บทที่ 676 พันธมิตร

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

‘เงา’ พัด​ม้วน​ผู้นำ​ทั้ง​สามแล้ว​ใช้การ​กระโดด​ข้าม​เงากลับ​ไป​อยู่​ข้าง​กาย​แม่ย่า​เทียน​กู่​ เขา​ไม่ได้​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​เงาเหมือนเคย​ แต่กลับ​เอ่ย​พูด​ด้วย​สีหน้าซีด​ขาว​

“แม่ย่า​ พวกเรา​แพ้​แล้ว​”

น้ำเสียง​นั้น​มีทั้ง​ความ​ไม่ยินยอม​และ​ความสงสัย​

จนกระทั่ง​ถึงตอนนี้​ เขา​ก็​ยัง​ไม่อาจ​ยอมรับ​ความจริง​เรื่อง​ที่​รบ​พ่าย​ได้​

พลัง​ของ​พวกเขา​ทั้ง​ห้า​สามารถ​สังหาร​ขั้น​สามใน​สาย​การ​ฝึก​ตน​ใดๆ​ ได้​อย่าง​ง่ายดาย​อยู่แล้ว​ แม้ว่า​จอม​ยุทธ์​จะเนื้อ​หยาบ​และ​หนัง​หนา​ แต่​อย่าง​มาก​สุด​ก็​แค่​ยืดเวลา​ไป​ได้​นิดหน่อย​เท่านั้น​

อีก​ทั้ง​เมื่อ​ผู้นำ​เผ่า​ทั้ง​เจ็ด​ร่วมมือ​กัน​ แม้แต่​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สอง​ก็​ต้อง​ทรมาน​

ทว่า​ความจริง​คือ​พวกเขา​ถูก​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สอง​วัยเยาว์​ผู้​หนึ่ง​เอาชนะ​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​ ง่ายดาย​มาก​จริงๆ​ เพราะ​ชายหนุ่ม​ผู้​นั้น​ไม่ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ใดๆ​ เลย​

อาการ​บาดเจ็บ​ที่​พวกเขา​สร้าง​ให้​กับ​ชายหนุ่ม​ผู้​นั้น​ สำหรับ​จอม​ยุทธ์​เหนือ​สามัญแล้ว​ ไม่นาน​ก็​จะฟื้นฟู​ได้​

“จะจัดการ​อย่างไร​ต่อ​”

เงาพูด​พลาง​มอง​ไป​ยัง​หลง​ถูที่อยู่​ไม่ไกล​

หลง​ถูนึกถึง​มิตรภาพ​ผู้​ร่วม​นิ่งเฉย​อยู่​ข้าง​สนาม​กับ​อีก​ฝ่าย​ ตอนนี้​ต้อง​ระงับ​ความโกรธ​ของ​สวี่​ชีอัน​ก่อน​ แล้ว​ทำให้​เขา​ยอม​ล้มเลิก​การสังหาร​ ทั้ง​ยัง​ทำได้​เพียง​พึ่งพา​เผ่า​ลี่​กู่​เท่านั้น​

แม่ย่า​เทียน​กู่​ไม่ได้​ตอบ​เขา​ แต่​เดิน​ไปหา​ป๋า​จี้แล้ว​หยิบ​เอา​กระบอกไม้ไผ่​ออก​มาจาก​ถุงหนัง​ที่อยู่​กับ​ตัว​ จากนั้น​เปิด​ฝาไม้ที่​ปิดปาก​กระบอก​ออก​ แล้ว​ป้อน​ยาพิษ​สีม่วง​ที่อยู่​ใน​นั้น​ใส่เข้าไป​ใน​ปาก​ของ​ป๋า​จี้

ป๋า​จี้กลืน​ยาพิษ​อย่าง​ตะกละตะกลาม​ จากนั้น​สีหน้า​ของ​เขา​ก็​ค่อยๆ​ เปลี่ยนเป็น​สีม่วง​เข้ม​ คน​ทั้งคน​ราวกับ​มัน​ม่วง​หัว​หนึ่ง​

จากนั้น​ภาพ​อัน​น่าอัศจรรย์​ก็​บัง​เกิดขึ้น​ เลือดเนื้อ​สีม่วง​เริ่ม​ดิ้น​พล่าน​และ​เติบโต​ออก​มาจาก​บาดแผล​ที่​แขน​และ​ต้นขา​ที่​ถูก​สวี่​ชีอัน​ฉีก​ทึ้ง​ไป​ ไม่นาน​ สอง​มือ​และ​สอง​ขา​ของ​เขา​ก็​กลับมา​เป็น​ดังเดิม​

แต่​สีผิว​ของ​ป๋า​จี้ยังคง​เป็น​สีม่วง​เข้ม​อยู่​

ปรมาจารย์​ตู๋​กู่​ที่​ฝึกฝน​ร่าง​พิษ​ล้วนแต่​มีร่างกาย​คงกระพัน​เหมือนกับ​จอม​ยุทธ์​ แต่​คุณภาพ​นั้น​ต่างกัน​

การซ่อมแซม​ร่างกาย​ที่​เสียหาย​จะต้อง​ใช้ยาพิษ​จำนวน​มหาศาล​ หลังจากนั้น​พิษ​ใน​ร่าง​พิษ​จะเปลี่ยน​เป็นหนึ่งเดียว​ ตอนที่​ซ่อมแซม​ร่างกาย​ใช้พิษ​อะไร​ ร่าง​พิษ​ก็​จะกลาย​เป็นพิษ​ชนิด​นั้น​

สำหรับ​ปรมาจารย์​ตู๋​กู่​แล้ว​ นี่​เท่ากับ​ทำให้​พลัง​ลดลง​อย่าง​รวดเร็ว​และ​จำเป็นต้อง​ใช้เวลา​อีก​นาน​ใน​การกลืน​กิน​พิษ​ตัว​อื่นๆ​ ถึงจะฟื้นฟู​ได้​

“ดึง​พิษ​ออก​มาจาก​ร่าง​ของ​หลวนอวี้​เสีย​”

แม่ย่า​เทียน​กู่​สั่ง

ป๋า​จี้พยักหน้า​ ถึงขั้น​น้อม​รับ​ด้วยความยินดี​ ตอนนี้​เขา​ต้อง​รีบ​เติม​พิษ​อย่าง​เร่งด่วน​

เขา​เดิน​มาอยู่​ตรงหน้า​หลวนอวี้​ที่​งดงาม​ดุจ​ปีศาจ​ จากนั้น​ป๋า​จี้ก็​สูด​ลม​เข้า​ปาก​อย่าง​แรง​ ทันใดนั้น​ ควันพิษ​สีดำ​เขียว​ก็​ลอย​ออก​มาจาก​จมูก​ของ​หลวนอวี้​แล้ว​ถูก​ป๋า​จี้ดูดกลืน​เจ้าไป​

ป๋า​จี้ดวงตา​สว่างไสว​ พลัน​เอ่ย​อย่าง​ตกตะลึง​ว่า​

“พิษ​ศพ​บริสุทธิ์​ บริสุทธิ์​เสีย​ยิ่ง​ว่า​พิษ​ศพ​ทั้งหมด​ของ​เผ่า​ซือ​กู่​เสีย​อีก​”

หลวนอวี้​ฟื้น​ขึ้น​มาพร้อม​เสียงคราง​เบา​ๆ สีหน้าซีด​ขาว​ ทั้ง​ซี่โครง​ กระดูก​แขน​ กระดูก​อก​ และ​กระดูก​อีก​สิบ​กว่า​ท่อน​กลับ​หัก​ร้าว​ แม้ว่า​จะเป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​เหนือ​สามัญและ​พลัง​ชีวิต​เปลี่ยนแปลง​ได้​ แต่​ย่อม​ไม่อาจ​ฟื้นฟู​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​เหมือนกับ​ลี่​กู่​หรือ​จอม​ยุทธ์​แน่นอน​การ​ตอบสนอง​แรก​ของ​นาง​คือ​ความเจ็บปวด​รุนแรง​ เมื่อ​มอง​ไป​ยัง​ชายหนุ่ม​ผู้​นั้น​ที่อยู่​ไกลๆ​ ใน​ดวงตา​ก็​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ความ​หวาดผวา​

แม่ย่า​เทียน​กู่​เอ่ย​ต่อ​

“หลวนอวี้​ ดึง​ฉิงกู่​ใน​ตัว​ฉุน​เยียน​ออกมา​”

หลวนอวี้​พยักหน้า​แล้ว​ถอน​สายตา​กลับมา​ นาง​สูด​ริมฝีปาก​ต่อต้าน​ความเจ็บปวด​แล้ว​มายัง​ข้าง​กาย​ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ที่​มีอาการ​แก้มแดง​และ​พึมพำ​บางอย่าง​เป็นพักๆ​

‘ที่แท้​ตอนที่​เจ้าลุ่มหลง​ก็​ไม่ได้​สูงส่งไป​กว่า​สตรี​คนอื่นๆ​ สัก​เท่าไหร่​นี่​…’ หลวนอวี้​ถ่มน้ำลาย​เงียบๆ​ แล้ว​วาง​ฝ่ามือ​ลง​ไป​บน​หัวใจ​ของ​ฉุน​เยียน​ ไม่นาน​นัก​ ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ที่​ตกอยู่ในภวังค์​ลุ่มหลง​ก็​ค่อยๆ​ ฟื้นตัว​ขึ้น​มาแล้ว​ลืมตา​ขึ้น​

นาง​ขมวดคิ้ว​ทันใด​ จากนั้น​ก็​สัมผัส​ได้​ถึงความเจ็บปวด​เหมือน​กระดูก​หัก​

แต่​ผู้​อยู่​เหนือ​สามัญอย่างไร​ก็​ยังอยู่​เหนือ​สามัญ แม้จะไม่เห็นด้วย​ตาเปล่า​ แต่​อาการ​บาดเจ็บ​เล็ก​ๆ นี้​กลับ​ไม่หนัก​เท่าใด​

การ​ตอบสนอง​ของ​ฉุน​เยียน​นั้น​เหมือนกับ​หลวนอวี้​ นาง​ตกใจ​จน​ยืด​ตัวตรง​แล้ว​กวาด​มอง​ไป​รอบ​ๆ จากนั้น​สายตา​ก็​ตก​อยู่​บน​ร่าง​ของ​เทพ​ระดับ​เพชร​ที่อยู่​ไม่ไกล​คน​นั้น​

“เขา​เป็น​ใคร​กัน​แน่​ เหตุใด​จึงมีวิชา​กู่​อยู่​ใน​ตัว​มากมาย​ขนาด​นั้น​”

ฉุน​เยียน​กัด​ริมฝีปาก​ แววตา​งุนงง​สงสัย​

นาง​ได้​เอ่ย​ถามถึงข้อสงสัย​ของ​ผู้นำ​ทั้งหลาย​ไป​แล้ว​ การต่อสู้​ครั้งนี้​น่า​ผิดหวัง​ยิ่งนัก​ วิชา​ที่​พวกเขา​ภาคภูมิใจ​กลับ​ไม่ได้​ส่งผล​อะไร​ต่อ​ชายหนุ่ม​ผู้​นี้​เลย​

เพราะ​เขา​ก็​เป็น​ปรมาจารย์​ตู๋​กู่​ ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ ปรมาจารย์​อั้น​กู่​ ปรมาจารย์​ลี่​กู่​ และ​เป็น​ปรมาจารย์​ฉิงกู่​ด้วย​เหมือนกัน​ ตอนนี้​มีเพียง​เทียน​กู่​และ​ซือ​กู่​เท่านั้น​ที่​เหมือน​เขา​จะยัง​ไม่ได้​เรียนรู้​อย่าง​ลึกซึ้ง​

ใน​ประวัติศาสตร์​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​ ไม่เคย​มีใคร​ผสาน​หนอน​กู่​ได้​มากมาย​ขนาด​นี้​มาก่อน​ กู่​สอง​ชนิด​ก็​ถือว่า​ถึงขีดสุด​แล้ว​ ผู้ใด​ก็​ตามที่​พยายาม​ผสาน​วิชา​กู่​ได้​ให้​สามชนิด​หรือ​สี่ชนิด​ ผลสุดท้าย​ก็​มีแต่​จะร่างกาย​แหลก​สลาย​ไม่มีข้อยกเว้น​

ตอนนี้​ พวกเขา​มองดู​สวี่​ชีอัน​นั่งยองๆ​ อยู่​ข้าง​ศพ​เดิน​ได้​ขั้น​สามตน​นั้น​ แล้ว​ยก​เจดีย์​ทองคำ​เล็ก​ๆ ขึ้น​มา

ยอด​เจดีย์​นี้​มีร่าง​ธรรม​เลือนราง​ร่าง​หนึ่ง​สถิต​อยู่​ รูปร่าง​อ้วนท้วน​ เนตร​ขนง​คล้าย​จะใจดี​มีเมตตา​ และ​ใน​มือถือ​ขวด​หยก​หนึ่ง​ใบ​

ประกาย​แสงสีทอง​ลอย​ออก​มาจาก​ใน​ขวด​แล้ว​สาด​ลง​บน​ร่าง​ของ​ศพ​เดิน​ได้​ราวกับ​ฝน​ฤดู​วสันต์​

ศีรษะ​ที่​หัก​ของ​ศพ​เดิน​ได้​ฟื้น​ตัวอย่าง​รวดเร็ว​ใน​แบบ​ที่​มองเห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า​

จากนั้น​ศพ​เดิน​ได้​ขั้น​สามก็​ยืน​ขึ้น​แล้ว​คำนับ​แบบ​ทหาร​ให้​กับ​สวี่​ชีอัน​ด้วย​ความเคารพ​ ก่อน​เอ่ย​เสียงดัง​ว่า​

“คารวะ​ท่าน​เซอร์​สวี่!”​

สวี่​ชีอัน​ที่​เสพติด​การ​เป็น​ผู้นำ​พยักหน้า​อย่าง​พึงพอใจ​

มนุษย์​ศพ​มีอยู่​สอง​ประเภท​ หนึ่ง​คือ​เป็น​หุ่นเชิด​ล้วน​ๆ ที่​มีพลัง​ของ​กาย​เนื้อ​เท่านั้น​

ส่วน​อีก​ประเภท​คือ​พวก​ที่​เพิ่ง​เสียชีวิต​ได้​ไม่นาน​และ​ถูก​นำมา​หลอม​เป็น​มนุษย์​ศพ​ แบบนี้​ก็​จะสามารถ​รักษา​ทักษะ​และ​วรยุทธ์​ใน​ตอนที่​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ไว้​ได้​

เขา​ใช้กำปั้น​ชก​ไป​ที่​ศีรษะ​ของ​มนุษย์​ศพ​ หาก​เป็น​มนุษย์​ศพ​ประเภท​ที่สอง​ เสี้ยว​วิญญาณ​ภายใน​ก็​จะสูญสลาย​ และ​เสีย​ทักษะ​กับ​วรยุทธ์​บางส่วน​ที่​เคย​มีมาก่อน​ไป​

แต่​นี่​คือ​มนุษย์​ศพ​ขั้น​สาม ตัว​ของ​มัน​เป็น​ประเภท​ที่​วิญญาณ​แตก​ซ่าน​จนถึง​ขีดสุด​แล้ว​ จึงไม่มีความสามารถ​เหมือน​ตอน​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ทั้งนั้น​

ดังนั้น​ เมื่อ​ร่าง​ธรรม​เชี่ยวชาญ​โอสถ​ซ่อมแซม​มนุษย์​ศพ​จน​หาย​ดี​ มัน​ก็​แทบจะ​ไม่มีความเสียหาย​ใดๆ​

หลวนอวี้​ ฉุน​เยียน​ และ​พวก​หลง​ถูทั้งหลาย​มองดู​ภาพ​นี้​อย่าง​ตกตะลึง​ ความรู้สึก​ใน​ใจรุนแรง​เป็น​อย่างยิ่ง​

“แม้แต่​วิชา​ซือ​กู่​ก็​ยัง​…”

ฉุน​เยียน​พึมพำ​

งูตัว​เรียว​บาง​สอง​ตัว​ที่​ติ่ง​หู​ของ​นาง​ส่งเสียงขู่​ ‘ฟ่อ​’ อย่าง​โกรธเกรี้ยว​และ​พยายาม​ยืด​ขยาย​ลำตัว​ออก​ไป​ ราวกับ​จะพุ่ง​ออกจาก​นาย​ท่าน​แล้วไป​จัดการ​ศัตรู​น่ารังเกียจ​คน​นั้น​แทน​

เหงื่อ​เย็น​ๆ หลั่ง​อยู่​บน​หลัง​ของ​ผู้นำ​ทั้งหลาย​ พวกเขา​ราวกับ​กำลัง​เผชิญ​ศัตรู​สุด​แกร่ง​ ทั้ง​ยัง​รู้สึก​หดหู่​และ​สิ้นหวัง​อย่าง​เลี่ยง​ไม่ได้​

“นอกจาก​เทพเจ้า​กู่​ ก็​ไม่มีใคร​ควบคุม​วิชา​กู่​ได้​เยอะ​ขนาด​นี้​แล้ว​”

ป๋า​จี้ที่​ร่างกาย​มีแต่​สีม่วง​เอ่ย​พึมพำ​เสียง​แหบแห้ง​เบา​ๆ

‘เทพเจ้า​กู่​…’ พวก​หลวนอวี้​มองหน้า​กัน​ ต่าง​ก็​มองเห็น​ความ​ตกตะลึง​ที่​เข้าใจ​กัน​ดี​

ตอนนี้​เอง​ หลวนอวี้​ก็​เห็น​ชายหนุ่ม​ที่​มี ‘ตัวตน​ลึกลับ​’ คน​นั้น​ค่อยๆ​ หันหน้า​มา เขา​ยิ้ม​ยก​ชั่วร้าย​มาให้​แล้ว​ค่อยๆ​ เดิน​เข้า​มาหา​

‘ฟ่อ​ ฟ่อ​’

งูน้อย​สอง​ตัว​ที่​ติ่ง​หู​ของ​ฉุน​เยียน​เก็บ​ความดุร้าย​กลับมา​ทันที​ แล้ว​ขด​ตัวอย่าง​สั่นเทา​

“หลง​ถู!”

หลวนอวี้​ร้อง​อย่าง​ตกใจ​ “เจ้ายัง​จะนิ่งดูดาย​อีก​หรือ​”

‘เงา’ และ​ป๋า​จี้ซึ่งเป็น​ผู้นำ​ที่​ยังอยู่​ใน​สภาพ​สมบูรณ์​เดิน​มาขวาง​อยู่​ด้านหน้า​พวก​นาง​ พร้อม​รับมือ​ศัตรู​ตัวฉกาจ​

หลง​ถูนิ่งเงียบ​ไป​แล้ว​เดิน​ไปหา​เพื่อน​ร่วม​เผ่า​เหล่านั้น​

‘ถุย​ๆๆ’…

สวี่ห​ลิง​อิน​ที่อยู่​บน​บ่า​ถ่มน้ำลาย​ใส่พวก​ป๋า​จี้อย่าง​แรง​

แม่ย่า​เทียน​กู่​ถือ​ไม้เท้า​แล้ว​เดิน​อ้อม​ทุกคน​ไปหา​สวี่​ชีอัน​

“แม่ย่า​?”

สีหน้า​ของ​เงาแปร​เปลี่ยนไป​

เทียน​กู่​นั้น​เหมือนกับ​ซิน​กู่​ที่​ไม่ได้​ขึ้น​ชื่อเรื่อง​พลัง​ต่อสู้​ แต่​ความสามารถ​นั้น​เอน​ไป​ใน​ทิศทาง​อื่น​

แม่ย่า​เทียน​กู่​อาจจะ​ถูก​โจมตี​ใน​พริบตา​ต่อหน้า​ทุกคน​ แม้ช่วย​ก็​ไม่อาจ​ช่วย​ได้​ทัน​

“ไม่เป็นไร​”

แม่ย่า​เทียน​กู่​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​ตรง​ไปหา​สวี่​ชีอัน​ ภาพ​ต่อจากนั้น​ทำให้​พวก​หลวนอวี้​ทุกคน​ต่าง​สงสัย​ว่า​ตน​ตาฝาด​หรือ​หูฝาด​ไป​หรือไม่​

“แม่ย่า​ ที่​ข้า​ทำ​ พอ​จะใช้ได้​หรือไม่​”

สวี่​ชีอัน​โค้ง​กาย​คำนับ​แล้ว​เอ่ย​ถามพร้อม​รอยยิ้ม​

“ยาม​ลงมือ​ยัง​ถือว่า​รู้​หนัก​เบา​”

แม่ย่า​เทียน​กู่​พยักหน้า​เอ่ย​ “ไป​คุย​กับ​พวกเขา​เถิด​ เจ้ารู้​ว่า​ควร​ทำ​อย่างไร​”

สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​แล้ว​เดินผ่าน​แม่ย่า​เทียน​กู่​มายัง​เบื้องหน้า​ของ​เหล่า​ผู้นำ​ จากนั้น​พยักหน้า​ทักทาย​ให้​หลง​ถู ก่อน​กวาดตา​มอง​เหล่า​ผู้นำ​ที่​ยังคง​งุนงง​และ​หวาดระแวง​อยู่​ แล้วจึง​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

“ถ้าตอนนี้​ข้า​จะฆ่าพวก​เจ้า พวก​เจ้าคิด​ว่า​อาศัย​แค่​หลง​ถูคนเดียว​ จะหยุด​ข้า​ได้​ไหม​”

หลง​ถูจาก​เผ่า​ลี่​กู่​เลิกคิ้ว​ขึ้น​ ทั้ง​ไม่พอใจ​และ​อยาก​จะลิ้มลอง​

หลวนอวี้​ ฉุน​เยียน​ ป๋า​จี้และ​เงา ต่าง​ก็​พา​กัน​เงียบงัน​ไม่พูดจา​

มาพูด​เช่นนี้​ใน​ตอนนี้​มีประโยชน์​อะไร​กัน​ พวกเขา​ย่อม​ไม่ยอม​แน่นอน​ แต่​ด้วย​สภาพ​ตอนนี้​ย่อม​ทำ​ไม่ได้​ และ​ไม่อาจ​ร่วมมือ​กับ​หลง​ถูเพื่อ​ล้อม​โจมตี​ ตอนนี้​การ​ทำเป็น​ปาก​ดี​ย่อม​ไม่ใช่เรื่อง​ดี​อะไร​ ผู้​เข้าใจ​สถานการณ์​คือ​ผู้​เฉลียวฉลาด​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงนิ่งเงียบ​

“พวก​เจ้าอย่า​ไม่พอใจ​ไป​เลย​ ‘จิต​’ ของ​ข้า​ก็​ยัง​ไม่ถูก​ใช้ออกมา​ ของ​วิเศษ​และ​ของ​ข้า​ก็​ยัง​ไม่ได้​ใช้ด้วย​ แม้ว่า​ผู้นำ​เผ่าพันธุ์​กู่​ทั้ง​เจ็ด​คน​จะร่วมมือ​กัน​ ก็​ยัง​ทำ​อะไร​ข้า​ไม่ได้​”

สวี่​ชีอัน​ยื่นมือ​ออกมา​แล้ว​วาง​เจดีย์​พุทธะ​ไว้​กลางฝ่ามือ​ก่อน​เอ่ย​ว่า​

“เจดีย์​พุทธะ​ของ​พระโพธิสัตว์​ฝ่าจี้แห่ง​สำนัก​พุทธ​ พวก​เจ้าไม่เคย​เห็น​และ​น่าจะ​ไม่เคย​ได้ยิน​มาก่อน​สินะ​”

สีหน้า​ของ​พวก​ฉุน​เยียน​เปลี่ยนไป​ ความ​ไม่ยินยอม​ใน​ใจหาย​ไป​กับ​สายลม​

“ดังนั้น​ พวก​เจ้าทุกคน​ล้วน​เป็นหนี้​ข้า​หนึ่ง​ชีวิต​”

สวี่​ชีอัน​เอ่ย​ “ข้า​ไม่ตอบแทน​ความแค้น​ด้วย​ความดี​ พวก​เจ้าอยาก​สังหาร​ข้า​ ก็​อย่า​มาโทษ​ที่​ข้า​จะสังหาร​กลับ​ล่ะ​ การ​ไว้ชีวิต​พวก​เจ้าคือ​เมตตา​ ซึ่งต้อง​มอบ​คืน​กลับมา​ด้วย​”

“เจ้าเป็น​ใคร​กัน​แน่​”

“ต้องการ​อะไร​”

หลวนอวี้​และ​ฉุน​เยียน​เอ่ย​ขึ้น​พร้อมกัน​ ความหวาดระแวง​ใน​แววตา​ยัง​ไม่ลดลง​ แต่​ฟังออก​ว่า​สวี่​ชีอัน​มีเป้าหมาย​อื่น​ และ​เห็น​ว่า​มีทาง​ที่จะ​ต่อรอง​กัน​อยู่​ ใน​ใจจึงไร้​ความกล้า​จะต่อสู้​แลก​ชีวิต​แล้ว​

ป๋า​จี้และ​เงาไม่พูด​อะไร​ แต่​มองออก​ว่า​พวกเขา​ก็​มีความสงสัย​เช่นเดียวกัน​

“ตัวตน​ของ​ข้า​ พวก​เจ้ารู้ดี​ยิ่ง​ ไม่อย่างนั้น​คง​ไม่มาล้อม​โจมตี​กัน​หรอก​ ที่​พวก​เจ้าอยาก​ถามก็​คือ​เรื่อง​ของ​วิชา​กู่​กระมัง​”

สวี่​ชีอัน​พูด​พลาง​มอง​ไป​ยัง​แม่ย่า​เทียน​กู่​ เมื่อ​เห็น​นาง​ไม่โต้แย้ง​ เขา​ก็​เอ่ย​ต่อ​

“วิชา​กู่​ของ​ข้า​มาจาก​เจ็ด​ยอด​กู่​”

‘เจ็ด​ยอด​กู่​…’ พวก​ฉุน​เยียน​ทั้ง​สี่คน​มองหน้า​กัน​ สีหน้า​สงสัย​ เห็นได้ชัด​ว่า​ไม่เคย​ได้ยิน​ชื่อ​นี้​จริงๆ​

หลง​ถูจาก​เผ่า​ลี่​กู่​และ​ผู้อาวุโส​หก​ท่าน​ก็​งุนงง​ตาม​ๆ กัน​

“ข้า​พูด​แล้วกัน​”

แม่ย่า​เทียน​กู่​เอ่ย​ต่อ​

“เจ็ด​ยอด​กู่​คือ​สิ่งที่​ข้า​ทุ่มเท​ให้​ทั้ง​ชีวิต​ ซึ่งได้​รวบรวม​วิชา​กู่​ทั้ง​เจ็ด​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​เอาไว้​ โดย​มีเทียน​กู่​เป็น​พื้นฐาน​ แล้ว​ผสาน​รวม​วิชา​กู่​ทั้ง​หก​ไว้​ใน​นั้น​ หลังจาก​กลั่นกรอง​มาหลาย​สิบ​ปี​ ก็​มีตัว​อ่อนตัว​หนึ่ง​รอดชีวิต​ เจ็ด​ยอด​กู่​คือ​สิ่งสุดท้าย​ที่​ข้า​ตระเตรียม​เอาไว้​เพื่อ​ผนึก​เทพเจ้า​กู่​ ผู้​ที่​ได้รับ​เจ็ด​ยอด​กู่​จะต้อง​แบกรับ​เหตุ​ต้น​ผลกรรม​และ​ช่วย​เผ่าพันธุ์​กู่​ผนึก​เทพเจ้า​กู่​ด้วย​ ส่วน​รายละเอียด​นั้น​ ข้า​ไม่อาจ​กล่าว​ได้​”

หาก​เปิด​เผยความลับ​ของ​สวรรค์​ย่อม​จะถูก​สวรรค์​ลงทัณฑ์​ โหร​และ​เทียน​กู่​จะต้อง​เคารพ​กฎ​นี้​อย่าง​เคร่งครัด​

ทุกคน​เงียบงัน​ไป​และ​พยายาม​ย่อย​คำพูด​ของ​แม่ย่า​เทียน​กู่​

วิธีการ​หล่อหลอม​เจ็ด​ยอด​กู่​นี้​ สำหรับ​เผ่าพันธุ์​กู่​แล้ว​ มัน​คือ​การกระทำ​ที่​ละเมิด​กฎ​

มัน​จะทำลาย​โครงสร้าง​ใน​ปัจจุบัน​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​แน่ๆ​ แต่​การ​ผนึก​เทพเจ้า​กู่​ทำให้​ผู้นำ​ทั้งหลาย​ยาก​จะยอมรับ​

“พวก​เจ้าวางใจ​ เจ็ด​ยอด​กู่​มีเพียง​หนึ่งไม่มีสอง​ ไม่มีทาง​เกิด​เป็นตัว​ที่สอง​แน่​ อีก​อย่าง​ กู่​ชนิด​นี้​ไม่ใช่สิ่งที่​คนธรรมดา​ที่​ดูดซับ​ได้​ จิ่ว​โจว​ใน​ตอนนี้​ เกรง​ว่า​คงจะ​มีแค่​เขา​คนเดียว​ที่​ทำได้​แล้ว​” แม่ย่า​เทียน​กู่​เอ่ย​ปลอบใจ​

ดังนั้น​สิ่งที่​เรียก​ว่า​ผู้​มีวาสนา​ จริงๆ​ เป็น​แค่​ข้ออ้าง​ นาง​มอบ​เจ็ด​ยอด​กู่​ให้​ลี่​น่า​ ความจริง​แล้วก็​เพื่อ​เอา​มาส่งให้​ข้า​…สวี่​ชีอัน​สงสัย​ว่า​แม่ย่า​เทียน​กู่​ได้​สอดแนม​เรื่อง​บางอย่าง​ในอนาคต​แล้ว​

หรือไม่​ก็​ ผู้อาวุโส​จาก​เทียน​กู่​คน​นั้น​ได้​สอดแนม​เรื่อง​บางอย่าง​ในอนาคต​ ดังนั้น​จึงวางแผน​เช่นนี้​ขึ้น​มา

น่าเสียดาย​ที่​เขา​รู้​ว่า​ความสงสัย​ของ​ตัวเอง​จะไม่ได้รับ​คำอธิบาย​ ความลับ​ของ​สวรรค์​ไม่อาจ​แพร่งพราย​ได้​

“ดังนั้น​ ผู้อาวุโส​เทียน​กู่​ใน​ปี​นั้น​จึงวางแผน​เรื่อง​โชคชะตา​อาณาจักร​ร่วมกับ​ลูกศิษย์​ของ​ท่าน​โหราจารย์​ พลาง​ใส่เจ็ด​ยอด​กู่​เข้าไป​ใน​ร่างกาย​ของ​เขา​แล้ว​หล่อเลี้ยง​มัน​อย่าง​ลับ​ๆ ต่อไป​ถ้าหาก​ลูกศิษย์​ของ​ท่าน​โหราจารย์​หาย​ไป​ พวกเรา​ก็​ยังมี​คน​มาช่วย​ผนึก​เทพเจ้า​กู่​”

ฉุน​เยียน​ ปรมาจารย์​ซิน​กู่​เอ่ย​อย่าง​รอบคอบ​

คำพูด​ของ​นาง​ทำให้​ทุกคน​ตื่น​ตะลึง​ และ​คิด​ว่า​นี่​คือ​ความจริง​

“มิน่า​ถึงเป็น​จอม​ยุทธ์​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ต้าฟ่ง​ มิน่า​ถึงมีพลัง​ต่อสู้​สูงส่งเช่นนี้​ วิชา​กู่​ทั้ง​เจ็ด​ใกล้เคียง​กับ​ความ​เหนือ​สามัญ ที่แท้​ข้า​ก็ได้​ฝึก​วิชา​ลับ​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​มาตั้งแต่​เด็ก​”

หลง​ถูพยักหน้า​ เรื่อง​นี้​แตกต่าง​จาก​การ​คาดเดา​ก่อนหน้านี้​ของ​เขา​อยู่​บ้าง​ แต่​ทำให้​คน​รับได้​และ​สมเหตุสมผล​มากกว่า​

มีวิชา​กู่​เจ็ด​ประเภท​อยู่​ใน​ตัว​ตั้งแต่​อายุ​ยัง​น้อย​ ทั้ง​ยัง​เข้าใกล้​ขั้น​เหนือ​สามัญ ไม่ว่า​เว่ยเยวียน​จะมีความรู้​กว้างขวาง​เพียงใด​ ก็​ไม่อาจ​ทำให้​คน​ยอม​รับได้​

แต่​ถ้าได้รับ​การ​ ‘ฟูมฟัก​’ จาก​ผู้อาวุโส​เทียน​กู่​และ​เริ่ม​ฝึก​วิชา​กู่​มาตั้งแต่​เด็ก​ แบบนี้​ก็​เหมาะสม​ชอบธรรม​แล้ว​

แม่ย่า​เทียน​กู่​ส่ายหน้า​ “เจ็ด​ยอด​กู่​คือ​สิ่งของ​ที่​ข้า​ให้​ลี่​น่า​นำ​ไป​ที่​เมืองหลวง​”

ทั่ว​ทั้งที่​นั้น​พลัน​เงียบงัน​

ผู้นำ​ทั้งหลาย​เหลือบมอง​ลี่​น่า​อย่า​งอด​ไม่ได้​ สีหน้า​บ้าง​ก็​แข็งทื่อ​ บ้าง​ก็​งุนงง​ บ้าง​ก็​ตกตะลึง​….

ลี่​น่า​พยักหน้า​ “ใช่แล้ว​ แม่ย่า​ให้​ข้า​เอา​ไป​ให้​ผู้​มีวาสนา​ที่​เมืองหลวง​”

เรื่อง​ใน​ปี​นี้​…พวก​ฉุน​เยียน​และ​ผู้นำ​ทั้งหลาย​ยาก​จะยอม​รับได้​

พวกเขา​เริ่ม​สงสัย​แล้ว​ว่า​ ใคร​คือ​เผ่าพันธุ์​กู่​สาย​ตรงกัน​แน่​?

หลง​ถูจ้องมอง​ลูกสาว​ของ​ตน​เงียบๆ​ แล้ว​เอ่ย​ถามอย่าง​ชัดถ้อยชัดคำ​

“เหตุใด​เจ้าไม่บอก​พวก​ข้า​?”

ลี่​น่า​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​ราวกับ​ควรจะเป็น​เช่นนั้น​ “ข้า​ลืม​ไงล่ะ​”

แม่ย่า​เทียน​กู่​เห็น​หลง​ถูแย่ง​ไม้เท้า​มาจาก​มือ​ของ​เด็กสาว​ตัว​น้อย​ จึงรีบ​เอ่ย​บอก​

“ส่วน​การ​ผนึก​เทพเจ้า​กู่​ เขา​เป็น​ความเป็นไปได้​อย่างหนึ่ง​ คำสัญญา​ของ​ลูกศิษย์​ของ​ท่าน​โหราจารย์​คน​นั้น​ก็​เป็น​ความเป็นไปได้​อีก​อย่างหนึ่ง​ พวกเรา​สามารถ​เลือก​ร่วมมือ​กับ​ลูกศิษย์​ของ​ท่าน​โหราจารย์​ได้​และ​ยัง​สามารถ​เลือก​สวี่​ชีอัน​ได้​ด้วย​เช่นกัน​”

ใน​ความเป็นไปได้​ทั้งสอง​อย่างนี้​ ถ้าหาก​ให้​ผู้นำ​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​เลือก​ จะต้อง​เลือก​ร่วมมือ​กับ​สวี่​ผิง​เฟิงแน่นอน​

ทั้ง​ผนึก​เทพเจ้า​กู่​ได้​ และ​ยัง​แก้แค้น​ได้​ด้วย​

ความจริง​แล้ว​ พวกเขา​ก็ได้​เลือก​เช่นนี้​จริงๆ​

เงาเอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ขมขื่น​ “แม่ย่า​ ท่าน​รู้​ตั้งแต่แรก​ ทำไม​ก่อนหน้านี้​ถึงไม่บอก​พวกเรา​และ​ไม่ห้าม​พวกเรา​เล่า​”

ถ้าหาก​รู้​ว่า​สวี่​ชีอัน​เชี่ยวชาญ​วิชา​กู่​ ไม่เกรงกลัว​ฉิงกู่​ ตู๋​กู่​ ซิน​กู่​ และ​รู้​วิธีการ​ของ​พวกเขา​ดี​ราวกับ​ฝ่ามือ​ตัวเอง​ เช่นนั้น​พวกเขา​คง​ไม่ออก​ไป​รนหาที่​ตาย​หรอก​

แม่ย่า​เทียน​กู่​ส่ายหน้า​

“พวก​เจ้ากลัว​ว่า​จะโดน​ตี​ จึงบ่นว่า​ข้า​ไม่บอก​พวก​เจ้าก่อน​สินะ​ ถ้าหาก​ข้า​บอก​พวก​เจ้าก่อน​ พวก​เจ้าก็​จะใช้วิธี​อื่น​ อย่างเช่น​ ใช้เจ้าเด็ก​คน​นี้​เป็น​ร่าง​ต้น​ เช่นนั้น​วิวาท​กัน​สักหน่อย​ก็ดี​มิใช่หรือ​ จะได้​สลาย​ความเกลียดชัง​และ​ความโกรธ​ของ​พวก​เจ้า จิได้​นั่งลง​คุย​กัน​ดี​ๆ”

ทุกคน​ต่าง​ไม่มีอะไร​จะพูด​

แบบนี้​เรียก​ว่า​ตบ​หัว​แล้ว​ลูบ​หลัง​ ทำลาย​ความ​ฮึกเหิม​ของ​พวก​เจ้าก่อน​ จากนั้น​ค่อย​พูดคุย​ร่วมมือ​เรื่อง​ผลประโยชน์​…เมื่อ​เห็น​ว่า​ปู​เรื่อง​ไป​ไม่น้อย​แล้ว​ สวี่​ชีอัน​ก็​พูด​เสริม​ต่อ​

“ข้า​จะไม่สังหาร​พวก​เจ้า และ​หวัง​ว่า​พวก​เจ้าจะพิจารณา​การ​ร่วมมือ​กับ​ต้าฟ่ง​ใหม่​อีกครั้ง​”

“เป็นไปไม่ได้​!”

“คนใน​เผ่า​ไม่ตอบรับ​ ข้า​ก็​ไม่ตอบรับ​ด้วย​”

ผู้​ที่​บอ​กว่า​ ‘เป็นไปไม่ได้​’ คือ​ป๋า​จี้ ส่วน​คน​ที่​พูด​อีก​ประโยค​คือ​หลวนอวี้​

นอกจาก​เผ่า​ซือ​กู่​แล้ว​ คนใน​เผ่า​เผ่า​ตู๋​กู่​และ​เผ่า​ฉิงกู่​นั้น​มีความเคียดแค้น​ล้ำลึก​ต่อ​ต้า​ป่ง​เป็นอย่างมาก​

“พวก​เจ้าฟังเงื่อนไข​ของ​ข้า​ก่อน​”

ใบหน้า​ของ​สวี่​ชีอัน​แต้ม​ด้วย​รอยยิ้ม​ “อันดับ​แรก​ ข้า​จะไม่ช่วย​เผ่าพันธุ์​กู่​ของ​พวก​เจ้าผนึก​เทพเจ้า​กู่​ ถึงแม้ข้า​จะไม่รู้​วิธีการ​ผนึก​เขา​ แต่​พวก​เจ้าก็​ควรจะ​เชื่อใจ​ผู้อาวุโส​เทียน​กู่​นะ​”

หลวนอวี้​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ “เจ้าดูดซับ​เจ็ด​ยอด​กู่​เข้าไป​แล้ว​ เดิม​ก็​ควรจะ​รับ​เหตุ​ต้น​ผลกรรม​ไว้​ด้วย​”

สวี่​ชีอัน​เหลือบมอง​นาง​ “ที่​เจ้าอุตส่าห์​มีชีวิต​มาถึงตอนนี้​ได้​ ก็เพราะว่า​เป็น​เบี้ย​ต่อรอง​ของ​ข้า​”

หลวนอวี้​นิ่งเงียบ​ไม่พูดจา​

ป๋า​จี้เอ่ย​เสียง​เรียบ​ “พวกเรา​สามารถ​ปฏิเสธ​การ​เป็น​พันธมิตร​กับ​อวิ๋น​โจว​ และ​ไม่เข้า​โจมตี​ต้าฟ่ง​ได้​ นี่​คือ​ขีดสุด​ที่​พวกเรา​ทำได้​แล้ว​”

สวี่​ชีอัน​ไม่สนใจ​ เขา​มอง​ไป​ที่​หลง​ถู

“ข้า​สามารถ​ให้สัญญา​ในนามของ​ต้าฟ่ง​ได้​ หลังจาก​กำจัด​พวก​กบฏ​และ​ฟื้นฟู​ที่นา​ทา​ไร่​ สิบ​ปี​ต่อจากนี้​ แต่ละ​ปี​จะมอบ​ธัญพืช​ที่​พอให้​อิ่ม​ท้อง​”

หลง​ถูและ​ผู้อาวุโส​ทั้ง​หก​ดวงตา​เป็นประกาย​ ใบหน้า​เต็มไปด้วย​ความตื่นเต้น​

จากนั้น​เขา​ก้ม​อง​ไป​ที่​ป๋า​จี้ “ส่วน​เผ่า​ตู๋​กู่​ แต่ละ​ปี​จะมอบ​สมุนไพร​พิษ​และ​ผลไม้​พิษ​ระดับสูง​จำนวนมาก​อย่าง​แน่นอน​ ส่วน​จำนวน​แบบ​ละเอียด​ๆ นั้น​ พวกเรา​ค่อย​มาคุย​กัน​อีกที​ตอน​จบเรื่อง​”

ป๋า​จี้อ้า​ปาก​ เขา​อยาก​จะปฏิเสธ​ แต่​ปาก​ไม่ยอมให้​ทำ​

จากนั้น​ เขา​ก็​หัน​ไปหา​หลวนอวี้​แล้ว​เงียบ​ไป​ ก่อน​เอ่ย​ถาม

“เจ้าอยากได้​อะไร​?”

ใน​หมู่​เผ่าพันธุ์​กู่​ทั้ง​เจ็ด​ เผ่า​ฉิงกู่​ เผ่า​ตู๋​กู่​ และ​เผ่า​ซือ​กู่​ล้วน​เคียดแค้น​ต่อ​ต้าฟ่ง​อย่าง​ล้ำลึก​

มนุษย์​ศพ​ข้าง​กาย​เขา​ที่​เขา​ ‘รักษา​จน​หาย​ดี​’ นี้​ จะเอา​มาใช้เพื่อ​เป็น​เบี้ย​ต่อรอง​กับ​ซือ​กู่​ ไม่หวัง​ว่า​เผ่า​ซือ​กู่​จะสามารถ​วาง​ความแค้น​ใน​อดีต​ เพียง​ขอให้​อย่า​ร่วม​เป็น​พันธมิตร​กับ​อวิ๋น​โจว​ก็​พอ​

แต่​ทาง​เผ่า​ฉิงกู่​นั้น​ ตอนนี้​สวี่​ชีอัน​ยัง​ไม่มีเบี้ย​ใด​ให้​ใช้

หลวนอวี้​ยิ้ม​เย็น​ “อยู่​ที่​ซินเจียง​ตอน​ใต้​กับ​ข้า​สามปี​ นอกจาก​เจ้าจะได้​ทั้ง​วิชา​ฉิงกู่​แล้ว​ ก็​น่าจะ​เข้าใจ​นะ​ว่า​ข้า​หมายถึง​อะไร​”

สวี่​ชีอัน​หันไป​มอง​รอบ​ๆ โดยไม่รู้ตัว​ เมื่อ​เห็น​ว่า​มู่หนาน​จือ​ผู้​ขี้ขลาด​ยังคง​ขดตัว​อยู่​ไกลๆ​ ไม่ได้​เข้ามา​ก็​โล่งอก​ จากนั้น​หันไป​พินิจ​ดู​ร่างกาย​บอบบาง​ที่​มีส่วนเว้าส่วนโค้ง​ของ​หลวนอวี้​ที​หนึ่ง​แล้ว​พยักหน้า​

“สามปี​ไม่ได้​ มาก​ที่สุด​คือ​สามเดือน​”

…หลวนอวี้​นิ่ง​ไป​ นาง​ไม่คิด​ว่า​จอม​ยุทธ์​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ต้าฟ่ง​จะตอบรับ​คำขอ​ประเภท​นี้​ด้วย​ ทั้ง​ยัง​ตอบรับ​แบบ​มีความสุข​เช่นนี้​เลย​

ทันใดนั้น​ นาง​ก็​ไม่รู้​ว่า​จะปฏิเสธ​หรือ​ตอบรับ​ดี​

หาก​ตอบรับ​ คนใน​เผ่า​ก็​จะมีความเห็น​ไม่ตรงกัน​และ​เกิด​ความวุ่นวาย​ได้​ แต่​ถ้าปฏิ​เสธ…หลวนอวี้​เหลือบมอง​ร่างกาย​แข็งแรง​กำยำ​ของ​สวี่​ชีอัน​ ริมฝีปาก​ก็​ราวกับ​ถูก​ปิด​เอาไว้​ ไม่อาจ​เอ่ย​คำปฏิเสธ​ได้​เลย​

สวี่​ชีอัน​มอง​ไป​ยัง​ฉุน​เยียน​และ​เงาต่อ​ ก่อน​เอ่ย​ว่า​

“ข้า​จะรีบ​ส่งทูต​จาก​ต้าฟ่ง​มาที่นี่​โดยเร็ว​ที่สุด​ เพื่อ​ปรึกษา​กับ​เผ่าพันธุ์​กู่​เรื่อง​ผูก​พันธมิตร​ ต้องการ​อะไร​ พวก​เจ้าก็​เอ่ย​เสนอ​ได้​”

คำสัญญา​ข้างต้น​ของ​เขา​แค่​เรียก​น้ำย่อย​เท่านั้น​ หาก​อยาก​ให้​เผ่าพันธุ์​กู่​ส่งกำลัง​ช่วยเหลือ​ต้าฟ่ง​ ย่อม​ไม่มีทาง​จบ​แค่​เรื่อง​เด็ก​เล่น​เช่นนี้​หรอก​

เช่นเดียวกับ​เมื่อ​ยาม​กลุ่ม​ปีศาจ​ส่งคน​ไป​ช่วยเหลือ​ ใน​สัญญาพันธมิตร​ที่​ลงนาม​ไว้​นั้น​ เผ่า​ปีศาจ​จะส่งมอบ​ปศุสัตว์​ ขน​แกะ​ และ​อื่นๆ​ มาให้​เป็น​จำนวน​มหาศาล​

ต้าฟ่ง​คิด​อยาก​จะได้​ความช่วยเหลือ​จาก​เผ่าพันธุ์​กู่​ ก็​ต้อง​มอบ​ของ​ตอบ​แทนที่​มีคุณค่า​พอๆ กัน​ไป​ด้วย​

เงาขมวดคิ้ว​

“โหย​วซือ​ไม่มีทาง​เห็นด้วย​ เขา​มีความแค้น​ล้ำลึก​ต่อ​ต้าฟ่ง”​

“หาก​พวก​เจ้าล้วน​ตอบรับ​ แม้เผ่า​ซือ​กู่​ไม่เห็นด้วย​ แล้ว​อย่างไรเล่า​” สวี่​ชีอัน​เอ่ย​พร้อม​รอยยิ้ม​

“ข้า​ก็​ไม่จำเป็นต้อง​ใช้ทหาร​ของ​เขา​ และ​ย่อม​มีวิธี​ให้​เขา​เลือก​อยู่​ตรงกลาง​แน่​”

เมื่อ​เอ่ย​ออก​ไป​ นก​ยักษ์​ก็​กระพือปีก​บิน​เข้ามา​แล้ว​บิน​วนรอบ​ๆ ช่องเขา​

นี่​คือ​หุ่นเชิด​ศพ​นก​ โหย​วซือ​มาแล้ว​

………………………………..

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท