ชวน​หนาน​กุม​ดาบ​ด้วย​มือขวา​ ยืน​หลัง​ตรง​อยู่​นอก​รั้ว​และ​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​นุ่มนวล​

“ฤดูหนาว​ปี​นี้​ลำบาก​ยากเข็ญ​เป็นพิเศษ​ เดิม​ข้า​คิด​ว่า​ใต้เท้า​เซี่ยคง​ตาย​อยู่​ใน​คุก​ ไม่คิด​ว่า​จะยัง​มีชีวิต​อยู่​”

เซี่ยหลู​ขยับ​ศีรษะ​มอง​หยาง​ชวน​หนาน​ที่​ยืน​อยู่​นอก​รั้ว​ผ่าน​ผม​กระเซอะกระเซิง​ แล้ว​เอ่ย​ด้วย​เสียงแหบ​พร่า​

“เจ้ามาทำ​อะไร​ มาเกลี้ยกล่อม​ให้​ข้า​สวามิภักดิ์​ต่อ​กลุ่ม​กบฏ​งั้น​หรือ​”

หยาง​ชวน​หนาน​พยักหน้า​ “นี่​เป็น​ทางออก​เดียว​ของ​เจ้า อย่า​หวัง​ว่า​ราชสำนัก​จะช่วย​เจ้าได้​ สมุหเทศาภิบาล​ผู้ยิ่งใหญ่​ถูก​จำคุก​เป็นเวลา​ครึ่ง​ปี​ ไร้​ซึ่งคน​ถามไถ่ ใต้เท้า​เซี่ย​เป็น​คน​ฉลาด​ คง​รู้​ว่า​มัน​หมายความว่า​อย่างไร​นะ​”

เซี่ยหลู​เอ่ย​ขึ้น​ช้าๆ

“อวิ๋น​โจว​หลุด​จาก​การควบคุม​ของ​ราชสำนัก​แล้ว​ หาก​เดา​ไม่ผิด​ ก่อนที่​ข้า​จะเข้า​รับ​ตำแหน่ง​ ข้าราชการ​ของ​อวิ๋น​โจว​ก็​อยู่​ภายใต้การควบคุม​ของ​เจ้าแล้ว​”

หยาง​ชวน​หนาน​ยิ้ม​

“ไม่ได้​อยู่​ภายใต้การควบคุม​ของ​ข้า​ แต่​เป็น​ภายใต้การควบคุม​ของ​เจ้าเมือง​ ตั้งแต่​ข้า​เป็น​สมุหเทศาภิบาล​ของ​อวิ๋น​โจว​ก็​เลี้ยงดู​และ​สนับสนุน​พรรคพวก​อย่าง​ลับ​ๆ มาตลอด​ จนกระทั่ง​เมื่อ​หนึ่ง​ปีก่อน​ กองกำลัง​ของ​สำนัก​พ่อ​มด​ที่​นำ​โดย​ซ่งฉางฝู่ถูก​กำจัด​ ข้า​ถึงควบคุม​ข้าราชการ​ของ​อวิ๋น​โจว​ได้​ในที่สุด​ ตอนนี้​ทั้ง​อวิ๋น​โจว​อยู่​ภายใต้การควบคุม​ของ​พวก​ข้า​แล้ว​ รวม​ถึงชีวิต​ของ​เจ้าด้วย​”

เสนาบดี​เล็ก​ ตระกูล​ขุนนาง​ท้องถิ่น​และ​ชนชั้น​ทหาร​ขอ​งอ​วิ๋น​โจว​ต่าง​ยอม​สวามิภักดิ์​ต่อ​เมือง​เฉียน​หลง​หมด​แล้ว​

พวกเขา​บางคน​ยอม​สวามิภักดิ์​ด้วยความสมัครใจ​ เพราะ​ไม่มีทางเลือก​ บางคน​ก็​ได้รับ​การ​สนับสนุน​จาก​เมือง​เฉียน​หลง​อย่าง​ลับ​ๆ

อวิ๋น​โจว​มีเนื้อที่​หลาย​หมื่น​ลี้​ สามารถ​หลุดพ้น​จาก​การควบคุม​ของ​ราชสำนัก​ต้าฟ่ง​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ใน​ช่วงเวลา​สั้น​ๆ สิ่งนี้​แสดงให้เห็น​ถึงเบื้องหลัง​ของ​เมือง​เฉียน​หลง​ที่​ดำเนิน​มาหลาย​ร้อย​ปี​

“ใต้เท้า​เซี่ย​เป็น​บัณฑิต​ขั้นสูง​อันดับ​สอง​ มีชื่อเสียง​ใน​แวดวง​ข้าราชการ​ เมือง​เฉียน​หลง​ต้อง​การคน​มีความสามารถ​เช่น​เจ้า ใต้เท้า​เซี่ย​ นก​ดี​ย่อม​เลือก​ไม้ทำรัง​ ขุนนาง​ดี​ย่อม​เลือก​เจ้านาย​”

หยาง​ชวน​หนาน​พูด​เกลี้ยกล่อม​ไม่หยุด​ “เมือง​เฉียน​หลง​คือ​ที่พำนักพักพิง​ที่​ท่าน​สามารถ​แสดงความสามารถ​ได้​อย่าง​เต็มที่​”

เซี่ยหลู​ยิ้ม​ “น่าเสียดาย​นัก​”

“น่าเสียดาย​หรือ​”

“น่าเสียดาย​ที่​ร่างกาย​สูงเจ็ด​ฟุต​นี้​อ่าน​แต่​หนังสือ​ปราชญ์​ จึงทำได้​เพียง​ยก​พู่กัน​เท่านั้น​ ไม่อาจ​ฆ่าใคร​ได้​ กล่าว​กัน​ว่า​คน​ไร้ประโยชน์​คือ​บัณฑิต​ ถึงจะไม่อยาก​ยอมรับ​ แต่​ตอนนี้​มัน​เป็น​ความจริง​” เซี่ยหลู​รู้สึก​เสียใจ​

สีหน้า​ของ​หยาง​ชวน​หนาน​เย็นชา​ขึ้น​เล็กน้อย​

“การ​เก็บตัว​อ่านหนังสือ​อยู่​คนเดียว​คง​ไม่ง่าย​ ใต้เท้า​เซี่ย​ผู้​มาจาก​ครอบครัว​ยากจน​สามารถ​มาถึงจุด​นี้​ใน​วันนี้​ได้​ ต้อง​อดทน​ทำงานหนัก​ครึ่ง​ค่อน​ชีวิต​ เจ้าจะทิ้ง​ไป​เช่นนี้​หรือ​”

“ข้า​ก็​ทน​ไม่ได้​” เซี่ยหลู​พิง​กำแพง​อัน​หนาวเหน็บ​พลาง​เงยหน้า​มอง​แสงแดด​ที่​ส่อง​เข้ามา​ทาง​ช่อง​อากาศ​ ก่อน​พึมพำ​ด้วย​เสียง​แหบแห้ง​ “แต่​ข้า​กลัว​ถูก​คนรุ่นหลัง​ดูหมิ่น​ยิ่งกว่า​หลังจาก​ผ่าน​ไป​หลาย​พันปี​ คน​สกุล​หยาง​ เจ้ารู้​ไหม​ว่า​คน​ที่​ข้า​เลื่อมใส​มาก​ที่สุด​เป็น​ใคร​”

หยาง​ชวน​หนาน​มอง​เขา​อย่าง​เย็นชา​

“สมุหเทศาภิบาล​แห่ง​ฉู่โจว​ เจิ้งซิ่งไหว​ เขา​ทำให้​ปัญญาชน​ใน​โลก​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​ ‘การสละ​ชีวิต​เพื่อ​รักษา​ไว้​ซึ่งคุณธรรม​’”

เซี่ยหลู​ยิ้ม​หยัน​ “ช่างเถอะ​ ข้า​จะบอก​คน​เช่น​เจ้าไป​ทำไม​”

หยาง​ชวน​หนาน​พยักหน้า​

“เช่นนั้น​ ข้า​ก็​คง​ไม่พูด​ให้​เสียเวลา​ ใต้เท้า​เซี่ย​ผู้​แสวงหา​ซึ่งคุณธรรม​”

เขา​ชักดาบ​ยาว​ออกมา​แล้ว​ฟัน​โซ่เหล็ก​

‘เค​ร้ง!’​

ประตู​ห้องขัง​เปิด​ออก​ หยาง​ชวน​หนาน​ก้าว​เข้าไป​ ดาบ​เหล็กใน​มือ​ยื่น​ไป​ข้างหน้า​ ปลาย​ดาบ​แทง​ทะลุ​หน้าอก​ของ​เซี่ยหลู​ ตรึง​เขา​กับ​กำแพง​ที่อยู่​ข้างหลัง​

เซี่ยหลู​จับ​คม​ดาบ​ด้วย​สอง​มือ​และ​ดิ้น​ทุรนทุราย​สอง​สามครั้ง​อย่าง​เจ็บปวด​

มือ​ของ​เขา​โชก​ไป​ด้วย​เลือด​อุ่นๆ​ ชีวิต​สูญไป​ตาม​เลือด​ที่​ไหล​ออกมา​อย่าง​รวดเร็ว​

หยาง​ชวน​หนาน​ยิ้มเยาะ​

“ลืม​ให้​เวลา​ใต้เท้า​เซี่ย​เขียนจดหมาย​ลาตาย​ ก่อน​ตาย​ถ้ายังมี​อะไร​อยาก​พูด​ก็​พูด​เสีย​ มิเช่นนั้น​จะไม่มีโอกาส​ไป​ตลอดกาล​”

เซี่ยหลู​ไม่มีอะไร​อยาก​พูด​ เขา​เพียงแค่​นึกถึง​ตอนที่​จุด​ตะเกียง​อ่านหนังสือ​อย่าง​หนัก​สมัย​หนุ่ม​ๆ

ในเวลานั้น​ สงคราม​ด่าน​ซาน​ไห่​ยัง​ไม่เริ่ม​ขึ้น​ จักรพรรดิ​องค์​ก่อน​ก็​ยัง​ไม่ได้​บำเพ็ญ​ธรรม​ ต้าฟ่ง​มีฝนฟ้า​ตก​ต้อง​ตามฤดูกาล​ บ้านเมือง​และ​ประชาชน​อยู่​อย่าง​ร่มเย็น​เป็นสุข​

แต่​ทุกอย่าง​ก็​เปลี่ยนไป​หลังจาก​สงคราม​ด่าน​ซาน​ไห่​ พลัง​อำนาจ​ของ​ต้าฟ่ง​ค่อยๆ​ อ่อนแอ​ลง​ เกิด​ภัยพิบัติ​ขึ้น​ทุกปี​และ​ยัง​หนัก​ขึ้น​ทุกปี​ๆ อีก​

เซี่ยหลู​เป็น​ผู้​ที่​ผ่าน​ความ​สงบสุข​และ​ความเจริญรุ่งเรือง​มา เขา​ได้​เห็น​อาณาจักร​แห่ง​นี้​ค่อยๆ​ อ่อนแอ​ลง​จน​เสื่อมโทรม​ด้วย​ตา​ของ​ตัวเอง​

เขา​ก็​เหมือนกับ​ปัญญาชน​จำนวนมาก​ ทุ่มเท​ทั้งกายและใจ​ หวัง​ว่า​จะกอบกู้​อาณาจักร​แห่ง​นี้​ไว้​ได้​และ​ทำให้​มัน​กลับ​ไป​อยู่​จุดสูงสุด​อีกครั้ง​

แต่​เขา​ก็​ไม่สามารถ​ทำได้​ เพราะ​เขา​กำลังจะ​ตาย​

ช่วงเวลา​สุดท้าย​ของ​ชีวิต​ เซี่ยหลู​เอ่ย​เสียง​ขรึม​

“จะมีคน​มาล้างแค้น​แทน​ข้า​ คน​มักใหญ่ใฝ่สูง​เช่น​พวก​เจ้าจะต้อง​ตาย​โดย​ไร้​ศพ​ไว้​ฝังดิน​”

เขา​จ้อง​หยาง​ชวน​หนาน​เขม็ง​และ​หัวเราะเยาะ​อย่าง​บ้าคลั่ง​

เมื่อ​เสียงหัวเราะ​ดัง​ถึงขีดสุด​ มัน​ก็​หยุด​ลง​

เมือ​งอ​วิ๋น​โจว​ จวน​ผู้บัญชาการ​

หยาง​ชวน​หนาน​กลับ​ไป​ที่​ตำหนัก​ เขา​เดิน​ไป​ยัง​ห้อง​หนังสือ​และ​ผลัก​ประตู​เปิด​ เห็น​จีเสวียน​กำลัง​พลิก​สมุด​พับ​อ่าน​

“นาย​น้อย​! พิธี​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​กำลังจะ​เริ่ม​แล้ว​ เหตุใด​ท่าน​ถึงยังอยู่​ที่นี่​”

หยาง​ชวน​หนาน​ขมวดคิ้ว​

“ผู้ลี้ภัย​ที่มา​รวมตัวกัน​มีไม่ถึงหมื่น​คน​ จำนวน​ยัง​ห่างไกล​จาก​ที่​คาดหวัง​ไว้​” จีเสวียน​วาง​สมุด​พับ​ลง​และ​ถามว่า​

“เกิด​อะไร​ขึ้น​”

หยาง​ชวน​หนา​นย​ยิ้ม​ขื่น​ “หยาง​กง​ปิดล้อม​ชายแดน​ชิงโจว​ไว้​แล้ว​ ผู้​ลึ้​ภัย​จึงไม่อาจ​ผ่าน​เข้ามา​ได้​ เว้นแต่​จะทอด​ข้าม​สันเขา​มาหรือ​ไป​ยัง​รัฐ​ใกล้เคียง​ ถึงจะเข้ามา​ยัง​อวิ๋น​โจว​ของ​เรา​ได้​ หยาง​กง​ผู้​นี้​ต่อกร​ด้วย​ยาก​ยิ่ง​”

จีเสวียน​พยักหน้า​

หยาง​ชวน​หนาน​เร่งรัด​อีกครั้ง​ “อีก​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ก็​เป็น​พิธี​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​ของ​ฝ่าบาท​แล้ว​ ใน​ฐานะ​องค์​รัชทายาท​ ท่าน​จะไม่ไป​ไม่ได้​”

ทว่า​จีเสวียน​กลับ​ส่ายหน้า​ “ข้า​จะไม่ไป​เข้าร่วม​พิธี​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​ ข้า​มีที่อื่น​ต้อง​ไป​”

เมือง​เฉียน​หลง​เป็น​ ‘จุด​ซ่อนตัว​’ ใน​ช่วง​เก็บตัว​ ตอนนี้​ท่าน​พ่อ​ต้องการ​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​และ​ประกาศ​ตน​เป็น​จักรพรรดิ​ จึงเป็นปกติ​ที่​ต้อง​เปิดเผย​ต่อ​สาธารณชน​ พิธี​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​จะจัด​ขึ้น​ที่วัด​ไป๋​ตี้​ พื้นที่​ใจกลาง​เมือง​อวิ๋น​โจว​

จีเสวียน​ถามว่า​ “เซี่ยหลูคน​นั้น​ยอม​สวามิภักดิ์​หรือไม่​”

หยาง​ชวน​หนาน​ส่ายหน้า​ “กระหม่อม​สังหาร​เขา​แล้ว​”

“สังหาร​ก็​ดีแล้ว​”

จีเสวียน​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ “ปัญญาชน​กลัว​ล้มเหลว​ใน​ตอนที่​สาย​ไป​มาก​ที่สุด​ แต่​นั่น​ก็​เป็นการ​ทำให้​เป้าหมาย​สำเร็จ​เช่นกัน​”

วัด​ไป๋​ตี้​

วันนี้​เหล่า​ขุนนาง​ของ​เมือง​อวิ๋น​โจว​มารวมตัวกัน​ที่วัด​ไป๋​ตี้​ รวมถึง​ขุนนาง​ของ​เมือง​เฉียน​หลง​ด้วย​ เงาคน​อัน​มืดมิด​เบียดเสียด​กัน​อยู่​ใน​จัตุรัส​ โดย​ขุนนาง​บุ๋น​อยู่​ทางซ้าย​ ขุนนาง​บู๊​อยู่​ทางขวา​ เรียง​กัน​อย่าง​เป็นระเบียบ​

ขณะที่​เสียง​กลอง​ดัง​กระหึ่ม​ ชาย​วัยกลางคน​ที่​สวม​ชุด​คลุม​มังกร​สีเหลือง​สดใส​และ​มงกุฎ​ผิง​เทียน​ก็​ก้าว​ออก​มาจาก​วัด​ไป๋​ตี้​อย่าง​ช้าๆ

โดยปกติ​แล้ว​ การ​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​ของ​องค์​รัชทายาท​ถือเป็น​เหตุการณ์​สำคัญ​ของ​อาณาจักร​ พิธีการ​ก็​มีความ​ซับซ้อน​ โดยเฉพาะ​เมื่อ​จักรพรรดิ​องค์​ใหม่​มาแทนที่​จักรพรรดิ​องค์​เก่า​และ​มักจะ​ตามมา​ด้วย​การ​จัด​งานศพ​ ซึ่งจะมีเพียง​เสียง​คร่ำครวญ​เท่านั้น​ ไม่มีดนตรี​บรรเลง​

จักรพรรดิ​องค์​ใหม่​ยัง​ต้อง​สวม​เสื้อผ้า​ไว้ทุกข์​ กราบ​สามครั้ง​และ​คำนับ​เก้า​ครั้ง​ต่อหน้า​ดวงวิญญาณ​ของ​จักรพรรดิ​องค์​ก่อน​ ทำพิธี​บวงสรวง​ที่วัด​บรรพบุรุษ​และ​อื่นๆ​

ทว่า​สิ่งเหล่านี้​ใช้ไม่ได้​กับ​สถานการณ์​ใน​ตอนนี้​จึงถูก​ละเว้น​ไป​

หลังจาก​จักรพรรดิ​ชุด​คลุม​เหลือง​นำ​พลเรือน​และ​ทหาร​บูชา​ฟ้าแล้ว​ เขา​ก็​ยืน​บน​แท่ง​สูงด้านหน้า​วัด​ไป๋​ตี้​ มอง​ขุนนาง​ทุกคน​ ท่าทาง​สง่าผ่าเผย​

โหร​ชุด​ขาว​ของ​สำนัก​โหราจารย์​คน​หนึ่ง​ยืน​อยู่​ด้านล่าง​ข้างๆ​ แท่น​ มอง​ไป​ทาง​ขุนนาง​ทั้งหลาย​ เปิด​พระ​ราชโองการ​ใน​มือ​และ​กล่าว​เสียงดัง​

“ตั้งแต่​อู่​จงก่อ​กบฏ​ บรรพบุรุษ​ก็​มาซ่อนตัว​อยู่​ที่​ภูเขา​ กล้ำกลืน​ฝืนทน​กับ​ความอัปยศ​ จน​สืบทอด​กัน​มารุ่น​ต่อ​รุ่น​ถึงทุกวันนี้​ ข้า​มิอาจ​ลืม​คำสอน​ของ​บรรพบุรุษ​ได้​สัก​วินาที​ ผู้ทรงอิทธิพล​ต่าง​ทุ่มเท​กำลัง​เพื่อ​ชิงดินแดน​คืน​มา ตอนนี้​ราชสำนัก​ต้าฟ่ง​นั้น​เน่า​เฟะมาก​ จักรพรรดิ​องค์​ใหม่​ไร้ความสามารถ​ ถึงขั้น​ราษฎร​เดือดร้อน​ ผู้คน​อดอยาก​ทั้ง​แผ่นดิน​ ใน​ฐานะ​ลูกหลาน​ตระกูล​จี ราชวงศ์​สาย​ตรง​ ข้า​รู้สึก​ความ​จงเกลียดจงชัง​ จึงต้อง​ออกมา​เรียกร้อง​เพื่อ​พลิก​กระแส​ วันนี้​ข้า​ขอ​ประกาศ​ตน​เป็น​จักรพรรดิ​แห่​งอ​วิ๋น​โจว​ และ​ตั้งชื่อ​อาณาจักร​ว่า​ ‘กวง​ฟู่’ หวัง​ว่า​พวก​เจ้าจะอุทิศ​ตน​เพื่อ​ช่วยเหลือ​และ​ร่วมมือ​กัน​เพื่อ​เป็น​เจ้าโลก​ และ​อาณาจักร​ยัง​แต่งตั้ง​องค์​รัชทายาท​ ผู้​เป็น​ลูกชาย​คนโต​และ​รากฐาน​ของ​แผ่นดิน​ ลูกชาย​ของ​ข้า​ จีเสวียน​เชี่ยวชาญ​ทั้ง​บุ๋น​และ​บู๊​ แถมยัง​เป็น​ลิขิต​จาก​สวรรค์​ ข้า​ขอ​แต่งตั้ง​เขา​เป็น​องค์​รัชทายาท​และ​ให้​ประ​ทับที่​ตำหนัก​ตะวันออก​”

เมื่อ​โหร​ชุด​ขาว​อ่าน​จน​จบ​ก็​เก็บ​พระ​ราชโองการ​และ​ยืน​เงียบๆ​ อยู่​ด้าน​ข้าง​

เจ้าหน้าที่​พลเรือน​และ​ทหาร​ทั้งหมด​ค่อยๆ​ คุกเข่า​ลง​และ​ตะโกน​ว่า​ “ฝ่าบาท​ทรง​พระ​เจริญ​”

บน​ท้องฟ้า​เหนือ​เมือ​งอ​วิ๋น​โจว​ เรือ​อวี่เฟิง​ลอย​อยู่​เงียบๆ​

จีเสวียน​ยืน​อยู่​ตรง​กาบ​เรือ​และ​ฟังเสียง​ตะโกน​ดัง​กระหึ่ม​เบื้องล่าง​ แม้ว่า​จะอยู่​บน​ท้องฟ้า​ก็​ยัง​ได้ยิน​ชัดเจน​

ประชาชน​ของ​เมือ​งอ​วิ๋น​โจว​รวมตัวกัน​อยู่​ทุกซอกทุกมุม​ด้านนอก​วัด​ไป๋​ตี้​เพื่อ​ชมพิธี​

สำหรับ​พวกเขา​ ใคร​เป็น​จักรพรรดิ​ก็​ไม่สำคัญ​ เพราะ​สิ่งที่​ประชาชน​สนใจ​มักจะ​เป็น​ ‘อาหาร​กับ​เสื้อผ้า​’ จักรพรรดิ​ลด​ภาษีลง​เพียงแค่​สามปี​ก็​ชนะใจ​ประชาชน​ขอ​งอ​วิ๋น​โจว​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​แล้ว​

“ถ้าไม่เลื่อนขั้น​สู่ระดับ​บรรลุ​ธรรม​ตอนนี้​แล้​วจะ​เลื่อนขั้น​เมื่อไหร่​”

ทันใดนั้น​เสียง​อัน​อ่อนโยน​ก็​ดัง​ขึ้น​ แสงใสพวยพุ่ง​ขึ้น​มา สวี่​ผิง​เฟิงใน​ชุด​ขาว​ปรากฏ​ขึ้น​บน​เรือ​อวี่เฟิง​

“ข้า​รอ​ราชครู​อยู่​!”

จีเสวียน​ยิ้ม​

สวี่​ผิง​เฟิงพยักหน้า​เล็กน้อย​ ยก​มือขึ้น​และ​คว้า​หมับ​ใน​อากาศ​

ปราณ​มังกร​ที่​กระจัดกระจาย​เหล่านั้น​ส่งเสียงคำราม​ออกมา​อย่าง​เงียบเชียบ​และ​ถูก​ดูด​เข้าไป​ใน​ฝ่ามือ​ของ​เขา​อย่าง​ไม่เต็มใจ​

พอ​สะบัด​นิ้ว​อีกครั้ง​ ปราณ​มังกร​จำนวนมาก​ก็​พุ่ง​เข้าสู่​ร่าง​ของ​จีเสวียน​

ภายใน​ดวงตา​ของ​เขา​ราวกับ​มีเงามังกร​ทอง​แหวกว่าย​อยู่​ ก่อน​จะปล่อยแสง​สีทอง​เจิดจ้า​ออกมา​

จากนั้น​สวี่​ผิง​เฟิงก็​ดีด​โชคชะตา​ที่​ไร้​รูปร่าง​สอง​ดวง​เข้าไป​ใน​ร่าง​ของ​จีเสวียน​

นี่​เป็น​โชคชะตา​ของ​เทพ​อารักษ์​ตู้​หนาน​และ​เทพ​อารักษ์​ตู้​ฝาน​ เขา​แปลง​โชคชะตา​สอง​ดวง​นี้​มาใช้เอง​ด้วย​วิธีการ​ของ​นัก​หลอม​ปราณ​ระดับ​สอง​

แน่นอน​ว่า​ โชคชะตา​ส่วนบุคคล​ไม่อาจ​เทียบ​กับ​ชะตา​บ้านเมือง​ได้​ จีเสวียน​ไม่มีทาง​ดูดซับ​ยา​โลหิต​และ​เลื่อนขั้น​สู่ระดับ​ได้​โดย​อาศัย​เพียงแค่​แนวทาง​สามง่ามเท่านั้น​

ดังนั้น​จึงมีการ​แต่งตั้ง​เช่น​เมื่อ​สักครู่​นี้​ขึ้น​

องค์​รัชทายาท​แห่​งอ​วิ๋น​โจว​เป็น​ผู้​มีดวงชะตา​ติดตัว​

แม้ว่า​โชคชะตา​นี้​จะเทียบ​ไม่ได้​กับ​สวี่​ชีอัน​ผู้​แบกรับ​ชะตา​บ้านเมือง​ของ​ต้าฟ่ง​ไว้​ครึ่งหนึ่ง​ก็ตาม​

“ข้า​ทำให้​ปราณ​มังกร​อยู่​ภายใน​ร่าง​ของ​เจ้าได้​เพียง​หนึ่ง​เค่อ​เท่านั้น​ รีบ​เลื่อนขั้น​เสีย​” สวี่​ผิง​เฟิงบอก​

ถึงแม้เขา​จะเป็น​โหร​ระดับ​สอง​ก็​ยัง​ยาก​จะบีบ​เคล้น​ปราณ​มังกร​ จึงทำได้​เพียง​เพิ่มประสิทธิภาพ​และ​เวลา​อัน​จำกัด​

จีเสวียน​หยิบ​กล่อง​ออก​มาจาก​หน้าอก​ แล้ว​เปิด​เสียงดัง​ ‘ป๊อก​’ แสงสีเลือด​บริสุทธิ์​ส่อง​เข้าไป​ใน​รูม่านตา​ของ​เขา​

กลิ่นอาย​ชีวิต​อัน​มหาศาล​แผ่​ไป​ทั่ว​ทั้ง​เรือ​อวี่เฟิง​

มือ​ของ​จีเสวียน​สั่น​เล็กน้อย​อย่าง​ไม่อาจ​ควบคุม​ได้​และ​ได้ยิน​เสียง​หัว​ใจเต้น​โครมคราม​อยู่​ใน​อก​

เมื่อ​ยา​โลหิต​ตก​สู่กระเพาะ​จะมีบทสรุป​เพียง​สอง​อย่าง​คือ​ กลายเป็น​ทหาร​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​และ​ขึ้น​สู่อันดับ​สูงสุด​ของ​แผ่นดิน​จิ่ว​โจว​ หรือ​ชีวิต​ดับสูญ​กลายเป็น​ขี้เถ้า​

ราชครู​เคย​กล่าว​ไว้​ว่า​ แม้จะมีปราณ​มังกร​ โชคชะตา​ของ​เทพ​อารักษ์​ทั้งสอง​และ​โชคชะตา​ที่​ติดตัว​องค์​รัชทายาท​ ความเป็นไปได้​ที่จะ​กลั่น​ยา​โลหิต​ได้​สำเร็จ​ก็​ยังคง​ไม่ถึงห้าสิบ​เปอร์เซ็นต์​

‘ถึงเวลา​เสี่ยงโชค​แล้ว​’ จีเสวียน​ถือ​ยา​โลหิต​ไว้​และ​หลับตา​ลง​

สิ่งที่​ผุด​ขึ้น​มาใน​หัว​ของ​เขา​คือ​ ยี่สิบ​ปี​แห่ง​การ​อดทน​กับ​ความ​อัปยศอดสู​ หยาดเหงื่อ​แห่ง​ความอดกลั้น​ต่อ​การ​ฝึก​ตน​ตามลำพัง​ และ​ความหวัง​ที่​นักบวช​เจียว​เยี่ย​มีต่อ​เขา​ก่อน​จะเสียชีวิต​

‘อึก​’

ยา​โลหิต​กลายเป็น​กระแสน้ำ​ร้อนระอุ​ไหล​เข้าไป​ใน​กระเพาะ​ของ​เขา​

ผิว​ของ​จีเสวียน​เปลี่ยนเป็น​สีแดง​อย่าง​รวดเร็ว​จน​มองเห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า​ เขา​กุม​ท้อง​ด้วย​ความเจ็บปวด​และ​ขดตัว​อยู่​บน​ดาดฟ้า​เรือ​

เขา​รู้สึก​เจ็บปวด​ เจ็บปวด​จน​แทบ​ขาดใจ​…

ความเจ็บปวด​ที่เกิด​ขีดจำกัด​ของ​มนุษย์​กัด​กิน​เขา​ เพียงแค่​พริบตาเดียว​สติ​ของ​เขา​ก็​ขาดหาย​ไป​

“แค่​กๆ”​

เลือด​ไหล​ออกมา​จาก​ปาก​ของ​จีเสวียน​ ตรง​เบ้าตา​ จมูก​และ​หู​ก็​มีเลือด​ไหล​ออกมา​เช่นกัน​

ผิว​แตกระแหง​เป็น​บริเวณ​กว้าง​ เนื้อหนัง​ฉีกขาด​ตั้งแต่​ภายใน​จนถึง​ภายนอก​

หาก​เป็น​เช่นนี้​ต่อไป​ เขา​คง​ไม่อาจ​ทน​การแตกสลาย​ของ​กาย​เนื้อ​ได้​

สวี่​ผิง​เฟิงมองดู​อย่าง​เฉยเมย​

“ข้า​กำลังจะ​ตาย​หรือ​ นี่​ข้า​จะตาย​แล้ว​หรือ​ กาย​เนื้อ​ของ​ข้า​แตกสลาย​ไป​แล้ว​ อวัยวะภายใน​ก็​ถูก​ทำลาย​ ปราณ​ชีวิต​สลาย​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​อีก​ เหตุใด​ราชครู​ยัง​ไม่ช่วย​ข้า​…”

ใน​ความ​งุนงง​ จิต​ตา​นุ​ภาพ​ที่​หลง​เหลืออยู่​ของ​จีเสวียน​ยังคง​ครุ่นคิด​อยู่​ เขา​ต้องการ​ความช่วยเหลือ​ แต่​ไม่สามารถ​ส่งเสียง​ออก​ไป​ได้​

เพราะ​เส้นเสียง​ถูก​ทำลาย​ไป​แล้ว​

พลัง​ของ​ยา​โลหิต​นั้น​รุนแรง​เกินไป​ กาย​เนื้อ​ของ​คนธรรมดา​ไม่อาจ​ทน​ไหว​

“ยาก​จะจินตนาการ​ว่า​ สวี่​ชีอัน​รอดชีวิต​มาได้​อย่างไร​…ใช่ เขา​รอดชีวิต​มาได้​ แล้ว​เหตุใด​ข้า​ถึงจะรอดไป​ไม่ได้​”

ชั่ว​ขณะที่​ความคิด​นี้​ผุด​ขึ้น​มา ความลุ่มหลง​ของ​จีเสวียน​ก็​ยาก​จะสงบ​ลง​

‘สวี่​ชีอัน​ทำได้​ แล้ว​เหตุใด​ข้า​ถึงทำ​ไม่ได้​’

‘เจ้าจะยอม​ตาย​เช่นนี้​งั้น​หรือ​’

‘จะยอม​มองดู​เขา​เปล่งประกาย​งั้น​หรือ​’

‘จะยอม​สูญเสียการ​เป็น​จักรพรรดิ​ในอนาคต​ไป​งั้น​หรือ​’

“แค่​ก​ แค่​กๆ…”​

เขา​คำราม​ออกมา​อย่าง​ไร้​ความหมาย​ ราวกับ​คำราม​ด้วย​ความโกรธ​และ​ไม่ยินยอม​

เลือด​จำนวนมาก​ไหล​ออก​มาจาก​ดวงตา​ของ​เขา​ ลูกตา​ก็​ละลาย​แล้ว​

จีเสวียน​มองไม่เห็น​ว่า​มีเงามังกร​ทอง​พัน​รอบ​ร่าง​ของ​เขา​อยู่​ และ​มองไม่เห็น​ว่า​กาย​เนื้อที่​แตกสลาย​ของ​เขา​มีแนวโน้ม​ว่า​จะรักษา​

กาย​เนื้อ​แตกสลาย​ รักษา​ แตกสลาย​ รักษา​…วน​ลูป​ไปมา​

ไม่รู้​ว่า​ผ่าน​ไป​นาน​เท่าไหร่​แล้ว​ สติ​ที่​เกือบจะ​แตกสลาย​ของ​จีเสวียน​ค่อยๆ​ ฟื้น​กลับมา​ สติปัญญา​ก็​แจ่มชัด​ขึ้น​

เสียงหัวเราะ​ของ​ราชครู​ดัง​ขึ้น​ข้าง​หู​

“ยินดี​ด้วย​กับ​การ​ก้าว​เข้าสู่​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​”

จีเสวียน​ลืมตา​แล้ว​เห็น​แสงสว่าง​อีกครั้ง​

รุ่งอรุณ​แห่ง​การเกิดใหม่​!

ซินเจียง​ตอน​ใต้​ เผ่า​เทียน​กู่​

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​เดิน​ออก​มาจาก​บ้าน​หลัง​ที่​มีชานบ้าน​ ปีน​ขึ้นไป​บน​หลังคา​แล้ว​แหงนหน้า​มอง​ฟ้า

“จักรพรรดิ​จื่อเวย​กำลัง​เคลื่อนไหว​ ความขัดแย้ง​ดั้งเดิม​ของ​ที่ราบ​ตอนกลาง​เริ่ม​ขึ้น​แล้ว​ ตา​เฒ่า ทุกอย่าง​ที่​เจ้าพยากรณ์​เป็นจริง​หมด​เลย​ เทพเจ้า​กู่​คง​ฟื้นคืนชีพ​ใน​อีกไม่ช้า​…”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ถอนใจ​แล้ว​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​ว่า​

“เมื่อ​ความโกลาหล​มาเยือน​ คน​เฝ้าประตู​จะเป็น​ใคร​กัน​นะ​”

เมือง​จิ้งซาน​

บน​สันเขา​รกร้าง​ ซ่าหลุน​อา​กู่​อุ้ม​ลูก​แกะ​ตัว​หนึ่ง​และ​จ้องมอง​ไป​ทาง​ทิศตะวันตกเฉียงใต้​

เทือกเขา​รอบ​ๆ เมือง​จิ้งซาน​กลายเป็น​พื้นที่​รกร้าง​ เพราะ​ถูก​เขา​สูบ​ปราณ​วิญญาณ​ไป​ใน​การต่อสู้​เมื่อ​ตอนนั้น​

แม้ว่า​เมือง​จิ้งซาน​จะถูก​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​แล้ว​ แต่​สถานที่​แห่ง​นี้​ก็​ไม่เหมาะสำหรับ​การอยู่อาศัย​อีกต่อไป​

“เว่ยเยวียน​ ลมหายใจ​ที่​เจ้ามีต่อ​ที่ราบ​ตอนกลาง​กำลังจะ​สิ้นสุดลง​ในไม่ช้า​”

ซ่าหลุน​อา​กู่​หยิบ​แส้สำหรับ​ต้อน​ฝูงแกะ​อัน​ใหม่​ที่​แขวง​ไว้​ตรง​เอว​ออกมา​และ​ฟาด​ลง​ข้าง​เท้า​เบา​ๆ

วินาที​ต่อมา​ ร่าง​หนึ่ง​ก็​ถูก​อัญเชิญ​มา

เป็น​อี​เอ๋อร์ปู้​

“สอง​เรื่อง​ ส่งหิน​ทองคำ​ลึกลับ​ไป​ให้​สวี่​ชีอัน​ แล้วก็​ไป​รวบรวม​ผู้ลี้ภัย​ที่​ต้าฟ่ง​ พา​พวกเขา​กลับมา​เพื่อ​เพิ่ม​ประชากร​ใน​สามก๊ก​จิ้ง คัง​ เหยียน”​

ซ่าหลุน​อา​กู่​สั่ง

“ขอรับ​!”

อี​เอ๋อร์ปู้​โค้ง​คำนับ​รับ​คำสั่ง​แล้ว​เหิน​ฟ้าจากไป​

หย่ง​ซิ่งปี​แรก​ ปลายเดือน​พฤศจิกายน​ ลูกหลาน​ตระกูล​จีได้​ตั้ง​ตน​เป็น​จักรพรรดิ​ที่​อวิ๋น​โจว​ และ​ตั้งชื่อ​อาณาจักร​ว่า​ ‘กวง​ฟู่’ อวิ๋น​โจว​จึงหลุดพ้น​จาก​ต้าฟ่ง​อย่าง​เป็นทางการ​

ผลัก​ราชวงศ์​เข้าสู่​ก้นบึ้ง​แห่ง​การ​ล่มสลาย​ไป​อีก​ก้าว​

เมื่อ​สวี่​ชีอัน​ได้รับ​สาร​จาก​ฮว๋าย​ชิ่งและ​รู้เรื่อง​นี้​ เขา​ก็​อยู่​ที่​ชายแดน​ระหว่าง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​กับ​ต้าฟ่ง​แล้ว​

…………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท