บทที่ 656 พลังแห่งสายเลือด

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

‘ตึง​!’

ศีรษะ​มนุษย์​ร่วง​ลง​บน​พื้น​ ส่งเสียงดัง​ชัดเจน​ ระหว่าง​กลิ้ง​ลุ​นๆ​ หมวก​คลุม​หลุด​ออก​ เผย​ให้​เห็น​ส่วนหัว​ที่​หลอม​ด้วย​เหล็ก​ ฝังไม้มะเกลือ​สีเข้ม​

ป้อม​ปืน​ลอย​เด่น​อยู่​ใน​อากาศ​ไม่ไหวติง​ ท่าน​กลาง​ลำแสง​เจิด​จรัส​ ปรากฏ​ชาย​ชุด​ขาว​คน​หนึ่ง​ มีหน้าตา​ธรรมดา​ ความสูง​ทั่วๆ ไป​ อารมณ์​สงบ​ปกติ​ เขา​เป็น​ศิษย์​พี่​สอง​ที่​ไม่ธรรมดา​ของ​สำนัก​โหราจารย์​

ซุน​เสวียน​จียืน​ประนมมือ​ มอง​อา​ซูหลัว​อยู่​บน​ยอด​เจดีย์​

อา​ซูหลัว​เหวี่ยง​มือ​ เปลี่ยน​หุ่นเชิด​อาวุธ​วิเศษ​ราคาแพง​ให้​กลายเป็น​ผุยผง​

ใน​ฐานะ​พ่อ​มด​ที่​ไม่เก่ง​เรื่อง​การต่อสู้​แบบ​ตัวต่อตัว​ ซุน​เสวียน​จีและ​ขั้น​สามใน​ระบบ​อื่น​จะเป็น​เหมือนกัน​ เมื่อ​เผชิญหน้า​กับ​จอม​ยุทธ์​ก็​จะมีความระมัดระวัง​เป็นพิเศษ​

ซึ่งแตกต่าง​จาก​ยอด​ฝีมือ​ระบบ​อื่นๆ​ พ่อ​มด​ที่​เชี่ยวชาญ​ใน​การ​ปรับ​แต่ง​อาวุธ​วิเศษ​ มีความเข้าใจ​อย่าง​ลึกซึ้ง​เกี่ยวกับ​เส้น​ทางการ​อัดฉีด​ ทำให้​ลงมือ​ได้​ใน​วงกว้าง​ขึ้น​และ​ตบตา​ได้​มากขึ้น​

หุ่นเชิด​สิ่งประดิษฐ์​นี้​เป็นหนึ่ง​ใน​ผล​งานชิ้นเอก​ของ​ซุน​เสวียน​จี ร่างกาย​ของ​มัน​แข็งแกร่ง​กว่า​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สี่ ซึ่งมีค่าย​กล​เล็ก​ๆ เก้า​สิบ​เก้า​ชิ้น​สลัก​ไว้​อยู่​บน​ลำตัว​ สามารถ​ใช้ค่าย​กล​เคลื่อนย้าย​ ค่าย​กล​คุ้มภัย​และ​ค่าย​กล​ใหญ่​ห้า​ธาตุ​

แขน​ทั้งสอง​ข้าง​เป็น​ปืนใหญ่​ขนาดเล็ก​ที่​ถ้ายอด​ฝีมือ​ขั้น​สี่ถูก​ยิง​เข้า​ เป็น​ต้อง​เจ็บ​สาหัส​ทุกราย​

นอกจากนี้​ ความสามารถ​หลัก​ของ​มัน​คือ​ค่าย​กล​ชุมนุม​ทวยเทพ​ที่​สลัก​อยู่​บน​ขมับ​ ซุน​เสวียน​จีสามารถ​แยก​จิต​เดิม​ได้​

หุ่นเชิด​สามารถ​ปลดปล่อย​พลัง​ของ​พ่อ​มด​ขั้น​สามได้​ใน​ระยะเวลา​อัน​สั้น​

อย่างไรก็ตาม​เมื่อ​จิต​เดิม​ติด​อยู่​กับ​หุ่นเชิด​ ร่าง​ของ​ซุน​เสวียน​จีไม่สามารถ​ทำหน้าที่​ได้​เพราะ​พลัง​ของ​หุ่นเชิด​จะด้อย​กว่า​ร่าง​จริง​เล็กน้อย​

ดังนั้น​หุ่นเชิด​วิเศษ​จึงไม่สามารถ​ใช้งาน​ได้​จริง​ แต่​เมื่อ​พูดถึง​การ​ใช้เหยื่อ​ มัน​ก็​สมบูรณ์แบบ​ใช้ได้​

ถ้าอา​ซูหลัว​ไม่มีกำลังสำรอง​ ซุน​เสวียน​จีคง​ฉวยโอกาส​นี้​บุก​เข้า​ทำลาย​เจดีย์​ปิดผนึก​ ปลด​ปล่อยมือ​เท้า​ทั้ง​สี่ของ​เสิน​ซู

ในทางกลับกัน​ ก็​สามารถ​ทดสอบ​ไพ่​ใบ​สุดท้าย​ของ​อา​ซูหลัว​ได้​

เห็นได้ชัด​ว่า​บุตรชาย​คน​สุดท้อง​ของ​ราชัน​อสูร​ผู้​นี้​ไม่ใช่คนธรรมดา​ เขา​มีการ​เตรียมการ​ล่วงหน้า​เช่นเดียวกัน​

“พ่อ​มด​แห่ง​ต้าฟ่ง”​

อา​ซูหลัว​เอ่ย​เนิบนาบ​ เขา​ถูกโค่น​ใน​การกวาดล้าง​ปีศาจ​หกสิบ​ปี​ และ​ในเวลานั้น​ ระบบ​พ่อ​มด​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​มาแล้ว​หลาย​ร้อย​ปี​

“ทาน​พละ​!”

ซุน​เสวียน​จีสบถ​เพียง​สอง​คำ​

สิ้น​คำ​ อา​ซูหลัว​ที่​สู้รบตบมือ​กับ​สวี่​ชีอัน​ก็​สลาย​กลายเป็น​แสงสีทอง​อร่าม​

หนึ่ง​ใน​สามพละ​ของ​พระอรหันต์​ ได้แก่​ ทาน​พละ​

ทาน​พละ​ ตาม​ความหมาย​ของ​ชื่อ​ ควร​ได้รับ​การ​สนับสนุน​จาก​สวรรค์​ เพราะ​เป็นธรรม​ที่​ลึกซึ้ง​ที่สุด​ใน​สำนัก​พุทธ​ พระอรหันต์​ผู้​ที่​พิสูจน์​การ​สมาทาน​ทาน​พละ​ได้​นั้น​ จึงถือ​เป็นหนึ่ง​ใน​ผู้​มีเมตตา​ใน​ไม่กี่​คน​

ทาน​พละ​มีความสามารถ​หลัก​ๆ สอง​ประการ​คือ​ การ​ให้พร​และ​รับ​ทาน​

การ​ให้พร​ ฆราวาส​จะต้อง​ถวาย​เครื่อง​สักการะ​และ​ขอพร​ จากนั้น​พระอรหันต์​ผู้รับผิดชอบ​ทาน​พละ​จะสามารถ​บรรลุ​ตาม​ความปรารถนา​ของ​ฆราวาส​ผู้​นั้น​ได้​

แน่นอน​ว่า​มีข้อจำกัด​ใน​เรื่อง​นี้​และ​เป็นไปไม่ได้​ที่จะ​บรรลุ​ความปรารถนา​ใดๆ​

การ​รับ​ทาน​ พระอรหันต์​ผู้​ครอง​พละ​ จะสามารถ​ร้องขอ​เครื่อง​สักการะ​ได้​

ด้านใน​เจดีย์​ปิดผนึก​ จะมีแท่น​สำหรับ​ว่า​อัฐิ​ธาตุ​ทาน​พละ​

ก่อน​สงคราม​ อา​ซูหลัว​ที่​เตรียมการ​มาเป็นเวลา​นาน​ คอย​ถวาย​เครื่อง​สักการะ​ ขอพร​กับ​อัฐิ​ธาตุ​ โดย​อธิษฐาน​ขอให้​มีผู้ช่วย​ที่​เหมือนกับ​ตัว​เขา​เอง​

อัฐิ​ธาตุ​ตอบรับ​คำวิงวอน​จาก​เขา​ ด้วย​พลัง​ทาน​พละ​อัน​แรงกล้า​ จึงจัดหา​ผู้ช่วย​ที่​เหมือน​อา​ซูหลัว​ทุก​ประการ​

หลังจากนั้น​ อา​ซูหลัว​ก็​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​พื้นที่​โดยรอบ​

ตลอด​ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​ คน​ที่​ต่อสู้​กับ​สวี่​ชีอัน​ตลอดมา​คือ​ผู้ช่วย​ที่​ถูก​ ‘เรียก​’ โดย​อัฐิ​ธาตุ​ ไม่ใช่ตัว​อา​ซูหลัว​เอง​

ผู้ช่วย​คน​นี้​ถูก​จำกัด​ตาม​ลักษณะนิสัย​อัฐิ​ธาตุ​ แม้ว่า​มัน​จะลอกเลียน​ความสามารถ​ของ​อา​ซูหลัว​ได้​ทุก​กระเบียด​นิ้ว​ แต่​ก็​ไม่สามารถ​บำเพ็ญ​ได้​ถึงขั้น​สามระดับ​ต้น​

และ​มีอายุขัย​สั้น​มาก​ สามารถ​ใช้งาน​ได้​เพียง​ชั่วขณะหนึ่ง​ ไม่สามารถ​ใช้นานๆ​

อา​ซูหลัว​กำลัง​หลอกล่อ​สหาย​คู่คิด​ของ​สวี่​ชีอัน​ แน่นอน​ว่า​เขา​สามารถ​เลือก​โจมตี​ได้​พร้อม​ร่าง​เสมือน​ แต่​ทำ​เช่นนั้น​เป็น​เพียง​แหวก​หญ้า​ให้​งูตื่น​ ทำให้​สวี่​ชีอัน​ตกใจ​เท่านั้น​

ทั้งสองฝ่าย​ยัง​ไม่ได้​ต่อสู้​กัน​ ต่าง​ฝ่าย​ต่าง​วางแผน​และ​วางกับดัก​

ผลลัพธ์​ที่​ได้​คือ​ครึ่งต่อครึ่ง​

“การ​จับตาดู​ครั้ง​ล่าสุด​ของ​ข้า​ ทำให้​ความระแวดระวัง​เจ้าเพิ่มมากขึ้น​รึ​?”

สวี่​ชีอัน​กระชับ​ดาบ​ไท่​ผิง​ใน​มือขวา​ สืบเท้า​มุ่งตรง​ไป​ยัง​เจดีย์​ปิดผนึก​

“พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​คาดการณ์​ไว้​แล้ว​ว่า​ ปีศาจ​ทักษิณ​จะใช้ประโยชน์​จาก​สำนัก​พุทธ​เข้าแทรกแซง​ตอน​ระบบ​ศูนย์กลาง​ดั้งเดิม​ขัดแย้ง​กัน​ รอ​สบโอกาส​ยึดครอง​ภูเขา​สือ​ว่าน​”

น้ำเสียง​ยัง​หนุ่ม​ทุ้ม​นุ่ม​ของ​อา​ซูหลัว​เอ่ย​ขึ้น​ “จึงฝาก​ให้​ข้าเฝ้า​ซินเจียง​ตอน​ใต้​รึ​”

ข้า​เกลียด​ศัตรู​ที่​มีสมอง​เสีย​จริง​…หัวเข่า​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​สวี่​ชีอัน​พุ่ง​ลง​กระแทก​อา​ซูหลัว​ราวกับ​ลูกธนู​ ดาบ​ไท่​ผิง​ใน​มือ​ฟัน​แสงดาบ​พร่างพราย​ออก​ไป​ บิดเบี้ยว​กลางอากาศ​

ตึง​!

ดาบ​ไท่​ผิง​ชะงัก​ค้าง​ระหว่าง​สอง​นิ้ว​ แม้น​จะคลาย​ปราณ​ดาบ​ ก็​หา​ได้​ทำลาย​กา​ยา​ศักดิ์สิทธิ์​เทพ​อารักษ์​ของ​อา​ซูหลัว​ไม่

สวี่​ชีอัน​พลิก​หมุนตัว​ราวกับ​ลูกข่าง​ หมุน​คม​ดาบ​ไท่​ผิง​ให้​หลุดพ้น​จาก​นิ้ว​ศัตรู​

อา​ซูหลัว​ที่​ชัก​นิ้ว​กลับ​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ “ละเว้น​การ​เอาชีวิต​!”

เมื่อ​พลัง​แห่ง​ศีล​พ่น​ออกมา​ ทำให้​เขา​ไม่คิด​สู้หรือ​ต่อต้าน​

จิตวิญญาณ​การต่อสู้​อ่อนแรง​

ทันใดนั้น​ วงแหวน​เพลิง​ที่อยู่​ด้านหลัง​ศีรษะ​อา​ซูหลัว​ก็​ม้อด​ดับ​ลง​ ก่อน​แทนที่​ด้วย​แสงสีทอง​สุก​สกาว​

บุคลิก​ของ​เขา​เปลี่ยนไป​อย่าง​มาก​ ทั้ง​เผด็จการ​ ดุร้าย​และ​เยือกเย็น​ เหมือน​อาวุธ​วิเศษ​ที่​ไร้​ปลอก​หุ้ม​

เจดีย์​พุทธะ​หมุน​วน​ด้วย​แรงกดดัน​ สั่นสะเทือน​ปลดปล่อย​พลัง​แห่ง​การ​ปราบปราม​ พยายาม​ส่งผล​ต่อ​อา​ซูหลัว​ เพื่อ​ลดทอน​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​เขา​

ตุ้บ​!

อา​ซูหลัว​กำหมัด​แน่น​ เมิน​พลัง​ที่​ส่งมาจาก​เจดีย์​พุทธะ​ เหวี่ยง​หมัด​เข้า​กลา​งอก​สวี่​ชีอัน​ ผิวหนัง​สีทอง​เข้ม​ที่​ถูก​เขา​ชก​ปริ​แตก​ ทรวงอก​ยวบ​ยุบ​ใน​ทันใด​

พลัง​แห่ง​การ​แยก​ขันธ์​ เป็นที่​เลื่องชื่อ​ใน​การ​โจมตี​อัน​ทรงพลัง​ ทำให้​พลัง​เทพ​วชิระ​แตกสลาย​โดยตรง​

หาก​ไม่สามารถ​ทำลาย​พลัง​เทพ​วชิระ​ลง​ได้​ อา​ซูหลัว​จะมีคุณสมบัติ​ให้​เรียก​ว่า​พระโพธิสัตว์​คน​ต่อไป​ได้​อย่างไร​ พลัง​รบ​ต้อง​มาก่อน​ไม่ใช่หรือ​?

ร่าง​อวตาร​สวี่​ชีอัน​กระโจน​ออก​ไป​ ถล่ม​ทั้ง​กุฏิ​และ​วิหาร​หลัง​แล้ว​หลัง​เล่า​ จน​ฝุ่นตลบ​กลบ​สิ่งโสมมใน​วัด​หนาน​ฝ่า

เจดีย์​ที่​สุญเสียการ​ปลุกเสก​จาก​เจ้านาย​ ทั้งที่​ตั้งใจ​จะโน้มน้าว​พระอรหันต์​ผู้​ที่​บรรลุ​ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​ จึงจำใจเล็กน้อย​

เวลานี้​ อา​ซูหลัว​พลัน​หัน​ด้าน​ข้าง​ แสงดาบ​สีทอง​เข้ม​พุ่ง​ผ่านหน้า​เขา​ หาย​ลับ​ไป​ใน​ตัวอาคาร​วัด​หนาน​ฝ่า

ไม่กี่​วินาที​ต่อมา​ ทั้ง​อาคาร​และ​วิหาร​ก็​ระเบิด​ เหมือนกับ​เต้าหู้​ถูก​บด​ด้วย​ใบ​มีด​

สวี่​ชีอัน​อาศัย​กระโจน​ตาม​แสงเงา ปรากฏ​กาย​เงียบๆ​ ด้านหลัง​อา​ซูหลัว​เพื่อ​โจมตี​ เพราะ​มีความสามารถ​ปกปิด​ลมปราณ​จาก​ ‘วิชา​ดวง​ดารา​ผัน​เปลี่ยน​’ ของ​เทียน​กู่​ ทำให้​สัญชาตญาณ​ล่วงรู้​อันตราย​ชาว​ยุทธ์​ของ​อา​ซูหลัว​ไม่แจ้งเตือน​

แสงวาบ​เมื่อครู่นี้​ เกิด​จาก​การ​ตอบสนอง​จาก​สถานที่​แห่ง​นั้น​เอง​

แต่​สิ่งนี้​ยัง​ทำให้​อา​ซูหลัว​พลาดโอกาส​ ขณะ​หลบหลีก​แสงดาบ​ด้าน​ข้าง​ สวี่​ชีอัน​ก็​ก้าว​ขึ้น​มาพร้อมกับ​กำปั้น​ซ้าย​และ​กระบี่​ใน​มือขวา​ รวม​ประสาน​การต่อสู้​

ตุ้บ​ ตุ้บ​ ตุ้บ​!

กำปั้น​ของ​เขา​เหมือน​ปืนใหญ่​ที่​ระเบิด​บน​ร่าง​อา​ซูหลัว​อย่าง​หนาแน่น​ราวกับ​สายฝน​

วง​ล้อ​แห่ง​แสงที่อยู่​ด้านหลัง​ศีรษะ​ของ​อา​ซูหลัว​วน​บรรจบ​กัน​ จากนั้น​วงแหวน​เพลิง​ลุกโชน​เสียงดัง​ ‘พรึ่บ​’ ส่องสว่าง​ท่ามกลาง​ม่าน​รัตติกาล​

ไม่หลงเหลือ​รอยต่อ​สลับ​ไปมา​ระหว่าง​พระอรหันต์​กับ​เทพ​อารักษ์​อีกต่อไป​

ร่างกาย​ที่​สูงใหญ่​เป็น​ทุนเดิม​ของ​เขา​ ค่อยๆ​ ระเบิด​กล้ามเนื้อ​ ขยับขยาย​ใหญ่​ขึ้น​

ตึง​!

เทพ​อารักษ์​อสูร​ผู้​นี้​ใช้ค้อน​ทุบ​หน้าผาก​สวี่​ชีอัน​ เขา​ขัดขวาง​จังหวะ​ต่อเนื่อง​ของ​สวี่​ชีอัน​ด้วย​พลัง​ที่​แข็งแกร่ง​และ​เหนือ​ยิ่งกว่า​

ภาพ​เบื้องหน้า​มืดมัว​ ในขณะที่​หมดสติ​ไป​ครู่หนึ่ง​ สวี่​ชีอัน​นึกถึง​คำพูด​ของ​ฝูเซียง​ขึ้น​มาได้​ว่า​ อา​ซูหลัว​บำเพ็ญ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ล้มเหลว​ จึงเปลี่ยนไป​พึ่ง​ระบบ​วิชา​ฉาน​

คุณสมบัติ​ของ​ผู้​ที่จะ​ฝึกฝน​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ได้​ ทั้ง​พลัง​ของ​เขา​ พลัง​ปราณ​ อย่าง​น้อย​ๆ อยู่​ใน​ขั้น​สามที่​สมบูรณ์​

สิ่งเดียว​ที่​สามารถ​ขัดขวาง​การเคลื่อนไหว​อย่าง​ต่อเนื่อง​ของ​จอม​ยุทธ์​ได้​คือ​จอม​ยุทธ์​ที่​ทรงพลัง​กว่า​

ครู่​ต่อมา​ การ​ไล่​รุก​และ​ป้องกัน​ผัน​เปลี่ยน​ วงแหวน​เพลิง​ด้านหลัง​อา​ซูหลัว​มอด​ลง​ วง​ล้อ​ส่องสว่าง​ขึ้น​ จากนั้น​กำปั้น​ห่อหุ้ม​ด้วย​พลัง​เต๋า​แยก​ขันธ์​ ทะลวง​ลึก​บน​ร่าง​สวี่​ชีอัน​จน​ยุบตัว​เป็น​รู​ลึก​

ครา​นี้​ สวี่​ชีอันเป็น​ฝ่าย​ตก​อยู่​ใน​สถานการณ์​อัน​น่า​สิ้นหวัง​จาก​การ​ถูก​โจมตี​ซ้ำๆ จาก​จอม​ยุทธ์​

ด้วย​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​อา​ซูหลัว​ ด้วย​อาการ​บาดเจ็บ​จาก​พลัง​เต๋า​แยก​ขันธ์​ที่​ ‘ไม่มีสิ้นสุด​’ แม้ว่า​จะไม่สามารถ​สังหาร​จอม​ยุทธ์​ผู้​เป็น​อมตะ​ได้​ หาก​แต่​สามารถ​ทำให้​สถานภาพ​และ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​เขา​ลดหลั่น​ลง​

ความ​สมดุล​ของ​ชัยชนะ​จึงเอนเอียง​

พอ​เห็น​ฉาก​นี้​แล้ว​ ภิกษุ​วัด​หนาน​ฝ่าต่าง​ส่งเสียง​โห่ร้อง​ ราวกับ​รู้สึก​โล่งใจ​อย่าง​แท้จริง​

อา​ซูหลัว​ผู้​สูงส่งอยู่ยงคงกระพัน​ ไม่มีใคร​สามารถ​เอาชนะ​เขา​ได้​

ผู้​สูงส่ง เป็น​คำ​เรียกขาน​ของ​เหล่า​สาวก​พระพุทธเจ้า​

พระพุทธเจ้า​ตรัสรู้​เป็นเวลา​หลาย​พันปี​ สาวก​ส่วนใหญ่​ของ​พระองค์​ได้​ถูก​ทำลายล้าง​ใน​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​

สำนัก​พุทธ​ใน​ปัจจุบัน​ ผู้​ที่​สามารถ​เรียก​ได้​ว่า​เป็น​ผู้​สูงส่ง มีเพียง​พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่ พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ และ​อีก​คน​คือ​บุตร​คน​สุดท้อง​ของ​ราชัน​อสูร​ผู้​นี้​

และ​เช่นเดียวกับ​พระโพธิสัตว์​หลิว​หลี​ ผู้​สูงส่งอย่าง​พระอรหันต์​ถือเป็น​ดาวรุ่ง​ใน​พระพุทธศาสนา​

“ท่าน​ทั้งหลาย​ร่วม​สร้าง​ค่าย​กล​โดยเร็ว​ ปิดล้อม​ลาน​ประจิม​ อย่า​ปล่อย​ให้​โจร​กับ​สหาย​ร่วม​คิด​หนี​ไป​ได้​” เหล่า​จอม​ยุทธ์​ภิกษุ​พา​กัน​ออกจาก​วัด​ตั้ง​กองกำลัง​ช่วยกัน​ดับไฟ​ และ​จับ​ผู้วางเพลิง​

ภิกษุ​เฒ่าหนวดเครา​และ​คิ้ว​ขาว​ตะโกน​

“ขอรับ​ ผู้อาวุโส​ผา​น​ฝ่า!”

เหล่า​ภิกษุ​เปี่ยม​ด้วย​จิตวิญญาณ​แห่ง​การต่อสู้​ กลืน​เอา​ความกลัว​และ​ตื่นตระหนก​หาย​ไป​

ซุน​เสวียน​จีไม่ได้​อยู่​เฉย​ๆ เมื่อ​ซูฉีอัน​ ‘ต้อน​’ อา​ซูหลัว​ไว้​ เขา​ยืน​อยู่​บน​ขอบ​ป้อม​ปืน​พลาง​ค่อยๆ​ อ้าแขน​ออก​

ค่าย​กล​ทรงกลม​ปรากฏ​ขึ้น​จาก​ขมับ​เขา​ พร้อมกับ​ลวดลาย​ดูเหมือน​เปลวไฟ​บิดเบี้ยว​

ป้อม​ปืน​สิบสอง​อัน​ลอย​เด่น​อยู่​ใน​อากาศ​ เคลื่อน​เข้าไป​ใน​ค่าย​กล​ ทันทีที่​สัมผัส​ ตัว​ปืน​หล่อ​ด้วย​เหล็กกล้า​หลอมละลาย​อย่าง​รวดเร็ว​ ขจัด​เอา​สิ่งสกปรก​ออก​ ก่อน​กลายเป็น​เหล็ก​เหลว​เปล่งประกาย​

เหล็ก​หลอมเหลว​ลอย​อยู่​เหนือศีรษะ​ซุน​เสวียน​จี ก่อน​ย้อม​เสื้อคลุม​สีขาว​กลายเป็น​ส้ม

ค่าย​กล​ครั้ง​ที่สอง​ก่อตัว​ขึ้น​ ปกคลุม​เหล็ก​หลอมเหลว​จำนวนมาก​ ท่ามกลาง​เสียง​ “ฟู่ๆ” เหล็ก​เหลว​คลาย​ความร้อน​อย่าง​รวดเร็ว​

ใน​ระหว่าง​เหล็ก​เหลว​กำลัง​คาย​ความร้อน​ กระบอกปืน​ขนาดใหญ่​ถูก​ขัดเกลา​จน​แน่นหนา​ จากนั้น​ตัว​ปืน​จึงก่อตัว​ขึ้น​

ต้นแบบ​ปืนใหญ่​ขนาด​ยักษ์​ได้​ถือกำเนิด​

พ่อ​มด​ผู้ควบคุม​การ​ก่อ​ร่าง​สร้าง​ค่าย​กล​ ได้​กล่าว​อำลา​เครื่อง​หลอม​และ​เปลวเพลิง​

จากนั้น​ ซุน​เสวียน​จีกรีดกราย​นิ้วมือ​ วาดรูป​ค่าย​กล​กลางอากาศ​ ปืน​แต่ละ​กระบอก​มีรูปร่าง​ที่​แตก​ต่างกัน​ เป็น​สัญลักษณ์​ของ​พลัง​ด้าน​ต่างๆ​ ที่​แตก​ต่างกัน​ พวก​มัน​ถูก​สลัก​อย่าง​เป็นระเบียบ​บน​ปืนใหญ่​ยักษ์​

หรือ​ใช้เพื่อ​เสริม​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​ตัว​ปืน​ หรือ​ใช้ใน​การ​รวบรวม​พลัง​วิญญาณ​…ใน​หลาย​สิบ​อึดใจ​ จึงก่อร่างสร้างตัว​หลาย​สิบ​รูปแบบ​

ปืนใหญ่​วิเศษ​ที่​มีปาก​กระบอก​ขนาดใหญ่​ได้รับ​การ​ขัดเกลา​ลุล่วง​แล้ว​

‘เป๊าะ​!’

ซุน​เสวียน​จีดีดนิ้ว​ ลวดลาย​บน​ลำ​ปืน​ก็​สว่าง​ขึ้น​ทีละ​อัน​ ส่งผลให้เกิด​ปฏิกิริยาลูกโซ่​ โดย​ลวดลาย​บน​กระบอกปืน​เปล่า​งแสงสว่าง​ทั้งหมด​

พลัง​วิญญาณ​ที่​แข็งแกร่ง​เริ่ม​รวมตัวกัน​ กลุ่ม​แสงขนาด​เท่า​กำปั้น​สว่าง​วาบ​จาก​ปากกระบอกปืน​ ด้วย​ความหนาแน่น​ของ​พลัง​วิญญาณ​ กลุ่ม​ลำแสง​ยิ่ง​ขยาย​กว้าง​ขึ้น​

กระบวนการ​นี้​ใช้เวลา​ราวๆ​ สิบ​วินาที​ ทันใดนั้น​ซุน​เสวียน​จีก็​ตะโกน​ขึ้น​

“ยุบ​ลง​!”

สิ้น​เสียง​ อา​ซูหลัว​ผู้​ระเบิด​พลัง​กำลัง​ไล่ล่า​โจมตี​สวี่​ชีอัน​อย่าง​ดุเดือด​ จน​หน้าอก​พลัน​ยุบตัว​ ตาม​ด้วย​ท้องน้อย​ ซี่โครง​ หลัง​และ​ไหล่​…อาการ​ยุบตัว​ต่าง​ระดับ​กัน​เกิดขึ้น​ทั่ว​ร่างกาย​

ผิ​วสี​ทอง​เข้ม​แตกระแหง​เป็นขุย​ราวกับ​เครื่อง​ปั้น​ลายคราม​

ทันทีที่​พลัง​เทพ​วชิระ​ของ​เขา​ล้มเหลว​ลง​ อวัยวะภายใน​ทั้งหมด​ได้รับ​ความเสียหาย​อย่าง​รุนแรง​ รวมถึง​ลมปราณ​อ่อนกำลัง​ลง​

หยก​สลาย​!

สวี่​ชีอัน​เริ่ม​การ​บดขยี้​หยก​สลาย​ คืน​ความเสียหาย​ที่​เขา​ได้รับ​ถึงหกสิบ​เปอร์เซ็นต์​

นี่​คือ​ขีดจำกัด​ที่​หยก​สลาย​ทำได้​

สวี่​ชีอัน​อาศัย​ตอน​อา​ซูหลัว​บาดเจ็บ​ แทรกซึม​กับ​ร่าง​เงาปรากฏตัว​อยู่​ใน​ระยะ​ไกลๆ​

‘เป๊าะ​!’

ซุน​เสวียน​จีดีดนิ้ว​

ตู้​ม!

กระบอกปืน​พ่น​แสงเจิดจ้า​ออกมา​ ก่อน​ลำแสง​ที่​มีเส้นผ่านศูนย์กลาง​หนึ่ง​หมี่​จะห่อหุ้ม​อา​ซูหลัว​

วัด​หนาน​ฝ่าทั้งหมด​ส่องสว่าง​ด้วย​ลำแสง​นี้​สว่างไสว​ราวกับ​กลางวัน​

เหล่า​ภิกษุ​ต่าง​จ้องมอง​ลำแสง​นี้​เหมือนกับ​กำลัง​มอง​ดวงตะวัน​ จน​ดวงตา​ที่เกิด​ระคายเคือง​หลั่ง​น้ำตา​ระอุ​อุ่น​ออกมา​

พวกเขา​ไม่เข้าใจ​สถานการณ์​พลิกผัน​กะทันหัน​ตรงหน้า​เลย​แม้แต่น้อย​

แข็ง​แกร็ง​มาก.​..สวี่​ชีอัน​หรี่ตา​ จับจ้อง​ลำแสง​นี้​ตา​ไม่กะพริบ​

ปลาย​ยอด​เจดีย์​พุทธะ​ ปรากฏ​ร่าง​ธรรม​เชี่ยวชาญ​โอสถ​ แสงทอง​อำไพ​ที่​โปรย​ลง​มาจาก​ขวด​หยก​ ช่วย​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​ของ​เขา​และ​เมื่อ​รวม​กับ​ความสามารถ​ใน​การรักษา​ตน​อัน​แข็งแกร่ง​ของ​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สาม พลัง​ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​จะค่อยๆ​ ขับ​ออกมา​ทีละ​นิด​

สมกับ​เป็น​พลัง​ระดับ​เต๋า​แยก​ขันธ์​ซึ่งเป็น​ของ​เลื่องชื่อ​ด้าน​พลัง​สงคราม​ใน​สำนัก​พุทธ​ขั้น​สอง​ แม้ว่า​จะเทียบ​ไม่ได้​กับ​กระบี่​สยบ​ดินแดน​ แต่​เมื่อ​สะสมไว้​ไม่มาก​ก็​น้อย​ ก็​สามารถ​ควบคุม​การรักษา​ตน​ของ​จอม​ยุทธ์​ขั้น​เหนือ​ชั้น​ได้​…

การต่อสู้​เพียงลำพัง​ ข้า​คง​เอาชนะ​อา​ซูหลัว​ไม่ได้​ หยก​สลาย​เอง​ก็​คืน​ความเสียหาย​ได้​เพียง​หกสิบ​เปอร์เซ็นต์​เท่านั้น​ ฆ่าศัตรู​แปด​ร้อย​ตน​เจ็บ​พัน​ โชคดี​แท้ๆ​ ที่​มีร่าง​ธรรม​เชี่ยวชาญ​โอสถ​…

สวี่​ชีอัน​ใน​ใจยังคง​หวาดผวา​

ยอด​ฝีมือ​สำนัก​พุทธ​ผู้​อยู่​ขั้น​สอง​ผนวก​สาม มีพละกำลัง​มาก​พอ​จะข่มขวัญ​

การ​ยิง​ถล่ม​เต็มอัตรา​ของ​ศิษย์​พี่​ซุน​ร่วมกับ​อาการ​บาดเจ็บ​ที่​หยก​สลาย​ของ​ข้า​ก่อ​ไว้​ แม้อา​ซูหลัว​จะไม่ตาย​ในทันที​ แต่​คง​พอให้​คุกคาม​ไม่ได้​อีก​

สถานการณ์​โดยรวม​ถูก​กําหนดไว้​แล้ว​!

ลำแสง​ยังคง​รักษา​ลมปราณ​ไว้​ประมาณ​ยี่สิบ​ครั้ง​ ก่อน​หมด​ความ​แข็งแกร่ง​แล้ว​ค่อยๆ​ สลาย​ไป​

เงาร่าง​อา​ซูหลัว​นั่งขัดสมาธิ​ปรากฏ​ท่ามกลาง​สายตา​ของ​ทุกคน​ ลำแสง​โจมตี​จน​เป็น​หลุม​ลึก​และ​เขา​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​กลาง​หลุม​

จีวร​บน​ร่างกาย​ถูก​เผาไหม้​ ผิวหนัง​บุตร​คน​สุดท้อง​ของ​ราชัน​อสูร​ผู้​นี้​เกือบ​ไหม้​เกรียม​ ยัง​เผย​ให้​เห็น​เนื้อ​สีแดง​อ่อนนุ่ม​ที่​ละลาย​เหมือน​ขี้ผึ้ง​

สิ่งที่​น่า​สะพรึง​ที่สุด​คือ​ศีรษะ​และ​เนื้อหนัง​เขา​ถูก​เผา​จน​เห็น​กะโหลก​ที่​ไหม้​เกรียม​

อวัยวะ​ทั้ง​ห้า​บน​ใบหน้า​หลอม​รวมกัน​เหมือน​หุ่นขี้ผึ้ง​ละลาย​ หลงเหลือ​เพียง​สอง​เบ้าตา​กลายเป็น​หลุมดำ​ ลูกตา​หาย​ไป​

หยก​สลาย​ของ​สวี่​ชีอัน​ทำให้​ร่าง​ทอง​ของ​อา​ซูหลัว​แหลก​สลาย​ อวัยวะภายใน​บาดเจ็บสาหัส​

แม้เขา​จะใช้วิชา​ฉาน​ใน​ตอน​ต้านทาน​ ‘วิถีกระสุน​’ แต่​สถานการณ์​ไม่นำพา​ จึงเผชิญหน้า​กับ​การ​โจมตี​ของ​พ่อ​มด​ขั้น​สามและ​ยาก​ที่จะ​หลบหนี​

ต้อง​ฆ่าเขา​ตอนที่​เขา​ยัง​บาดเจ็บ​…ร่างกาย​สวี่​ชีอัน​ผสาน​เข้ากับ​ร่าง​เงา โผล่​ออก​มาจาก​ทาง​ด้านหลัง​อา​ซูหลัว​

ดาบ​ไท่​ผิง​เชือดเฉือน​!

หาก​ไม่ได้​ปลุก​พลัง​เทพ​วชิระ​ วัด​จาก​สภาพ​อา​ซูหลัว​ใน​ตอนนี้​แล้ว​ กาย​หยาบ​เขา​ไม่สามารถ​ต้านทาน​คม​ดาบ​ไท่​ผิง​ได้​

เพียง​ตัด​ศีรษะ​ออก​ แล้ว​ส่งมอบให้​ซุน​เสวียน​จีปิดผนึก​ สิ่งที่​อา​ซูหลัว​ต้อง​เผชิญ​ก็​คือ​การ​สูญเสีย​พลัง​จน​หมดสิ้น​

ตึง​ ตึง​ ตึง​…

เวลานี้​ สวี่​ชีอัน​ได้ยิน​เสียง​กลอง​ หนักหน่วง​และ​ชวน​อึดอัด​

แม้จะรู้สึก​ฉงนใจ​ หาก​แต่​สิ่งนี้​ก็​ไม่เป็น​อุปสรรค​ต่อ​การ​ฟันดาบ​ไท่​ผิง​

ตึง​!

เสียง​เสียดสี​ของ​โลหะ​ดัง​ฟังชัด​ ดาบ​ไท่​ผิง​บาด​ผ่าน​ประกาย​เพลิง​ แต่​มัน​ไม่สามารถ​เฉือน​ศีรษะ​อา​ซูหลัว​ได้​ เพราะ​ถูก​ฝ่ามือ​อีก​ฝ่าย​ยก​ประกบ​ไว้​

ฝ่ามือสี​ดำ​ทมิฬ​

ผิวหนัง​ที่​ถูก​ไฟคลอก​ของ​อา​ซูหลัว​สร้าง​ขึ้น​มาใหม่​อย่าง​รวดเร็ว​ กะโหลก​ขมับ​ที่​ถูก​ถลก​ให้​เห็น​เนื้อ​แดงสด​ ถูก​ห่อหุ้ม​ด้วย​ผิวหนัง​สีดำ​

ภายใน​ไม่กี่​อึดใจ​ อา​ซูหลัว​ก็​หาย​จาก​อาการ​บาดเจ็บ​ ขณะเดียวกัน​รูปร่าง​ของ​เขา​ก็​เปลี่ยนไป​ ทั่ว​ร่างกาย​มืดมน​ราวกับ​ย้อม​หมึก​เหมือน​อสุรกาย​ใน​อเวจี​

“นานมาแล้ว​ที่​ข้า​ไม่ได้​ปลดปล่อย​พลัง​แห่ง​สายเลือด​ นาน​เสีย​จน​ข้า​เกือบ​ลืม​ว่า​ข้า​เป็น​นักรบ​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​เผ่า​อสูร​”

ชั่ว​อึดใจ​ อา​ซูหลัว​กระดิก​นิ้ว​ ดาบ​ไท่​ผิง​ก็​กระเด็น​ออกจาก​มือ​สวี่​ชีอัน​

จนกระทั่ง​ถึงเวลานี้​ สวี่​ชีอัน​ถึงตระหนัก​ว่า​ จังหวะ​กลอง​ที่​หนักอึ้ง​นั้น​ คือ​เสียง​หัวใจ​ของ​อา​ซูหลัว​

นี่​มัน​…ครั้น​เห็น​รูปลักษณ์​อา​ซูหลัว​เช่นนี้​ ม่านตา​สวี่​ชีอัน​ขยาย​ออก​เล็กน้อย​ สีหน้า​ตกใจ​และ​ตื่นตระหนก​ปรากฏชัด​

เขา​เสียศูนย์​เช่นนี้​ ไม่ใช่เพราะ​กลัว​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​อา​ซูหลัว​

แต่​เพราะ​เขา​เคย​เห็น​ใคร​อีก​คน​ที่​มีผิว​มืดมน​แบบนี้​มาก่อน​

ร่าง​ธรรม​สีดำ​ทมิฬ​ของ​เสิน​ซู

พลัง​แห่ง​สายเลือด​ นี่​หรือ​พลัง​แห่ง​สายเลือด​ของ​เผ่า​อสูร​!

เสิน​ซูผู้​นั้น​คือ​…

………………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท