บทที่ 693 จงใจ

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

สวี่​ผิง​เฟิงกล่าว​จบ​แล้วก็​หันไป​มอง​พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่ที่​สงบนิ่ง​ไม่ไหวติง​ และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “ดูเหมือน​ท่าน​จะไร้​ข้อสงสัย​ หรือว่า​พวก​สำนัก​พุทธ​รู้​นาน​แล้ว​รึ​?”

เจีย​หลัว​ซู่กล่าว​เสียง​เบา​ว่า​ “อัน​ตัว​ข้า​นี้​เป็น​ธาตุ​ ดิน​ น้ำ​ ลม​ ไฟ ซึ่งเป็น​สิ่งว่างเปล่า​มาตั้ง​นาน​แล้ว​”

สวี่​ผิง​เฟิงไม่ออกความเห็น​และ​จัด​การต้ม​ชาอย่าง​ไม่รีบ​ไม่ร้อน​ แต่​จู่ๆ เขา​ก็​ไอ​ขึ้น​มาอย่าง​รุนแรง​อีกครั้ง​ พร้อมกับ​เลือด​ที่​ไหล​ออกมา​ตาม​ร่อง​นิ้วมือ​และ​กล่าว​ด้วย​เสียง​แหบแห้ง​ว่า​ “โชคดี​ที่​ชะตา​บ้านเมือง​ครึ่งหนึ่ง​ไม่ได้​อยู่​ที่​ต้าฟ่ง​แล้ว​ มิเช่นนั้น​แผนการ​ฆ่าของ​อาจารย์​เมื่อวาน​นี้​อาจ​ขัดเกลา​พวกเรา​ทั้งสอง​ก็​เป็นได้​ รุ่น​ที่หนึ่ง​ไม่สามารถ​ทำ​อะไร​เจ้าได้​ นั่น​เป็น​เพราะ​สำนัก​พุทธ​ของ​พวก​เจ้าใช้คน​จำนวนมาก​รังแก​คน​จำนวน​น้อย​”

พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่กล่าว​อย่าง​ไม่ยินดี​และ​ไม่โกรธ​ “เจ้าวางแผน​จะเที่ยวเล่น​อยู่​ที่​ชิงโจว​นาน​เท่าใด​?”

สวี่​ผิง​เฟิงใช้ผ้าเช็ดหน้า​สีขาว​เช็ด​เลือด​บน​ฝ่ามือ​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “คน​ที่​ตกปลา​เก่ง​ต้อง​ล่อ​ปลา​ให้​เก่ง​ก่อน​ ชีก่วง​ป๋อ​ยัง​ทน​ได้​ แล้ว​ทำไม​ข้า​จะทน​ไม่ได้​”

ซินเจียง​ตอน​ใต้​

กลางดึก​ที่​ฝน​ตกหนัก​!

“ข้า​จะให้โอกาส​เจ้าเป็น​ครั้งสุดท้าย​ จะให้​ข้า​ฆ่านาง​หรือ​…” หญิง​งามที่​ไม่มีใคร​เปรียบ​ได้​แห่ง​ยุค​ค่อยๆ​ พ่น​ออก​มาจาก​ริมฝีปาก​สีแดง​เพลิง​ “ฆ่าเจ้า!”

เกิด​ลม​พัด​แรง​ฟ้าร้อง​ดังสนั่น​ เมฆดำ​เคลื่อนตัว​อยู่​เหนือศีรษะ​ราวกับ​น้ำหมึก​ดำ​

สวี่​ชีอัน​คุกเข่า​ข้างเดียว​อยู่​บน​พื้น​ เขา​เงยหน้า​ขึ้น​ด้วย​ความยากลำบาก​ น้ำฝน​ชำระล้าง​รอย​เลือด​บน​ร่างกาย​ของ​เขา​จน​หมดจด​ เส้น​ผม​เกาะติด​อยู่​บน​ใบหน้า​

ดาบ​เหล็ก​ที่​ขึ้น​จุด​สนิม​ทาบ​อยู่​ที่​ลำคอ​ แสงของ​ดาบ​เย็นชา​ไม่ต่าง​จาก​หญิง​งาม

เขา​เงยหน้า​อัน​หล่อเหลา​ขึ้น​พลาง​เผย​รอยยิ้ม​อัน​ขมขื่น​ “เช่นนั้น​เจ้าก็​ฆ่าข้า​เสียเถอะ​”

ดวงตา​ของ​สตรี​ที่​ไม่มีใคร​เปรียบ​ได้​แห่ง​ยุค​ฉาย​แสงสว่าง​แวบ​หนึ่ง​

วินาที​ต่อมา​ ความปรารถนา​และ​แผนการ​ทั้งหมด​ของ​สวี่​ชีอัน​ก็​หาย​ไป​

สวี่​ชีอัน​ลุก​พรวด​ขึ้น​จาก​เตียง​และ​หอบ​อย่าง​รุนแรง​ เขา​ราวกับ​ผล็อย​หลับ​ไป​และ​ดูเหมือน​ผ่าน​ชีวิต​มาอย่าง​ยาวนาน​ ในที่สุด​ก็​ตื่น​จาก​ความวุ่นวาย​มาสู่โลก​แห่ง​ความเป็นจริง​

หลังจากนั้น​เขา​ก็​ใช้มือซ้าย​แตะ​ที่​คอ​ของ​ตนเอง​ทันที​ ส่วน​มือขวา​สัมผัส​อยู่​ที่​หว่าง​คิ้ว​

“สวี่​หลา​งไม่ต้อง​กังวล​ ข้า​จะฆ่าเจ้าได้​อย่างไร​! ข้า​เพียง​ใช้พลัง​ดาบ​สั่นสะเทือน​จิต​เดิม​ของ​สวี่​หลา​งเท่านั้น​”

เสียงหัวเราะ​เบา​ๆ ดัง​ลอย​มาจาก​หน้าต่าง​

แสงเทียน​ราวกับ​เม็ด​ถั่ว​ ที่​ข้าง​หน้าต่าง​ปรากฏ​ภาพ​ด้านหลัง​ของ​ร่าง​สูงใน​ชุด​ขนนก​ เมื่อ​ร่าง​นั้น​เห็น​เขา​ตื่น​ก็​ปรายตา​มอง​ด้วย​รอยยิ้ม​มีเลศนัย​

นาง​สง่างามไร้​ที่​ติ​ แต่​ดูเหมือน​จะมีอันตราย​ซ่อน​อยู่​ใน​ความงาม​นั้น​ เมื่อ​รอยยิ้ม​ของ​หญิง​งามเบ่งบาน​ สวี่​ชีอัน​ก็​ราวกับ​เห็น​การ​กำเนิด​ของ​แม่มด​ที่​ไร้​เทียมทาน​

ปวดหัว​มาก.​..สวี่​ชีอัน​พยายาม​ทำ​จิตใจ​ให้​สงบ​ เขา​เหมือนกับ​คน​มึนงง​ที่​เพิ่ง​ฟื้น​จาก​อาการ​เมาค้าง​ เขา​ค่อยๆ​ นึกถึง​เรื่องราว​ที่​เกิดขึ้น​ก่อน​ ‘อาการ​โคม่า​’

เขา​ถูก​ใช้ความรุนแรง​แล้ว​

เมื่อวาน​นี้​ลั่วอวี้เหิง​เป็น​บุคลิก​แห่ง​ความ​ ‘ปรารถนา​’ นาง​รบกวน​เขา​ใน​การ​บำเพ็ญ​คู่​ต่อเนื่อง​ยี่สิบ​สี่ชั่วโมง​อย่าง​ไม่ขาดสาย​

กว่า​จะถึงยาม​จื่อ​นั้น​ยากเย็น​แสนเข็ญ​ ในที่สุด​ก็​ปล่อย​ความปรารถนา​ออก​ไป​ได้​ ถึงแม้สวี่​ชีอัน​จะทน​ได้​เหมือน​ครั้ง​ที่แล้ว​ แต่​ก็​รู้สึก​ถึงความอ่อนเพลีย​เล็กน้อย​

ใคร​จะไป​คิด​ว่า​บุคลิก​หลังจาก​ความปรารถนา​จะ ‘ชั่วร้าย​’

มัน​เป็น​บุคลิก​ ‘ชั่วร้าย​’ ที่​สวี่​ชีอัน​ไม่เคย​สัมผัส​มาก่อน​ระหว่าง​การ​บำเพ็ญ​คู่​ครั้ง​ที่แล้ว​

หลังจาก​บุคลิก​ ‘ชั่วร้าย​’ ป​รา​ฏขึ้น​ ประโยค​แรก​ที่​เปิดปาก​พูด​คือ​ ข้า​เกลียด​มู่หนาน​จือ​ ข้า​จะฆ่านาง​ และ​ต้องการ​ให้​สวี่​ชีอัน​นำ​เจดีย์​พุทธะ​ออกมา​เพื่อ​ปล่อย​มู่หนาน​จือ​ออกมา​

แน่นอน​ว่า​สวี่​ชีอัน​ไม่เห็นด้วย​ เขา​จึงคิด​ที่จะ​อาศัย​ความเก่งกาจ​ทาง​ด้าน​ฝีปาก​มาทำให้​ลั่วอวี้เหิง​พอใจ​ ดังนั้น​จึงปัดเป่า​ความคิด​นี้​ของ​นาง​ออก​ไป​ได้​

ใคร​จะคาดคิด​ว่า​บุคลิก​ชั่วร้าย​จะเปลี่ยนสี​หน้าเป็น​ไร้ความรู้สึก​ ทั้ง​สะบัด​ผม​ไม่สนใจ​ใคร​และ​เกิด​ความขัดแย้ง​กับ​เขา​อย่าง​รุนแรง​

สอง​คน​ทะเลาะ​กัน​อยู่​ที่​ชายแดน​เขา​ป๋อ​

“ข้า​เอาชนะ​นาง​ไม่ได้​จริงๆ​ ถึงแม้จะพยายาม​อย่าง​สุดความสามารถ​แต่​ก็​ไม่เคย​แสดง​ไพ่​ใบ​สุดท้าย​ออกมา​ ถึงแม้นาง​จะไม่เห็น​ข้า​อยู่​ใน​สายตา​ก่อน​ แต่​ช่องว่าง​ระหว่าง​ข้า​และ​ลั่วอวี้เหิง​ก็​ไม่น้อย​ทีเดียว​…สมแล้ว​ที่​เป็น​ผู้​ฝึกฝน​กระบี่​ขั้น​หนึ่ง​…”

สวี่​ชีอัน​พึมพำ​อย่าง​เงียบๆ​

“เจ้าคิด​ว่า​อย่างไร​?” เขา​จ้องมอง​หญิง​งามที่​ข้าง​หน้าต่าง​อย่าง​ระมัดระวัง​

“ข้า​เพียงแค่​อยาก​โบยบิน​ไป​กับ​สวี่​หลา​ง อยู่​ครอง​คู่​กัน​ไป​ตลอดชีวิต​”

ลั่วอวี้เหิง​กะพริบ​ดวงตา​อัน​งดงาม​ช้าๆ มุมปาก​ยก​ยิ้ม​

นาง​ย่างกราย​อย่าง​นุ่มนวล​ เดิน​ไป​นั่งลง​ที่​โต๊ะ​และ​เท้าคาง​ขึ้น​ แสงเทียน​ทำให้​ใบหน้า​ของ​นาง​สว่างไสว​ราวกับ​หยก​งามที่​ไร้​ตำหนิ​และ​อ่อนโยน​ที่สุด​ใน​โลก​หล้า​

“แต่​เจ้ามักจะ​นำ​เทพ​ดอกไม้​มาอยู่​ข้างๆ​ ทำให้​ข้า​ทุกข์ใจ​มาก​” ลั่วอวี้เหิง​กล่าว​ด้วย​ความ​ทอดถอนใจ​

เจ้าถูก​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​สิงร่าง​แล้ว​กระมัง​…สวี่​ชีอัน​ขมวดคิ้ว​แน่น​ ท่าน​น้า​เป็น​เช่นนี้​ทำให้​เขา​ไม่ชิน​เล็กน้อย​

“ยัง​มีชื่อเสียง​อัน​น่าอับอาย​ของ​เจ้าก่อนหน้านี้​อีก​ เมื่อ​นึกถึง​เจ้าที่​เป็น​คน​สำมะเลเทเมา​ เข้าออก​สำนัก​สังคีต​เป็นว่าเล่น​ ตัว​ข้า​เอง​ก็​ทุกข์ใจ​มาก​”

ท่าน​น้า​ส่งรอยยิ้ม​อัน​ทรง​เสน่ห์​โดย​ไม่รอ​ให้​สวี่​ชีอัน​ตอบกลับ​ “มัน​ผ่าน​ไป​แล้ว​ ข้า​ก็​ไม่ควร​ไป​สนใจ​ ตอนที่​เจ้ากำลัง​หลับ​ลึก​ ข้า​ใช้ดาบ​ตัด​กล่อง​ดวงใจ​ของ​เจ้า ข้า​ลำ​อา​อดีต​แทน​เจ้าแล้ว​ เจ้าใน​ตอนนี้​สะอาด​ไร้​มลทิน​ อืม​ เจ้าอยาก​ดู​มัน​หรือไม่​?”

สวี่​ชีอัน​ก้มลง​ไป​มอง​เป้า​ของ​ตนเอง​และ​มอง​นาง​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​อย่างยิ่ง​

ทั้งสอง​สบตา​กัน​อย่าง​สงบ​ครู่หนึ่ง​ จู่ๆ ลั่วอวี้เหิง​ก็​หัวเราะ​คิกคัก​ขึ้น​มา นาง​หัวเราะ​จน​เสียง​สั่นสะท้าน​ ทรวงอก​อัน​อวบ​อิ่ม​ก็​กระเพื่อม​ตาม​แรง​หัวเราะ​

“ข้า​ล้อ​เจ้าเล่น​…”

นาง​ยิ้ม​หวาน​พลาง​นอนลง​บน​โต๊ะ​

ข้า​ขอ​ถอนคำพูด​เมื่อ​ครู่​ จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ไม่ชั่วร้าย​เหมือน​เจ้า…สวี่​ชีอัน​ไม่รู้สึก​โล่งใจ​สักนิด​ เพราะ​เขา​ไม่แน่ใจ​ว่า​ลั่วอวี้เหิง​พูดความจริง​หรือไม่​

สิ่งที่​โชคดี​คือ​ บุคลิก​ ‘ชั่วร้าย​’ ของ​ลั่วอวี้เหิง​ยังคง​ควบคุม​ได้​ โดยทั่วไปแล้ว​ บุคลิก​ชั่วร้าย​จะไม่มีการ​เห็นแก่หน้า​ใคร​ทั้งสิ้น​

การทะเลาะ​ใน​ครั้งแรก​สุด​ก็​เหมือน​เป็น​วิธีการ​ที่​แสดงว่า​ตนเอง​มาถึงแล้ว​วิธี​หนึ่ง​ และ​ยัง​สามารถ​ถือว่า​เป็นความ​ชั่วร้าย​ของ​นาง​ได้​

“ความ​ชั่วร้าย​ของ​นาง​เป็นความ​ชั่วร้าย​รูปแบบ​เก็บตัว​ ไม่ใช่การ​ป่าวประกาศ​ที่​ถึงกับ​อดไม่ไหว​ที่จะ​ตราหน้า​คนเลว​ นอกจากนี้​ บุคลิก​ทั้ง​เจ็ด​ยัง​พัฒนา​มาจาก​นิสัย​ของ​ลั่วอวี้เหิง​เอง​ หาก​เนื้อแท้​ลั่วอวี้เหิง​เป็น​คนใจดี​ เช่นนั้น​สภาพ​ของ​บุคลิก​ชั่วร้าย​ก็​สามารถ​เดา​ได้​ นาง​อาจจะ​ชั่ว​แต่​ก็​ไม่ถึงกับ​ฆ่าคน​อย่าง​กระหายเลือด​ อืม​ ยัง​ต้อง​ทำการ​สังเกต​ให้​มาก​”

ในขณะที่​คลื่น​ความคิด​ของ​สวี่​ชีอัน​กำลัง​แล่น​ ก็​ได้ยิน​ลั่วอวี้เหิง​บิดขี้เกียจ​

“เมื่อวาน​เจ้าทรมาน​ข้า​เช่นนั้น​ ร่าง​ของ​ข้า​ถูก​เจ้าฉีก​ออก​หมด​แล้ว​ ข้า​ต้อง​การพักผ่อน​”

เมื่อวาน​นี้​เป็น​เจ้าที่​ทรมาน​ข้า​ต่างหาก​ บุคลิก​ปรารถนา​ช่างน่ากลัว​จริงๆ​…เขา​ตำหนิ​นางใน​ใจก่อน​จะลุกขึ้น​จาก​เตียง​เพื่อ​หลีกทาง​ให้​นาง​

ลั่วอวี้เหิง​ปาก​บอ​กว่า​จะพักผ่อน​ แต่​ตัว​กลับ​นั่ง​ข้าง​โต๊ะ​ไม่ไหวติง​พลาง​ขมวดคิ้ว​เบา​ๆ “เตียง​สกปรก​แล้ว​ เปลี่ยน​ใหม่​”

…สวี่​ชีอัน​จึงเปลี่ยน​ผ้าปูที่นอน​ที่​ส่งกลิ่น​แปลก​ๆ เป็น​ผ้า​ปู​ผืน​ใหม่​

ลั่วอวี้เหิง​ทิ้งตัว​นอน​แผ่หลา​บน​เตียง​ ค่อยๆ​ ยก​ชาย​ชุด​ขนนก​ขึ้น​อย่าง​แผ่วเบา​ ชาย​เสื้อผ้า​เลื่อน​ผ่าน​น่อง​ขา​ที่​ได้สัดส่วน​และ​หยุด​ลง​บริเวณ​โคนขา​ที่​กลมดิก​

นาง​หันกลับ​ไป​มอง​ พลาง​เผย​รอยยิ้ม​อัน​ทรง​เสน่ห์​อย่าง​หาที่เปรียบมิได้​

“อยาก​บำเพ็ญ​คู่​หรือไม่​?”

“ข้า​ว่า​การพักผ่อน​ที่​เหมาะสม​สามารถ​ฟื้นฟู​พลัง​ปราณ​ได้​ดีกว่า​การ​บำเพ็ญ​คู่​นะ​”

สวี่​ชีอัน​ปฏิเสธ​นาง​อย่าง​สุภาพ​

หาก​พูดว่า​เขา​ไม่มีทาง​ควบคุม​ลั่วอวี้เหิง​ภายใน​สภาพ​ปกติ​ได้​ แต่​กล้า​ที่จะ​หยอกเย้า​ด้วย​ใบ​หน้าทะเล้น​ เช่นนั้น​ลั่วอวี้เหิง​ที่อยู่​ตรงหน้า​ใน​ตอนนี้​ก็​เป็น​คน​ที่​เขา​ทั้ง​ไม่กล้า​หยอกล้อ​และ​ไม่มีทาง​ควบคุม​ได้​ด้วย​

เมื่อ​คำนึงถึง​ความ​รอบคอบ​ เขา​ตัดสินใจ​สังเกต​พฤติกรรม​ของ​บุคลิก​ ‘ชั่วร้าย​’ เพิ่มเติม​

ลั่วอวี้เหิง​เม้มริมฝีปาก​ด้วย​ความผิดหวัง​ นาง​หันไป​เป่า​ปากเบา​ๆ พร้อมกับ​เทียน​ที่​ดับ​ลง​

นาง​ซุก​ตัว​เข้าไป​ใน​ผ้าห่ม​และ​กลิ้ง​ไป​กลิ้ง​มา

สวี่​ชีอัน​นอนลง​อีกครั้ง​ สอง​มือ​หนุน​อยู่​ที่​ด้านหลัง​ศีรษะ​ พลาง​จ้องมอง​เพดาน​ใน​ห้อง​อัน​มืดมิด​อย่าง​ไร้จุดหมาย​

ตอนนี้​คือ​ยาม​อิ๋น​ เวลา​ของ​ความปรารถนา​เพิ่ง​จากไป​ ตาม​สถานการณ์​ที่ผ่านมา​ เขา​ควรจะ​หลับ​สัก​ตื่น​ เมื่อ​ถึงเช้าตรู่​วันพรุ่งนี้​ถึงจะมีการ​เปลี่ยน​บุคลิก​

แต่​บุคลิก​ปรารถนา​เพิ่ง​จากไป​ บุคลิก​ชั่วร้าย​ก็​กระโดด​ออกมา​

นี่​หมายความว่า​บุคลิก​ชั่วร้าย​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​บรรดา​เจ็ด​บุคลิก​ใช่หรือไม่​?

หลังจาก​คิด​ๆ ดู​แล้ว​ ทิศทาง​ความคิด​ของ​เขา​ก็​หัน​ไปหา​ภูเขา​สือ​ว่าน​อีกครั้ง​

“ร่าง​จำแลง​ของ​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น.​..คาด​ว่า​การเฝ้า​รักษา​น่าจะ​มีขั้น​สอง​…พระอรหันต์​ตู้​เอ้อร์​ก็​อยู่​ขั้น​สอง​ ประกอบ​กับ​อา​ซูหลัว​…คิด​จะยึด​ภูเขา​สือ​ว่าน​นั้น​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​…อืม​ จิ้งจอก​เก้า​หาง​น่าจะ​จัดการ​กับ​ร่าง​จำแลง​ของ​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ได้​ หาก​นาง​ไม่มีความสามารถ​นี้​ก็​คง​ไม่ถึงนึก​การฟื้นฟู​อาณาจักร​ เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​ยังมี​เหนือ​มนุษย์​ท่าน​หนึ่ง​ ดูเหมือน​จะเป็น​หมี​ขี้เกียจ​ตัว​หนึ่ง​ แต่​เขา​ก็​อยู่​แค่​ขั้น​สาม เฮ้อ​ นี่​ความคิด​ของ​ข้า​ล่องลอย​เกินไป​ใช่หรือไม่​…หาก​เป็น​เพียง​เช่นนี้​ พวกเรา​ก็​คง​แย่งชิง​ภูเขา​สือ​ว่าน​มาได้​ยาก​มาก​ ถึงแม้เจ็ด​ยอด​กู่​จะมีความก้าวหน้า​อย่าง​มาก​ แต่​ข้า​ก็​มีความเป็นไปได้​สูงที่​ข้า​ไม่สามารถ​เอาชนะ​อา​ซูหลัว​ได้​ ดังนั้น​ กำลัง​หลัก​ใน​การต่อสู้​กับ​สำนัก​พุทธ​ครั้งนี้​ก็​คือ​เสิน​ซู เฮ้อ​ ว่า​กัน​ตาม​ความจริง​ก็​คือ​ ราชัน​อสูร​พา​ลูกสาว​ทุบตี​ลูกชาย​ที่เกิด​กับ​อดีต​ภรรยา​”

สวี่​ชีอัน​บ่น​ใน​ใจอย่าง​เงียบๆ​ พลาง​กลับ​ไป​พิจารณา​ว่า​ตนเอง​จะได้ประโยชน์​อะไร​จาก​การต่อสู้​ครั้งนี้​

“พยายาม​จับ​ตู้​เอ้อร์​เป็น​เชลย​ ให้​เขา​ช่วย​ข้า​ปลด​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​ตัว​สุดท้าย​ หลังจากนั้น​ข้า​ก็​จะบำเพ็ญ​คู่​กับ​พระ​มเหสี​และ​เลื่อน​ขึ้น​สู่ขั้น​สอง​…”

“นอกจากนี้​ ในที่สุด​ข้า​ก็​จะได้​เห็น​โฉมหน้าที่​แท้จริง​ของ​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​แล้ว​ ไม่รู้​ว่า​หาก​เทียบ​กับ​ท่าน​น้า​แล้ว​ใคร​จะสวย​กว่า​กัน​”

สำหรับ​มู่หนาน​จือ​ สวี่​ชีอัน​จะกีดกัน​นาง​ไว้​ด้านนอก​

ความงาม​เป็น​อาวุธ​ที่​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​ของ​เทพ​ดอกไม้​ เสน่ห์​ของ​นาง​มาถึงขั้น​ที่​ไม่มีใคร​เทียบ​ได้​ จนถึง​ตอนนี้​ สวี่​ชีอัน​ก็​ยัง​ไม่กล้า​เผย​รูปโฉม​ที่​แท้จริง​ของ​นาง​ออกมา​

ประการ​แรก​คือ​เขา​กลัว​ว่า​จะควบคุม​ตัวเอง​ไม่ได้​ ประการ​ที่สอง​คือ​กลัว​ปัญหา​ที่จะ​ตามมา​

การ​ที่​เทพ​ดอกไม้​กลับชาติมาเกิด​เที่ยว​ออก​ไป​เดิน​เตร่​ด้านนอก​โดย​ไม่ปลอมตัว​จะดึงดูด​ปัญหา​เช่นไร​เข้ามา​ก็​น่าจะ​เป็นเรื่อง​ที่​จินตนาการ​ออก​

ต่อให้​มีความสามารถ​ที่จะ​รับมือ​กับ​ความ​ท้าทาย​ต่างๆ​ ได้​ แต่​ก็​ไม่จำเป็นต้อง​ปล่อย​ให้​ตนเอง​ต้อง​จมอยู่กับ​ปัญหา​ไม่รู้​จบ​

เวลานี้​เอง​ ลั่วอวี้เหิง​ที่​ม้วนตัว​อยู่​ใน​ผ้าห่ม​ก็​ขยับ​เข้ามา​ใกล้​อย่าง​เงียบๆ​ และ​เลีย​ติ่ง​หู​ของ​เขา​อย่าง​ไม่พูดพร่ำทำเพลง​

“นี่​ราชครู​ทำ​อะไร​”

สวี่​ชีอัน​ถามด้วย​ความ​ตกตะลึง​

“ก็​ยั่วยวน​เจ้าไงล่ะ​”

ใน​ความมืด​ ดวงตา​ของ​ลั่วอวี้เหิง​เป็นประกาย​สว่าง​ราวกับ​ดวงดาว​ใน​ตอนกลางคืน​

อย่า​อึกทึก​ไป​…มุมปาก​ของ​เขา​กระตุก​ขึ้น​เล็กน้อย​พร้อมกับ​หัวใจ​ที่​สั่นระรัว​ “ราชครู​ พรุ่งนี้​ข้า​ต้อง​ออกเดินทาง​ไป​ภูเขา​สือ​ว่าน​เพื่อ​ช่วย​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​ยึด​แผ่นดิน​คืน​ เจ้ายัง​มีพลัง​การ​รบ​เท่าใด​?”

ลั่วอวี้เหิง​หัวเราะ​คิกคัก​และ​กล่าวว่า​ “เจ้าขอร้อง​ข้า​สิ แล้ว​ข้า​จะบอก​เจ้า”

นาง​พลิกตัว​ขึ้นไป​นั่ง​ทับ​บน​ท้องน้อย​ของ​สวี่​ชีอัน​ ใช้มือ​ทั้งสอง​ยัน​ไว้​ที่​หน้าอก​แกร่ง​ของ​เขา​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ไม่ได้​สิ ใน​ท้อง​ของ​ข้า​มีลูก​ของ​เจ้าอยู่​ จะต่อสู้​ไม่ได้​”

ในขณะที่​กล่าว​ นาง​ก็​ลูบ​หน้าท้อง​อัน​แบน​ราบ​ของ​ตนเอง​ด้วย​ใบ​หน้าที่​เต็มไปด้วย​ความรัก​

อะไร​จะเร็ว​ขนาด​นั้น​…สวี่​ชีอัน​ไม่อยาก​อธิบาย​ให้​ผู้หญิง​ชั่วร้าย​ฟัง

ลั่วอวี้เหิง​ไม่ได้​สนใจ​ขา​สักนิด​ พลาง​พูด​ต่อ​ด้วย​รอยยิ้ม​อัน​ทรง​เสน่ห์​ “พระสงฆ์​แห่ง​สำนัก​พุทธ​ทั้ง​มีกึ๋น​ทั้ง​เก่ง​ มีเรื่อง​หนึ่ง​ที่​ข้า​ไม่เข้าใจ​มาโดยตลอด​”

สวี่​ชีอัน​ไม่พูด​อะไร​ เพียงแค่​มอง​นาง​อย่าง​เงียบๆ​

ลั่วอวี้เหิง​กล่าว​ต่อไป​ว่า​ “สวี่​หลา​งคิด​ว่า​ข้า​กับ​เจ้า ใคร​แข็งแกร่ง​กว่า​กัน​?”

“ท่าน​!”

สวี่​ชีอัน​ต้อง​ยอมรับ​แต่​โดยดี​

ว่า​กัน​ตามจริง​แล้ว​ เพราะ​ลั่วอวี้เหิง​ต้องการ​ดับไฟ​แห่ง​กรรม​ เตรียมพร้อม​ที่จะ​ข้าม​ความหายนะ​ ดังนั้น​นาง​จึงลงมือ​น้อย​มาก​ และ​มักจะ​หน้าแดง​ ขมวดคิ้ว​ กัด​ริมฝีปาก​ด้วย​พวง​แก้ม​แดงก่ำ​ สิ่งนี้​ทำให้​เขา​ค่อยๆ​ ลืม​ไป​ว่า​อีก​ฝ่าย​เป็น​ผู้นำ​เต๋า​นิกาย​มนุษย์​ที่​สง่างาม

บำเพ็ญ​คู่​ขั้น​สอง​

นาง​อยู่​ใน​ระดับสูง​กว่า​เขา​ครึ่ง​ระดับ​เต็มๆ​

จนกระทั่ง​ทะเลาะ​กัน​ใน​คืนนี้​ เขา​ถึงมีปฏิกิริยา​ตอบสนอง​ใน​ฉับพลัน​

ลั่วอวี้เหิง​ถามอีกครั้ง​ว่า​ “เช่นนั้น​เจ้าคิด​ว่า​ถ้ามีซุน​เสวียน​จีอีก​คน​จะเอาชนะ​ข้า​ได้​หรือไม่​?”

สวี่​ชีอัน​พิจารณา​ถึงไพ่​ไม้ตาย​และ​วิธีการ​ของ​ตนเอง​อยู่​นาน​ก่อน​จะกล่าวว่า​ “ถึงแม้จะไม่เคย​ต่อสู้​มาก่อน​ แต่​ข้า​จะฉวย​ความคิด​ไม่ได้​”

ริมฝีปาก​แดง​ของ​ลั่วอวี้เหิงยก​ยิ้ม​ขึ้น​เล็กน้อย​และ​กล่าว​เสียงหวาน​ว่า​ “เช่นนั้น​เจ้ากับ​ซุน​เสวียน​จีเอาชนะ​อา​ซูหลัว​ได้​อย่างไร​?”

สวี่​ชีอัน​ตกตะลึง​ตัว​แข็งทื่อ​

ท่าน​น้า​หัวเราะ​เบา​ๆ อย่าง​มีเสน่ห์​ นาง​ก้ม​ศีรษะ​ลง​ไป​ประกบ​ปาก​ของ​คนรัก​อย่าง​ดูดดื่ม​ ก่อน​จะกล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “พระอรหันต์​ขั้น​สอง​ขึ้นชื่อ​ใน​การ​ใช้วิชาการ​ฆ่าอย่าง​โหดเหี้ยม​ใน​การสังหาร​หัวขโมย​ พลัง​เทพ​วชิระ​ขั้น​สามและ​เผ่า​อสูร​ พลัง​ที่​แสดงออก​มาจาก​นัก​สู้ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ เจ้าอาศัย​พลัง​ของ​ตนเอง​ใน​การ​สกัดกั้น​เขา​ได้​อย่างไร​? ตะปู​ตอก​วิญญาณ​ของ​เจ้าก็​ยัง​ไม่ถูก​ปลดออก​ สิ่งที่​ยอดเยี่ยม​คือ​มัน​ใกล้​บรรลุ​ขั้น​สาม อาศัย​เจดีย์​พุทธ​และ​เจ็ด​ยอด​กู่​ที่​ยัง​ไม่บรรลุ​ขั้น​เหนือ​มนุษย์​ เป็นไปได้​อย่างไร​ที่จะ​เข้าไป​ยุ่ง​กับ​เขา​ได้​นาน​เช่นนั้น​”

นี่​…รูม่านตา​ของ​สวี่​ชีอัน​หดตัว​เล็กน้อย​

ตอนนี้​เขา​กำลัง​ตระหนัก​ได้​ว่า​มีบางอย่าง​ผิดปกติ​

ใช่แล้ว​ ตอนที่​ข้า​อยู่​ขั้น​สาม ข้า​อาศัย​ความช่วยเหลือ​จาก​ดาบ​สลัก​ปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ ดาบ​สยบ​ดินแดน​ และ​เสิน​ซู อีก​ทั้ง​ยัง​พยายาม​จน​เกือบ​เอาชีวิต​ไม่รอด​ถึงจะสังหาร​เจินเต๋อ​ขั้น​สอง​ได้​

แต่​อา​ซูหลัว​นั้น​แข็งแกร่ง​กว่า​เจินเต๋อ​อย่าง​แน่นอน​

ลั่วอวี้เหิง​ถอนหายใจ​

“เจ้าไม่มีประสบการณ์​ใน​การต่อสู้​กับ​สำนัก​พุทธ​ จึงไม่แปลกที่​เจ้าจะไม่เคย​สังเกตเห็น​ปัญหา​ ครั้งนี้​เจ้าร่วมมือ​กับ​เผ่า​ปีศาจ​ใน​การบุก​โจมตี​ภูเขา​สือ​ว่าน​ เจ้าต้อง​ระวัง​ให้​มาก​ บางที​นี่​อาจจะ​เป็น​เกม​ที่​สำนัก​พุทธ​สร้าง​ขึ้น​? จงใจส่งแขนขา​บางส่วน​ของ​เสิน​ซูออกมา​เพื่อให้​เผ่า​ปีศาจ​มองเห็น​ความหวัง​ใน​การฟื้นฟู​อาณาจักร​ เจ้าคิด​ว่า​หาก​การฟื้นฟู​อาณาจักร​ครั้งนี้​ล้มเหลว​ เผ่า​ปีศาจ​จะยัง​มีโชค​อีก​รึ​?”

สวี่​ชีอัน​จ้อง​นาง​

“ราชครู​จงใจทะเลาะ​กับ​ข้า​…”

…………………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท