บทที่ 682 บทสนทนาระหว่างเทพเจ้ากู่กับไป๋ตี้

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ราชวงศ์​ต้าฟ่ง​ทุบตี​ผู้คน​

เป็นการ​คลี่คลาย​คดี​!

ก่อนที่​ตบะ​ของ​เขา​จะไป​ถึงระดับ​บรรลุ​สมบูรณ์​ สิ่งที่​เขา​ภาคภูมิใจ​จริงๆ​ คือ​ความสามารถ​ใน​การ​คลี่คลาย​คดี​

ความสามารถ​ใน​การ​คลี่คลาย​คดี​เท่ากับ​การ​ใช้เหตุผล​เชิงตรรกะ​บวก​กับ​การ​สังเกต​อย่าง​ละเอียด​

การวางแผน​ของ​เขา​มัน​คนละ​ระดับ​กับ​ท่าน​โหราจารย์​และ​สวี่​ผิง​เฟิง เขา​จึงไม่อาจ​วางแผน​กลยุทธ์​ได้​

แต่​ถึงแม้จะเป็น​ท่าน​โหราจารย์​ ก็​อย่า​นึก​สิว่า​เขา​จะเล่น​เป็น​ลิง​อยู่​ร่ำไป​

แม้แต่​สวี่​ผิง​เฟิงที่​อ้างว่า​ตัวเอง​เป็น​คน​ฉลาด​มีไหวพริบ​ สวี่​ชีอัน​ก็​ยัง​ปล่อย​ให้​แพ้​กลับบ้าน​อย่าง​อัปยศ​ เมื่อ​เขา​ต้อง​รื้อ​เอา​โชคชะตา​กลับมา​ใช้

ทั้งหมด​นี้​ขึ้นอยู่กับ​ความสามารถ​ใน​การ​ ‘คลี่คลาย​คดี​’ อัน​ทรงพลัง​ของ​เขา​ ตาม​เบาะแส​ต่างๆ​ ที่​เขา​ตั้งใจ​วิเคราะห์​อย่าง​รอบคอบ​ เพื่อ​ถอดรหัส​ตัวตน​ที่​แท้จริง​ของ​พ่อ​มด​ลึกลับ​ เพื่อ​ตระเตรียม​มาตร​การตอบโต้​

ใน​เวลา​เพียง​หนึ่ง​ปี​ เขา​เติบโต​ขึ้น​จาก​ภาชนะ​อ่อนแอ​ที่​ใครๆ​ ก็​ชักใย​ได้​ มาเป็นยอด​ฝีมือ​ระดับแนวหน้า​ใน​สภาวะ​เหนือ​มนุษย์​

เติบโต​ขึ้น​มาเป็นหนึ่ง​ใน​ผู้​เดินหมาก​

เขา​คลี่​ผ้าคลุม​หน้า​ของ​ ‘โหร​ลึกลับ​’ สวี่​ผิง​เฟิงออก​ทีละ​ชั้น​ทีละ​ชั้น​แล้ว​เขา​ก็​เผย​ผ้าคลุม​หน้า​ลึกลับ​ของ​ท่าน​โหราจารย์​เป็นราย​ต่อไป​

โหร​สูงสุด​สอง​คน​ยัง​ไม่คณา​มือ​เขา​ นับประสาอะไร​กับ​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​

“วันนั้น​แม่ย่า​มาหา​ข้า​ที่​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​เพื่อ​แจกแจง​ข้อดี​ข้อเสีย​และ​แนะนำ​ให้​ข้า​ไป​จาก​ชายแดน​ตอน​ใต้​ อันที่จริง​ แม้ข้า​ไม่ได้​ถอด​กำไล​ออก​ แต่​ท่าน​ก็​จะบอก​ข้า​ว่า​ข้า​ควร​จัดการ​กับ​มัน​เช่นไร​”

สวี่​ชีอัน​วาง​ถ้วย​ชาลง​และ​มอง​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ผ่าน​แสงเทียน​สลัว​

“ท่าน​ได้​เลือก​แล้ว​ที่จะ​เป็น​พันธมิตร​กับ​ข้า​ ไม่ใช่สวี่​ผิง​เฟิงใช่หรือไม่​”

“เจ้าเป็น​เด็ก​ฉลาด​”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ยิ้ม​ซึ่งเท่ากับ​เป็นการ​ยอมรับ​

สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​และ​พูด​ต่อ​

“ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ข้า​จึงไม่เข้าใจ​พฤติกรรม​ที่​ท่าน​กำลังจะ​ทำ​ ท่าน​เป็นกลาง​เกินไป​ ไม่ได้​เข้าข้าง​ข้า​หรือ​สวี่​ผิง​เฟิง แล้ว​ยัง​ปล่อย​ให้​หัวหน้า​ทั้ง​ห้า​คน​มาต่อสู้​กับ​ข้า​อีก​”

“แต่​ในความเป็นจริง​ ท่าน​รู้​ว่า​ข้า​สามารถ​เอาชนะ​พวก​นั้น​ได้​ เพราะ​ลี่​น่า​มอบ​เจ็ด​ยอด​กู่​ใน​ตัว​ให้​ข้า​ นั่น​คือ​ ท่าน​รู้​อยู่แล้ว​ว่า​เผ่าพันธุ์​กู่​กับ​เมือ​งอ​วิ๋น​โจว​ย่อม​ไม่อาจ​เป็น​พันธมิตร​กัน​ได้​”

“เป็น​พันธมิตร​กับ​ฝ่าย​หนึ่ง​ ก็​ย่อม​แตกหัก​กับ​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​ ด้วย​สติปัญญา​ของ​เจ้า เจ้าจึงไม่ได้​จับตาดู​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​อย่าง​ใกล้ชิด​ แม้เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​จะเป็น​ตัวละคร​จิ๊บจ้อย​ แต่​ก็​ไม่อาจ​ประเมิน​สวี่​ผิง​เฟิงที่อยู่​เบื้อง​หลังเขา​ต่ำ​เกินไป​”

“ข้า​นึก​แล้ว​เชียว​ว่า​ต้อง​มีผู้สนับสนุน​สวี่​ผิง​เฟิงอยู่​ ดังนั้น​เรื่อง​นี้​ท่าน​ย่อม​คาดการณ์​ไม่ได้​”

“ข้า​ก็​นึก​ว่า​ท่าน​จับตาดู​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​อยู่​ เหตุใด​ท่าน​ถึงปล่อย​ให้​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​มาวุ่นวาย​ใน​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​โดย​ไม่ห้ามปราม​เขา​ไว้​?”

“ท่าน​เคย​บอก​ว่าการ​ผนึก​เทพเจ้า​กู่​เป็น​เป้าหมาย​ชั่วนิรันดร์​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​ ที่​ข้า​มาที่นี่​คืนนี้​นอกจาก​เรื่อง​เจ็ด​ยอด​กู่​แล้ว​ ก็​มีเพียง​เรื่อง​นี้​ที่​อยาก​ถาม”

แม้เทียน​กู่​จะไม่เหมือนกับ​ปรมาจารย์​ลิขิต​ฟ้าที่​สามารถ​สอดส่อง​ความลับ​สวรรค์​ได้​ตามอำเภอใจ​ แต่​ก็​สามารถ​มองเห็น​แง่มุมในอนาคต​ได้​ สวี่​ชีอัน​ต้อง​เผชิญ​กับ​บุคคล​เช่นนี้​จึงได้​ระวังตัว​แต่​เนิ่นๆ​

อาจ​มีเพียง​ลี่​น่า​เท่านั้น​ที่​คิด​ว่า​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​เป็น​คนแก่​ใจดี​ ซึ่งนี่​อาจ​เป็น​เรื่องจริง​ แต่​ไม่ใช่ทุกอย่าง​ที่​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​เป็น​

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ยังคง​นิ่งเงียบ​ ก้มหน้า​เย็บผ้า​ต่อไป​

สวี่​ชีอัน​ไม่ได้​เร่งเร้า​นาง​และ​ดื่ม​ชาต่อ​เพียงลำพัง​ ห้องนอน​เงียบสงบ​ มีเพียง​แมลง​ที่อยู่​นอก​หน้าต่าง​เท่านั้น​ที่​ส่งเสียงร้อง​อย่าง​ไม่รู้จัก​เหน็ดเหนื่อย​

อากาศ​ทาง​ชายแดน​ตอน​ใต้​ร้อน​มาก​ แม้ใน​ฤดูหนาว​ พืชพรรณ​ก็​ยัง​เป็น​สีเขียว​ นก​และ​สัตว์​ต่างๆ​ ไม่จำเป็นต้อง​ใช้เวลา​ใน​ช่วง​ฤดูหนาว​นาน​นัก​ เพราะ​ถึงจะนาน​แค่​ไหน​ก็​ยัง​สั้น​กว่า​ช่วง​ฤดูร้อน​

“รู้เรื่อง​พวก​นี้​ไป​ก็​ไม่ได้​ช่วย​อะไร​เจ้า”

หลังจากนั้น​ไม่นาน​ แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ก็​ถอนหายใจ​และ​พูด​ช้าๆ

“เจ้ารู้จัก​พลัง​แสงสีขาว​ที่​พวยพุ่ง​ขึ้น​สู่ท้องฟ้า​หรือไม่​?”

สวี่​ชีอัน​ส่าย​หัว​

“แม่ย่า​ โปรด​บอก​ให้​ข้า​รู้​ด้วย​”

“เจ้าน่าจะ​เคย​ได้ยิน​ชื่อ​นี้​มาก่อน​นะ​ ใน​อวิ๋น​โจว​ก็​มีประวัติ​ความเป็นมา​และ​วิหาร​อยู่​”

ทันทีที่​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​พูด​จบ​ สวี่​ชีอัน​ก็​โพล่ง​ออกมา​

“ไป๋​ตี้?!”​

สวี่​ผิง​เฟิงติดต่อ​กับ​ทายาท​สายเลือด​เทพ​มาร​ตั้งแต่​เมื่อไร​…หัวใจ​ของ​เขา​หนักอึ้ง​และ​ความรู้สึก​แย่​ๆ ก็​ประเด​ประดัง​เข้ามา​

เห็นได้ชัด​ว่า​มัน​เป็น​บุตร​แห่ง​มนุษย์​ที่​ปราศจาก​ความเหมาะสม​จะเข้าไป​ข้อง​เกี่ยวกับ​ทายาท​สายเลือด​เทพ​มาร​ แม้เรื่อง​นี้​จะไม่ได้​เป็น​ข้อพิสูจน์​ว่า​ทั้งสองฝ่าย​เป็น​พันธมิตร​กัน​ แต่​ก็​มีความเป็นไปได้​ว่า​อาจจะ​เป็น​พันธมิตร​กัน​

มิตร​ของ​ศัตรู​ก็​ย่อม​ต้อง​เป็น​ศัตรู​

“ข้า​ได้​วิเคราะห์​มาก่อน​แล้ว​ว่า​อวิ๋น​โจว​ต้อง​ได้รับ​การ​สนับสนุน​จาก​วัง​ต่างชาติ​ เป็นไป​ได้มา​กว่า​จะเป็น​ผู้สนับสนุน​ที่​จากไป​เมื่อ​ห้า​ร้อย​ปีก่อน​ หาก​เหตุการณ์​นี้​ล้มเหลว​ พวก​นั้น​ก็​จะข้ามน้ำข้ามทะเล​กลับ​ไป​ เมื่อ​มองดู​ตอนนี้​ บางที​อาจ​มีเหตุผล​อื่น​ที่​สวี่​ผิง​เฟิงเลือก​อวิ๋น​โจว​มาเป็น​ฐาน​กำลัง​ เป็นต้นว่า​ เขา​แอบ​มีความสัมพันธ์​ลับ​ๆ กับ​ไป๋​ตี้”​

สวี่​ชีอัน​วิเคราะห์​ใน​ใจด้วย​ความเคยชิน​ “ข้า​ไม่รู้​ว่า​ไป๋​ตี้​เป็น​ใคร​ แต่​ถึงอย่างไร​ เขา​ก็​ไม่น่า​ใช่ระดับ​สุดยอด​…”

เขา​หายใจเข้า​ลึก​ๆ รวบรวม​ความคิด​ของ​ตัวเอง​ที่​แตก​ซ่าน​กระจัดกระจาย​แล้ว​พูดว่า​

“แม่ย่า​ ท่าน​ว่า​ต่อ​เถอะ​”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ก้มหน้า​เย็บผ้า​และ​พูดว่า​

“มัน​ถามเทพเจ้า​กู่​สามคำถาม​ คำถาม​แรก​คือ​ เจ้าจะหลุดพ้น​จาก​ผนึก​เมื่อใด​”

“เทพเจ้า​กู่​ตอบ​ว่า​…ใน​ช่วงเวลา​สุดท้าย​ปลาย​มหาศักราช​จะขาด​เขา​ไป​มิได้​”

นี่​คือ​การ​แปลความ​ของ​นาง​ตาม​ความเข้าใจ​ใน​ภาษาเทพ​มาร​

ใน​ช่วงเวลา​สุดท้าย​ปลาย​มหาศักราช​จะขาด​เขา​ไป​มิได้​รึ​? สวี่​ชีอัน​ส่งเสียง​ “ฟู่” เขา​คิด​ไตร่ตรอง​อย่าง​หนัก​และ​หวาดกลัว​อย่างยิ่ง​

คำตอบ​ของ​เทพเจ้า​กู่​เปิดเผย​ข้อมูล​สอง​อย่าง​

หนึ่ง​ เวลา​ที่​มหาศักราช​จะสิ้นสุดลง​

นี่​อาจ​หมายถึง​เหตุการณ์​บางอย่าง​ โอกาส​บางอย่าง​ ภัยพิบัติ​บางอย่าง​ ไม่ว่า​ ‘เวลา​’ จะสื่อ​ถึงอะไร​ แต่​ระดับ​ที่​เกี่ยวข้อง​นั้น​สูงมาก​อย่าง​แน่นอน​

ผู้​ที่อยู่​ต่ำกว่า​สภาวะ​เหนือ​มนุษย์​ไม่มีสิทธิ์​เข้าร่วม​

สอง​ จะขาด​เขา​ไป​มิได้​

เทพเจ้า​กู่​เชื่อมั่น​อย่าง​แน่วแน่​ว่า​เขา​สามารถ​หลุดพ้น​จาก​ผนึก​ได้​ ระดับ​สุดยอด​ย่อม​ไม่มั่นใจ​อะไร​สุ่มสี่สุ่มห้า​ ไม่ต้อง​พูด​ถึงว่า​ถ้าเผ่า​เทียน​กู่​มองเห็น​แง่มุมแห่ง​โชคชะตา​ได้​ เทพเจ้า​กู่​ซึ่งเป็น​แหล่งที่มา​ของ​ไสยศาสตร์​กู่​ก็​ย่อม​ทำได้​เช่นกัน​

หลังจาก​คิด​เรื่อง​นี้​แล้ว​ สวี่​ชีอัน​ก็​พยักหน้า​ให้​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​พูด​

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​พูด​ต่อ​

“คำถาม​ที่สอง​ ถามเทพเจ้า​กู่​ว่า​ ปรมาจารย์​เต๋า​อยู่​ที่ไหน​”

“คำตอบ​ของ​เทพเจ้า​กู่​คือ​…บางที​ก็​อาจ​หาย​ไป​หมด​แล้ว​”

ปรมาจารย์​เต๋า​อยู่​ที่​ไห​น.​..

‘เรื่อง​นี้​น่าสนใจ​ ลูกหลาน​เทพ​มาร​ซึ่งเป็น​สัตว์​วิญญาณ​โพ้นทะเล​ เริ่ม​ให้ความสนใจ​ปรมาจารย์​เต๋า​แล้ว​’…สวี่​ชีอัน​ลูบ​คาง​และ​ครุ่นคิด​

ใน​บรรดา​ระดับ​สุดยอด​ทั้งหมด​ ปรมาจารย์​เต๋า​เป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่​ลึกลับ​และ​เก่าแก่​ที่สุด​

ไม่สามารถ​ตรวจสอบ​ปี​ตรัสรู้​ได้​ทั้ง​ยัง​ไม่มีบันทึก​ทาง​ประวัติศาสตร์​ใดๆ​ ได้​แต่​คาดเดา​ว่า​เป็นเวลา​ที่​ยุค​เทพ​มาร​ถึงกาล​อวสาน​และ​เป็นเวลา​ที่​ยุค​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​กับ​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​เพิ่ง​ถือกำเนิด​ขึ้น​

แต่​ช่วงนี้​มีระยะเวลา​เป็น​พันปี​ การ​จะระบุ​อย่าง​แม่นยำ​ย่อม​เป็นไปไม่ได้​

เหตุใด​ไป๋​ตี้​ถึงให้ความสนใจ​ปรมาจารย์​เต๋า​ที่​ไม่รู้​ว่า​มีตัวตน​อยู่​หรือไม่​? เหตุใด​จึงถามเทพเจ้า​กู่​ซ้ำอีกครั้ง​ ทั้งที่​เทพเจ้า​กู่​หลับใหล​อยู่​ที่​ชายแดน​ตอน​ใต้​ตั้งแต่​สิ้นสุด​ยุค​เทพ​มาร​และ​ถูก​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ผนึก​ไว้​เมื่อ​กว่า​พัน​ปีก่อน​

หาก​มีการขัดกัน​ระหว่าง​เทพเจ้า​กู่​กับ​ปรมาจารย์​เต๋า​ มัน​ก็​ควรจะ​เกิดขึ้น​ตอน​เทพเจ้า​กู่​ยัง​หลับใหล​อยู่​ที่​ชายแดน​ตอน​ใต้​

‘นอกจากนี้​คำตอบ​ของ​เทพเจ้า​กู่​ยังมี​ข้อมูล​มากมาย​ ปรมาจารย์​เต๋า​อาจ​ถูกโค่น​? ใคร​จะสามารถ​ฆ่าปรมาจารย์​เต๋า​ได้​? เป็นไปไม่ได้​ที่​ปรมาจารย์​เต๋า​จะเบื่อชีวิต​และ​จบชีวิต​ลง​ด้วยตัวเอง​’…สวี่​ชีอัน​ถามว่า​

“แม่ย่า​คิด​อย่างไร​กับ​ปรมาจารย์​เต๋า​?”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ส่าย​หัว​ “ข้า​ไม่รู้​”

‘ไม่รู้​แต่​ไม่ใช่พูด​ไม่ได้​’…สวี่​ชีอัน​ถามว่า​ “ท่าน​ไม่ได้​สอดส่อง​ปรมาจารย์​เต๋า​ในอนาคต​ไว้​เลย​หรือ​?”

“เจ้าอาจ​เข้าใจผิด​คิด​ว่า​ เทียน​กู่​กำลัง​สอดส่อง​แง่มุมแห่ง​โชคชะตา​อยู่​ แล้ว​แง่มุมคือ​อะไร​?”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​อ้อมแอ้ม​พูด​ออกมา​

“เป็นการ​ฟังความ​เข้า​ข้างเดียว​ไม่รู้​ต้นสายปลายเหตุ​ เป็น​เศษเสี้ยว​ความโกลาหล​ที่​สอดส่อง​อะไร​ไม่ได้​”

“ข้อจำกัด​นั้น​ใหญ่หลวง​และ​ควบคุม​ไม่ได้​ ไม่ใช่ว่า​ถ้าข้า​อยากรู้​อะไร​ ข้า​จะใช้เทียน​กู่​สอดส่อง​ได้​ทันที​”

ช่องว่าง​ระหว่าง​เทียน​กู่​กับ​การ​ถ่ายทอดสด​ผ่าน​โทรทัศน์​ของ​ท่าน​โหราจารย์​นั้น​ใหญ่​เกินไป​…สวี่​ชีอัน​พึมพำ​ “แล้ว​ท่าน​คิด​ว่า​จุดประสงค์​ที่​ไป๋​ตี้​ถามถึงที่อยู่​ของ​ปรมาจารย์​เต๋า​ล่ะ​”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ส่าย​หัว​อีกครั้ง​พลาง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​

“คำถาม​ที่สาม​ ไป๋​ตี้​ถามเทพเจ้า​กู่​ว่า​ ใคร​คือ​ผู้เฝ้าประตู​”

“คำตอบ​ของ​เทพเจ้า​กู่​ คือ​ ตอนแรก​เขา​คิด​ว่า​เป็น​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ แต่​มารู้​ทีหลัง​…”

สวี่​ชีอัน​ชะงัก​ครู่หนึ่ง​แล้ว​โพล่ง​ถามขึ้น​มาทันที​โดย​ไม่รอ​ให้​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​พูด​จบ​

“รู้​อะไร​?”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​พูด​อย่าง​อับจน​หนทาง​ “ข้า​ก็​อยากรู้​เหมือนกัน​ แต่​พลัง​ของ​รูปปั้น​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​หยุดยั้ง​เทพเจ้า​กู่​ไว้​และ​ผนึก​ซ้ำอีกครั้ง​” …สวี่​ชีอัน​แทบ​ตก​ขบวน​เมื่อ​คิด​ว่า​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ไม่น่า​เป็น​บุตร​แห่ง​มนุษย์​เพราะ​พอ​เขา​ตาย​ก็​ทำลาย​คำสอน​ต่างๆ​ ของ​เขา​ทิ้ง​หมด​

“แม่ย่า​คิด​อย่างไร​กับ​ผู้เฝ้าประตู​?”

เขา​ถามแม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ทันที​

“ข้า​ไม่รู้​ว่า​ใคร​เป็น​ผู้เฝ้าประตู​และ​ข้อมูล​เกี่ยวกับ​ผู้เฝ้าประตู​ทั้งหมด​ก็​เป็นความลับ​สวรรค์​ที่​ไม่อาจ​เปิดเผย​ได้​ เจ้ามีความสัมพันธ์​ใกล้ชิด​กับ​สำนัก​โหราจารย์​ ดังนั้น​เจ้าควร​รู้​ว่า​ข้า​หมายถึง​อะไร​”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ตอบกลับ​

“ผู้​ที่​รู้​ความลับ​สวรรค์​จะถูก​ความลับ​สวรรค์​ผูกมัด​ไว้​”

สวี่​ชีอัน​ถอนหายใจ​และ​พยักหน้า​ นี่​คือ​รา​คาที่​ต้อง​จ่าย​สำหรับ​การสอดส่อง​ความลับ​สวรรค์​และ​มัน​เป็น​กฎ​ของ​สวรรค์​

เขา​ริน​น้ำ​ให้​ตัวเอง​อีก​แก้ว​ จิบ​แล้ว​จ้องมอง​ใบหน้า​เหี่ยวย่น​ของ​ผู้ชรา​

“เหตุผล​ที่​แม่ย่า​ตามใจ​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ก็​เพื่อ​ใช้เขา​ค้นหา​ความลับ​ของ​ผู้เฝ้าประตู​จาก​เทพเจ้า​กู่​”

หาก​เป็น​เพราะ​แรงจูงใจ​นี้​ ก็​อธิบาย​พฤติกรรม​ของ​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ได้​

นาง​เลือก​ที่จะ​สร้าง​พันธมิตร​ด้วยตัวเอง​มาเนิ่นนาน​ ทำตัว​เป็นกลาง​และ​ไม่เข้าไป​ข้องเกี่ยว​ นาง​กำลัง​รอ​ให้​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​ไป​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​ มีแม้กระทั่ง​แอบ​เคลื่อนไหว​ลับ​ๆ เพื่อ​ช่วย​ให้​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​เข้าสู่​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​

ตัวอย่างเช่น​ การ​ลบ​กลิ่นอาย​ของ​เขา​ เพื่อ​มิให้​กระจก​เทพ​ฮุ่น​เทียน​หา​เขา​เจอ​

อีก​ตัว​อย่างหนึ่ง​ก็​คือ​ การ​ช่วย​เขา​กวาดล้าง​แมลง​และ​สัตว์ร้าย​ตาม​ทาง​ เพื่อให้​เขา​ไป​ถึงรูปปั้น​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ได้​อย่าง​ราบรื่น​

แน่นอน​ว่า​นี่​เป็น​เพียง​การ​คาดเดา​และ​ไม่จำเป็นต้อง​ตรวจสอบ​

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ซ่อมแซม​เสื้อผ้า​เสร็จ​แล้ว​ ลด​ศีรษะ​ลง​กัด​ด้าย​ให้​ขาด​และ​พูดว่า​ “ใช่”

“นี่​มัน​ดึก​แล้ว​ ได้​เวลาพักผ่อน​แล้ว​”

สวี่​ชีอัน​พูดว่า​ “ผู้เยาว์​รบกวน​ท่าน​แล้ว​”

แล้ว​ละลาย​หาย​ไป​ใน​เงามืด​

เมื่อ​กลับ​มาถึงเผ่า​ลี่​กู่​ ก็​เห็น​ห้องโถง​สว่างไสว​ด้วย​แสงเทียน​และ​พี่ชาย​น้องสาว​โม่ซางกับ​ลี่​น่า​กำลัง​รับประทาน​ของว่าง​ยามดึก​กัน​ เป็น​หม้อ​เนื้อ​สำหรับ​พวกเขา​แต่ละคน​และ​คนละ​หม้อ​

เสื้อผ้า​ส่วนใหญ่​ขาดวิ่น​มีเพียง​เท้า​เปลือยเปล่า​ มีเลือด​อยู่​บน​หน้าอก​โม่ซางแต่​ไม่พบ​บาดแผล​

สวี่​ชีอัน​เดา​ว่า​พี่ชาย​น้องสาว​เพิ่ง​ทะเลาะ​กัน​และ​โม่ซางผู้​เป็น​พี่ชาย​ถูก​น้องสาว​ทุบตี​ ในเวลานี้​ พี่ชาย​กับ​น้องสาว​กำลัง​ทานอาหาร​เพื่อ​เติม​พลัง​

โม่ซางพูดว่า​ “เจ้าไม่ได้​บอ​กว่า​จะลักพาตัว​องค์​หญิง​ราชวงศ์​ต้าฟ่ง​ไม่ก็​โฉมงามอันดับ​หนึ่ง​แห่ง​ราชวงศ์​ต้าฟ่ง​มาเป็น​ภรรยา​ข้า​หรอก​รึ​?”

‘ดูเหมือน​ความงดงาม​ของ​สตรี​จาก​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​จะไม่ใช่ประเด็น​ที่​เผ่า​ลี่​กู่​ของ​พวก​เจ้าสนใจ​กัน​สัก​เท่าไร​ ‘…มัน​เกี่ยวกับว่า​เป็น​องค์​หญิง​หรือเปล่า​ สวี่​ชีอัน​ตั้งใจฟัง​อยู่​พัก​หนึ่ง​

“ข้า​ก็​ลักพาตัว​มาให้​แล้ว​ไง สตรี​ที่อยู่​ข้างๆ​ สวี่​หนิง​เยี่ยน​คือ​โฉมงามอันดับ​หนึ่ง​แห่ง​ราชวงศ์​ต้าฟ่ง”​

ลี่​น่า​สาบาน​

“ขาว​ไป​ก็​ไม่เป็นไร​ เดี๋ยว​ก็​ดำ​ได้​ แต่​ด้วย​รูปร่างหน้าตา​ธรรมดาๆ​ แบบนี้​ นาง​มั่นใจ​ได้​อย่างไร​ที่​บอ​กว่า​ตัวเอง​เป็น​สาวงาม​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​ราชวงศ์​ต้าฟ่ง”​

โม่ซางไม่สนใจ​สักนิด​แล้ว​พูดว่า​ “สตรี​จาก​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​ตัว​ขาว​วอก​น่าเกลียด​จริงๆ​ กอง​คาราวาน​พวก​นั้น​โกหก​ข้า​”

กอง​คาราวาน​จาก​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​บอก​เขา​ว่า​พระ​มเหสี​ใน​อ๋อง​สยบ​แดน​เหนือ​คือ​โฉมงามอันดับ​หนึ่ง​แห่ง​ราชวงศ์​ต้าฟ่ง​ นั่น​เป็น​คำ​โอ้อวด​ของ​พ่อค้า​จาก​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​

โม่ซางถามพวกเขา​ว่า​เมื่อ​เทียบ​กับ​สตรี​เผ่าพันธุ์​กู่​ของ​พวกเรา​แล้ว​เป็น​อย่างไร​?

พ่อค้า​จาก​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​มอง​ไป​ทาง​คนผิวดำ​กลุ่ม​เล็ก​ๆ จาก​ชายแดน​ตอน​ใต้​และ​พูด​อย่าง​จริงใจ​ว่า​

“เหมือน​เมฆบน​ท้องฟ้า​กับ​โคลน​กลาง​ทุ่งนา​”

โม่ซางเคี้ยว​อาหาร​หนักหน่วง​และ​เอ็ดตะโร​เสียงดัง​

“ข้า​คิดออก​แล้ว​ กลายเป็น​ว่า​ผู้หญิง​จาก​ชายแดน​ตอน​ใต้​ของ​พวกเรา​เป็น​ก้อน​เมฆ ส่วน​ผู้หญิง​จาก​ราชวงศ์​ต้าฟ่ง​เป็น​ก้อน​โคลน​”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ข้า​เคย​เห็น​องค์​หญิง​จาก​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​แล้ว​ พวก​นาง​ขาวผ่อง​มีน้ำมีนวล​จริงๆ​ ห่างไกล​จาก​ข้า​ลิบลับ​” ลี่​น่า​พูดจา​ตรงไปตรงมา​

“ใช่แล้ว​ เจ้าเป็น​สาวงาม​อันดับ​หนึ่ง​ใน​เผ่า​ลี่​กู่​ของ​พวกเรา​” โม่ซางพยักหน้า​เห็นด้วย​กับ​คำพูด​ของ​น้องสาว​

สวี่​ชีอัน​จับมือ​กับ​พี่ชาย​น้องสาว​ใน​ใจตัวเอง​แล้ว​กลับ​ไป​ที่​ห้อง​

‘ค​ร่อ​ก​ ค​ร่อ​ก.​..’

เสียงกรน​ของ​เสี่ยว​โต้​ว​ติง​ดัง​ขึ้น​เป็นจังหวะ​และ​ด้วย​สายตา​อัน​แรงกล้า​ของ​เขา​ เขา​เห็น​น้องสาว​โง่ๆ ของ​เขา​นอน​เหยียดยาว​อยู่​บน​เตียง​ เตะ​ผ้าห่ม​หนัง​สัตว์​ออก​

ข้อ​มือขวา​เปียก​เหมือน​ถูก​เคี้ยว​

เตียง​ไม่ใหญ่​นัก​และ​เสี่ยว​โต้​ว​ติง​ใช้พื้นที่​ไป​ถึงสอง​ใน​สาม สวี่​ชีอัน​จัด​มือ​จัด​เท้า​ของ​นาง​ ดึง​ผ้าห่ม​หนัง​สัตว์​มาคลุม​ร่าง​น้องสาว​แล้ว​หลับตา​พักผ่อน​

ใน​ความมืด​สลัว​ เขา​ได้ยิน​เสียงคำราม​เสียดแทง​หัวใจ​ทำให้​เขา​ตื่นขึ้น​ทันที​

ใน​ขณะนี้​ สวี่​ชีอัน​ตระหนัก​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​เขา​ยังคง​ ‘อยู่​ใน​ความฝัน​’ โดย​อาศัย​วิญญาณ​ใน​สภาวะ​เหนือ​มนุษย์​ของ​เขา​และ​ปฏิกิริยา​แรก​ของ​เขา​คือ​

ยอด​ฝีมือ​เหนือ​มนุษย์​ของ​สำนัก​พ่อ​มด​อยู่​ที่นี่​รึ​?

เพื่อให้​สามารถ​จัดการ​กับ​ยอด​ฝีมือ​ระดับ​เขา​ใน​โลก​แห่ง​ความฝัน​ได้​ ใน​ระบบ​หลัก​ มีเพียง​ระบบ​พ่อ​มด​ที่​เรียก​ว่า​ ‘พ่อ​มด​แห่ง​ความฝัน​’ ที่อยู่​ใน​ขั้น​สี่เท่านั้น​

แม้ว่า​ลัทธิ​เต๋า​จะมีวรยุทธ์​ล่อ​ให้​หลง​ใน​ความฝัน​เช่นกัน​แต่​มัน​เป็น​อิทธิฤทธิ์​ของ​เทพเจ้า​หยิน​ เมื่อ​เทียบ​กับ​พ่อ​มด​แห่ง​ความฝัน​แล้วก็​แตก​ต่างกัน​เหมือน​มืออาชีพ​กับ​มือสมัครเล่น​

ใน​เสียงคำราม​ที่​ยัง​หลง​เหลืออยู่​นั้น​ สวี่​ชีอัน​มอง​เห็นภาพ​

ภายใต้​ท้องฟ้า​สีคราม​ เขา​เห็น​ดาวตก​ตกลง​มายัง​พื้นโลก​ ลาก​เปลวเพลิง​เป็น​ทาง​จาก​ฟากฟ้า​สู่พื้นดิน​

ใน​เปลวไฟ​สีแดงสด​ มีนก​เพลิง​ใหญ่​ยักษ์​ปีกหัก​อยู่ตัว​หนึ่ง​

นก​เพลิง​ตก​ลงมา​พร้อมกับ​เปลวเพลิง​ ราวกับ​ดาวตก​และ​พื้นดิน​ที่​มัน​ตก​ลงมา​ก็​พังยับเยิน​ พร้อม​ๆ กับ​ซากศพ​จำนวน​นับไม่ถ้วน​นอน​เรียงราย​ยาวเหยียด​เต็ม​พื้น​

ยักษ์​ตาเดียว​ถูก​ควัก​ลูกตา​ออก​ เลือด​ไหล​หยดย้อย​ออกจาก​หน้าผาก​ที่​เป็นโพรง​กลวง​โบ๋​ หินอัคนี​ที่​หัว​งูถูก​ตัดออก​ไป​ เปลือก​กระดอง​เต่า​เต็มไปด้วย​รอย​แตกร้าว​ ยักษ์​ที่​มีแขน​สิบสอง​คู่​ถูก​ตัด​คอ​หัวขาด​ ร่างกาย​งูยักษ์​ที่​ใหญ่โต​ราว​ภูเขา​เน่า​เฟะเหลือ​แต่​โครงกระดูก​

ราชสีห์​ทองคำ​เหลือ​ร่างกาย​อยู่​เพียง​ครึ่ง​เดียว​ ตามตัว​ปกคลุม​ไป​ด้วย​ก้อน​เนื้อ​ เอ่อล้น​ไป​ด้วย​ความเกลียดชัง​ ได้​แต่​จ้องมอง​ท้องฟ้า​แล้ว​ตาย​จากไป​ งูเก้า​หัว​ถูก​สะบั้น​ตัว​กับ​หัว​แยก​ออก​จากกัน​…

นี่​คือ​เทพ​มาร​สมัยโบราณ​ที่​สวี่​ชีอัน​เคย​เห็น​ใน​ความฝัน​

“ข้า​เห็น​เหตุการณ์​ตอนที่​เทพ​มาร​ถูกโค่น​…”

สถานที่​นี้​เป็น​เพียง​ความฝัน​ แต่​ดูเหมือน​สวี่​ชีอัน​จะได้ยิน​เสียง​หัวใจ​ตัวเอง​เต้น​ระส่ำ​ก้อง​หู​

……………………………………….

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท