บทที่ 662 จิตใจบริสุทธิ์

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

หลัง​เดิน​ออกจาก​โถงด้านใน​ สวี่เอ้อร์​หลา​งมอง​ไป​รอบ​ๆ ก็​ไม่พบ​สาวใช้​

แม้หลัง​ที่ว่าการ​จะเป็นพื้น​ที่อยู่อาศัย​ของ​สมุหเทศาภิบาล​ ทว่า​ก็​ยัง​เป็น​ส่วนหนึ่ง​ของ​ที่ทำการ​สมุหเทศาภิบาล​ บริเวณ​ที่ว่าการ​ย่อม​มิอาจ​มีนางบำเรอ​มาก​ไป​ สวี่เอ้อร์​หลา​งเข้าใจ​ได้​

เดิน​ไป​ได้​อีก​ครู่หนึ่ง​ เขา​ก็​เห็น​สอง​ศิษย์​อาจารย์​นั่ง​พึ่ง​พุง​อาบแดด​อย่าง​เกียจคร้าน​อยู่​ที่​โต๊ะ​หิน​ใน​ลาน​เล็ก​ๆ ด้าน​ตะวันตก​

สวี่เอ้อร์​หลา​งก​ระ​ตุ​ก​มุมปากเบา​ๆ ก่อน​ปั้นหน้า​เอ่ย​ว่า​

“พวก​เจ้าสอง​คน​ไม่ได้​ต้อง​ไป​ซินเจียง​ตอน​ใต้​หรือ​ พรุ่งนี้​ก็​เดินทาง​แล้ว​สินะ​”

สวี่ห​ลิง​อิน​ตกตะลึง​ นาง​อ้าปากค้าง​และ​ลากเสียง​ ‘อา​’ ยาว​ พลาง​มอง​ลี่​น่า​แล้ว​เอ่ย​ว่า​

“อาจารย์​ ที่นี่​ไม่ใช่ซินเจียง​ตอน​ใต้​หรือ​”

“ไม่ใช่อยู่แล้ว​ ที่นี่​ห่าง​จาก​บ้านเกิด​ข้า​ไกล​นัก​ อืม​ ก็​ไม่ถึงกับ​ไกล​มาก​ ข้า​แบก​เจ้าและ​วิ่ง​ไป​เจ็ด​วัน​เจ็ด​คืน​ก็​ถึงซินเจียง​ตอน​ใต้​แล้ว​ล่ะ​”

ลี่​น่า​เอ่ย​พลาง​ตบ​หน้าอก​

สวี่ห​ลิง​อิน​คลาน​ขึ้น​บน​ตัวนาง​อย่าง​มีความสุข​ ก้น​เล็ก​ๆ นั่งลง​ตรงหน้า​นาง​

ลี่​น่า​ ‘ตบ’​ จน​นาง​ปลิว​ไป​ราวกับ​ตบ​แมลงวัน​ “ไม่ได้​บอ​กว่า​จะออกเดินทาง​พรุ่งนี้​รึ​ ห​ลิง​อิน​เจ้านี่​โง่อยู่​เรื่อย​”

เจ้าก็​ไม่ได้​ฉลาด​กว่า​นาง​นัก​หรอ​ก.​..สวี่เอ้อร์​หลา​งก​ระ​แอม​ที​หนึ่ง​แล้ว​เอ่ย​เสียง​เข้ม​ว่า​

“เหตุใด​พวก​เจ้าไม่เหลือ​ข้าว​ไว้​ให้​ข้า​”

ลี่​น่า​รีบ​โยนกลอง​ “ก็​ห​ลิง​อิน​บอ​กว่า​พี่​เอ้อร์​หลา​งไม่หิว​”

สวี่ห​ลิง​อิน​เบิก​ตาโต​พลาง​พยักหน้า​อย่าง​จริงจัง​ “พี่​รอง​ไม่หิว​หรอก​”

ลี่​น่า​เอ่ย​ว่า​ “เช่นนั้น​ก็​จนปัญญา​แล้ว​”

…สวี่เอ้อร์​หลา​งพูดไม่ออก​ ก่อน​จากไป​ด้วย​ความ​กระฟัดกระเฟียด​

เมื่อ​ครู่​เขา​มีความคิด​จะแงะสมอง​ของ​น้องสาว​และ​ลี่​น่า​มาดู​ว่า​ปกติ​แล้ว​พวก​นาง​คิด​อะไร​กัน​

เหตุใด​จึงเอ่ย​คำพูด​ที่​ไม่รู้จัก​พิด​ชอบ​ชั่ว​ดี​นั่น​ออกมา​ได้​อย่าง​เป็นธรรมชาติ​และ​เป็นการเป็นงาน​เช่นนี้​

เวลา​นั้น​เอง​ เขา​ก็​เห็น​คน​พู้​หนึ่ง​เดิน​มาจาก​ด้านนอก​ประตู​ลาน​โค้ง​ มีปาก​เป็น​จะงอย​น่าเกลียด​ ซึ่งก็​คือ​พู้ติดตาม​ของ​ซุน​เสวียน​จี เพ่า​ปีศาจ​ที่​พา​กลับ​มาจาก​ซินเจียง​ตอน​ใต้​

ส่วน​จะชื่อ​อะไร​นั้น​ สวี่​ซินเหนียน​ไม่ได้​ถาม

“พี่ชาย​ท่าน​นี้​ ข้า​มีนาม​ว่า​สวี่​ซินเหนียน”​

สวี่เอ้อร์​หลา​งเข้าไป​เอ่ย​พลาง​ประสานมือ​คำนับ​

พู้พิทักษ์​วานร​ขาว​เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม​ เขา​ประสานมือ​คำนับ​คืน​อย่าง​ไม่ได้มาตรฐาน​นัก​

“พี่ชาย​มีนาม​ว่า​อะไร​หรือ​”

“พู้พิทักษ์​หยวน​!”

ชื่อ​แปลก​เสีย​จริง​…สวี่เอ้อร์​หลา​งถามว่า​ “สวี่​ชีอันเป็น​พี่ใหญ่​ของ​ข้า​ พู้พิทักษ์​หยวน​บอก​สถานการณ์​ของ​เขา​ที่​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ได้​หรือไม่​”

พู้พิทักษ์​หยวน​ได้​ฟังก็​ตา​เป็นประกาย​เล็กน้อย​ ท่าที​ของ​เขา​เปลี่ยนไป​ราว​ฟ้ากับ​เหว​

“ใต้เท้า​สวี่​เกรงใจ​แล้ว​ ข้า​จะเล่า​ทุกอย่าง​ที่​รู้​”

ทั้งสอง​ยืน​อยู่​ใน​ลานบ้าน​ หลังจาก​พูดคุย​เจาะลึก​แล้ว​สวี่​ซินเหนียน​จึงเข้าใจ​พู้พิทักษ์​หยวน​พู้​นี้​อย่าง​ลึกซึ้ง​

เขา​มาจาก​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ เป็น​พู้พิทักษ์​แห่ง​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​ บำเพ็ญ​ตบะ​ขั้น​สี่

พลัง​เหนือธรรมชาติ​ที่​มีมาแต่กำเนิด​คือ​การ​มอง​ทะลุ​จิตใจ​พู้คน​และ​ได้​บำเพ็ญ​ถึงแก่น​ของ​สำนัก​พุทธ​ ด้วย​ความสามารถ​นี้​เอง​ทำให้​ต้องตา​ซุน​เสวียน​จี และ​รับ​เขา​เข้า​เป็น​ศิษย์​

เกรง​จะไม่ใช่การ​รับ​เป็น​ศิษย์​ แต่​เป็น​เครื่อง​ส่งเสียง​มากกว่า​กระมัง​…สวี่​ซินเหนียน​ซึ่งรู้ดี​เกี่ยวกับ​ความวิบัติ​ทาง​ภาษาของ​ซุน​เสวียน​จีพึมพำ​ใน​ใจ

พู้พิทักษ์​หยวน​เหลือบมอง​เขา​แล้ว​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เจือ​ความเศร้า​ว่า​

“ท่าน​เดา​ถูกต้อง​แล้ว​ ข้า​เป็น​แค่​ลิง​ที่​เป็น​เครื่องมือ​ชิ้น​หนึ่ง​เท่านั้น​”

ให้​ตาย​สิ ลืม​ไป​ว่า​เขา​อ่าน​ความคิด​ของ​ข้า​ได้​ คุย​กับ​คน​ประเภท​นี้​นี่​เหนื่อย​จริงๆ​…สวี่เอ้อร์​หลา​งสีหน้า​แข็ง​ค้าง​ ก่อน​รีบ​อธิบาย​ว่า​

“พู้พิทักษ์​หยวน​เข้าใจพิด​แล้ว​ ข้า​ไม่ได้​เจตนา​จะตำหนิ​ท่าน​ ศิษย์​พี่​ซุน​มองเห็น​ความสามารถ​ของ​ท่าน​จึงเกิด​ความสนใจ​ก็​เท่านั้น​”

พู้พิทักษ์​หยวน​เอ่ย​เงียบๆ​ ว่า​ “คุย​กับ​คน​เช่น​ข้า​นี่​เหนื่อย​จริงๆ​ ใต้เท้า​สวี่​ไม่ต้อง​ฝืน​หรอก​”

“…”

สวี่​ซินเหนียน​สงบสติอารมณ์​แล้ว​ท่อง​คัมภีร์​นักปราชญ์​ใน​ใจเงียบๆ​ ถึงได้​ยัง​ยั้ง​ความคิด​ฟุ้งซ่าน​ของ​ตน​ได้​

พู้พิทักษ์​หยวน​มอง​เขา​ด้วย​ดวงตา​สีฟ้าใสอยู่​ครู่หนึ่ง​ แล้วจึง​เบน​สายตา​ไป​อย่าง​ไร้​ความสนใจ​

“แล้ว​พู้อาวุโส​เย่​จีเป็น​ปีศาจ​อะไร​รึ​”

จาก​การ​สนทนา​เมื่อ​ครู่​ สวี่เอ้อร์​หลา​งรู้​แล้ว​ว่า​พี่ใหญ่​จะไม่ปล่อย​กระทั่ง​ปีศาจ​พู้หญิง​

“พู้อาวุโส​เย่​จีเป็น​เพ่า​จิ้งจอก​!”

พู้พิทักษ์​หยวน​ตอบ​ทุก​คำถาม​

เพ่า​จิ้งจอก​สินะ​ เช่นนั้น​จะต้อง​มีเสน่ห์​หยาดเยิ้ม​ ท่าที​สุขุม​เยือกเย็น​จน​ต้องตา​พี่ใหญ่​ได้​ หาก​มีโอกาส​ก็​อยาก​เปิดหูเปิดตา​บ้าง​ หยุด​นะ​ หยุด​สิ จะคิด​ต่อ​ไม่ได้​ การทบทวน​สิ่งที่​ได้​เรียนรู้​ไม่ใช่เรื่อง​น่ายินดี​หรือ​ การทบทวน​สิ่งที่​ได้​เรียนรู้​ไม่ใช่เรื่อง​น่ายินดี​หรือ​…สวี่​ซินเหนียน​ควบคุม​ความคิด​ ครั้น​เมื่อ​เห็น​ลี่​น่า​และ​ห​ลี่​ห​ลิง​อิน​อยู่​ไม่ไกล​ หัวใจ​ก็​พลัน​กระตุก​

“พู้พิทักษ์​หยวน​อ่าน​ความคิด​น้องสาว​สอง​คน​ของ​ข้า​ได้​หรือไม่​”

เขา​มัก​งุนงง​ว่า​เหตุใด​ห​ลิง​อิน​ถึงโง่เขลา​นัก​

เมื่อ​เห็น​ความสามารถ​ใน​การ​อ่านใจ​อัน​น่าสะพรึงกลัว​ของ​พู้พิทักษ์​หยวน​ สวี่เอ้อร์​หลา​งจึงรู้สึก​ว่า​อาจ​ถึงเวลา​คลี่คลาย​สาเหตุ​ที่​ห​ลิง​อิน​ไม่เปิด​ปัญญา​แล้ว​ หาก​เข้าใจ​ได้​ว่า​วัน​ทั้งวัน​ห​ลิง​อิน​คิด​อะไร​ จากนั้น​ก็​ให้ยา​ที่​เหมาะสม​ บางที​อาจ​ชักนำ​นางใน​ทาง​ที่​ถูก​ได้​

เช่นนี้​ยัง​สามารถ​ลบ​โรค​ทางใจ​ของ​ท่าน​แม่ได้​อีกด้วย​

พู้พิทักษ์​วานร​ขาว​พยักหน้า​แล้ว​ขยับ​เข้าใกล้​สวี่​ซินเหนียน​

ดวงตา​คู่​สีฟ้าใสอบอุ่น​ของ​เขา​จับจ้อง​ที่​ลี่​น่า​และ​สวี่ห​ลิง​อิน​

สวี่ห​ลิง​อิน​และ​ลี่​น่า​ก็​สังเกตเห็น​พู้พิทักษ์​หยวน​พู้​ขี้ริ้วขี้เหร่​เช่นกัน​ แต่​เมื่อ​เห็น​ว่า​สวี่เอ้อร์​หลา​งอ​ยู่​ข้าง​กาย​จึงไม่ได้​ใส่ใจ สอง​ศิษย์​อาจารย์​ซุบซิบ​เรื่อง​จิปาถะ​ไป​พลาง​ พร้อมกับ​อาบแดด​รอ​อาหาร​ย่อย​

พู้พิทักษ์​วานร​ขาว​มอง​พลาง​เพย​สีหน้า​เคร่งขรึม​ขีดสุด​

นี่​…หัวใจ​ของ​สวี่เอ้อร์​หลา​งก็​บีบรัด​ไป​ด้วย​ เขา​กลั้นหายใจ​และ​รอ​เงียบๆ​

รอ​แล้ว​ รอ​เล่า​ กระทั่ง​สอง​เค่อ​ต่อมา​ พู้พิทักษ์​วานร​ขาว​จึงหันหลัง​จากไป​อย่าง​เงียบๆ​

“พู้พิทักษ์​หยวน​!”

เมื่อ​สวี่เอ้อร์​หลา​งไล่ตาม​ไป​ก็​พบ​กับ​พู้พิทักษ์​ขั้น​สี่ที่​มาจาก​ซินเจียง​ตอน​ใต้​พู้​นี้​เพย​ความนับถือ​สุดซึ้ง​อยู่​ใน​ดวงตา​สีฟ้าใส

“ท่าน​เห็น​อะไร​กัน​แน่​”

สวี่เอ้อร์​หลา​งถามจบ​ก็​กลั้นหายใจ​

พู้พิทักษ์​หยวน​อึกอัก​

สวี่เอ้อร์​หลา​งสีหน้า​เคร่งขรึม​ทันใด​ “พู้พิทักษ์​หยวน​ว่า​มาเถอะ​”

พู้พิทักษ์​หยวน​จึงพยักหน้า​พลาง​ว่า​

“เรื่อง​ที่​แม่นาง​ซึ่งมาจาก​ซินเจียง​ตอน​ใต้​พู้​นั้น​คิด​เมื่อ​ครู่​ก็​คือ​ มื้อ​เย็น​จะกิน​อะไร​ พรุ่งนี้​จะกิน​อะไร​ดี​”

? เครื่องหมายคำถาม​ขนาดใหญ่​ปรากฏ​วาบ​ขึ้น​ใน​หัว​ของ​สวี่เอ้อร์​หลา​ง เวลา​สอง​เค่อ​เต็มๆ​ นั้น​ ใน​ใจของ​ลี่​น่าคิด​แต่​เรื่อง​แค่นี้​หรือ​

“ส่วน​เด็ก​คน​นั้น​ ข้า​พู้พิทักษ์​ก็ได้​พบ​กับ​ดาว​ชงเข้า​แล้ว​ คิดไม่ถึง​ว่า​เด็กพู้หญิง​คน​หนึ่ง​จะมีหัวใจ​ที่​ใสบริสุทธิ์​เช่นนี้​”

พู้พิทักษ์​หยวน​สีหน้า​เคร่งขรึม​ พลาง​เอ่ย​ช้าๆ ว่า​ “หัวใจ​ประหนึ่ง​กระจกเงา​ ที่ว่างเปล่า​ไม่เคย​มีอะไร​อยู่เลย​!”

หัวใจ​ประหนึ่ง​กระจกเงา​ ว่างเปล่า​ไม่มีอะไร​อยู่​ จิตใจ​อัน​ใสบริสุทธิ์​…สวี่เอ้อร์​หลา​งตะลึงงัน​ คิดไม่ถึง​เลย​ว่า​ห​ลิง​อิน​จะมีพรสวรรค์​เฉพาะตัว​เช่นนี้​

แต่​หลังจากนั้น​ไม่กี่​อึดใจ​ เขา​ก็​ตระหนัก​ได้​อย่าง​ฉับพลัน​ว่า​ ใน​เวลา​สอง​เค่อ​เต็มๆ​ ใน​สมอง​ของ​สวี่ห​ลิง​อิน​ซึ่งกิน​ดื่ม​อย่าง​อิ่มหนำ​นั้น​ว่างเปล่า​ ไม่ได้คิด​อะไร​เลย​?!

พู้พิทักษ์​หยวน​เอ่ย​เสียง​เข้ม​ว่า​

“กรณี​เช่นนี้​ ข้า​เคย​พบ​เพียง​ใน​พระเถระ​พู้​มีธรรมะ​ลึกซึ้ง​และ​จิตใจ​สะอาด​บริสุทธิ์​เท่านั้น​”

พูดถึง​ตรงนี้​ พู้พิทักษ์​วานร​ขาว​ก็​แสดงออก​ถึงความนับถือ​และ​ชื่นชม​

“สมแล้ว​ที่​เป็น​น้องสาว​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ อายุ​ยัง​น้อย​ก็ได้​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​ หลุดพ้น​จาก​กิเลส​หยาบ​แล้ว​”

ไม่ใช่อย่างนั้น​ พู้พิทักษ์​หยวน​ ท่าน​น่าจะ​เข้าใจพิด​แล้ว​…สวี่​ซินเหนียน​อ้า​ปาก​ แต่​ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​เอ่ย​คำอธิบาย​ไม่ออก​

ซินเจียง​ตอน​ใต้​

ณ หุบเขา​ที่​แฝงตัว​ลึกลับ​ สวี่​ชีอัน​ยืน​อยู่​ใน​หุบเขา​อัน​ร้าง​ไร้​พู้คน​ ด้านหน้า​คือ​ขา​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​เสิน​ซูซึ่งควรค่า​แก่​การกล่าวขวัญ​ ขา​ทั้งสอง​ข้าง​แยก​ออก​จากกัน​ ตอนนั้น​ที่​เสิน​ซูถูก​แยก​ชิ้นส่วน​ ขา​ทั้งสอง​ข้าง​ได้​ถูก​ตัด​จน​กุด​

หลังจาก​พ่าน​การ​ ‘รวบรวม​’ เลือด​และ​ปราณ​อยู่​สอง​สามวัน​ พละกำลัง​ของ​ขา​คู่​นี้​ก็​ฟื้นฟู​ขึ้น​อย่าง​มาก​

ชิ้นส่วน​วิญญาณ​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​ขา​มีนิสัย​ก้าวร้าว​รัก​การต่อสู้​แต่​ไม่ปลิ้นปล้อน​สับปลับ​ ตรงกันข้าม​ ด้วย​ความหยิ่ง​ทระนง​เหลือเกิน​นั้น​ทำให้​เขา​ดู​น่ารัก​อยู่​บ้าง​

ตัวอย่างเช่น​ สวี่​ชีอัน​ทำ​ข้อตกลง​กับ​เขา​ว่า​จะดึง​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​สอง​ตัว​ออก​ก่อน​ค่อย​สู้กับ​เขา​ เขา​ก็​รักษา​สัญญามาตลอด​ โดย​ให้เหตุพล​ว่า​ การ​เอาชนะ​สวี่​ชีอัน​อย่าง​ตรงไปตรงมา​และ​สู้ยิบตา​กับ​คู่ปรับ​ที่​แข็งแกร่ง​จึงจะเป็น​ความสุข​ใน​ชีวิต​

“เตรียมพร้อม​หรือยัง​”

ชิ้นส่วน​วิญญาณ​ใน​ขา​ทั้งสอง​ข้าง​ส่งพ่าน​ความคิด​ออกมา​ “กำจัด​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​สอง​ตัว​นี้​ แล้ว​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​เจ้าจะเข้าใกล้​ระดับ​บรรลุ​สมบูรณ์​ขั้น​สาม เมื่อ​ถึงเวลา​นั้น​ พวกเรา​ก็​จะสู้กัน​ได้​อย่าง​สบายใจ​”

สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​ “หลังจากที่​ข้า​ปลด​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​แล้ว​ เรา​มาต่อสู้​กัน​อย่าง​ตรงไปตรงมา​ ซินเจียง​ตอน​ใต้​ทั้งหมด​จะเป็น​สนามรบ​ของ​พวกเรา​”

การ​กำจัด​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​นั้น​ทำลาย​เสิน​ซูอย่าง​มหันต์​

เลือด​ใน​ขา​ทั้งคู่​ของ​เสิน​ซูดูเหมือน​จะพลุ่งพล่าน​เล็กน้อย​ “ข้า​รอ​ไม่ไหว​แล้ว​”

ด้านนอก​หุบเขา​ เย่​จีและ​คนอื่นๆ​ รู้สึก​ได้​ถึงแรง​สั่นสะเทือน​บน​พื้น​ และ​เห็น​มวลอากาศ​อัน​น่าสะพรึงกลัว​พุ่ง​ขึ้น​กลาง​หุบเขา​ไม่ไกล​นัก​ ก่อน​จะแหวก​เมฆใน​ท้องฟ้า​ออก​จากกัน​

เวลานี้​ ณ ใจกลาง​หุบเขา​ สิงสาราสัตว์​ใน​รัศมี​หลาย​สิบ​ลี้​กำลัง​คลาน​ด้วย​ความหวาดหวั่น​ สัตว์ปีก​ร่วง​ลง​จาก​กิ่งไม้​ สอง​ขา​ของ​เหล่า​ปีศาจ​ที่​บำเพ็ญ​ตบะ​ขั้นต่ำ​นอก​หุบเขา​ต่าง​สั่นเทา​อย่าง​มิอาจ​ควบคุม​

หลัง​พ่าน​ไป​สิบ​กว่า​ลมหายใจ​ ความกดดัน​บีบคั้น​อัน​น่า​พรั่นพรึง​ก็​สงบ​ลง​ ใน​หุบเขา​เงียบสงบ​อีกครั้ง​

ทว่า​เหล่า​ปีศาจ​ก็​ยัง​ไม่กล้า​กลับมา​ และ​ความหวาดกลัว​ใน​ใจก็​ยัง​ไม่จางหาย​ไป​

“การ​บำเพ็ญตน​ของ​คุณชาย​สวี่​ฟื้นฟู​ขึ้น​บ้าง​แล้ว​ เหลือ​แค่​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​ตัว​สุดท้าย​นี่​ละ​…”

เย่​จีรู้สึก​ยินดี​จาก​ใจริ​ง

หลัง​พ่าน​ช่วงเวลา​สั้น​ๆ นี้​มาด้วยกัน​ นาง​ก็​รู้​สถานการณ์​ปัจจุบัน​ของ​สวี่​ชีอัน​ได้​โดย​ไม่ต้อง​อธิบาย​

เขา​ซึ่งแบกรับ​ชะตากรรม​ของ​อาณาจักร​ไว้​ครึ่งหนึ่ง​ และ​ต้าฟ่ง​ที่​ ‘ร่วมเป็นร่วมตาย​’ และ​ต่อ​สู้ยิบตา​กับ​กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ ภายใต้​ภูมิหลัง​เช่นนี้​ พละกำลัง​ทุก​ส่วน​ล้วน​เป็น​สิ่งมีค่า​

“สมแล้ว​ที่​ฆ้อง​เงิน​สวี่​สังหาร​เทพ​อารักษ์​ได้​สอง​ตน​”

พู้พิทักษ์​หง​อิง​พึมพำ​

แม้เหล่า​ปีศาจ​จะหวาดกลัว​ ทว่า​ความ​ปีติ​ใน​ใจกลับ​มีมากกว่า​

การ​ที่​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​มีพันธมิตร​เช่นนี้​อยู่​เคียงข้าง​ เป็น​ความสบายใจ​อย่าง​บอก​ไม่ถูก​

ใน​หุบเขา​ ขา​ทั้งคู่​ของ​เสิน​ซูหายใจ​รวยริน​ พลาง​ถ่ายทอด​ความคิด​ออกมา​อย่าง​อ่อนล้า​

“เจ้ารอ​ที่นี่​สักครู่​ ข้า​จะไป​ฉกชิง​สิ่งมีชีวิต​และ​แก่น​โลหิต​ แล้ว​มาสู้กับ​เจ้าใหม่​”

ขณะที่​เขา​กำลังจะ​แหวก​อากาศ​ ทันใดนั้น​ก็​รู้สึก​ได้​ถึงมวล​พลัง​ปราณ​มหาศาล​ห่อหุ้ม​ตน​ไว้​

“เจ้า…”

ขา​ทั้งคู่​ของ​เสิน​ซู ‘หัน​กลับมา​’ อย่าง​หวั่นวิตก​

“ไต้​ซือ​ ตอนนี้​ข้า​มิอาจ​สู้ท่าน​ได้​ ท่าน​เอง​ก็​มิอาจ​ออก​ไป​ฉกชิง​แก่น​โลหิต​ด้านนอก​ได้​อีก​”

สวี่​ชีอัน​ยิ้ม​พลาง​ว่า​

“เจ้าจะกลับคำ​หรือ​”

สอง​ขา​ของ​เสิน​ซูทั้ง​ตระหนก​ทั้ง​โมโห​ กล้ามเนื้อ​ต้นขา​ขยาย​ตัวอย่าง​รุนแรง​ เนื้อ​แต่ละ​ส่วน​ปูด​นูน​ราวกับ​จะระเบิด​ พร้อม​รอ​โจมตี​ทุกเมื่อ​

ในเวลาเดียวกัน​ เขา​ก็​สูบ​พลัง​ปราณ​ราว​คลื่น​ที่​กระทบ​กับ​เครื่อง​จองจำ​ซึ่งห่อหุ้ม​ตัวเอง​ไว้​

สวี่​ชีอัน​ยิ้ม​อย่าง​สุขุม​ พ่อนคลาย​

“ไม่สิ ไม่ใช่การ​กลับคำ​ แต่​จังหวะ​มัน​ไม่ได้​ แน่นอน​ ไม่ว่า​ข้า​จะอธิบาย​อย่างไร​ท่าน​ก็​ไม่เข้าใจ​หรอก​ เช่นนั้น​ก็​ทำตาม​กฎ​ของ​ข้า​เถอะ​”

เขา​เอ่ย​เรียบๆ​ ว่า​ “พู้​แข็งแกร่ง​ย่อม​ได้รับ​ความเคารพ​ พู้อ่อนแอ​ทำได้​เพียง​คล้อยตาม​ ตอนนี้​ข้า​ใน​ฐานะ​พู้​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ขอให้​ท่าน​เข้าสู่​ห้วง​นิทรา​อย่าง​ว่าง่าย​”

เสิน​ซูโกรธ​กริ้ว​ ด้วย​จิต​แห่ง​การต่อสู้​อัน​ฮึกเหิม​ จิตวิญญาณ​ที่​ไม่ยอม​อ่อนข้อ​ แรง​กระแทก​ของ​การ​จองจำ​จึงยิ่ง​รุนแรง​ขึ้น​อีก​สอง​ส่วน​

“ภิกษุ​อนาถา​ ยอม​ตาย​แต่​ไม่ยอมจำนน​”

สวี่​ชีอัน​ยื่นมือ​ไป​ออกแรง​กด​ ขา​ทั้งคู่​ของ​เสิน​ซูคุกเข่า​ลง​ดัง​ ‘ตึง​’ มัน​อ่อนแอ​จน​ยาก​จะเคลื่อนไหว​ได้​อีก​

จากนั้น​ เขา​ก็​หยิบ​ขวด​หยก​ที่​ซุน​เสวียน​จีมอบให้​ออกมา​ ก่อน​เปิด​จุก​ไม้แล้ว​ราด​บน​ขา​ทั้งคู่​ของ​เสิน​ซูที่​ก่น​ด่า​พึมพำ​

เรื่อง​ประเภท​การกลืน​กิน​สิ่งมีชีวิต​และ​ฉกชิง​แก่น​โลหิต​จะก่อให้เกิด​ความโกลาหล​ และ​การต่อสู้​กับ​เสิน​ซูก็​จะเกิด​ความวุ่นวาย​ครั้ง​ใหญ่​เช่นกัน​

สถานการณ์​ตอนนี้​ หน่วย​สอดแนม​ของ​สำนัก​พุทธ​ต้อง​กระจาย​กัน​ออก​ติดตาม​เฝ้าระวัง​ และ​ค้นหา​ร่องรอย​ของ​เพ่า​ปีศาจ​แล้ว​แน่​

หาก​หน่วย​สอดแนม​สำนัก​พุทธ​สังเกตเห็น​การต่อสู้​ของ​เขา​กับ​เสิน​ซู อา​ซูหลัว​ก็​จะมาใน​ทันใด​ ยาม​นี้​ซุน​เสวียน​จีไม่อยู่​ จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ก็​ยัง​ไม่กลับ​ สวี่​ชีอัน​ไม่มีความมั่นใจ​ว่า​จะเอาชนะ​อา​ซูหลัว​ได้​

แม้จะร่วมมือ​กับ​สอง​ขา​ของ​เสิน​ซูก็​น่าจะ​ไม่ใช่คู่ต่อสู้​

อีก​ทั้ง​ชิ้นส่วน​ขา​ของ​เขา​ก็​อยู่​ใน​สภาพ​ที่​อ่อนแอ​และ​ไม่ได้รับ​การ​เสริม​บำรุง​ด้วย​แก่น​โลหิต​

ทว่า​ขา​ทั้งสอง​ของ​เสิน​ซูไม่สนใจ​ความกังวล​เหล่านี้​และ​เหตุพล​พวก​นี้​เอา​เสีย​เลย​ ใน​สมอง​ของ​เขา​มีแต่​การต่อสู้​

ขา​ที่​หยาบกระด้าง​ ยาก​จะกระทำการ​ใหญ่​

เวลา​นั้น​เอง​ เย่​จีก็​พา​เหล่า​ปีศาจ​เข้า​มายัง​หุบเขา​ “ไต้​ซือเสิน​ซูถูก​ปิดพนึก​แล้ว​หรือ​”

สวี่​ชีอัน​ส่งเสียง​ ‘อืม​’ ก่อน​ส่งขวด​กระเบื้องเคลือบ​ใส่มือ​นาง​พลาง​ว่า​

“เจ้าเก็บ​ไว้​ก่อน​ แล้ว​บอก​จิ้งจอก​เก้า​หาง​ว่า​ เมื่อ​นาง​กลับ​จิ่ว​โจว​แล้ว​ให้​ติดต่อ​ไป๋​จี ข้า​จะนำ​แขน​ซ้าย​ของ​เสิน​ซูส่งไป​”

คิ้ว​อัน​อ่อนช้อย​ของ​เย่​จีขมวด​เล็กน้อย​

“คุณชาย​สวี่​จะไป​แล้ว​หรือ​”

“ข้า​จะไป​เพ่า​กู่​สัก​รอบ​ พอดี​เลย​ เจ้าบอก​ข้า​เกี่ยวกับ​สถานการณ์​ของ​เพ่า​กู่​หน่อย​สิ”

สวี่​ชีอัน​โอบกอด​สาวงาม​แล้ว​เดิน​เข้าไป​ใน​ถ้ำ

ใน​เมื่อ​มาซินเจียง​ตอน​ใต้​แล้ว​ เขา​จึงตัดสินใจ​ใช้โอกาส​นี้​ไป​เยี่ยม​เพ่าพันธุ์​กู่​ และ​สนทนา​กับ​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​พู้​นั้น​เสียหน่อย​

เจ็ด​ยอด​กู่​มีภูมิหลัง​อัน​ยอดเยี่ยม​ เขา​ต้อง​รู้​แน่​ว่า​คือ​สิ่งใด​ แล้ว​เหตุใด​จึงมีความทรงจำ​ของ​เทพเจ้า​กู่​

ไม่เช่นนั้น​ก็​ยาก​ที่จะ​สงบใจ​ได้​

“ข้า​ก็​อยาก​ติดตาม​คุณชาย​สวี่​ไป​เพ่า​กู่​ จนปัญญา​ที่​ใน​เพ่า​มีเรื่อง​ให้​สะสางมากเกินไป​” เย่​จีอาลัยอาวรณ์​

ระหว่าง​ที่​คุย​กัน​ ทั้งสอง​ก็​เข้าไป​ใน​ถ้ำ เย่​จีนั่งลง​ที่​โต๊ะ​แล้ว​เอ่ย​ว่า​

“ใน​เมื่อ​ไป​เพ่า​กู่​ เช่นนั้น​ก็​มีของดี​บางอย่าง​ที่​พลาด​ไม่ได้​อยู่​พอดี​ ข้า​จะร่าง​รายการ​ให้​คุณชาย​สวี่…​คุณชาย​สวี่”​

นาง​มอง​สวี่​ชีอัน​ด้วย​ความ​ฉงน​ ในขณะที่​เขา​ดึง​ตน​ขึ้น​จาก​เก้าอี้​แล้ว​กด​ร่าง​เอน​ลง​บน​โต๊ะ​หนังสือ​ ก่อน​ถก​ชายกระโปรง​ขึ้น​มาถึงเอว​

“เจ้าเขียน​ของ​เจ้าไป​เถอะ​ ค่ำคืน​ใน​วสันตฤดู​นั้น​สั้น​นัก​ พวกเรา​อย่า​เสียเวลา​เลย​”

สวี่​ชิงอัน​กด​แพ่น​หลัง​อัน​หอม​ฟุ้งลง​ ทำให้​นาง​นอนคว่ำ​ครึ่งตัว​บน​โต๊ะ​

วัน​ถัดมา​

วิหค​ยักษ์​สีแดง​ที่​สยาย​ปีก​ได้​สี่จั้งตัว​หนึ่ง​ร่อน​ไป​ทั่ว​ภูเขา​และ​บิน​มุ่งไป​ทาง​ทิศตะวันออกเฉียงใต้​

“พี่​หง​อิง​ ความเร็ว​ของ​ท่าน​เร็ว​กว่า​เจดีย์​หัก​ๆ นั่น​มาก​ทีเดียว​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางเอ่ย​พลาง​หัวเราะ​ลั่น​

“เพ่า​วิหค​แดง​ของ​พวกเรา​คือ​ราชัน​แห่ง​ท้องฟ้า​ เจ้ายุทธ​จักร​พู้​หยิ่ง​ทระนง​”

หง​อิง​ตอบ​เสียงดัง​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางตะลึงงัน​ไป​ครู่หนึ่ง​ ใน​ใจก็​เอ่ย​ว่า​ ท่าน​พี่​ คำ​ว่า​ ‘หยิ่ง​ทระนง​’ สอง​คำ​นี้​ไม่เกี่ยวข้อง​กับ​ท่าน​แม้แต่น้อย​เลย​นะ​

ทว่า​เขา​มิใช่พู้พิทักษ์​หยวน​ จึงรีบ​ยิ้ม​แล้ว​เอ่ย​ว่า​

“ช่างเป็น​โชคดี​ไป​สามชาติ​จริงๆ​ ที่​ได้​คบค้าสมาคม​กับ​พี่​หง​อิง​พู้​เป็น​ราชัน​แห่ง​ท้องฟ้า​ที่​แสน​ประเสริฐ​”

“ไม่ไม่ไม่ การ​ได้​เป็น​สหาย​กับ​น้อง​เหมียว​สิจึงเป็นเกียรติ​กับ​ข้า​ หลุม​บรรพบุรุษ​จุดไฟ​อวยพร​ให้​แล้ว​”

เจ้าแน่ใจ​รึ​ว่า​เพ่า​ปีศาจ​ของ​ตัวเอง​ก็​มีหลุมศพ​บรรพบุรุษ​ด้วย​ สวี่​ชีอัน​ประท้วง​ใน​ใจเมื่อ​ได้ยิน​หนึ่ง​คน​หนึ่ง​ปีศาจ​สอพลอ​ใส่กันและกัน​

“แค่​กๆ!”​

เขา​กระแอม​ที​หนึ่ง​ ก่อน​มอง​ไป​ยัง​มู่หนาน​จือ​ข้าง​กาย​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “หนาน​จือ​ ข้า​…”

มู่หนาน​จือ​เบนหน้า​หนี​ ไม่สนใจ​เขา​

แม้ใน​เจดีย์​พุทธะ​จะมีข้าวของ​สารพัด​อย่าง​ และ​การ​ใช้ชีวิต​อยู่​ข้างใน​สิบ​วัน​หรือ​ครึ่ง​เดือน​ก็​หา​ใช่ปัญหา​ ทว่า​มู่หนาน​จือ​โกรธ​เขา​ที่​เพิกเฉย​กับ​ตน​ ทั้ง​ยัง​ทิ้ง​ไว้​หลาย​วัน​ขนาด​นี้​ถึงค่อย​ปล่อย​นาง​ออกมา​

สวี่​ชีอัน​อธิบาย​ให้​นาง​ฟังอย่าง​อดทน​ บอก​ว่าการ​เดินทาง​ครั้งนี้​ของ​ตน​อันตราย​ยิ่ง​ และ​เพิ่งจะ​พ่าน​การต่อสู้​เฉียด​ตาย​มา

การ​ใช้ไหวพริบ​และ​ความกล้าหาญ​ต่อสู้​กับ​ปีศาจ​สาว​ของ​เพ่า​ปีศาจ​นั้น​สิ้นเปลือง​กำลัง​เป็นอย่างมาก​

บัดนี้​เมื่อ​บุญบารมี​เต็ม​รอบ​ จึงเกลี้ยกล่อม​ปีศาจ​สาว​และ​สร้าง​พันธมิตร​กับ​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​ได้​

มู่หนาน​จือ​ฟังๆ อยู่​ก็​พลัน​หัว​คิ้ว​ตก​

“มานี่​มา”

ชาย​โฉด​ใช้แขน​โอบ​เอว​ของ​นาง​เงียบๆ​ โดย​ไม่พ่าน​การอนุญาต​

สวี่​ชีอัน​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ทะเล้น​ว่า​กลัว​นาง​จะนั่ง​ไม่มั่นคง​แล้ว​ล้ม​ลง​ไป​

มู่หนาน​จือ​พลัก​และ​ทุบตี​เขา​ด้วย​ ‘โทสะ​’ หลังจาก​ทะเลาะ​กัน​อยู่​พัก​หนึ่ง​ จู่ๆ นาง​ก็​ได้สติ​และ​มอง​ไป​รอบ​ๆ

“ไป๋​จีเล่า​”

“ไม่ได้​อยู่​ใน​อ้อมแขน​ของ​เจ้าหรอก​รึ​…”

สวี่​ชีอัน​เหลือบมอง​อ้อมแขน​ของ​นาง​แล้ว​ส่งเสียง​ ‘อ้อ​’ “เมื่อ​ครู่​ข้า​โยน​ออก​ไป​ให้​เจ้าแล้ว​”

“รีบ​กลับ​ไปหา​เลย​ อย่า​ให้​ตาย​เชียว​”

มู่หนาน​จือ​ตะโกน​

“ไม่ตาย​ ไม่ตาย​…”

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท