บทที่ 653 ชิ้นส่วนที่เหลือของเสินซู

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

หลังจาก​ส่งข้อความ​ไป​ ผ่าน​ไป​นาน​ก็​ยัง​ไม่มีการ​ตอบกลับ​แต่อย่างใด​

“ราชครู​ ข้า​สวี่​ชีอัน​ไง ตอนนี้​ชีวิต​ข้า​กำลัง​เจอ​ช่วง​วิกฤต​ที่​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ จึงต้องการ​ความช่วยเหลือ​จาก​ท่าน​โดยด่วน​”

สวี่​ชีอัน​แสร้งว่า​กำลัง​เจอ​สถานการณ์​เลวร้าย​ เพื่อให้​อีก​ฝ่าย​เห็นใจ​

ทว่า​ยันต์​คุ้ม​กา​ยา​ใน​มือ​เขา​ก็​ยังคง​นิ่งเงียบ​ ไม่มีสิ่งใด​แตกต่าง​ไป​จาก​เดิม​ ราวกับ​ลั่วอวี้เหิง​ได้​ขาดการติดต่อ​ไป​

ไม่สิ ใน​สถานการณ์​เช่นนี้​ สำหรับ​ลั่วอวี้เหิง​แล้ว​ น่าจะเป็น​ฝ่าย​ข้า​ที่อยู่​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ขาดการติดต่อ​ไป​สิ…สวี่​ชีอัน​พูด​กับ​ตัวเอง​

“ราชครู​ ข้า​คือ​สวี่​หลา​งของ​ท่าน​เอง​ไง”

ลั่วอวี้เหิง​ก็​ยังคง​ไม่ตอบกลับ​

ดู​ท่าจะ​ติดต่อ​หา​นาง​ไม่ได้​จริงๆ​ ด้วย​! ท้ายที่สุด​สวี่​ชีอัน​ก็​แน่ใจ​แล้ว​ว่า​ตนเอง​กับ​ท่าน​น้า​ได้​ขาดการติดต่อ​กัน​แล้ว​

“ประการ​แรก​ อาจ​เป็น​เพราะ​ระยะทาง​ระหว่าง​ข้า​และ​ราชครู​นั้น​ ห่างไกล​เกิน​กว่า​ที่​ยันต์​คุ้ม​กา​ยา​จะส่งข้อความ​หา​ถึงได้​ ซึ่งก็​อธิบาย​ทั่วไป​ได้​ว่า​ไม่มีสัญญาณนั่นเอง​!”

พูด​กัน​ตรงๆ​ ยันต์​คุ้ม​กา​ยา​ก็​เป็น​เพียง​วิชา​ส่งกระแสจิต​ของ​สำนัก​พุทธ​อย่างหนึ่ง​เท่านั้น​ หาก​ให้​เทียบ​กับ​อาวุธ​เวทมนตร์​ของ​สำนัก​โหราจารย์​ที่​ใช้ส่งกระแสจิต​โดยเฉพาะ​ก็​ย่อม​ห่าง​ชั้น​กัน​มาก​อยู่​

“ประการ​ต่อมา​ ลั่วอวี้เหิง​อาจ​ยังอยู่​ใน​ช่วง​เก็บตัว​ เพราะ​ชะตากรรม​ของ​นาง​ใกล้​เข้ามา​ทุกที​แล้ว​ และ​การ​สะสมพลัง​เพื่อ​รับมือ​กับ​ชะตากรรม​ก็​เป็น​สิ่งที่​สำคัญ​ที่สุด​ หากว่า​กำลัง​เก็บตัว​อยู่​จริงๆ​ เช่นนั้น​ก็​เป็นเรื่อง​ปกติ​ที่​ข้า​จะติดต่อ​หา​นาง​ไม่ได้​ มีเพียงแต่​ต้อง​รอ​ให้​ไฟแห่ง​กรรม​ของ​นาง​ใกล้​ถึงขีดสุด​ก่อน​ นาง​ถึงจะออก​มาหา​ข้า​ด้วยตัวเอง​ได้​”

เมื่อ​คิดถึง​จุด​นี้​ สวี่​ชีอัน​ก็​รู้สึก​ผิด​ขึ้น​มาเล็กน้อย​ เนื่องจาก​เรื่อง​ชะตากรรม​ส่งผล​ต่อ​ความเป็นความตาย​ของ​ลั่วอวี้เหิง​ นาง​จึงต้อง​รับมือ​อย่าง​สุดความสามารถ​ เวลานี้​เลย​ไม่สมควร​ที่จะ​ใช้นาง​เป็น​เครื่องมือ​

“ประการ​สุดท้าย​ หลังจาก​สังคม​รู้เรื่อง​น่าอับอาย​ของ​ลั่วอวี้เหิง​จึงยังอยู่​ใน​ช่วง​ยากลำบาก​ที่จะ​เจอ​หน้า​ใคร​ เลย​ไม่อยาก​จะตอบกลับ​”

แต่​เรื่อง​นี้​ก็​ไม่น่า​เป็นไปได้​ เพราะ​ด้วย​นิสัย​และ​กลอุบาย​ของ​ท่าน​น้า​แล้ว​ เรื่อง​น่าอับอาย​เพียง​แค่นี้​ย่อม​ทน​รับได้​อยู่แล้ว​

หา​กห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ยัง​หน้าหนา​ใช้ชีวิต​ได้​ตามปกติ​ เรื่อง​น่าอับอาย​ของ​ท่าน​น้า​ก็​เป็น​แค่​เรื่อง​ขี้ปะติ๋ว​…ถึงกระนั้น​เขา​ก็​ยัง​คิด​อย่าง​ไม่สบายใจ​อยู่​เล็กน้อย​

ตอนนั้น​เอง​เย่​จีที่​คลุม​ร่าง​ด้วย​ผ้า​บาง​ๆ ก็​เข้ามา​สวมกอด​สวี่​ชีอัน​จาก​ด้านหลัง​ พร้อม​วาง​คาง​ไว้​บน​ไหล่​ของ​เขา​ และ​เอ่ย​เสียงหวาน​ว่า​ “สวี่​หลา​ง ถือ​ยันต์​ไว้​ทำ​อัน​ใด​หรือ​?”

ติดต่อ​กับ​พี่สาว​ของ​เจ้าไงเล่า​…จากนั้น​สวี่​ชีอัน​ก็​ตอบ​ว่า​ “ข้า​อยาก​จะเชิญราชครู​ให้​มาช่วย​จัดการ​เรื่อง​อา​ซูหลัว​ แต่​เหมือนว่า​นาง​จะเก็บตัว​อยู่​น่ะ​ หรือไม่​ก็​ ระยะทาง​ระหว่าง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​กับ​เมืองหลวง​มัน​ไกล​เกินไป​ จึงส่งข้อความ​ไป​ไม่ถึง”

เย่​จีจึงขมวดคิ้ว​ถามว่า​ “เช่นนั้น​ควร​ทำ​อย่างไร​ดี​”

สวี่​ชีอัน​แปลกใจ​เล็กน้อย​ที่​นาง​ไม่ได้​ถามตน​ว่า​เหตุใด​ถึงมีความสามารถ​ที่จะ​เชิญลั่วอวี้เหิง​ได้​ แต่​ไม่นาน​ก็​รู้​ได้​ทันที​ว่า​นี่​คือ​ฝูเซียง​ที่​มีจิต​ใจดี​เข้า​อก​เข้าใจ​คนอื่น​

นาง​ไม่เคย​ถามเรื่องส่วนตัว​ของ​สวี่​ชีอัน​กับ​ผู้หญิง​คนอื่น​ และ​ไม่เคย​ซัก​ถามถึงความลับ​ของ​เขา​เลย​

“วางใจ​เถิด​ ข้า​ยังมี​คนอื่น​ที่​คัดเลือก​มาแล้ว​อีก​หนึ่ง​คน​”

จากนั้น​สวี่​ชีอัน​ก็​กวักมือ​ไป​ทาง​ฉาก​กั้น​ลม​ แล้ว​เศษชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ก็​ลอย​เหาะ​ออกจาก​กระเป๋าเสื้อ​มาอยู่​กลางฝ่ามือ​ทันใด​

เขา​นำ​ยันต์​คุ้ม​กา​ยา​เก็บ​กลับ​เข้าไป​ใน​เศษชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ แล้ว​เอา​หอยสังข์​กระแสจิต​ออกมา​

ท่าน​โหราจารย์​เคย​พูด​ไว้​ว่า​ หอยสังข์​นี้​สามารถ​ติดต่อ​ซุน​เสวียน​จีได้​ทั่วทุกแห่ง​หน​ใน​จิ่ว​โจว​ ซึ่งเป็น​อาวุธ​เวทมนตร์​ส่งกระแสจิต​ที่​แสน​ล้ำค่า​ยิ่ง​ของ​สำนัก​โหราจารย์​

ขณะเดียวกัน​ที่​สวี่​ชีอัน​กำลัง​ถือ​หอยสังข์​นั้น​ เขา​ก็​ใคร่ครวญ​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​ก็​นำ​หอยสังข์​เก็บ​กลับ​ไป​ แล้ว​หันหลัง​ไป​กด​ตัว​ฝูเซียง​นั่งลง​ขอบ​อ่าง​น้ำ​ โดย​ให้​นาง​ค้ำ​ยัน​ขอบ​อ่าง​ ก่อน​จะยก​สะโพก​ของ​นาง​ขึ้น​

“พวกเรา​มาแนบชิด​อิง​กาย​กัน​อี​กรอบ​สักหน่อย​เถิด​ พอ​เสร็จ​แล้ว​ข้า​จะตามหา​เขา​”

สวี่​ชีอัน​ที่​เคย​ถูก​ศิษย์​พี่​ซุน​สร้าง​บาดแผล​ทางจิต​ใจมาแล้ว​ จึงไม่ได้​ส่งข้อความ​ทั้งหมด​ไป​ แม้ทาง​ด้าน​นี้​กำลัง​อาบน้ำ​อยู่​ รุ่นพี่​เสวียน​ย่อม​ปรากฏตัว​ออกมา​แน่​

จากนั้น​เขา​ก็​หยิก​บริเวณ​เอว​น้อย​ๆ ของ​ฝูเซียง…​

ซึ่งสภาพร่าง​ใน​ตอนนี้​ประหนึ่ง​ดั่ง​บุปผา​งามบอบบาง​เจอ​ฝน​ครั้งแรก​ กอปร​กับ​นาง​กำลัง​ฟื้นตัว​จาก​อาการ​บาดเจ็บสาหัส​ ร่างกาย​จึงยัง​อ่อนแอ​อยู่​เล็กน้อย​ แต่​ด้วย​ความ​ที่​สวี่​ชีอัน​ไม่ได้​นอน​กับ​นาง​มานาน​ จึงกระทำ​อย่าง​รุนแรง​หนักหน่วง​

“ศิษย์​พี่​ซุน​ ข้า​อยู่​ที่​ภูเขา​สือ​ว่าน​ใน​เขต​ชายแดน​ซินเจียง​ตอน​ใต้​…” เขา​กล่าว​อย่าง​เรียบง่าย​เพียง​รอบ​เดียว​

“ได้​!” ซุน​เสวียน​จีก็​ตอบกลับ​อย่าง​สั้น​ๆ มาทันที​

“สวี่​หลา​ง ข้า​จะไป​เอา​ส่วนที่เหลือ​ของ​ไต้​ซือ​ก่อน​ เจ้ารอ​อีก​สักหน่อย​นะ​ ข้า​จะกลับมา​ก่อน​ฟ้ามืด​”

ยาม​นี้​เย่​จีได้​สวม​เสื้อผ้า​เสร็จ​เรียบร้อย​ นาง​แต่งกาย​ด้วย​ชุด​กระโปรง​รัด​อก​สีอ่อน​ดู​ราบเรียบ​ ใส่คู่​กับ​เสื้อคลุม​สีเขียว​อ่อน​ ซึ่งเป็น​ชุด​ที่​ค่อนข้าง​สุภาพ​ดู​มีมารยาท​ทีเดียว​ และ​ชุด​บน​ร่าง​ที่​ฝูเซียง​สวมใส่​ ก็​ยัง​ให้​อารมณ์​คล้าย​กับ​กุลสตรี​ที่​มาจาก​ตระกูล​ใหญ่​สูงศักดิ์​อีกด้วย​

ถึงกระนั้น​ชุด​ที่​เย่​จีสวมใส่​ใน​ตอนนี้​ กลับ​ดู​ยั่วยวน​อยู่​เล็กน้อย​

เรือนร่าง​ของ​นาง​ช่างมีเสน่ห์​เหลือล้น​ แม้จะพูด​กัน​ว่า​รูปร่าง​ของ​เผ่า​จิ้งจอก​มีชื่อเสียง​เรื่อง​งามจน​ดึงดูดใจ​ผู้คน​เป็น​ทุนเดิม​ แต่​ด้วย​ความ​งามสง่าบน​เรือนร่าง​นั้น​ ก็​สามารถ​ยั่วยวน​ล่อใจ​ชาย​ได้​ตลอดเวลา​ ต่อให้​นาง​จะแต่ง​ชุด​ที่​เรียบร้อย​กว่า​นี้​ ก็​เหมือนว่า​จะยิ่ง​มีเสน่ห์​ยั่วเย้า​มากกว่า​เดิม​เสีย​อีก​

ซึ่งความงาม​ชวน​หลงใหล​ของ​หลิน​อัน​กับ​ความงาม​ที่​ดู​ยั่วยวน​ของ​ฝูเซียง​ทั้งสอง​นี้​แตก​ต่างกัน​อย่าง​สิ้นเชิง​

คน​แรก​งดงาม​ระดับชาติ​ ส่วน​คน​หลัง​ก็​งามน่า​ดึงดูดใจ​ฉบับ​ปีศาจ​

หลังจาก​สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​ตอบ​ ฝูเซียง​ถึงค่อย​เดิน​ออก​ไป​

เมื่อ​ถึงยาม​พลบค่ำ​ สวี่​ชีอัน​ที่​กำลัง​นั่งขัดสมาธิ​ฝึก​คุม​ลมหายใจ​เข้าออก​อยู่​ใน​ถ้ำนั้น​ ใน​ใจก็​พลัน​สัมผัส​อะไร​ได้​บางอย่าง​ จึงออกจาก​ถ้ำ มายัง​ทุบ​เขา​

ครา​แรก​เขา​ถูก​เสียง​ร้องเพลง​ดังสนั่น​ดึงดูด​ ตอนนั้น​เอง​ก็​เห็น​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางกำลัง​ถือ​ขวด​สุรา​ พลาง​ร้องเพลง​เต้นรำ​กับ​วิหค​มาร​หง​อิง​ โดย​ทั้งสอง​เกี่ยว​แขน​และ​เต้น​หมุน​ไป​รอบ​ๆ เช่นนั้น​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางแหกปาก​ร้องเพลง​ที่​มีเนื้อหา​ลามก​สัปดน​อย่าง​ยาม​อยู่​หอ​คณิกา​ ส่วน​หง​อิง​ก็​ร้องเพลง​ชาวเขา​ที่​เป็น​เอกลักษณ์​ของ​ซินเจียง​ตอน​ใต้​

ทั้ง​ยังมี​ปีศาจ​สาว​หลาย​ตน​คอย​เต้น​อยู่​รอบ​ๆ พวกเขา​ทั้งสอง​

ด้าน​ผู้พิทักษ์​ชิงมู่และ​ผู้พิทักษ์​วานร​ขาว​ก็​นั่ง​ชมอยู่​ข้างๆ​ โดย​คน​หลัง​มีใบ​หน้าที่​บวม​ช้ำ คง​เพิ่ง​ผ่าน​การ​ชกต่อย​มาแน่นอน​

ทว่า​มีโหร​ชุด​ขาว​คน​หนึ่ง​กำลัง​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​ของ​ทุกคน​ รูปร่าง​สูงใหญ่​ธรรมดา​ หน้าตา​พื้นๆ​ กลิ่นอาย​ทั่วไป​ เขา​ดู​ธรรมดา​เกินไป​ จึงไม่มีใคร​สังเกตเห็น​การ​มาของ​เขา​

เมื่อ​ทุกคน​รับรู้​ได้​ว่า​สวี่​ชีอัน​ออกมา​แล้ว​ ก็​พลัน​หันไป​มอง​พร้อม​หยุด​เต้นรำ​ทันที​

“ศิษย์​พี่​ซุน​!” สวี่​ชีอัน​ตะโกนเรียก​

ทุกคน​ที่​หันมา​ล้วน​มีสีหน้า​แปลกใจ​ เพราะ​ไม่รับรู้​ว่า​มีคน​มาโผล่​อยู่​ที่​ด้านหลัง​อย่าง​กะทันหัน​

ซุน​เสวียน​จีพยักหน้า​ ก่อน​จะกระโดด​ลง​จน​เกิด​แสงสว่าง​ใต้​ฝ่าเท้า​ และ​มาปรากฏ​อยู่​เบื้องหน้า​สวี่​ชีอัน​

“ไฉน​ศิษย์​พี่​ไม่เข้ามา​ข้างใน​เล่า​?” สวี่​ชีอัน​เผย​รอยยิ้ม​ตื่นเต้น​ดีใจ​

ศิษย์​พี่​ซุน​เป็น​เครื่องมือ​ที่​ดี​ที่สุด​ เพราะ​พละกำลัง​แข็งแกร่ง​ ทั้ง​ยัง​ไม่พูดมาก​อีกด้วย​

วานร​ขาว​จ้องมอง​คนแปลกหน้า​คน​นี้​โดยไม่รู้ตัว​ และ​มอง​ลึก​ไป​ถึงจิตใจ​ข้างใน​อย่าง​ทะลุปรุโปร่ง​ด้วย​ดวงตา​สีฟ้าคู่​นั้น​ แล้ว​ค่อยๆ​ พูด​ขึ้น​ว่า​ “จิตใจ​ของ​ผู้​มีฝีมือ​คน​นี้​ได้​บอก​กับ​ข้า​ว่า​ : ข้า​เพิ่ง​ลง​ใต้​ไป​ยัง​ชิงโจว​พอดี​ เพราะ​ตัดสินใจ​จะช่วย​เสริม​ทัพ​ของ​ท่าน​อาจารย์​ ซึ่งเดินทาง​ไป​ได้​ครึ่งทาง​แล้ว​ แต่​ระยะทาง​ค่อนข้าง​ไกล​ ทำเอา​ข้า​เหน็ดเหนื่อย​มาก​ ก็​เพิ่ง​ได้​พัก​นี่แหละ​”

สวี่​ชีอัน​เห็น​ว่า​ศิษย์​พี่​มีสีหน้า​เรียบ​นิ่ง​ชัด​ๆ

“คน​ผู้​นี้​คือ​ผู้พิทักษ์​หยวน​ เขา​สามารถ​ใน​การ​มอง​จิตใจ​ของ​ผู้คน​ได้​ทะลุปรุโปร่ง​ และ​กำลัง​บำเพ็ญ​วิชา​อ่านใจ​ของ​สำนัก​พุทธ​ ซึ่งเยี่ยมยอด​ยิ่ง​”

สวี่​ชีอัน​พลัน​แนะนำ​ผู้พิทักษ์​หยวน​ให้​ซุน​เสวียน​จีรู้จัก​ ยาม​พูด​ก็​ใจเต้น​แรง​ไป​ด้วย​ “ผู้พิทักษ์​หยวน​ ช่วย​ตาม​ข้า​เข้าไป​ด้านใน​ด้วย​”

ช่วย​แปล​แทน​ข้า​ที​…

ซุน​เสวียน​จีหันหน้า​เหลือบมอง​ผู้พิทักษ์​หยวน​ปราด​หนึ่ง​ ก่อน​จะตาม​สวี่​ชีอัน​เข้าไป​ข้างใน​ถ้ำ

ผู้พิทักษ์​ชิงมู่ก็​เอ่ย​เตือน​ว่า​ “คน​ผู้​นั้น​คือ​โหร​ระดับ​เหนือ​มนุษย์​ อย่า​ไป​พูดจา​ไร้สาระ​แล้วกัน​ เข้าใจ​หรือไม่​”

ผู้พิทักษ์​หยวน​หันกลับ​ไป​มอง​ผู้พิทักษ์​ชิงมู่ “แต่​ใน​ใจของ​ผู้อาวุโส​มู่ชิงกำลัง​พูดว่า​ : เจ้าลิง​บ้า​นี่​ จะดี​ที่สุด​ถ้ามัน​พูดจา​พล่อยๆ​ ไม่หยุด​ ข้า​รอ​ให้​เจ้าโดน​ถลก​หนัง​หัก​กระดูก​อยู่​นะ​”

ผู้พิทักษ์​ชิงมู่หน้าแดง​ทันใด​ มือ​ที่​กำ​ไม้เท้า​เถาวัลย์​ประเดี๋ยว​ก็​กำ​แน่น​ ประเดี๋ยว​ก็​คลาย​มือ​วน​อยู่​อย่างนั้น​

ผู้พิทักษ์​หง​อิง​ทำเป็น​ไม่รู้เห็น​ แล้ว​พูด​เร่ง​อีก​ฝ่าย​ “รีบ​เข้าไป​เถอะ​ อย่า​ให้​ฆ้อง​เงิน​สวี่รอ​นาน​เลย​”

ผู้พิทักษ์​หยวน​จึงพยักหน้า​ ก่อน​จะเข้าไป​ใน​ถ้ำ

“ผู้พิทักษ์​คน​นี้​น่าสน​ใจดี​ทีเดียว​…”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางที่​เพิ่งจะ​เห็น​เหตุการณ์​ทุกอย่าง​กับ​ตา​ ก็​มอง​ไป​ทาง​หง​อิง​โดยพลัน​

เนื่องจาก​เพิ่งจะ​ร้องเพลง​เต้นรำ​มา ใน​หัวสมอง​จึงไร้​ซึ่งความคิด​อื่นๆ​ ทว่า​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางที่ซ่อน​เรื่อง​น่าอาย​เอาไว้​ ก็​ไม่ได้​ตระหนักถึง​ความ​น่ากลัว​และ​อำมหิต​ของ​ผู้พิทักษ์​หยวน​

ผู้พิทักษ์​หง​อิง​ถอนหายใจ​ “ตอน​เด็ก​ผู้พิทักษ์​หยวน​เป็น​ทาส​รับใช้​ใน​วัด​ ต่อมา​พอ​อายุ​มากขึ้น​ ความสามารถ​ก็​ค่อยๆ​ ตื่นขึ้น​มาด้วย​ และ​ได้​แอบ​ร่ำเรียน​วิชา​อ่านใจ​ของ​สำนัก​พุทธ​โดยบังเอิญ​ ตั้งแต่​ตอนนั้น​ก็​ไม่สามารถ​ควบคุม​ความสามารถ​ได้​อีก​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางก็​เข้าใจ​เรื่องราว​ได้​ในทันที​ “เหตุใด​เขา​ถึงกลายเป็น​คน​ฝ่าย​เดียว​กับ​พวกเรา​ได้​ล่ะ​?”

ผ่าน​ไป​แค่​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​สั้น​ๆ เขา​ก็ได้​กลายเป็น​ครอบครัว​เดียวกัน​กับ​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​แห่ง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​แล้ว​

ผู้พิทักษ์​หง​อิง​มุ่ย​ปาก​ “หลัง​ๆ ภิกษุ​ใน​วัด​ก็​ทน​เขา​ไม่ไหว​น่ะ​ เลย​ขับไล่​เขา​ออกจาก​สำนัก​พุทธ​ และ​ปล่อยไป​ตามยถากรรม​”

บ้า​ไป​แล้ว​! เหมียว​โห​ย่ว​ฟางลอบ​สบถ​ ยาม​เจอ​หน้า​ผู้พิทักษ์​หยวน​ ต้อง​ทำให้​จิต​ประหนึ่ง​คันฉ่อง​ใส ไร้​มลทิน​ให้​มัวหมอง​เสียแล้ว​

ผู้พิทักษ์​หง​อิง​มอง​เขา​ปราด​หนึ่ง​ “ผู้พิทักษ์​หยวน​อยู่​ขั้น​สี่แล้ว​ ความสามารถ​นั่น​ย่อม​แข็งแกร่ง​กว่า​เดิม​แน่​ ยอด​ฝีมือ​ระดับ​เหนือ​มนุษย์​ที่​ไม่อาจ​หักห้าม​ความคิด​ตน​ ก็​มีโอกาส​โดน​เขา​อ่านใจ​ได้​ ความ​แข็งแกร่ง​ใน​ขั้น​สี่นี้​ นอกจาก​สำนัก​พุทธ​และ​พ่อ​มด​แล้ว​ บางที​อาจ​ไม่มีวิธี​ป้องกัน​ความสามารถ​ของ​ผู้พิทักษ์​หยวน​ได้​ด้วยซ้ำ​”

ทาง​ด้าน​ภายใน​ถ้ำนั้น​ สวี่​ชีอัน​ก็​เล่า​สถานการณ์​ให้​ซุน​เสวียน​จีฟังอย่าง​ละเอียด​ แล้ว​ถามว่า​ “ศิษย์​พี่​ซุน​เห็น​ว่า​อย่างไร​?”

แต่​ซุน​เสวียน​จีมิได้​กล่าว​อัน​ใด​ สวี่​ชีอัน​เลย​เหลือบมอง​ผู้พิทักษ์​หยวน​ ซึ่งเขา​ก็​รู้​เจตนา​ของ​สวี่​ชีอัน​ได้​ในทันที​ ก็​จ้องมอง​ซุน​เสวียน​จีด้วย​ดวงตา​สีฟ้า ก่อน​พูดว่า​ “ใน​ใจศิษย์​พี่​ซุน​ท่าน​นี้​พูดว่า​ : เจ้ารับผิดชอบ​จัดการ​อา​ซูหลัว​ ส่วน​ข้า​จะทำลาย​ค่าย​กล​เอง​ เรื่อง​อย่าง​การ​เอาชีวิต​ไป​ทิ้ง​ข้า​ไม่ทำ​หรอก​!”

จากนั้น​ซุน​เสวียน​จีก็​รีบ​เอ่ย​ทันใด​ “หลัง​…หลัง​…”

สวี่​ชีอัน​จึงพูด​แทน​เขา​ให้​ “ประโยค​หลัง​ไม่ต้อง​พูด​ออกมา​ก็ได้​”

ผู้พิทักษ์​วานร​ขาว​พยักหน้า​

สวี่​ชีอัน​พูด​ต่อ​ “ไม่มีปัญหา​ อา​ซูหลัว​ปล่อย​ให้​ข้า​จัดการ​ ข้า​จะพยายาม​สกัดกั้น​เขา​ให้ได้​มาก​ที่สุด​ ศิษย์​พี่​ซุน​ ท่าน​ก็​รับผิดชอบ​ทำลาย​ค่าย​กล​ใหญ่​ของ​ฉาน​ซือ​นะ​”

ใน​ความคิด​ของ​เขา​ แผนการ​นี้​ดู​สมเหตุสมผล​ที่สุด​แล้ว​ ให้​โหร​ทำลาย​ค่าย​กล​ ก็​นับว่า​ตรง​กับ​สถานะ​ของ​เขา​พอดี​

การ​ให้​จอม​ยุทธ์​จัดการ​เทพ​อารักษ์​ ก็​นับว่า​เหมาะกับ​สถานะ​เช่นกัน​ ซึ่งก็​เสมือน​หัน​มีด​ปลาย​ปืน​เข้าใส่​กัน​[1] เพื่อ​ดู​ว่า​ใคร​แข็งแกร่ง​กว่า​!

จากนั้น​สวี่​ชีอัน​ก็​ถามเข้า​ประเด็น​ “ก่อนหน้านี้​ศิษย์​พี่​ซุน​บอ​กว่า​จะไป​ช่วย​ท่าน​โหราจารย์​รบ​ที่​ชิงโจว​หรือ​?”

ซุน​เสวียน​จีพลัน​ยืน​เอา​มือ​ไพล่หลัง​ โดย​ไม่กล่าว​อะไร​

ผู้พิทักษ์​หยวน​จึงเอ่ย​ว่า​ “กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​กำลัง​โจมตีชิง​โจว​ ท่าน​อาจารย์​และ​ศิษย์​พี่​ไต้​ซือ​ยัง​ต้อง​ต่อสู้​กับ​พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่ด้วย​ และ​ต้าฟ่ง​ก็​ขาดแคลน​ผู้​มีฝีมือ​ระดับ​เหนือ​มนุษย์​ ข้า​เลย​อยาก​จะไป​ร่วม​รบ​ที่​แนวหน้า​”

สวี่​ชีอัน​ใจสลด​ทันที​ “เช่นนี้​จะไม่เป็นการ​เสียโอกาส​ไป​รบ​หรือ​?”

ซุน​เสวียน​จีส่ายหน้า​ ผู้พิทักษ์​หยวน​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ “ยิ่ง​เก็บ​ซ่อน​มีด​ลึก​เท่าใด​ ศัตรู​ก็​ยิ่ง​หวาดกลัว​มาก​เท่านั้น​ เพียงแค่​ช่วง​ระยะสั้น​ๆ ไม่น่า​เกิดเหตุ​อะไร​ นอกจากนี้​ กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​กำลัง​รอ​การ​โจมตีจาก​กองทหาร​ของ​สำนัก​พุทธ​แดน​ประจิม​ หาก​พวกเรา​ทาง​นี้​สร้าง​ความวุ่นวาย​ได้​มาก​ก็​ยิ่ง​ดี​ เช่นนี้​ก็​จะสามารถ​สกัดกั้น​ฝ่าย​ศัตรู​ด้วย​”

อีก​อย่าง​ การ​ที่​กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ดึง​สำนัก​พุทธ​ลง​ไป​พัวพัน​ ย่อม​ไม่ใช่แค่​พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่คนเดียว​ ก็​คง​ขอความช่วยเหลือ​จาก​กองทหาร​ของ​แดน​ประจิม​ด้วย​…หาก​ข้า​สามารถ​สกัดกั้น​กองทหาร​ของ​แดน​ประจิม​ได้​ ความกดดัน​ใน​ราชสำนัก​ก็​อาจ​ลดลง​ไม่น้อย​…สวี่​ชีอัน​ผงกศีรษะ​

เวลา​นั้น​เอง​เขา​ก็​เห็น​ดวงตา​สีฟ้าของ​ผู้พิทักษ์​หยวน​กำลัง​จดจ้อง​มาที่​ตน​ จึงรีบ​ส่าย​มือ​ใส่ทันที​

“ไม่จำเป็นต้อง​พูด​ความคิด​ของ​ข้า​ออกมา​”

ผู้พิทักษ์​หยวน​พยักหน้า​ เพราะ​ถึงอย่างไร​เขา​ก็​ไม่อยาก​โดน​ท่า​ตบยุง​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​อีก​

ขณะนั้น​เอง​ เสียง​ฝีเท้า​จาก​ทางเดิน​ก็​ดัง​เข้ามา​ เป็น​เย่​จีที่​กำลัง​แบก​กล่อง​ขนาดใหญ่​กล่อง​หนึ่ง​กลับมา​

‘ปัง​!’

นาง​วาง​กล่อง​ลง​กับ​พื้น​ ทำให้เกิด​เสียงดัง​กึกก้อง​

เสียง​วาง​กล่อง​นี้​ดึง​ดู​งสายตา​ของ​ทุก​คนใน​ทันใด​ กล่อง​เป็น​สีดำ​สนิท​ แต่​ก็​มีความ​แวววาว​จาก​โลหะ​ โดย​ด้านนอก​ถูก​สลัก​ด้วย​อ​พุทธ​มนต์​เต็มไปหมด​ ราวกับ​เป็น​ค่าย​กล​ปิดผนึก​บางอย่าง​

“นี่​คือ​ตรา​ค่าย​กล​ปิดผนึก​ของ​สำนัก​พุทธ​ที่​จักรพรรดินี​ทรง​สลัก​เอง​กับ​มือ​ เพื่อ​ใช้ปราบ​ส่วนที่เหลือ​ของ​ไต้​ซือเสิน​ซู ซึ่งทุกๆ​ สิบ​ปี​จะต้อง​สังเวย​วิญญาณ​ของ​สิ่งที่​มีชีวิต​มากมาย​หลาย​ดวง​ มิเช่นนั้น​ผนึก​อาจ​ถูก​คลาย​ออก​ได้​”

เย่​จีกล่าว​อย่าง​กังวล​เล็กน้อย​ “หาก​คลาย​ผนึก​ตอนนี้​ออก​ องค์​หญิง​ไม่อยู่​ มัน​ก็​เป็นเรื่อง​ยาก​ที่จะ​ปิดผนึก​ใหม่​อีกครั้ง​”

ผู้พิทักษ์​หยวน​มอง​ซุน​เสวียน​จี แล้ว​พูดว่า​ “ใน​ใจของ​ศิษย์​พี่​ซุน​ท่าน​นี้​ได้​บอก​ข้า​ว่า​ เฮอะ​ ค่าย​กล​ของ​สำนัก​พุทธ​ทั้ง​สุกเอาเผากิน​และ​ไร้ค่า​ ประเดี๋ยว​ข้า​จะแสดง​ฝีมือ​ให้​ดู​ จะทำให้​พวก​เจ้าอึ้ง​กัน​ไป​เลย​”

ยาม​นี้​มุมปาก​ซุน​เสวียน​จีกระตุก​อย่าง​แรง​

ที่แท้​ศิษย์​พี่​ซุน​ผู้​มีใบหน้า​แสน​ซื่อตรง​ ก็​มีความคิด​ที่​ไม่เรียบร้อย​ด้วย​เหมือนกัน​ ตามที่​คาดคิด​นิสัย​อย่าง​การเสแสร้ง​หรือ​การเที่ยว​สำราญ​หวัง​กินเปล่า​ก็​เป็นเรื่อง​ธรรมชาติ​ของ​มนุษย์​ทั้งสิ้น​…สวี่​ชีอัน​พยายาม​กลั้น​ยิ้ม​เอาไว้​

“อะ​แฮ่ม!” เขา​ทำ​เสียง​ไอ​ ก่อน​จะพูดว่า​ “เปิด​กัน​เลย​เถอะ​”

เย่​จีพยักหน้า​ แล้ว​หยิบ​กุญแจ​สีเขียว​ดอก​หนึ่ง​ออกมา​ ก้มตัว​ลง​เสียบ​กุญแจ​เข้าไป​

‘แก​ร๊ก!’​

เสียง​เปิด​ดัง​ขึ้น​ภายใน​นั้น​ จากนั้น​กลิ่นอาย​ที่​ทั้ง​น่ากลัว​และ​แข็งแกร่ง​ก็​กระจาย​ไป​ทั่ว​ถ้ำ

ผู้พิทักษ์​หยวน​เดินโซเซ​ล้ม​ลง​กับ​พื้น​ ตัวสั่น​ไม่หยุด​

ส่วน​เย่​จีใบหน้า​งามก็​พลัน​ซีดเซียว​และ​ถอยหลัง​อย่าง​ต่อเนื่อง​

ทว่า​ด้าน​ซุน​เสวียน​จีและ​สวี่​ชีอัน​กลับ​นิ่ง​ไม่ไหวติง​ และ​มอง​ไป​ที่​ข้างใน​กล่อง​พร้อมกัน​

ไต้​ซือเสิน​ซูคน​นี้​มีความจำ​มาก​น้อย​เท่าใด​ เป็น​คน​นิสัย​อย่างไร​กัน​? หาก​สามารถ​ทำได้​ จะให้​มัน​ไป​เจอ​มือ​ที่​ขาด​อยู่​ใน​เจดีย์​พุทธะ​ก็แล้วกัน​…สวี่​ชีอัน​คิดในใจ​

………………………………………….

[1] หัน​มีด​ปลาย​ปืน​เข้าใส่​กัน​ (拼刺刀) เป็น​คำ​แสลง​หมายถึง​ชาย​สอง​คน​ที่​แข่งขัน​หรือ​ทะเลาะ​กัน​

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท