บทที่ 673 หนึ่งต่อห้า

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

หลง​ถูงอ​เข่า​ลง​เล็กน้อย​ เขา​ดีดตัว​ออก​ไป​ราว​ปืนใหญ่​ขนาด​ยักษ์​ และ​พุ่งตรง​ไป​ยัง​ฟ้าคราม​เฉกเช่น​แหลน​ที่​ยื่น​ตรง​ท่ามกลาง​เสียง​ ‘ตูม​’ ที่​ดับ​ลง​บน​พื้นดิน​

ผู้อาวุโส​หลาย​คน​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​งอ​เข่า​ลง​และ​ ‘ดีดตัว​’ ออก​ไป​พร้อมกัน​

“พวกเขา​กำลัง​พูด​อะไร​หรือ​”

มู่หนาน​จือ​คว้า​ตัว​ลี่​น่า​ที่​เชื่องช้า​เพราะ​กำลัง​ก้มตัว​วาง​ชามข้าว​

“พวกเขา​จะไป​ฆ่าสวี่​ชีอัน​” ลี่​น่า​เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​

“ผู้นำ​ของ​แต่ละ​ฝ่าย​เก่งกาจ​มาก​ เป็น​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​ทั้งสิ้น​”

พอ​กล่าว​จบ​นาง​ก็​สลัด​ตัว​จาก​มู่หนาน​จือ​ แล้ว​ส่าย​หัวเข่า​ก่อน​ดีดตัว​ออก​ไป​

‘ระดับ​บรรลุ​ธรรม​ทั้งสิ้น​เลย​’…มู่หนาน​จือ​รู้สึก​วิ​ตกใน​ใจแม้จะเห็น​เรื่อง​นี้​กับ​ตา​ ลูก​ตาดำ​กลอก​ไปมา​อย่าง​รวดเร็ว​ภายใน​เบ้าตา​ นาง​เอ่ย​อย่าง​รีบร้อน​ด้วย​ความคิด​หนึ่ง​ขณะ​มอง​ไป๋​จีใน​อ้อ​มอ​กว่า​

“ไป๋​จี พรสวรรค์​ของ​เจ้าคือ​อะไร​”

ไป๋​จีเงยหน้า​เอ่ย​ด้วย​ดวง​ตาดำ​แป๋ว​ที่​เปล่ง​ความไร้เดียงสา​และ​ทื่อ​ทึม​ว่า​

“คือ​ความเร็ว​ไงล่ะ​”

มู่หนาน​จือ​วาง​ลูก​สุนัขจิ้งจอก​ตัว​เท่า​ฝ่ามือสอง​ตัว​ลง​บน​พื้น​ด้วย​ดวงตา​ที่​เป็นประกาย​ และ​ขึ้น​คร่อม​บน​ตัว​มัน​พร้อม​เอ่ย​ว่า​

“ไป​ ไป​เร็ว​”

ไป๋​จีที่​ถูก​ลูก​ท้อ​กลม​กด​ทับ​จน​ล้ม​งุนงง​

“รีบ​หน่อย​”

มู่หนาน​จือ​เอ่ย​ตำหนิ​อย่าง​นุ่มนวล​เพราะ​เป็นห่วง​ขวัญ​กำลังใจ​ของ​สวี่​ชีอัน​

มัน​กล้ำกลืน​น้ำตา​ที่​คลอ​เต็ม​เบ้าตา​ลง​ไป​อีกครั้ง​ จิ้งจอก​ขาว​น้อย​สะอื้น​เล็กน้อย​ มัน​ขบ​ขากรรไกร​แน่น​ และ​ฝืน​ยก​เท้า​ทั้ง​สี่ขึ้น​พร้อมด้วย​แสงสีแดง​ลุกโชน​ขึ้น​ใน​ดวงตา​ที่​เหมือน​กระดุม​สีดำ​ จากนั้น​มัน​ได้​ระเบิด​ศักยภาพ​ และ​พา​มู่หนาน​จือ​แปลง​เป็นเงา​สีขาว​

หาย​ไป​

เหลือ​เพียง​สวี่ห​ลิง​อิน​คนเดียว​ใน​ที่เกิดเหตุ​ นาง​มอง​ซ้าย​มอง​ขวา​ แล้ว​หยิบ​ไม้ตะบอง​ขึ้น​มาจาก​ข้างทาง​ หัว​คิ้ว​บาง​ๆ ของ​นาง​ตั้งชัน​ ก่อน​วิ่ง​ตะบึง​ออก​ไป​อย่าง​รุนแรง​

นาง​ไป​ช่วย​พี่ใหญ่​สู้

สุด​เขตแดน​ที่ราบลุ่ม​ สวี่​ชีอัน​มอง​ยอด​ฝีมือ​ฝ่าย​ลี่​กู่​ที่​ดีดตัว​มาราว​กระสุน​ปืนใหญ่​ ก่อน​ละสายตา​ก้ม​ศีรษะ​มอง​เงาของ​ตนเอง​

เงามืด​ขยาย​อย่าง​บิดเบี้ยว​ พร้อมด้วย​เงามนุษย์​หลาย​เงาที่​ทะลุ​ออกมา​พร้อมกัน​ ในขณะเดียวกัน​สวี่​ชีอัน​ก็​สูญเสีย​ประสาทสัมผัส​การ​ได้ยิน​ การ​มองเห็น​และ​การ​รับ​กลิ่น​…ประสาทสัมผัส​ทั้ง​ห้า​และ​การรับรู้​ทั้ง​หก​ถูก​ปิดกั้น​

เขา​พลิกตัว​ตีลังกา​ไป​ทางขวา​สิบ​กว่า​จั้ง (1 จั้ง เท่ากับ​ 3.33 เมตร​) อย่าง​ไม่รีบ​ไม่ร้อน​ เพื่อ​ตีตัวออกห่าง​ศัตรู​ที่​เข้ามา​ใกล้​

‘โครม​ๆๆ…’

เสียงดัง​จาก​ของ​หนัก​หล่น​กระทบ​ดัง​ขึ้น​เป็น​ทอด​ๆ หลง​ถูรีบ​นำ​ยอด​ฝีมือ​ฝ่าย​ลี่​กู่​มาแทรก​ระหว่าง​ทั้งสองฝ่าย​

“หลง​ถู”

โหย​วซือ​ ผู้นำ​ฝ่าย​ซือ​กู่​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ปะปน​ด้วย​ความโกรธ​ว่า​

“เจ้าอยาก​ขวาง​พวก​ข้า​จริงๆ​ เหรอ​ เจ้าเคย​คิดถึง​ผลลัพธ์​ของ​การขัดขืน​เจตจำนง​เผ่าพันธุ์​กู่​หรือไม่​ ท่อง​ไว้​ขณะที่​ยัง​เป็น​เผ่าพันธุ์​กู่​เช่นเดียวกัน​ ข้า​ทน​รอ​ซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ อย่า​เพิกเฉย​ความหวังดี​จาก​ผู้อื่น​”

ฉุน​เอียน​เห็น​ความ​ดุดัน​จาก​ดวงตา​ทั้งคู่​ของ​หลง​ถูกับ​ตา​ หลง​ถูกำลังจะ​ปล่อย​คำพูด​หักหาญ​ใจ เขา​จึงถอนหายใจ​ และ​ชิงเอ่ย​โน้มน้าว​ก่อน​หลง​ถูจะทวี​ความขัดแย้ง​ว่า​

“หลง​ถู เผ่าพันธุ์​กู่​ตัด​ส่งใจส่งกองทัพ​แล้ว​ เช่นนั้น​สวี่​ชีอัน​ก็​จะเป็นอันตราย​แฝงเร้น​ หาก​ไม่กำจัด​เขา​ ไม่รู้​ว่า​ฝ่าย​ต่างๆ​ จะมีคนตาย​เท่าไร​ในอนาคต​”

“ท้ายที่สุด​แล้ว​เผ่าพันธุ์​กู่​สำคัญ​หรือ​สหาย​คน​หนึ่ง​สำคัญ​กัน​แน่​”

ประโยค​เดียว​ทำ​หลง​ถูเจ็บใจ​จน​หัว​คิ้ว​ขมวด​

ฉุน​เอียน​ไม่ได้​เอ่ย​โน้มน้าว​ต่อ​ และ​มอง​ไป​ยัง​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ผู้​ที่​ศีรษะ​เต็มไปด้วย​ไหม​เงิน​ พร้อม​เอ่ย​ว่า​ “แม่ย่า​ ท่าน​ว่า​อย่างไร​”

หลง​ถูและ​อาวุโส​ทั้ง​หก​อด​ไม่ได้​ที่จะ​มอง​ไป​ยัง​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​

ฝ่าย​เทียน​กู่​จัดทำ​ปฏิทินโหราศาสตร์​ขึ้น​เพื่อ​สำรวจ​การ​โคจร​ของ​ดวงดาว​ตาม​โหราศาสตร์​ การ​เพาะปลูก​ของ​แต่ละ​ฝ่าย​ล้วน​ต้อง​พึ่งพา​ฝ่าย​เทียน​กู่​ และ​ความสามารถ​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​การกินอยู่​มักจะ​ได้รับการยกย่อง​

และ​ผนวก​กับ​การ​ที่​ฝ่าย​เทียน​กู่​สามารถ​สอดส่อง​อนาคต​และ​ให้การ​ชี้นำ​ที่​ถูกต้อง​ แม้ฝ่าย​ทั้ง​หก​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​จะกล่าวว่า​ไม่ถึงกับ​ต้อง​ปฏิบัติตาม​เทียน​กู่​ แต่​บารมี​ของ​เทียน​กู่​ก็​สูงยิ่ง​ หาก​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​เอ่ย​ ฝ่าย​ทั้ง​หก​ล้วน​ยินดี​รับฟัง​

ขณะที่​ผู้คน​มอง​นาง​ แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​กลับ​มอง​ไป​ยัง​สวี่​ชีอัน​ และ​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​

“หลง​ถู เหตุใด​จึงไม่ถามความเห็น​ของ​ตัว​เขา​เอง​หรือ​”

ผู้อาวุโส​ใหญ่​เอ่ย​อย่าง​ไม่สบอารมณ์​โดย​ไม่รอ​ให้​หลง​ถูตอบ​ว่า​

“หาก​เขา​บอ​กว่า​ไม่สู้ พวก​เจ้าจะปล่อย​เขา​ไป​หรือ​ เหตุใด​แม่ย่า​จำต้อง​เอ่ย​คำพูด​ประชดประชัน​ที่นี่​”

หลง​ถูเงียบ​เล็กน้อย​ ก่อน​หัน​ศีรษะ​ไป​เอ่ย​กับ​สวี่​ชีอันว่า​

“ข้า​เคย​รับปาก​ไว้​ว่า​จะไม่สอด​มือ​เข้าไป​ยุ่ง​กับ​การต่อสู้​ระหว่าง​พวกเขา​กับ​เจ้า นี่​เป็นการ​ช่วยเหลือ​สูงสุด​ที่​ข้า​สามารถ​มอบให้​เจ้าได้​ การ​ที่​เจ้าตาย​ที่นี่​ก็​เป็น​ชะตากรรม​ของ​เจ้าใน​ฐานะ​จอม​ยุทธ์​

“หาก​เจ้าสามารถ​สังหาร​พวกเขา​จน​หมดสิ้น​ ข้า​เอง​ก็​ไม่ห้าม​เช่นกัน​ นี่​ก็​คือ​คำสัญญา​ของ​ข้า​ที่​มีต่อ​เจ้า”

ฝาย​ลี่​กู่​ป่าเถื่อน​และ​บ้า​การต่อสู้​ หาก​มีเรื่อง​ขัดแย้ง​ก็​ต้อง​ต่อย​ตี​ ธรรมเนียม​ของ​พวกเขา​เป็น​เช่นนี้​

ผู้อาวุโส​ใหญ่​ส่งเสียง​ฮึดฮัด​อย่าง​จนใจ​เมื่อ​ได้ยิน​ ก่อน​เอ่ย​ว่า​

“อย่า​เข้าใกล้​ผู้หญิง​คน​นั้น​ อย่า​ได้​หยุด​ขณะ​ต่อสู้​ จดจ่อ​กับ​เงามืด​ใต้​ฝ่าเท้า​…หาก​สู้ไม่ได้​จริงๆ​ ค่อย​หนี​”

นี่​คือ​ขีด​สูงสุด​ที่​เขา​สามารถ​ทำได้​ ประโยค​ท่อน​แรก​เป็นการ​เตือน​เขา​ถึงรายละเอียด​ที่​ต้อง​ระวัง​ใน​การต่อสู้​ ส่วน​ประโยค​ท่อน​หลัง​แท้​แล้ว​เป็น​จุดสำคัญ​

หนี​

จอม​ยุทธ์​ขั้น​สามที่อยู่​ใน​สภาพ​สมบูรณ์​เอาแต่​คิด​จะหนี​ เป็นเรื่อง​ยาก​มาก​หาก​คิด​จะสกัด​เขา​ แต่​หาก​ตก​อยู่​ใน​การต่อสู้​อัน​ทรหด​ ต่อให้​คิด​จะหนี​เท่าไร​ก็​ไม่สามารถ​หลบหนี​ได้​เลย​ด้วย​อุบาย​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​

การ​หนี​เป็น​ตัวเลือก​ที่​ดี​ที่สุด​อย่าง​แน่นอน​ แต่​หาก​เป็น​เช่นนี้​ การผูก​พันธมิตร​ระหว่าง​เผ่าพันธุ์​กู่​และ​อวิ๋น​โจว​เป็นอัน​บรรลุ​ ต้าฟ่ง​จะต้อง​พ่ายแพ้​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​…สวี่​ชีอัน​กวาด​มอง​ผู้คน​อย่าง​ช้าๆ ความคิด​ผุด​ขึ้น​มากมาย​ใน​จิตใจ​

เขา​กลับมา​เที่ยว​นี้​เพราะ​ต้องการ​ทำลาย​การผูก​พันธมิตร​ระหว่าง​เผ่าพันธุ์​กู่​กับ​กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​

มีแผนการ​โดยประมาณ​ใน​ความคิด​แล้ว​

“หึ​”

นิ้ว​ของ​สวี่​ชีอัน​แตะ​ที่​ใต้​คิ้ว​ วงแหวน​เพลิง​จุด​ขึ้น​ที่​หลัง​ศีรษะ​ของ​เขา​และ​แผ่​ความร้อน​อุณหภูมิ​สูงออกมา​ พร้อมด้วย​ผิวหนัง​ที่​เปลี่ยนเป็น​สีทอง​มืด​อย่าง​รวดเร็ว​

ใน​ทันใดนั้น​เอง​ กา​ยา​ศักดิ์สิทธิ์​เทพ​อารักษ์​ที่​มีพลัง​หยาง​แข็งแกร่ง​และ​แผ่​ความ​ทรงพลัง​ปรากฏ​ต่อหน้า​มวลชน​เผ่าพันธุ์​กู่​

เขา​ยก​ยิ้มมุมปาก​ และ​เอ่ย​ด้วย​การแสดง​รอยยิ้ม​เย็นชา​ที่​พาล​หาเรื่อง​และ​จองหอง​ว่า​

“ขอ​เรียนรู้​ไม้เด็ด​จาก​ทุกท่าน​หน่อย​”

“สวี่​ชีอัน​บำเพ็ญ​กา​ยา​ศักดิ์สิทธิ์​เทพ​อารักษ์​สำเร็จ​แล้ว​หรือ​”

ห่าง​ออก​ไป​หลาย​สิบ​ลี้​ เก่​อ​เห​วิน​ซวน​ยืน​ถือ​กล้องส่องทางไกล​กระบอก​เดี่ยว​สังเกต​ลาดเลา​ของ​สถานที่​ที่​ไกล​ออก​ไป​อยู่​บน​ยอดไม้​

อาวุธ​เวทมนตร์​ที่​เชี่ยวชาญ​การ​มอง​ทางไกล​ประเภท​นี้​คิดค้น​โดย​สวี่​ผิง​เฟิง

มัน​สามารถ​ทำให้​ผู้​ถือครอง​มองเห็น​ลาดเลา​ที่​ห่าง​ออก​ไป​หลาย​สิบ​ลี้​อย่าง​ชัดเจน​ หาก​มอง​โดย​การ​ขึ้น​ที่สูง​ ระยะทาง​ยัง​ไกล​กว่า​เดิม​ได้​อีก​

ขณะนี้​ แม้สวี่​ชีอัน​และ​คนอื่นๆ​ จะเล็ก​มาก​จน​มองไม่เห็น​รายละเอียด​ได้​ชัด​มาก​นัก​ใน​สายตา​ของ​เก่​อ​เห​วิน​ซวน​ แต่​ยัง​สามารถ​มอง​สถานการณ์​โดย​ภาพรวม​ได้​ชัดเจน​

วงแหวน​เพลิง​ที่​ลุกโชน​นั้น​สะท้อน​เข้า​ใน​รูม่านตา​ของ​เก่​อ​เห​วิน​ซวน​อย่าง​แจ่มชัด​

“เขา​บำเพ็ญ​ร่าง​เทพ​อารักษ์​สำเร็จ​เมื่อใด​กัน​…จุ๊ๆ เจ้าหนุ่ม​นี่​ เห็น​อยู่​ว่า​ไม่มีบันทึก​ใน​ข่าวกรอง​ครั้ง​ที่แล้ว​ หมายความว่า​บำเพ็ญ​สำเร็จ​เมื่อไม่นานมานี้​…สมกับ​เป็น​ผู้​ครอง​มหา​โชคชะตา​”

เก่​อ​เห​วิน​ซวน​ขมวดคิ้ว​ซ้ำๆ

กา​ยา​จิต​เทพ​อารักษ์​ผนวก​กับ​ร่าง​อมตะ​ของ​จอม​ยุทธ์​ เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ต่อไป​ หาก​ยอด​ฝีมือ​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​คิด​จะฆ่าเขา​ ปัจจัย​ความ​ยาก​คง​เพิ่มขึ้น​มหาศาล​

“ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​”

เสียงอุทาน​ดัง​ขึ้น​ข้างๆ​ แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ หลวนอวี้​ผู้​แต่งกาย​สวย​ใสและ​อ้อนแอ้น​ชวน​หลง​ปิด​ริมฝีปาก​เล็ก​บาง​ที่​แดง​ชุ่มไว้​ ดวงตา​ทั้งคู่​ของ​นาง​เปล่งประกาย​แสง และ​หายใจ​หอบ​หนัก​

คน​ที่​เหลือ​ขมวด​หัว​คิ้ว​เล็กน้อย​เท่านั้น​เมื่อ​เทียบ​กับ​ความปลาบปลื้ม​แทบ​คลั่ง​ของ​นาง​

โหย​วซือ​เอ่ย​เบา​ๆ ว่า​

“เงา เจ้าซ่อน​ให้​ดี​ อย่า​ลงมือ​ผลีผลาม​ ข้า​จะตรึง​เขา​ซึ่งๆ หน้า​เอง​ ป๋า​จี้เจ้าร่าย​ผล​พิษ​ หลวนอวี้​ รอ​จน​เขา​ตก​อยู่​ใน​สภาวะ​จะกระตุ้น​ความใคร่​ของ​เขา​ทันที​”

“ส่วน​ฉุน​เอียน​ เจ้าทำ​ตามที่​เห็น​ว่า​สมควร​”

หลัง​จัดทำ​แนวทาง​ต่อสู้​กับ​ศัตรู​อย่าง​คร่าวๆ​ แล้ว​ โหย​วซือ​หันไป​เอ่ย​กับ​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ว่า​

“ขอ​รบกวน​แม่ย่า​ปิดบัง​กลิ่นอาย​ให้​พวก​ข้า​ด้วย​”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ได้​”

นาง​ยก​มือขึ้น​ป้าย​เบา​ๆ ทันใดนั้น​เอง​ กลิ่นอาย​ของ​ผู้นำ​ทั้ง​ห้า​ก็​หาย​ไป​พร้อมกัน​ ซึ่งประกอบด้วย​การ​เต้น​ของ​หัวใจ​ การ​หายใจ​และ​การ​ผันผวน​ของ​พลังงาน​

เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ต่อไป​ การ​ล่วงรู้​อันตราย​ล่วงหน้า​ของ​จอม​ยุทธ์​ก็​จะไม่เกิดผล​

ตึง​ตึง​ตึง​…โหย​วซือ​ที่​พาด​ผ้าคลุม​ไว้​บน​ไหล่​เข้า​ประจัญ​สวี่​ชีอัน​ การ​ก้าวย่าง​จาก​การ​วิ่ง​ตะบึง​ก่อให้เกิด​แผ่นดินไหว​เล็กน้อย​

เสียง​ฝีเท้า​หาย​ไป​อย่าง​กะทันหัน​ขณะ​เข้าใกล้​สวี่​ชีอัน​ เขา​แวบ​ผ่าน​ระยะ​สิบ​กว่า​จั้ง (1 จั้ง = 3.33 เมตร​) ไป​ด้วย​ความเร็ว​อัน​น่ากลัว​ และ​ไป​ปรากฏตัว​ด้านหลัง​สวี่​ชีอัน​โดยตรง​

กำปั้น​ทะลวง​ออก​ไป​ระหว่าง​ที่​ผ้าคลุม​กำลัง​ลอย​ขึ้น​ลอย​ลง​

‘ตู้​ม!’

เกิด​เสียงดัง​ราว​ระฆัง​ต้าหลี่ว์​ระหว่าง​ฟ้าดิน​ สวี่​ชีอัน​ปลิว​ร่วง​ออก​ไป​ราว​ก้อน​เหล็ก​สีทอง​

เขา​จงใจใช้การ​นี้​เพื่อ​ย้าย​สนามรบ​ไป​ยัง​พื้นที่​รอบนอก​ให้​มากกว่า​เดิม​ เพื่อ​หลีกเลี่ยง​การ​ทำลาย​ภูเขา​ป๋อ​เท่า​ที่จะ​เป็นไปได้​

โหย​วซือ​ไล่​โจมตี​โดย​อาศัย​ความได้เปรียบ​ ผู้นำ​คนอื่นๆ​ ทยอย​ลงมือ​โอบล้อม​จาก​ปีก​ข้าง​ เพื่อ​ไม่ให้​โอ​กา​สสวี่​ชีอัน​ได้​หลบหนี​

‘ตึง​ ตึง​’

ผู้อาวุโส​ใหญ่​ได้ยิน​เสียง​ฝีเท้า​ที่​กระชั้น​ขัดจังหวะ​ความคิด​ของ​เขา​ที่​ต้อง​การตาม​ไป​ชมการต่อสู้​ เมื่อ​หัน​ศีรษะ​กลับ​ไปดู​พบ​ว่า​เป็น​สวี่ห​ลิง​อิน​ที่​กำลัง​ถือ​ไม้ตะบอง​อยู่​

“ห​ลิง​อิน​”

ผู้อาวุโส​ใหญ่​ขมวดคิ้ว​เอ่ย​ตำหนิ​ว่า​ “เจ้ามาทำ​อะไร​”

เขา​เหมือน​กำลัง​ตำหนิ​เด็ก​ใน​เผ่าพันธุ์​ของ​ตน​

หลง​ถูและ​คนอื่นๆ​ เอง​ก็​หยุด​ฝีเท้า​ลง​ชั่วขณะ​ และ​ขมวดคิ้ว​มอง​เสี่ยว​โต้​ว​ติง​

เมื่อ​เทียบ​กับ​ชาว​เผ่าพันธุ์​กู่​ที่​รูปร่าง​สูงใหญ่​ นาง​เหมือน​ถั่ว​แดง​เลย​จริงๆ​ ตัว​สูงเพียง​หัวเข่า​ของ​หลง​ถู

“พี่ใหญ่​ข้า​ล่ะ​”

สวี่ห​ลิง​อิน​ตะโกน​ด้วย​ความโมโห​ราว​สิงโต​น้อย​ที่​โกรธเกรี้ยว​

นาง​แสยะปาก​ยิงฟัน​ใส่ผู้อาวุโส​ใหญ่​และ​คนอื่นๆ​ ขณะ​หัว​คิ้ว​เบาบาง​ตั้งชัน​ และ​เอ่ย​พร้อม​ชูไม้ตะบอง​ว่า​

“ใคร​ต่อย​ตี​พี่ใหญ่​ข้า​ ข้า​จะตี​มัน​ พี่ใหญ่​เคย​ตาย​ไป​แล้ว​ครั้งหนึ่ง​ ข้า​ไม่อยาก​ให้​พ่อ​กับ​แม่ต้อง​ร้องไห้​”

นาง​ยัง​จำโลงศพ​โลง​นั้น​เมื่อ​ต้นปี​ได้​อย่าง​แม่นมั่น​

นาง​ผู้​ไม่เคย​ประสีประสา​เรื่อง​ใด​เลย​ จำโลงศพ​โลง​นั้น​ได้​อย่าง​ฝังอก​

เดิมที​ผู้อาวุโส​ใหญ่​อยาก​บอ​กว่า​ ‘พี่ใหญ่​เจ้าหา​ที่​ตาย​เอง​ จะตำหนิ​ผู้ใด​’

แต่​ครั้น​เห็น​สายตา​อัน​แวว​ใสและ​เฉียบคม​ที่​เผย​ออก​มาจาก​ดวงตา​ของ​เด็กหญิง​ เขา​ชะงัก​ไป​ทันที​

………………………………………..

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท