บทที่ 647 ภูเขาสือว่าน

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

สตรี​ทรง​เสน่ห์​ทาง​ด้าน​ขวา​ตอบกลับ​ว่า​

“เมื่อคืน​ผู้อาวุโส​เย่​จีไป​สอดแนม​ที่วัด​หนาน​ฝ่าเพื่อ​ทำการ​ยืนยัน​ครั้งสุดท้าย​ หารู้ไม่​ว่า​จะบาดเจ็บสาหัส​กลับมา​ หลังจาก​หมดสติ​ไป​ก็​ยัง​ไม่ฟื้น​อีก​เลย​”

หญิง​งามด้าน​ซ้าย​เอ่ย​เสริม​ว่า​

“อาการ​บาดเจ็บ​ของ​ผู้อาวุโส​เย่​จีพิกล​นัก​ พลัง​ใน​ร่างกาย​ทำลาย​พลัง​ชีวิต​ลง​เรื่อยๆ​ โดย​ไร้​หนทาง​กำจัด​ออก​ได้​ พวกเรา​ก็​ไม่รู้​ว่า​นาง​จะยืนหยัด​ได้​ถึงพรุ่งนี้​หรือไม่​ ได้​แต่​รอ​ให้​ผู้พิทักษ์​ชิงมู่มาแล้ว​”

ปีศาจ​นก​นาม​ว่า​ ‘หง​อิง​’ ขมวดคิ้ว​มุ่น​ ทันใดนั้น​ก็​มีเสียงร้อง​ของ​วานร​สะเทือน​ทั่ว​สารทิศ​ เมื่อ​มอง​ไป​ตาม​เสียง​ก็​พบ​กับ​วานร​ขาว​ตัว​หนึ่ง​ยืน​อยู่​บน​ยอดเขา​ทางทิศใต้​ พร้อมกับ​แหงนหน้า​มอง​ดวงจันทร์​

“เหตุใด​เจ้าลิง​น่ารำคาญ​นี่​ก็​มาด้วย​…”

หง​อิง​ส่งเสียง​ ‘ชิชะ’ ด้วย​ความระอา​ ก่อน​เติม​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ด้วย​ความ​รวดเร็ว​ พลาง​เฝ้ามอง​วานร​กระโดด​ไปมา​บน​ยอดไม้​ ปิดท้าย​ด้วย​เสียง​ ‘ตูม​’ ขึ้น​ใน​หุบเขา​

“ผู้พิทักษ์​หยวน​ ข้า​ตั้งหน้า​ตั้งตารอ​ท่าน​อยู่เลย​”

หง​อิง​เผย​รอยยิ้ม​อบอุ่น​ ใน​ฐานะ​สามผู้พิทักษ์​หลัก​ภายใต้​บังคับบัญชา​ของ​ผู้อาวุโส​เย่​จี เขา​ให้ความสำคัญ​กับ​ความสมานฉันท์​ระหว่าง​ ‘เพื่อนร่วมงาน​’ มาก​เสมอ​

หลังจากที่​วานร​ขาว​ตก​สู่พื้น​ก็​พลัน​กลายเป็น​ชาย​ร่าง​ผอม​สูง หน้าผาก​โหนก​นูน​กว้าง​ ริมฝีปาก​หนา​ มอง​ปราด​แรก​รูปลักษณ์ภายนอก​จะอยู่​ระหว่าง​มนุษย์​กับ​ลิง​

เมื่อ​เทียบ​กับ​ความอัปลักษณ์​ภายนอก​แล้ว​ วานร​ขาว​มีดวงตา​สีฟ้าคราม​คู่​หนึ่ง​ซึ่งใสกระจ่าง​ราวกับ​จะสะท้อน​ทุกสิ่ง​บน​โลก​ได้​

วานร​ขาว​เหลือบมอง​หง​อิง​ซึ่งใบหน้า​เปื้อน​ยิ้ม​ ดวงตา​สีฟ้าคราม​ประหนึ่ง​มอง​ทะลุ​ถึงหัวใจ​ ก่อน​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ว่า​

“หัวใจ​ของ​เจ้าบอก​ข้า​ว่า​ โชคร้าย​เสีย​จริง​ เหตุใด​เจ้าลิง​น่ารำคาญ​ตัว​นี้​ถึงยัง​ไม่ตาย​นะ​”

หง​อิง​ชะงัก​ ก่อน​ส่งเสียง​ ‘ฮ่าๆ’ ด้วย​ความ​ประดักประเดิด​ ขณะ​ไม่รู้​ว่า​ควร​ตอบ​อย่างไร​ดี​ ต้นไม้​ใน​หุบเขา​ก็​พลัน​สั่น​ไหว​อย่าง​รุนแรง​

แมก​ไม้ใน​ป่า​เขียวชอุ่ม​สั่น​ไหว​ราวกับ​ยักษ์​ที่​ฟื้นคืนชีพ​และ​แยกเขี้ยว​พร้อมกับ​กาง​กรงเล็บ​

ท่ามกลาง​ต้นไม้​ที่​สั่น​ไหว​ จุด​แสงสีเขียว​ใสทยอย​กัน​ลอย​ออกมา​ แล้ว​พวก​มัน​ก็​ไป​รวมตัวกัน​กลาง​ท้องฟ้า​ ประหนึ่ง​หิ่งห้อย​ก่อตัว​เป็น​ทางช้างเผือก​

แล้ว​รวมตัวกัน​เป็น​ภาพมายา​ของ​ต้นไม้​สูงตระหง่าน​ใน​ท้ายที่สุด​

กิ่งก้านสาขา​ของ​ต้นไม้​ใหญ่​นี้​แผ่ขยาย​ซ้อน​ทับกัน​เป็น​ชั้น​ ราวกับ​เมฆาปกคลุม​

หุบเขา​ทั้ง​ลูก​ถูก​ปกคลุม​ด้วย​กิ่งก้านสาขา​ของ​มัน​

ภาพมายา​ต้นไม้​ยักษ์​ทอด​ลำแสง​สีเขียว​ลงมา​ แล้ว​ควบ​รวม​เป็น​ชาย​ชรา​ผู้​มีผม​ เครา​ และ​คิ้ว​สีเขียว​ ใน​มือ​ค้ำ​ยัน​ไว้​ด้วย​ไม้เท้า​ที่​ทำ​จาก​เถาวัลย์​

“ผู้พิทักษ์​ชิงมู่!”

ทั้ง​วานร​ วิหค​แดง​ รวมถึง​หญิง​งามทั้งสอง​ต่าง​ทำความเคารพ​อย่าง​พร้อมเพรียง​

ชาย​ชรา​ซึ่งปกคลุม​ด้วย​แสงสีเขียว​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ก่อน​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​อบอุ่น​และ​ผ่าน​ร้อน​ผ่าน​หนาว​มามากว่า​

“ผู้อาวุโส​เย่​จีอยู่​ด้านใน​หรือ​”

หง​อิง​รีบ​เอ่ย​ว่า​

“กำลัง​รอ​ท่าน​อยู่​ทีเดียว​ ตอนที่​ผู้อาวุโส​เย่​จีสอดแนม​วัด​หนาน​ฝ่าได้​เกิดเหตุ​ไม่คาดฝัน​บางอย่าง​ สถานการณ์​อยู่​ใน​ภาวะ​วิกฤต​”

ก่อน​จะเริ่ม​ถ่ายทอด​คำพูด​ของ​ปีศาจ​หญิง​ทั้งสอง​ทันที​

พลัง​ที่​ไร้​หนทาง​กำจัด​…หัวใจ​ของ​ผู้พิทักษ์​ชิงมู่จมดิ่ง​ เขา​เอ่ย​ว่า​

“พา​ข้า​เข้า​ไปดู​ที​”

ปีศาจ​หญิง​ทาง​ด้าน​ซ้าย​คำนับ​อย่าง​อ่อนช้อย​พลาง​ว่า​ “ท่าน​ผู้พิทักษ์​ทั้งหลาย​ เชิญด้านใน​เจ้าค่ะ​!”

ผู้พิทักษ์​ทั้ง​สามตาม​นาง​เข้าไป​ใน​ถ้ำ ทางเดิน​กว้างขวาง​ คบไฟ​เสียบ​อยู่​บน​กำแพง​หิน​ทุก​ยี่สิบ​ก้าว​ และ​มีสตรี​รูปงาม​นาง​หนึ่ง​ยืน​รอ​อยู่​

สมแล้ว​ที่​เป็น​เผ่าพันธุ์​จิ้งจอก​ แต่ละคน​ล้วน​มีความงาม​ระดับ​หัวแถว​…หง​อิง​ชื่นชม​รูปลักษณ์​อัน​งดงาม​ของ​เหล่า​ปีศาจ​หญิง​

“สมแล้ว​ที่​เป็น​เผ่าพันธุ์​จิ้งจอก​ แต่ละคน​ล้วน​มีความงาม​ระดับ​หัวแถว​” ผู้พิทักษ์​วานร​ขาว​เอ่ย​เสียง​เข้ม​

หง​อิง​สีหน้า​แข็ง​ค้าง​ก่อน​ยิ้ม​แล้ว​เอ่ย​ว่า​

“ผู้พิทักษ์​หยวน​ช่างเถรตรง​เสีย​จริง​”

วานร​ขาว​เหลือบมอง​เขา​แวบ​หนึ่ง​พลาง​ว่า​ “ข้า​แค่​เอ่ย​ความในใจ​ของ​เจ้า”

“…”

หลัง​ผ่าน​ทางเดิน​ลึก​กว่า​สิบ​จั้ง ด้าน​หน้าเป็น​ถ้ำขนาด​มหึมา​ พื้น​ปู​ด้วย​หนัง​สัตว์​ มีโต๊ะกลม​พร้อม​เก้าอี้​ไร้​พนัก​ ฉาก​กั้นบัง​ลม​ กระถางต้นไม้​และ​สิ่งของ​อื่นๆ​ วาง​อยู่​ ไม่ต่าง​จาก​ห้องส่วนตัว​ของ​สตรี​ที่​เป็น​มนุษย์​

ที่​สะดุดตา​ที่สุด​คือ​เตียง​หลัง​ใหญ่​พร้อม​ม่าน​แขวน​ แกะสลัก​เป็น​รูป​สุนัขจิ้งจอก​เสมือน​จริง​ ฝีมือ​ประณีต​งดงาม​

ปีศาจ​หญิง​ที่​ยืน​รอ​อยู่​ข้าง​เตียง​เลิก​ม่าน​เตียง​ออก​ทันที​แล้ว​เอ่ย​ด้วย​ความ​ร้อนใจ​ว่า​

“ผู้พิทักษ์​ชิงมู่ ท่าน​รีบ​มาดูเถอะ​เจ้าค่ะ​”

ผู้พิทักษ์​ชิงมู่เป็น​ปรมาจารย์​ด้าน​การแพทย์​แห่ง​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​ เชี่ยวชาญ​ด้าน​การ​เล่นแร่แปรธาตุ​และ​การ​ปลูก​สมุนไพร​ เมื่อ​ครั้ง​ที่​เขา​อุทิศ​ตน​เพื่อ​ศึกษา​วิจัย​ด้าน​การแพทย์​นั้น​ ระบบ​โหร​ยัง​ไม่เป็นที่​ปรากฏ​

สตรี​รูปร่างหน้าตา​งดงาม​ผู้​หนึ่ง​นอน​อยู่​บน​เตียง​ กำลัง​หลับ​ลึก​ไม่ได้สติ​

ใบหน้า​ของ​นาง​เฉียบคม​ คิ้ว​ยาว​ตรง​ เครื่อง​หน้า​มีเสน่ห์​ชวน​หลงใหล​ หาก​ใน​ยาม​นี้​ ใบหน้า​คม​ทรง​เสน่ห์​นี้​กลับ​ซีดเผือด​จาก​การ​เสีย​เลือด​ คิ้ว​ขมวด​เล็กน้อย​ระหว่าง​ที่​ไม่ได้สติ​ ราวกับ​ได้รับ​ความ​ทรมาน​แสน​สาหัส​

ผู้พิทักษ์​ชิงมู่เดิน​ไป​ยัง​ข้าง​เตียง​ แล้ว​คว้า​ข้อมือ​ขาวผ่อง​ราว​หิมะ​ของ​หญิง​ผู้​นั้น​ออกจาก​ผ้าขนสัตว์​อ่อนนุ่ม​มาจับ​ไว้​ เพื่อ​ส่งผ่าน​พลัง​สีเขียว​ใส

‘ครืน​…’

ลำแสง​สีทอง​ดีดตัว​ออกจาก​ร่าง​ของ​เย่​จี กระแทก​ผู้พิทักษ์​ชิงมู่ลอย​ขึ้น​กลางอากาศ​ ร่าง​ของ​เขา​สลาย​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​แล้ว​กลายเป็น​จุด​แสงสีเขียว​

ฉับพลัน​นั้น​เอง​ จุด​แสงสีเขียว​ก็​รวมตัวกัน​เป็น​ชาย​ชรา​อีกครั้ง​

“ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​!”

ผู้พิทักษ์​ชิงมู่สีหน้า​หนักอึ้ง​

“อะไร​นะ​”

ปีศาจ​นก​หง​อิง​หน้าถอดสี​พร้อมกับ​ส่งเสียงอุทาน​ ในที่สุด​เขา​ก็​เข้าใจ​สาเหตุ​ของ​การ​ ‘กำจัด​ออก​ไม่ได้​’ และ​ ‘พลัง​ชีวิต​ที่​ถดถอย​ลง​เรื่อยๆ​’

ใน​ฐานะ​ผู้พิทักษ์​แห่ง​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​รุ่นใหม่​ เขา​ไม่เคย​มีประสบการณ์​ใน​ศึก​ใหญ่​ระหว่าง​พระอรหันต์​และ​ปีศาจ​ใน​ครั้งนั้น​ ทว่า​เขา​เคย​เข้าร่วม​ยุทธการ​ด่าน​ซาน​ไห่​เมื่อ​ยี่สิบ​ปีก่อน​

ใน​บรรดา​สามระดับ​เต๋า​อรหันต์​ ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​นับ​เป็น​ระดับ​เต๋า​ที่​มีอานุภาพ​สูงสุด​ เรียก​ว่า​เป็น​วิธี​การสังหาร​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ภายใต้​พระโพธิสัตว์​ของ​สำนัก​พุทธ​

จุดเด่น​สำคัญ​ที่สุด​ของ​ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​ก็​คือ​ ไม่ตาย​ไม่เลิกรา​!

“ข้า​เอง​ก็​จนปัญญา​”

ผู้พิทักษ์​ชิงมู่ส่าย​หัว​พลาง​ว่า​ “ทำได้​แต่​เชิญให้​ท่าน​จอม​มาร​ออกโรง​แล้ว​”

พลัง​ของ​ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​นั้น​ไม่สามารถ​รักษา​ได้​ด้วย​ยา​ จำเป็นต้อง​รับมือ​ด้วย​พลัง​ใน​ระดับ​เดียวกัน​

“แต่​ท่าน​จอม​มาร​ได้​ออก​ทะเล​ไป​แล้ว​ ไม่ได้​อยู่​ใน​จิ่ว​โจว​แผ่นดินใหญ่​…ตอนนี้​สำนัก​พุทธ​มีเพียง​ตู้​เอ้อร์​คนเดียว​เท่านั้น​ที่​มีอรหันต์​ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​ เขา​ เขา​มาซินเจียง​ตอน​ใต้​เพราะเหตุใด​กัน​ ข้อพิพาท​ระหว่าง​สำนัก​พุทธ​กับ​มหายาน​หินยาน​เสร็จสิ้น​แล้ว​หรือ​”

หง​อิง​เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​ย่ำแย่​ว่า​ “หาก​ท่าน​จอม​มาร​กลับมา​ไม่ทัน​ ผู้อาวุโส​เย่​จีจะทำ​เช่นไร​”

ทุกคน​เงียบงัน​ไป​ชั่วขณะ​ ผู้พิทักษ์​วานร​ขาว​และ​ผู้พิทักษ์​ชิงมู่มีท่าที​เคร่งขรึม​

ผู้พิทักษ์​ชิงมู่เอ่ย​เสียงต่ำ​

“นาง​เหลือ​เวลา​อีก​เพียง​สอง​วัน​ หลังจากนั้น​ ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​จะทำลาย​ธาตุ​และ​วิญญาณ​ของ​นาง​”

ในเวลานั้น​เอง​ ก็​มีเสียง​พึมพำ​ดัง​ขึ้น​ หญิง​งามบน​เตียง​ถูก​ปลุก​ให้​ตื่นขึ้น​จาก​การเคลื่อนไหว​เมื่อ​ครู่​และ​ค่อยๆ​ ลืมตา​

นัยน์ตา​จิ้งจอก​คู่​นั้น​งดงาม​น่าหลงใหล​

“ผู้อาวุโส​เย่​จี”

หง​อิง​และ​คนอื่นๆ​ เข้าไป​รายล้อม​

สายตา​ของ​เย่​จีเคลื่อนตัว​กวาด​มอง​ฝูงชน​ น้ำเสียง​ราบเรียบ​เผย​ความ​อิดโรย​

“พวก​ท่าน​มาแล้ว​…”

ผู้อาวุโส​ชิงมู่พยักหน้า​พลาง​เอ่ย​เสียง​เข้ม​ว่า​ “ผู้อาวุโส​เย่​จี ผู้​ที่​ทำร้าย​ท่าน​คือ​พระอรหันต์​ตู้​เอ้อร์​ใช่ไหม​”

เย่​จีส่ายหน้า​เบา​ๆ “เป็น​อา​ซูหลัว​”

‘อา​ซูหลัว​รึ​’ ผู้พิทักษ์​รุ่นใหม่​ทั้งสอง​ วานร​ขาว​และ​หง​อิง​สบตา​กัน​ จึงพบ​กับ​ความ​ฉงน​ใน​ดวงตา​ของ​กันและกัน​

ไม่เคย​ได้ยิน​ชื่อ​นี้​มาก่อน​เลย​

ผู้อาวุโส​ชิงมู่ซึ่งมีชีวิต​มาเนิ่นนาน​จน​ยาก​จะนับ​พลัน​เปลี่ยน​สีหน้า​อย่าง​หนัก​

“อา​ซูหลัว​ บุตร​คน​สุดท้อง​ของ​ราชัน​อสูร​หรือ​ เขา​ไม่ได้​วายชนม์​ไป​นาน​แล้ว​รึ​”

เย่​จีเอง​ก็​ฉงนสนเท่ห์​ จนปัญญา​ที่จะ​ตอบ​ได้​

หง​อิง​เอ่ย​ถาม “ผู้พิทักษ์​ชิงมู่ อา​ซูหลัว​คือ​ใคร​หรือ​”

สีหน้า​ของ​ผู้อาวุโส​ชิงมู่เปลี่ยนแปลง​อย่าง​ยาก​คาดเดา​ หลังจากนั้น​ครู่หนึ่ง​จึงเอ่ย​ช้าๆ ว่า​

“อา​ซูหลัว​คือ​อีก​ชื่อ​หนึ่ง​ของ​อา​ซิว​หลัว​ เป็น​ชื่อ​เรียก​ซึ่งมีเพียง​นักรบ​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ของ​เผ่า​อสูร​เท่านั้น​ที่จะ​มีได้​

“อา​ซูหลัว​รุ่น​ก่อน​ก็​คือ​ราชัน​อสูร​ นับตั้งแต่​ราชัน​อสูร​ถูก​พระพุทธเจ้า​สะกด​ไว้​ที่​ตีนเขา​อรัญ​ตา​ด้วย​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​ หลังจากที่​วายชนม์​แล้ว​ บุตร​คน​สุดท้อง​ของ​ราชัน​อสูร​จึงได้​กลายเป็น​อา​ซูหลัว​รุ่นใหม่​

“เขา​เห็น​การตาย​อย่าง​น่าเวทนา​ของ​บิดา​และ​พี่ชาย​ต่อหน้าต่อตา​ เพื่อที่จะ​ดำรง​เผ่าพันธุ์​สืบ​ต่อไป​ เขา​จึงเป็น​ผู้นำ​ใน​การ​ถวายตัว​เป็น​ศิษย์​สำนัก​พุทธ​ และ​ได้​บำเพ็ญ​ถึงระดับ​เต๋า​อรหันต์​ในที่สุด​

“เขา​แข็งแกร่ง​มาก​ ตอนที่​ได้ชื่อ​เป็น​พระโพธิสัตว์​ใน​ครั้งนั้น​ เขา​เป็น​คน​ที่​มีพลัง​ต่อสู้​เป็น​อันดับ​หนึ่ง​ของ​สำนัก​พุทธ​

“ตัว​อา​ซูหลัว​ก็​เป็น​นักรบ​ที่​ทรงพลัง​อย่างยิ่ง​ หลังจาก​ถวายตัว​เข้า​สำนัก​พุทธ​ก็​ฝึกฝน​พลัง​เทพ​วชิระ​ด้วย​ความบากบั่น​และ​ควบแน่น​ร่างกาย​วชิระ​ ต่อมา​เนื่องจาก​ล้มเหลว​ใน​การ​บำเพ็ญ​วิถี​วชิระ​ จึงหันมา​บำเพ็ญ​แนวทาง​ฉาน​ซือ​ และ​ได้รับ​ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​”

ระดับ​เต๋า​อรหันต์​ผนวก​กับ​ร่างกาย​วชิระ​…ได้​ฟังเพียง​การบรรยาย​ ผู้พิทักษ์​หง​อิง​ก็​จินตนาการ​ถึงความ​ทรงพลัง​และ​ความ​น่ากลัว​ของ​อา​ซูหลัว​ผู้​นั้น​ได้​แล้ว​

ผู้พิทักษ์​วานร​เอ่ย​ว่า​ “แล้ว​ต่อมา​เขา​ก็​ตาย​หรือ​”

ผู้อาวุโส​ชิงมู่พยักหน้า​พลาง​ว่า​

“ระหว่าง​การต่อสู้​ของ​พระอรหันต์​และ​ปีศาจ​ใน​ครานั้น​ เขา​ถูก​ท่าน​จอม​มาร​ของ​พวกเรา​สังหาร​เอง​กับ​มือ​”

เมื่อ​เอ่ยถึง​ตรงนี้​ ชาย​ชรา​ผู้​มีสีเขียว​อาบ​ร่าง​ก็​เหลือบมอง​เย่​จีพลาง​ว่า​

“คิดไม่ถึง​ว่า​เขา​จะไม่ตาย​ นี่​ตึง​มือ​กว่า​พระอรหันต์​ตู้​เอ้อร์​มาก​ทีเดียว​ เกรง​ว่า​จะยาก​ต่อ​การ​ดำเนิน​การตาม​แผน​ของ​จอม​มาร​”

จอม​มาร​คน​ก่อน​คือ​ราชัน​แห่ง​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​ใน​ครานั้น​

จอม​มาร​คน​ต่อมา​คือ​จอม​มาร​ใน​ปัจจุบัน​ ซึ่งก็​คือ​องค์​หญิง​ใน​ตอนนั้น​

เย่​จีมอง​หง​อิง​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “ผู้พิทักษ์​หง​อิง​ ได้​พบ​กับ​ราชา​หมี​หรือยัง​ ได้​เชิญเขา​ออกจาก​ภูเขา​หรือไม่​”

เมื่อ​เห็น​ทุกคน​มอง​มา หง​อิง​จึงยิ้ม​ขื่น​และ​ส่าย​หัว​พลาง​ว่า​

“ราชา​หมี​อยาก​นอน​ ไม่ยินดี​จะเดิน​ทางข้าม​น้ำ​ข้าม​ภูเขา​ ข้า​เชิญเขา​มาไม่ได้​ ไม่สิ ข้า​ไม่กล้า​แม้แต่​จะเข้าใกล้​เขา​…”

เป็นการ​รายงาน​ที่​ผีซ้ำด้ำพลอย​ขึ้นไป​อีก​

ผู้พิทักษ์​ชิงมู่ถอนหายใจ​ที​หนึ่ง​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “แผนการ​ตอนนี้​คือ​คิด​หา​วิธี​ถอดถอน​พลัง​ภายใน​ร่างกาย​ของ​ผู้อาวุโส​เย่​จี รักษา​ชีวิต​ไว้​สำคัญ​ที่สุด​”

เย่​จีพยุง​ตัว​ขึ้น​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “พวก​ท่าน​ออก​ไป​ก่อน​ ข้า​ต้องการ​ติดต่อ​กับ​องค์​หญิง​”

ผู้พิทักษ์​หง​อิง​และ​คนอื่นๆ​ ถอย​ออกจาก​ถ้ำราว​ยกภูเขาออกจากอก​

เย่​จีเลิก​ผ้าขนสัตว์​อ่อนนุ่ม​ นาง​ดึง​กล่อง​ไม้ใบ​หนึ่ง​จาก​ใต้​เตียง​ แล้ว​หยิบ​กระถางธูป​หัว​จิ้งจอก​ทองเหลือง​ขนาด​ประมาณ​ฝ่ามือ​และ​ธูป​สีดำ​หนึ่ง​ดอก​ออกมา​

นาง​จุด​ธูป​สีดำ​แล้ว​ปัก​ลง​ใน​กระถางธูป​

ควัน​สีดำ​ลอย​อวล​ เย่​จีสูด​ลมหายใจ​ลึก​และ​สูด​ควัน​ดำ​เข้าทาง​จมูก​

ทันใดนั้น​ ดวงจิต​อัน​ทรงพลัง​ก็​ตื่นขึ้น​ใน​ร่าง​ของ​นาง​ แสงสว่าง​วาบ​ออกจาก​ดวงตา​ข้าง​ซ้าย​ ดวงตา​ข้าง​ขวา​เป็นปกติ​

“ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​…”

เสียง​ทรง​เสน่ห์​เย้ายวน​ลอย​ออกจาก​ริมฝีปาก​แดง​ของ​นาง​ “เจ้าได้​พบ​กับ​ผู้ใด​”

เย่​จีกระซิบ​ว่า​

“องค์​หญิง​ ข้า​พบ​กับ​อา​ซูหลัว​ที่วัด​หนาน​ฝ่า เขา​ยัง​ไม่ตาย​เจ้าค่ะ​

“เมื่อคืน​ข้า​แอบ​เข้าไป​ใน​วัด​หนาน​ฝ่าเพื่อ​สืบ​ตำแหน่ง​ของ​ค่าย​กล​และ​ทำการ​ยืนยัน​ขั้นสุดท้าย​ จึงได้​พบ​กับ​อา​ซูหลัว​ที่​เฝ้าอยู่​นอก​ค่าย​กล​

“เวลา​นั้น​ข้า​อยู่​ห่าง​จาก​เขา​มาก​ เขา​เพียง​แค่น​เสียง​เย็น​ทีเดียว​ก็​โจมตี​ข้า​จน​บาดเจ็บ​ หาก​ไม่ได้​ทักษะ​การ​หลบหนี​ขั้นสูง​ของ​ข้า​ เกรง​ว่า​คง​กลับมา​ไม่ได้​แล้ว​”

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​นิ่งเงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ก่อน​ส่งเสียง​จุปาก​

“ตอนนั้น​ข้า​ฆ่าเขา​ไม่ตาย​รึ​ ข้า​เข้าใจ​แล้ว​ เป็น​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ผู้ควบคุม​ ‘ร่าง​ธรรม​สังสารวัฏ​’ ที่​ช่วย​เขา​และ​ส่งเขา​ไป​บำเพ็ญตน​ใหม่​ มีเพียง​วิธี​นี้​ เขา​จึงจะมีโอกาส​รอด​ได้​ใน​ครานั้น​”

“ย้อนกลับ​ไป​ห้า​ร้อย​ปี​”

เย่​จีขมวดคิ้ว​มุ่น​

“องค์​หญิง​โปรด​ช่วย​ข้า​ด้วย​

“เกรง​ว่า​แผน​การปลด​ผนึก​เสิน​ซูจะดำเนินการ​ได้​ยาก​แล้ว​ เว้นแต่​ท่าน​จะย้อนกลับ​ไป​”

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ยิ้ม​พลาง​ว่า​

“ข้า​ช่วย​เจ้าไม่ได้​หรอก​ ดวงจิต​ของ​ข้า​ยับยั้ง​ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​ไว้​ได้​ แต่​เจ้ามิอาจ​ทน​ให้​ดวงจิต​ของ​ข้า​อยู่​กับ​ตัว​ได้​ตลอด​ สอง​วัน​ให้หลัง​เจ้าต้อง​ตาย​แน่นอน​

“สำหรับ​แผนการ​ของ​เรา​ หึ​ ฝ่าย​ต่อต้าน​ใน​อวิ๋น​โจว​ก็​ประกาศ​ตน​เป็น​จักรพรรดิ​แล้ว​ การต่อสู้​เพื่อ​รวบ​รวมความ​เป็นหนึ่ง​ใน​ที่ราบ​ตอนกลาง​กำลังจะ​เริ่ม​ขึ้น​ พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่ต้อง​ออกจาก​ภูเขา​เป็นแน่​ ด้าน​สำนัก​พุทธ​ก็​สูญเสีย​ตู้​หนาน​ ตู้​ฝาน​ รวมถึง​อรหันต์​ตู้​ฉิงแล้ว​

“พระโพธิสัตว์​หลิว​หลี​ถูก​ท่าน​โหราจารย์​ทำร้าย​บาดเจ็บ​ กว่าง​เสีย​น​และ​ตู้​ฉิงนั่ง​บัญชาการ​อยู่​อรัญ​ตา​ เป็น​ช่วงเวลา​ที่​ดินแดน​พุทธ​ทาง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​กำลัง​ว่างเปล่า​ หาก​ไม่ปลด​ผนึก​ตอนนี้​จะต้อง​รอ​ไป​ถึงเมื่อไร​”

เย่​จีเอ่ย​ด้วย​ความขมขื่น​ว่า​ “บ่าว​ตาย​ก็​ไม่เสียดาย​ เพียงแต่​ เพียงแต่​ราชา​หมี​ไม่ได้มา​ตามที่​สัญญาไว้​ ด้วย​ความสามารถ​อัน​อ่อนด้อย​ของ​พวกเรา​ แม้ร่างกาย​และ​กระดูก​จะแหลก​เป็น​ผุยผง​ก็​มิอาจ​ทำงาน​ที่​ได้​รับมอบหมาย​จาก​องค์​หญิง​ให้​สำเร็จ​ได้​”

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ยิ้ม​น้อย​ๆ พลาง​ว่า​

“เจ้าใช่ว่า​อยาก​ตาย​ ตอนนี้​เจ้ากำลัง​เสียดาย​ชีวิต​สินะ​”

เย่​จีหน้า​เปลี่ยนสี​เล็กน้อย​

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​เอ่ย​ต่อว่า​ “เจ้าหมี​ขี้เกียจ​นั่น​ไม่มาก็​ช่างปะไร​ ข้า​หา​ตัว​ช่วย​มาให้​เจ้าแล้ว​ วันนี้​ก็​จะมาถึง อดใจ​รอ​ได้​เลย​ ปรนนิบัติ​เขา​ให้​ดี​ บางที​เขา​อาจ​ช่วยชีวิต​เจ้าได้​”

เย่​จีถามด้วย​ความระแวดระวัง​ “ผู้ใด​กัน​เจ้าคะ​”

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ยิ้ม​หยัน​พลาง​ว่า​ “ถึงเวลา​ก็​รู้​เอง​ จุๆ ใบหน้า​นวลลออ​เช่นนี้​ ข้า​เตรียม​ตั้งราคา​ไว้​นาน​แล้ว​ รอ​อย่าง​สบายใจ​เถอะ​”

แสงสว่าง​ใน​ดวงตา​ข้าง​ซ้าย​ของ​เย่​จีวูบ​หาย​ไป​ พร้อมกับ​ธูป​สีดำ​ที่​ดับ​ลง​

นาง​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​ที่​โต๊ะ​และ​นิ่งงัน​ไป​พักใหญ่​ ก่อน​เก็บ​ธูป​และ​กระถางธูป​ด้วย​สีหน้า​หนักอึ้ง​

จากนั้น​จึงสั่งให้​ปีศาจ​หญิง​ที่​ยืน​รอ​รับใช้​อยู่​นอก​ถ้ำไป​เชิญผู้พิทักษ์​ทั้ง​สาม

รอ​จน​พวก​หง​อิง​กลับมา​ เย่​จีซึ่งนั่งขัดสมาธิ​อยู่​ที่​เตียง​จึงเอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เย็นชา​ว่า​

“นาง​บอ​กว่า​จะมีคน​มาช่วย​เร็ว​ๆ นี้​ ให้​พวก​ท่าน​อดทน​รอ​”

ผู้พิทักษ์​ทั้ง​สามมีสีหน้า​ดีใจ​ หง​อิง​ไล่​ถามว่า​

“เป็น​เทพ​ผู้วิเศษ​จาก​ไหน​หรือ​”

เย่​จีสีหน้า​เย็นเยียบ​ขึ้นไป​อีก​พลาง​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ว่า​ “ไม่รู้​”

‘เอ๋​ ผู้อาวุโส​เย่​จีดู​ไม่สบายใจ​เอา​เสีย​เลย​…’ หง​อิง​สัมผัส​ท่าที​ที่​เปลี่ยนแปลง​ของ​นาง​ได้​อย่าง​ฉับไว​

วานร​ขาว​เหลือบมอง​เขา​พลาง​ว่า​

“ผู้อาวุโส​เย่​จี หง​อิง​ถามท่าน​ว่า​เหตุใด​จึงไม่สบายใจ​”

เย่​จีขมวดคิ้ว​พลาง​มอง​หง​อิง​ ก่อน​เอ่ย​อย่าง​ไม่พอใจ​ว่า​ “มากความ​!”

“…”

ปีศาจ​นก​อ้า​ปาก​หวอ​ พูดไม่ออก​

ภายใน​เจดีย์​พุทธะ​

ไป๋​จีนอนคว่ำ​อยู่​ข้าง​หน้าต่าง​ชั้น​สาม อุ้งเท้า​เล็ก​ๆ ทั้งสอง​คว้า​กรอบ​หน้าต่าง​ไว้​แน่น​ ร่างกาย​แขวน​ห้อย​อยู่​ครึ่ง​ท่อน​

มัน​หันหน้า​ด้วย​ความ​ตื่น​ “ด้านล่าง​เป็น​พื้นที่​โดยรอบ​ของ​ภูเขา​สือ​ว่าน​ละ​”

ขณะที่​พูด​ ขา​หลัง​สอง​ข้าง​ก็​ครูด​กับ​กำแพง​สอง​สามครั้ง​ จึงเอ่ย​วิงวอน​ว่า​

“สวี่​ชีอัน​ เจ้าอุ้ม​ข้า​หน่อย​สิ ข้า​เหนื่อย​เหลือเกิน​…”

สวี่​ชีอันเป็น​คน​ช่างเห็นอกเห็นใจ​ จึงหนีบ​หลัง​คอ​มัน​แล้ว​ยกขึ้น​กลางอากาศ​

“ไม่ใช่แบบนี้​ ไม่ใช่แบบนี้​ ไม่ไหว​จริงๆ​…”

ไป๋​จีกวัดแกว่ง​แขนขา​สะเปะสะปะ​

สวี่​ชีอัน​ไม่สนใจ​คำ​ทักท้วง​ของ​จิ้งจอก​น้อย​ เขา​มอง​ไป​ยัง​ภูมิประเทศ​ด้านล่าง​

ครั้งหนึ่ง​เขา​เคย​แคลงใจ​ที่​ตน​มาถึงป่า​บุพกาล​ เทือกเขา​ด้านล่าง​สลับซับซ้อน​ ป่า​หนา​ทึบ​ปกคลุม​เกือบ​ทั่ว​พื้นผิว​

โครงข่าย​สายน้ำ​ที่​ครอบคลุม​เปรียบเสมือน​เส้น​ลมปราณ​กระจาย​ไป​ทั่ว​ภูเขา​และ​ผืนป่า​

นี่​น่าจะเป็น​เขตภูเขา​กระมัง​ เพียงแต่​พื้นที่​นั้น​ใหญ่​เกินไป​ ทุกที่​ล้วน​เป็น​ภูเขา​ ไม่ว่า​ตรงไหน​ก็​เป็น​ป่า​บุ​พกา​ล.​..

อากาศ​สบาย​เสีย​จริง​ ไม่ร้อน​ไม่หนาว​ หาก​ราษฎร​ของ​ต้าฟ่ง​หนี​มาถึงที่นี่​ได้​ก็​จะพ้น​ทรมาน​จาก​ความ​หนาวเย็น​ น่าเสียดาย​ที่​ภูเขา​สือ​ว่าน​แห่ง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​อยู่​ห่าง​จาก​อาณาเขต​ต้าฟ่ง​มากเกินไป​ ใน​ยุค​นี้​การสัญจร​ก็​ยัง​ไม่พัฒนา​ ไม่มีทาง​ที่​ผู้ประสบภัย​จะเดินเท้า​มาถึงที่นี่​ได้​…

สวี่​ชีอัน​คิด​ไป​ต่างๆ​ นานา​ แล้ว​เอ่ย​ด้วย​ความ​สะท้อนใจ​ว่า​ “นี่​คือ​ภูเขา​สือ​ว่าน​ที่​ปีศาจ​ทักษิณ​ของ​พวก​เจ้าอาศัย​อยู่​มาหลาย​ชั่วอายุ​ใช่หรือไม่​”ช่างเป็น​ดินแดน​แห่ง​ขุมทรัพย์​ที่​มีทรัพยากร​มากมาย​จน​ยาก​จะจินตนาการ​จริงๆ​

หาก​ต้าฟ่ง​สามารถ​พิชิต​ดินแดน​ผืน​นี้​ได้​ แค่​ทรัพยากร​ป่าไม้​ก็​เก็บ​กัน​ไม่หวาดไม่ไหว​แล้ว​

“ลอย​…”

สวี่​ชีอัน​หันหลัง​กลับ​และ​เหลือบมอง​ไป​ยัง​มู่หนาน​จือ​ซึ่งกำลัง​ขอ​คำแนะนำ​วิชา​พุทธะ​กับ​ภิกษุ​ชรา​ถ่าห​ลิง​อยู่​ ก่อน​กระซิบ​ว่า​

“รีบ​บอก​มา เย่​จีพี่สาว​ของ​เจ้าอยู่​ที่ใด​”

…………………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท