บทที่ 675 ปิดเกม (2)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

เงามืด​มายา​ทั้งสอง​ไล่​ฟัด​ไล่​เหวี่ยง​กัน​บน​พื้นดิน​ จากนั้น​ทั้งคู่​ก็​ร่วง​ลง​มาจาก​เงามืด​

เมื่อ​จอม​ยุทธ์​ผู้​ขึ้น​ชื่อเรื่อง​ความสามารถ​ใน​การต่อสู้​ควบคุม​วิชา​กระโดด​สู่เงาของ​อั้น​กู่​ สิ่งนี้​ทำให้​ยอด​ฝีมือ​ของ​ระบบ​ต่างๆ​ ขนพองสยองเกล้า​และ​เสียวสันหลัง​วาบ​เพียง​นึกถึง​มัน​

และ​การ​กระโดด​ระยะสั้น​ของ​อั้น​กู่​นั้น​เร็ว​ยิ่งกว่า​ค่าย​กล​ส่งตัว​ของ​โหร​

ช่างไร้​ทาง​ป้องกัน​และ​ไม่อาจ​ขัดขวาง​อย่าง​แท้จริง​

มีเพียง​อั้น​กู่​ที่​สามารถ​รับมือ​อั้น​กู่​ด้วยกัน​ได้​

เมื่อ​เห็น​ทั้งสอง​ร่วง​ลง​มาจาก​เงา ฉุน​เยียน​อ้า​ปาก​แผดเสียง​หวีด​อัน​ไร้​ซึ่งเสียง​แต่​บาด​แหลม​เป็น​อย่างยิ่ง​สำหรับ​จิต​เดิม​ในทันที​

หลวนอวี้​ขี่​ลม​เข้าหา​สวี่​ชีอัน​ด้วย​ตนเอง​ กระโปรง​บาง​โปร่ง​พริ้ว​ระบำ​เฉกเช่น​สตรี​งามแห่ง​ยุค​

นาง​แผ่​อ้อมกอด​ด้วย​ท่า​นก​นางแอ่น​บิน​ถลา​ลง​สู่ป่า​พร้อมกับ​แสร้งทำ​ท่าทาง​อ้อนแอ้น​น่าสงสาร​ ประกาย​น้ำตา​ซึ่งวับ​วาว​เปี่ยม​ดวงตา​อัน​สวยงาม​ นาง​เอ่ย​อย่าง​กล้ำกลืน​ว่า​

“อย่า​ทำร้าย​เขา​เลย​”

การ​รับมือ​จอม​ยุทธ์​ด้วย​วิชา​ ‘รัญจวน​’ เรียก​ได้​ว่า​ราบรื่น​ไป​เสีย​ทุกที่​ นาง​เห็น​ว่า​แววตา​ที่​ชาย​ผู้​นี้​มอง​นาง​เปี่ยม​ด้วย​ความลุ่มหลง​

หลวนอวี้​ฉวยโอกาส​เข้าไป​ใน​ร่าง​เทพ​อารักษ์​ร่าง​นี้​อย่าง​ราบรื่น​ ซึ่งเป็น​ร่าง​ที่​นาง​อยาก​ได้มา​ครอง​เสีย​จน​น้ำลายไหล​ แขน​ประดุจ​ราก​บัว​อัน​เรียว​ราว​เกี่ยว​คอ​ของ​เขา​ไว้​ พร้อม​แนบ​ริมฝีปาก​อัน​แดง​ชุ่มลง​ไป​

“ฟู่”

นาง​เป่า​กลิ่นอาย​ที่​หอม​หวาน​ลง​ไป​ และ​ส่งจื่อ​กู่​สิบ​กว่า​ตัว​เข้าไป​ใน​ปาก​ของ​อีก​ฝ่าย​

ขณะนี้​เอง​ นาง​ได้ยิน​หนุ่ม​ผู้​นี้​เอ่ย​เบา​ๆ ว่า​

“เจ้าทำ​เช่นนี้​กับ​ชาย​ทุกคน​เลย​หรือ​”

‘นี่​มัน​’…รูม่านตา​ของ​หลวนอวี้​หดตัว​ลง​อย่าง​รุนแรง​ และ​ใน​วินาที​ต่อมา​ ชายหนุ่ม​ก็​พ่น​มัน​กลับ​เข้า​ปาก​ของ​นางใน​พรวด​เดียว​ กลิ่นอาย​นี้​ร้อน​แผดเผา​จน​จุกเสียด​กระเพาะ​อย่าง​รุนแรง​

“โอ๊ย​…”

หลวนอวี้​จับ​ท้องน้อย​ไว้​ เส้นเลือด​สีดำ​ปูด​นูน​ขึ้น​บน​ใบหน้า​ พร้อมด้วย​เลือด​สีดำ​ทะลัก​ออก​มาจาก​ปาก​

ฉิงกู่​ใช้ปราณ​เสน่หา​ วิชา​รัญจวน​และ​การ​ล่อลวง​สติปัญญา​เป็นหลัก​ กาย​หยาบ​จึงไม่ใช่จุดแข็ง​ของ​ปรมาจารย์​ฉิงกู่​

แม้พิษ​ของ​สวี่​ชีอัน​จะไม่รุนแรง​เท่า​ป๋า​จี้ แต่​มาก​เพียงพอ​สำหรับ​ ‘สตรี​อ่อนแอ​’ คน​หนึ่ง​แล้ว​

เขา​อ้าแขน​มอบ​อ้อมกอด​หมี​ให้​หญิงสาว​ผู้​สวยหยาดเยิ้ม​

แกรก​…กระดูก​ใน​ร่างกาย​ของ​หลวนอวี้​หัก​ไป​สิบ​กว่า​ท่อน​

ลมปราณ​ของ​เจ้าปลุกอารมณ์​ข้า​ไม่ได้​หรอก​ แต่​ลมปราณ​ของ​ข้า​ทำใจ​เจ้าติด​พิษ​ปางตาย​ได้​

สวี่​ชีอัน​พึมพำ​ใน​ใจ

สภาพ​ของ​หลวนอวี้​ทำให้​ผู้คน​ภายใน​สนาม​และ​ภายนอก​สนาม​ตกตะลึง​ วิชา​รัญจวน​ซึ่งใช้ได้ผล​กับ​ทุกคน​หมดฤทธิ์​ และ​ถูก​สวี่​ชีอัน​สร้าง​ความ​บาดเจ็บสาหัส​ด้วย​กลวิธี​ที่​ไม่ทราบ​ชื่อ​

เส้นเลือด​สีดำ​แตกแขนง​ไป​ทั่ว​ใบหน้า​แสน​งาม เลือด​สีดำ​ไหล​ออกจาก​ปาก​และ​จมูก​…

สีหน้า​ของ​ป๋า​จี้เปลี่ยนไป​อย่าง​กะทันหัน​ เขา​เอ่ย​ตะโกน​เบา​ๆ ว่า​

“ตู๋​กู่​ มัน​คือ​ตู๋​กู่​”

เขา​ตะโกน​หลาย​รอบ​ติดต่อกัน​ ราวกับว่า​มีเพียง​การ​ทำ​เช่นนี้​จึงจะสามารถ​ระบาย​ความ​ตกตะลึง​ภายในใจ​ออกมา​ได้​

‘สวี่​ชีอันเป็น​ปรมาจารย์​ตู๋​กู่​ด้วย​หรือ​’

หลง​ถูหัน​ศีรษะ​มอง​ผู้อาวุโส​ทั้ง​หก​ กลับ​พบ​ว่า​สิ่งที่อยู่​ภายใน​ดวงตา​ของ​พวกเขา​เป็น​สิ่งเดียว​กับ​ตน​ ซึ่งก็​คือ​ความ​งุนงง​

‘ชาว​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​ใช้ไสยศาสตร์​กู่​เป็น​ถึงสามประเภท​ ทั้ง​ยัง​บำเพ็ญ​ถึงระดับสูง​มาก​’

‘หรือว่า​ใน​ปี​นั้น​เว่ยเยวียน​จับ​ยอด​ฝีมือ​เผ่าพันธุ์​กู่​เป็น​เชลย​ และ​รีด​เอา​ศาสตร์​ลับ​จาก​ปาก​ของ​พวกเขา​’

หลง​ถูคิด​ว่า​ตน​คาดเดา​ความจริง​ถูก​

พวกเขา​ฝ่าย​ลี่​กู่​ยัง​ไม่มีเวลา​อึ้ง​ทึ่ง​และ​ครุ่น​คิดถึง​แหล่งที่มา​ของ​ไสยศาสตร์​กู่​ทั้ง​สามประเภท​ บรรดา​ผู้นำ​ใน​สนาม​เอง​ก็​ไม่มีกะ​จิต​กะ​ใจจะเอ้อระเหย​ลอยชาย​เช่นกัน​

แม้ความ​ตกตะลึง​ภายใน​จิตใจ​ของ​พวกเขา​จะไม่น้อย​ไป​กว่า​ผู้ชม​โดยรอบ​สักนิด​ก็ตาม​ แต่​พวกเขา​อยู่​ใน​การต่อสู้​ จึงไม่มีเวลา​ไป​คิด​เรื่อง​อื่น​ การ​รบ​ชนะ​ศัตรู​ต้อง​มาเป็น​อันดับ​แรก​

ความ​มืดมิด​เข้ามา​แทนที่​แสงสว่าง​อีก​ครา​ สวี่​ชีอัน​โดน​ทักษะ​ ‘อำพราง​’ ของ​อั่น​กู่​ซ้ำอีกครั้ง​ ประสาทสัมผัส​ทั้ง​ห้า​และ​สัมผัส​ทั้ง​หก​ถูก​ปิดกั้น​หมด​ทั้งสิ้น​

เงามืด​กลุ่ม​หนึ่ง​ซึ่งถือ​กริช​ที่​คด​โค้ง​ไว้​ใน​มือ​ปรากฏ​ตัวอย่าง​เงียบเชียบ​ และ​แทง​ไป​ที่​ระหว่าง​คิ้ว​สีทอง​มืด​อย่าง​สุดกำลัง​

มือ​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​โหย​วซือ​ถือ​ดาบ​กระดูก​กู่​ไว้​ข้าง​ละ​เล่ม​ เขา​หมอบ​ตัว​ต่ำกว่า​สันหลัง​ วิ่ง​เพียง​สอง​สามก้าว​ก็​มาถึงตรงหน้า​สวี่​ชีอัน​ ดาบ​ทั้งสอง​เล่ม​เฉือน​ไขว้​เข้าไป​ที่​ต้นคอ​

ป๋า​จี้รู้​อยู่แล้ว​ว่า​พิษ​ไร้ประโยชน์​ แต่​ยัง​พ่น​ศร​พิษ​สีเขียว​แก่​ออก​ไป​สามดอก​อย่าง​เข้าขากัน​

เพื่อ​เป็น​การรับประกัน​ว่า​พรรคพวก​ทั้ง​สามจะสามารถ​โจมตี​ศัตรู​ได้​อย่าง​ไม่คลาดเคลื่อน​ ฉุน​เยียน​จึงกรีดร้อง​เพื่อ​ร่าย​การควบคุม​ด้วย​วิชา​ซิน​กู่​อีกครั้ง​

โจมตี​ของ​ผู้นำ​ทั้ง​สามโดน​ศัตรู​เต็มๆ​ แต่​นั่น​เป็น​เพียง​เงามืด​ที่​ไร้​ซึ่งร่าง​จริง​

เงามืด​บิดเบี้ยว​ประหนึ่ง​หมอก​ควัน​ด้วย​การ​โจมตี​อัน​รุนแรง​ทั้ง​สาม จากนั้น​กระโดด​หาย​ไป​ต่อหน้า​เงาและ​โหย​วซือ​

‘เงา’ กระโจน​เข้าหา​เงามืด​และ​ไล่ตาม​ไป​

“ฉุน​เยียน​ ถอย​เร็ว​”

โหย​วซือ​แผดเสียง​ลั่น​

สีหน้า​ของ​ฉุน​เยียน​ผู้​มีดวง​ตากลม​โต​และ​งดงาม​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​ นาง​ไม่อาจ​ทำใจ​ยอม​รับได้​ว่า​ความสามารถ​ใน​การควบคุม​จิต​เดิม​ของ​ตนเอง​นั้น​ไร้ผล​ นาง​ผู้​มีประสบการณ์​โชกโชน​กระโดด​พ้น​จาก​พื้นดิน​ภายใต้​การ​แจ้งเตือน​จาก​โหย​วซือ​ในทันที​ การกระทำ​เช่นนี้​สามารถ​ป้องกัน​ศัตรู​โผล่​ออก​มาจาก​เงาของ​ตนเอง​ได้​

และ​ในขณะเดียวกัน​ เขา​ก็​อ้า​ปาก​กรีดร้อง​โดย​ไม่ส่งเสียง​อย่าง​ไม่ขาดสาย​

นาง​มอง​ลง​ไป​ข้างล่าง​ด้วย​ความระแวดระวัง​และ​สุขุม​ขณะ​กระโจน​อยู่​กลางอากาศ​ พบ​ว่า​ร่าง​เงาสีทอง​มืด​โผล่​ขึ้น​มาใต้​ร่มไม้​ใกล้​ๆ ตน​

จากนั้น​ จอม​ยุทธ์​ก็​งอ​เข่า​ทั้งคู่​ลง​ หลัง​สิ้น​เสียง​ ‘โครม​’ บน​พื้นดิน​ เขา​พุ่ง​ขึ้น​มาเหมือน​ศร​แหลม​ที่​ยิง​ขึ้นไป​ยัง​ท้องฟ้า​

จิตใจ​ของ​ฉุน​เยียน​หนาวสั่น​ อ้า​ปาก​กรีดร้อง​ไม่หยุด​

การ​กรีดร้อง​ครั้งนี้​ไม่ได้​สะเทือน​จิต​เดิม​เลย​ กลับ​กระตุ้น​ด้าน​ที่​อ่อนโยน​และ​นุ่มนวล​ต่อ​สตรี​ภายใน​จิตใจ​ของ​สวี่​ชีอัน​แทน​

กลวิธี​อีก​ประเภท​ของ​ซิน​กู่​ ซึ่งก็​คือ​ทักษะ​จิต​ร่วม​

นอกจากนี้​ นาง​ยัง​เรียก​สัตว์​ใน​รัศมี​หลาย​สิบ​ลี้​ประหนึ่ง​ลับ​หอก​เมื่อ​จวนจะ​ต่อสู้​

เหตุ​ที่​ไม่ได้​ใช้ทักษะ​จิต​ร่วม​หลายครั้ง​ก่อนหน้านี้​เป็น​เพราะ​ผล​ที่​ได้​จาก​การ​สั่นสะเทือน​จิต​เดิม​และ​บังคับ​ควบคุม​นั้น​ดี​ยิ่งกว่า​ มัน​สามารถ​สร้าง​ความได้เปรียบ​ให้​เพื่อน​ร่วม​กลุ่ม​ได้​

แต่​ทักษะ​จิต​ร่วม​ไม่ค่อย​แข็งแกร่ง​เท่าไร​ มัน​สามารถ​กระตุ้น​ความรู้สึก​ที่​มีอยู่​แต่เดิม​ใน​ธรรมชาติ​ของ​มนุษย์​ แต่​อีก​ฝ่าย​จะสังเกตเห็น​ความผิดปกติ​และ​หลุดพ้น​จาก​สภาวะ​จิต​ร่วม​ทันที​หาก​ทำ​มากเกินไป​

ตัวอย่างเช่น​ หาก​ทำให้​จอม​ยุทธ์​ที่​มีพลังจิต​ตา​นุ​ภาพ​มั่นคง​เกิด​ความตั้งใจ​ที่จะ​อุทิศ​ชีวิต​ใน​การต่อสู้​อันเป็น​ตาย​หรือ​เปลี่ยนเป็น​คน​เฉยเมย​ ทักษะ​จิต​ร่วม​ประเภท​นี้​ก็​ล้มเหลว​ไป​แล้ว​มากกว่า​ครึ่ง​

ความนุ่มนวล​ต่อ​สตรี​ที่​เลือก​ใน​ขณะนี้​จะต้อง​อ่อนโยน​มาก​โดยธรรมชาติ​ ซึ่งอำนาจ​โน้ม​นำ​อยู่​ที่​ตัว​อีก​ฝ่าย​

นอกจากนี้​ ทักษะ​จิต​ร่วม​ไม่ใช่การ​ร่าย​เพียง​ฝ่าย​เดียว​ แต่​เป็นการ​ประสาน​ความรู้สึก​ของ​ทั้งสองฝ่าย​

หาก​สวี่​ชีอัน​เกิด​ความตั้งใจ​ที่จะ​อุทิศ​ชีวิต​ นาง​ก็​จะเกิด​ความตั้งใจ​ที่จะ​อุทิศ​ชีวิต​เช่นเดียวกัน​

ใน​การต่อสู้​ก่อนหน้านี้​ หาก​นาง​บังคับ​ให้​สวี่​ชีอัน​เกิด​ความตั้งใจ​ที่จะ​อุทิศ​ชีวิต​ เกรง​ว่า​ตนเอง​จะถลัน​เข้าไป​ต่อสู้​โหยหา​ความตาย​กับ​สวี่​ชีอัน​แบบ​สุด​ชีวิต​อย่าง​อดใจ​ไม่ไหว​เป็น​คน​แรก​

ภายใต้​ทักษะ​เห็นใจ​ หน้าตา​ของ​สวี่​ชีอัน​อ่อนโยน​ขึ้น​ใน​ทันใด​ เขา​เอ่ย​ด้วย​เสียง​อัน​นุ่มนวล​ว่า​

“วางใจ​เถิด​ ข้า​จะเบามือ​ ไม่ทำ​เจ้าเจ็บ​ แม่นาง​เพิ่งจะ​เคย​ครั้งแรก​หรือ​”

ฉุน​เยียน​พยัก​ศีรษะ​อย่าง​เขินอาย​พร้อม​เอ่ย​ว่า​ “อืม​”

ไม่กี่​วินาที​ถัดมา​ ทั้งสอง​ก็​หลุดพ้น​จาก​สภาวะ​จิต​ร่วม​พร้อมกัน​

‘นี่​มัน​แปลก​เสีย​จริง​เลย​ สู้ไป​สู้มาก็​คุย​กัน​ถึงเรื่อง​นั้น​เฉย​’

‘ความละมุนละม่อม​มัน​มากเกินไป​เสีย​ยิ่งกว่า​การ​เกิด​ความตั้งใจ​ที่จะ​อุทิศ​ชีวิต​ ทักษะ​จิต​ร่วม​ล้มเหลว​’

‘เหตุใด​ความนุ่มนวล​ต่อ​สตรี​ถึงเป็น​เช่นนี้​’…ความสิ้นหวัง​ผุด​ขึ้น​ใน​ดวงตา​ของ​ฉุน​เยียน​

ชั่ว​ขณะนี้​เอง​ ข้อเสีย​ของ​ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ปรากฏ​ออกมา​ทั้งหมด​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ ตัวนาง​ซึ่งไม่ชำนาญ​เรื่อง​การ​รบราฆ่าฟัน​ จึงไม่อาจ​ต่อต้าน​และ​หลบเลี่ยง​เมื่อ​เผชิญ​การ​จู่โจมจาก​จอม​ยุทธ์​ระดับ​บรรลุ​ธรรม​

กระทั่ง​ความเร็ว​ก็​ไม่มาก​พอให้​หนี​

‘โครม​!’

เสียง​พื้นดิน​ทรุดตัว​ดัง​ขึ้น​อีกครั้ง​ โหย​วซือ​แปลง​ตนเอง​เป็น​ศร​แหลม​ไล่​โจมตี​ พยายาม​ขัดขวาง​ไม่ให้​เขา​เข้าใกล้​พรรคพวก​

ทว่า​ใน​ช่วง​ถัดมา​ ความ​มืดมิด​อัน​ไร้​ซึ่งขอบเขต​ปกคลุม​เขา​ โหย​วซือ​เอง​จึงได้​เข้าใจ​ความรู้สึก​เมื่อ​ไม่นาน​ก่อนหน้านี้​ของ​สวี่​ชีอัน​

แต่​ ‘เงา’ ไม่สามารถ​สำแดง​ความสามารถ​อย่าง​ต่อเนื่อง​ได้​ใน​ระยะเวลา​สั้น​ๆ เนื่องจาก​เพิ่งจะ​ร่าย​ทักษะ​ ‘อำพราง​’ ไป​ ทำได้​เพียง​มอง​เด็กหนุ่ม​แห่ง​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​ก่อกวน​ฉุน​เยียน​อย่าง​ช่วยไม่ได้​

‘ปัง​ๆๆ!’

สิ่งที่​ตอบรับ​สวี่​ชีอัน​คือ​กระบวนท่า​ต่อเนื่อง​ที่​คุ้นเคย​ชุด​หนึ่ง​ ซึ่งเป็น​กระบวนท่า​ต่อเนื่อง​ที่​จอม​ยุทธ์​สลาย​แรง​ขึ้นไป​เท่านั้น​จึงจะสามารถ​ใช้ได้​

เขา​เพิ่งจะ​ค้นพบ​ว่า​ บางที​เพื่อ​ชดเชย​การ​ขาด​พลัง​ต่อสู้​โดยส่วนตัว​ ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ผู้​งดงาม​ท่าน​นี้​ก็​คง​เป็น​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สี่ระดับ​สูงสุด​ควบคู่​กัน​

สวี่​ชีอัน​จับ​ข้อมือ​ทั้งสอง​ของ​สตรี​งามผู้​มีดวง​ตากลม​โต​ไว้​ แล้ว​บิด​มือ​ทั้งคู่​ไป​ที่​ด้านหลัง​

“ฟ่อ​ๆ”

งูตัว​น้อย​สีแดง​ชาด​สอง​ตัว​ซึ่งอยู่​ตรง​ติ่ง​หู​ของ​ฉุน​เยียน​ปกป้อง​นาย​ของ​มัน​ด้วย​ความจงรักภักดี​ พวก​มัน​พุ่ง​เข้า​กัด​แขน​ของ​ชายหนุ่ม​

สวี่​ชีอัน​มองออก​ใน​ครู่เดียว​ว่า​งูตัว​นี้​มีพิษ​ร้ายแรง​

งูตัวเล็ก​บาง​ทั้งสอง​กัด​แขน​อัน​ใหญ่โต​ของ​สวี่​ชีอัน​ดัง​ฉึบๆ​ งูตัว​จิ๋ว​ขดตัว​ลง​ด้วย​ความเจ็บปวด​ราว​เขี้ยว​หัก​

“เจ้า…”

ภายใน​ดวงตา​อัน​กลม​โต​ของ​ฉุน​เยียน​เต็มไปด้วย​ความโกรธ​และ​ความ​ตื่นตระหนก​ นาง​อ้า​ปาก​สีชมพู​ออก​ และ​กำลังจะ​ส่งเสียง​กรีดร้อง​อัน​ไร้​เสียง​ออกมา​

สวี่​ชีอัน​พ่น​ปราณ​เสน่หา​ที่​มีความ​เข้มข้น​สูงพร้อมกับ​จื่อ​กู่​และ​ฉิงกู่​ไป​ที่​ใบหน้า​ของ​นาง​

จื่อ​กู่​ลำตัว​เรียว​ยา​วสี​ดำ​เข้าไป​ใน​ปาก​ของ​ฉุน​เยียน​และ​หาย​ไป​ใน​ชั่วพริบตา​

ใน​เวลา​เพียง​ไม่กี่​นาที​ เลือด​ของ​นาง​เริ่ม​เดือด​พล่าน​ ผิวหนัง​ถูก​ย้อม​ด้วย​สีแดงสด​ รา​คะใน​ร่างกาย​ถูกจุด​ขึ้น​และ​แผดเผา​สติปัญญา​

‘ฉิงกู่​ เขา​ก็​เป็น​ปรมาจารย์​ฉิงกู่​เช่นกัน​’…ความคิด​ที่​ยาก​จะเชื่อ​แวบ​ขึ้น​ใน​หัว​ฉุน​เยียน​

สติปัญญา​ซึ่งเหลืออยู่​เพียง​เล็กน้อย​ของ​นาง​พังทลาย​ลง​โดยสิ้นเชิง​ ผิวหนัง​แดงสด​ แก้ม​ร้อนผ่าว​ เอว​บิดเบี้ยว​อย่าง​ไม่อาจ​ฝืนทน​

เวลา​มีผล​ของ​ทักษะ​ ‘อำพราง​’ สั้น​มาก​ โหย​วซือ​ฟื้นฟู​การรับรู้​อย่าง​รวดเร็ว​ เขา​ถือ​ดาบ​กระดูก​กู่​เข้า​ปะทะ​จาก​ด้าน​ข้าง​ กลิ่นอาย​โหดร้าย​ราวกับ​ต้อง​การสังหาร​คู่​ชาย​โฉด​หญิง​ชั่ว​ไป​ด้วยกัน​

เขา​จงใจใช้จิต​สังหาร​และ​ปราณ​ดาบ​เพื่อ​ช่วย​ให้​นาง​ ‘ตื่น​’

เป็นไปตาม​คาด​ ร่างกาย​ที่​อ้อนแอ้น​สั่นเทา​ ดวงตา​ที่​เลือนราง​กลับมา​ชัดเจน​หลังจาก​ได้รับ​การ​กระตุ้น​จาก​ภายนอก​

ทว่า​สาย​ไป​เสียแล้ว​…

‘ตูม​!’

ดาบ​กระดูก​กู่​สับ​ศีรษะ​ของ​สวี่​ชีอัน​อย่าง​รุนแรง​จน​เกิด​ประกายไฟ​ เขา​ไม่ได้​ตั้งใจ​จะหลบ​ เพียง​ออกแรง​มอบ​อ้อมกอด​หมี​ให้​ฉุน​เยียน​ขณะที่​ดาบ​กระดูก​กู่​สับ​ลงมา​

‘แกรก​ๆ!’

ร่างกาย​ของ​เพศหญิง​ดูเหมือน​จะอ่อนนุ่ม​เหมือนกัน​หมด​ กระดูก​ก็​เปราะบาง​เช่นเดียวกัน​

สวี่​ชีอัน​หัก​กระดูก​ทิ้ง​ไป​สิบ​กว่า​ท่อน​อย่าง​ราบรื่น​ ฉุน​เยียน​ซึ่งติด​พิษ​และ​โดน​ปราณ​เสน่หา​ยืน​กลางอากาศ​อย่าง​ภาคภูมิ​ นาง​มอง​ผู้นำ​อั้น​กู่​ ซือ​กู่​และ​ตู๋​กู่​อย่าง​ละเอียดถี่ถ้วน​ ก่อน​แสยะ​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​

“ตา​พวก​เจ้าแล้ว​”

ผู้นำ​ทั้ง​สามเกิด​ความหวาดกลัว​ใน​จิตใจ​อย่าง​ไม่มีสาเหตุ​

นาง​สูด​หายใจ​ลึก​ ก่อน​พ่น​ปราณ​เสน่หา​ไป​ที่​ทั้ง​สามคน​ด้านล่าง​

ป๋า​จี้และ​ ‘เงา’ เกิด​การ​ตอบสนอง​ทางกายภาพ​ ยกเว้น​มนุษย์​ศพ​ ดวงตา​ลุกไหม้​ด้วย​ราคะ​ แต่​ยัง​เอาชนะ​และ​ยับยั้ง​ราคะ​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ด้วย​เจตจำนง​

อย่างไร​เสีย​นี่​ก็​ยัง​ไม่ถึงระดับ​บรรลุ​ธรรม​ อานุภาพ​ค่อนข้าง​ด้อย​เล็กน้อย​

กลวิธี​ของ​สวี่​ชีอัน​ไม่ใช่เพียงเท่านี้​อยู่แล้ว​ เขา​หาย​ไป​กลางอากาศ​ใน​ชั่ว​ประเดี๋ยวเดียว​

“ป๋า​จี้ ระวัง​ใต้เท้า​!”

เงาแผดเสียง​ดังลั่น​

ป๋า​จี้รับรู้​โดย​ไม่ต้อง​บอกกล่าว​และ​กระโจน​ไป​ด้าน​ข้าง​ เขา​ไม่กล้า​ขี่​อากาศ​เพราะ​ได้​เห็น​บทเรียน​ที่​ฉุน​เยียน​ได้รับ​ก่อนหน้านี้​แล้ว​

สวี่​ชีอัน​โผล่​ออก​มาจาก​เงาของ​เขา​อย่าง​ที่​คาด​

ป๋า​จี้ควัก​ยาเม็ด​สีดำ​กำ​หนึ่ง​จาก​กระเป๋า​หนัง​สัตว์​ที่​เอว​ของ​เขา​มายัด​เข้า​ปาก​ไป​จน​หมด​และ​กลืน​ลง​ไป​ทั้ง​กำ​อย่าง​ไม่รีบ​ไม่ร้อน​

ผิวกาย​ของ​เขา​ผุด​แสงสีดำ​ขึ้น​ใน​ทันใดนั้น​

‘เพียะ!’​

ป๋า​จี้ตบ​ฝ่ามือ​ทั้งสอง​เข้าด้วยกัน​ เกิด​ควัน​ดำ​ซึ่งมองเห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า​เป็นพักๆ​ ขึ้น​พร้อมด้วย​เสียง​ที่​ดัง​ขึ้น​

ควัน​ดำ​ปกคลุม​สวี่​ชีอัน​อย่าง​รวดเร็ว​ เกาะติด​ชั้น​ผิวหนัง​ของ​เขา​ราว​แผล​เปื่อย​ที่​ลุกลาม​จาก​ภายใน​ พร้อมด้วย​ความเจ็บปวด​ที่​ตามมา​ภายหลัง​

ตาม​คาด​ การพ่น​เมือก​พิษ​ระยะไกล​และ​พิษ​ที่​สัมผัสใน​ระยะใกล้​ ระดับ​ต่างกัน​โดยสิ้นเชิง​…สวี่​ชีอัน​พึมพำ​ใน​ใจ พิษ​ของ​ป๋า​จี้สูงกว่า​เขา​หนึ่ง​ระดับ​ เขา​ไม่อาจ​ย่อยสลาย​ด้วย​ร่าง​พิษ​

คิด​จะบังคับ​ให้​ข้า​ถอย​หรือ​ สวี่​ชีอัน​ระเบิด​วงแหวน​ไฟหลัง​ศีรษะ​ ปัดเป่า​ควัน​ดำ​จางหาย​ไป​มากกว่า​ครึ่ง​ประหนึ่ง​สะบัด​ม่าน​ ควัน​จึงเบาบาง​ลง​หลายเท่า​

เขา​อ้า​ปาก​ส่งเสียง​กรีดร้อง​ที่​ไร้​ซึ่งเสียง​เพื่อ​ทำให้​โหย​วซือ​และ​ ‘เงา’ ซึ่งกำลัง​รีบ​ตามมา​ช่วย​จาก​ด้านหลัง​หยุดชะงัก​

สวี่​ชีอัน​คว้า​ช่องโหว่​นี้​บังคับ​ให้​ควัน​ดำ​ซึ่งมีพิษ​รุนแรง​มุ่งไปหา​ป๋า​จี้ใน​ระยะ​สอง​สามก้าว​ เขา​ใช้ทั้ง​มือ​และ​เท้า​ พร้อมด้วย​ข้อต่อ​ส่วน​ต่างๆ​ ของ​ร่างกาย​เป็น​อาวุธ​

‘ฉึบๆๆ…’​

การต่อสู้​ดำเนิน​ไป​ไม่ถึงสามวินาที​ ป๋า​จี้ก็​ถูก​ฉีก​แขน​และ​ขา​ทั้งสอง​ข้าง​

แต่​สิ่งที่​สวี่​ชีอัน​ต้อง​จ่าย​คือ​ร่างกาย​ครึ่ง​ท่อน​กลายเป็น​สีม่วง​คล้ำ​ กา​ยา​จิต​เทพ​อารักษ์​ถูก​พิษ​กัดกร่อน​ เกิด​อาการ​เวียน​ศีรษะ​อย่าง​รุนแรง​พร้อมกับ​อาเจียน​

หาก​เป็น​ผู้นำ​คนอื่น​ยกเว้น​หลง​ถู การ​ที่​แขนขา​ถูก​ฉีก​กระชาก​อย่าง​รุนแรง​ก็​คง​ไร้ประโยชน์​ไป​แล้ว​ครึ่งหนึ่ง​

แต่​ร่าง​พิษ​นั้น​ต่าง​ออก​ไป​ ร่าง​พิษ​มีความสามารถ​ใน​การเกิดใหม่​อีก​ประเภท​

หลังจาก​ขย้ำ​ป๋า​จี้ไป​ชั่วขณะ​ ก็​เหลือ​เพียง​เงาของ​อั้น​กู่​และ​มนุษย์​ศพ​ที่​โหย​วซือ​ควบคุม​ มาถึงขั้น​นี้​แล้ว​คง​ง่าย​ขึ้น​มาก​ทีเดียว​

สวี่​ชีอัน​ซึ่งครอง​ร่าง​เทพ​อารักษ์​ ร่าง​อมตะ​ของ​จอม​ยุทธ์​ รวมไปถึง​กลวิธี​เจ็ด​ยอด​กู่​ ต่อให้​ไม่ใช้เจดีย์​พุทธะ​ก็​คง​รับมือ​มนุษย์​ศพ​ขั้น​สามหนึ่ง​ตน​และ​ปรมาจารย์​อั้น​กู่​ผู้เชี่ยวชาญ​การ​ลอบฆ่า​ได้​

สถานการณ์​จะเป็น​เช่นไร​คง​รู้​ได้​โดย​ไม่ต้อง​บอกกล่าว​

ความ​มืดมิด​สุดลูกหูลูกตา​เข้า​ปกคลุม​โหย​วซือ​อีกครั้ง​ สวี่​ชีอัน​ร่าย​ทักษะ​อำพราง​ใส่เขา​

และ​ในขณะเดียวกัน​ ประสาทสัมผัส​ทั้ง​ห้า​และ​สัมผัส​ทั้ง​หก​ของ​สวี่​ชีอัน​ก็​ถูก​ ‘เงา’ อำพราง​เช่นกัน​

‘พรึ่บ​!’

เขา​มองไม่เห็น​ตำแหน่ง​ของ​โหย​วซือ​ แต่​โหย​วซือ​เอง​ก็​แยกแยะ​ทิศทาง​ของ​เขา​ไม่ถูก​เช่นกัน​

แสงดาบ​ที่​ทอง​มืด​พุ่ง​ออก​มาจาก​อก​ของ​เขา​ และ​ฟัน​ไป​รอบตัว​มนุษย์​ศพ​อย่าง​ต่อเนื่อง​ เกิด​เป็น​เสียงดัง​ ‘ฉับๆ​ๆ ’

เขา​จับ​ตำแหน่ง​ของ​โหย​วซือ​โดย​อาศัย​การ​ชี้นำ​ของ​ดาบ​ไท่​ผิง​

บ้าคลั่ง​!

กล้ามเนื้อ​โป่ง​ขึ้น​เป็น​มัด​ๆ ร่างกาย​ขยาย​ขึ้น​เกือบ​สองเท่า​ใน​ชั่วพริบตา​ สวี่​ชีอัน​จับ​ตำแหน่ง​ด้วย​การฟังเสียง​ เขา​คว้า​โอกาส​ได้​ก่อน​ การ​โจมตี​ประหนึ่ง​ลม​ฝน​คะนอง​โถมเข้าไป​ที่​ร่างกาย​ของ​มนุษย์​ศพ​

ตึง​ๆๆ…ระหว่าง​นี้​ ระหว่าง​คิ้ว​ของ​เขา​ถูก​เฉาะโดย​ ‘เงา’ อย่าง​ต่อเนื่อง​

‘เงา’ ล้มเลิก​โดยเร็ว​ เขา​หลอม​รวม​กับ​เงามืด​ และ​หอบ​หลวนอวี้​ ฉุน​เยียน​ พร้อมด้วย​ป๋า​จี้ที่​กลายเป็น​มนุษย์​ตะบอง​หนี​ไป​ยัง​ที่​ที่​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​อยู่​

การตัดสินใจ​ของ​เขา​นั้น​ชาญฉลาด​ เพราะ​เขา​รู้ตัว​ว่า​การเจาะ​หน้าผาก​สวี่​ชีอัน​สำหรับ​เขา​นั้น​ยาก​ยิ่งกว่า​การ​ที่​สวี่​ชีอัน​จะฆ่ามนุษย์​ศพ​

‘ตุบ​…’

ในที่สุด​ศีรษะ​ของ​โหย​วซือ​ก็​ระเบิด​เป็น​ชิ้นๆ​ หลังจาก​ทุบ​ต่อย​ไป​พัก​หนึ่ง​ มันสมอง​สีขาว​เทา​สาด​กระเด็น​ไป​ทั่ว​

………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท