ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) – ตอนที่ 19

ตอนที่ 19

เฮอ เอส อะฟังกัส นักเวทสายน้ำแข็ง เลเวล 38 ??? ??? เลเวล ??? ??? จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเอส ??? ??? ผู้ถือครองศาสตร์ต้องห้าม คริสตัลน้ำแข็งเปื้อนโลหิต

แม้ว่าสามารถมองเห็นอาชีพของเขาได้หนึ่งอาชีพ แต่ดูเหมือนอีกอาชีพหนึ่งจะไม่สามารถมองเห็นได้

ในฐานะที่เป็นจักรวรรดิที่เป็นเลิศทางน้ำแข็งมากที่สุด จักรพรรดิก็ต้องมีอาชีพที่แข็งแกร่งกว่านักเวทสายน้ำแข็ง นี่ทำให้ผมรู้สึกหนังศีรษะชา

ไม่มีทางยั่วยุหมอนี่ได้เลย ไม่งั้นคงไม่มีทางร่อนเร่อยู่บนแผ่นดินใหญ่นี้ได้จริงๆ…

ผมของจักรพรรดิเป็นสีเทา แต่ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกลับมีแสงเย็นชา ทั้งตัวอยู่ในเสื้อคลุมสีครามลวดลายสีทอง บนสุดของไม้เท้าในมือ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลแต่ผมก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายหนาวเหน็บที่เล็ดรอดออกมาจากอัญมณีบนนั้น

“ไม่ต้องกังวลไป ในเมื่อเจ้าเป็นเพื่อนของสโนว์ ข้าย่อมไม่ทำเรื่องหยาบคายอะไรกับเจ้าอยู่แล้ว ทว่า ถ้าเจ้าทำร้ายสโนว์นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

“…ผมรู้อยู่แล้ว หรือว่าคุณมาหาผมกลางดึกเพื่อบอกผมว่าอย่าแกล้งลูกสาวคุณงั้นเหรอ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! น่าสนใจ ไม่เหมือนพวกที่ชอบคุยโวไปวันๆ พวกนั้นเลย”

ตาแก่นั่นหัวเราะ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน

“บางทีนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าเติบโตได้รวดเร็วขนาดนี้”

ได้ยินคำพูดนี้มุมปากผมก็กระตุก

หมอนี่…มองอะไรออกงั้นเหรอ?

“ตอนที่เจ้าเพิ่งมาสถาบันแห่งนี้ ก็เพียงไม่กี่เดือนก่อน เจ้าในตอนนั้น ความสามารถด้านเวทมนตร์ยังไม่สู้องค์หญิงสโนว์เลย? แต่ตอนนี้ คนอายุเท่าพวกเจ้าที่สู้กับเจ้าได้คงไม่มีเลย?”

“นี่…”

“ถึงแม้เจ้าไม่พูด แดนก็มองความแข็งแกร่งของเจ้าออกจากตอนกระโดดข้างบน เจ้าต้องรู้ว่า ระดับของแดนสูงกว่าเจ้าแค่เล็กน้อย ความสูงต่ำของความแข็งแกร่งเจ้ามองแวบแรกก็รู้เป็นธรรมดา”

“อย่างนี้นี่เอง…”

งั้นหลายคนก็มองออกว่าผมเลเวลอัพอย่างรวดเร็วล่ะสิ? แล้วคนพวกนี้ยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นด้วย?

โชคดีที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นค่าตัวเลขที่เฉพาะเจาะจงได้ ไม่งั้นถึงตอนนั้นกระโดดขึ้นไปห้าเลเวลคงทำให้คนตกใจไม่น้อย…

เดี๋ยวก่อน ผมจำได้ว่าตอนที่ผมเพิ่มห้าเลเวลแดนก็อยู่ที่นั่นด้วยพอดี หรือว่าตอนนั้นก็ถูกจ้องอยู่?

“เอาเถอะ ผมพยายามอย่างหนักเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่ทำแบบนี้มีอะไรไม่ถูกต้องเหรอครับ?”

“ไม่มีอยู่แล้ว ข้ากลับมีความสุขที่เจ้าทำแบบนี้ เพราะว่า เจ้าเชี่ยวชาญเวทมนตร์สายน้ำแข็ง!”

รอยยิ้มที่มุมปากของตาแก่กลายเป็นลึกขึ้น

“ก็หมายความว่า คุณอยากให้ผมกลายเป็นพลเมืองของจักรวรรดิเอสของพวกคุณงั้นเหรอครับ?”

“แน่นอน เจ้าก็ถูกอาณาจักรของเจ้าต้องการตัวอยู่นี่ ใช่ไหมล่ะ?”

“เรื่องนี้…”

“ไม่ต้องเล่นลิ้น ข้ารู้เรื่องของเจ้าดี คราวก่อนหลังจากแดนรายงานเรื่องของเจ้า ข้าก็สนใจเจ้าทันที แต่ฝ่ายสืบข้อมูลของข้าตามรอยข้อมูลของเจ้าได้แค่ก่อนหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นที่สถาบัน เรื่องที่เจ้าถูกประกาศจับในอาณาจักรที่ชื่อว่าเชอร์ฟา ราชาคนนั้นช่างโง่งม โยนความผิดพลาดของตัวเองไว้บนหัวเจ้า มิน่า ถึงเป็นได้แค่อาณาจักรเล็กๆ ฮ่าฮ่าฮ่า แต่สิ่งที่ทำให้ข้าสนใจก็คือ เหมือนเจ้ายังเข้าเป็นสมาชิกตระกูลวู้ด ไม่แปลกใจเลยที่ในการต่อสู้วันนี้ข้าเหมือนเห็นเจ้าใช้ ‘เกราะน้ำแข็ง’ บางทีข้าคงไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม?”

“ครับ…เป็นแบบนั้นจริง”

ก็ได้ ในเมื่อคุณใช้หน่วยข่าวกรองอาณาจักรของคุณกับคนไม่สำคัญอย่างผม ถึงผมยอมรับก็คงไม่เป็นไร

“คุณวางแผนจะส่งผมไปรับโทษที่อาณาจักรเชอร์ฟาเหรอครับ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่อยู่แล้ว เมื่อเช้าข้าเห็นเจ้าพูดคุยกับเด็กสาวตระกูลวู้ดคนนั้น คู่หมั้นของเจ้ายังไม่ว่าอะไร ข้าจะพูดอะไรได้ เจ้าว่าไหม?”

“…”

“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าใส่ใจ ตระกูลวู้ดมีตระกูลสาขาอยู่ทั่วทั้งแผ่นดิน แม้กระทั่งแผ่นดินอื่นก็มี…ไม่สิ น่าจะบอกบนแผ่นดินใหญ่นี้เป็นตระกูลสาขาของพวกเขาถึงจะถูก สาขาในอาณาจักรเชอร์ฟาของเจ้านั่นเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของตระกูลพวกเขาเท่านั้น ดังนั้นข้าย่อมรู้จักตระกูลพวกเขา แต่ตระกูลพวกเขาก็มักจะถ่อมตัวมาตลอด เจ้าก็เห็นได้จากเรื่องคราวนี้ คนสำคัญสองคนในตระกูลหายไปแท้ๆ ผลคือกลับไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย บางที สำหรับพวกเขาแล้วคงไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับทั้งตระกูล”

“คือว่า ขอบคุณคุณมากที่ใช้กำลังคนและทรัพยาการมากมายขนาดนี้ตรวจสอบตัวตนของผมและบอกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคู่หมั้นของผมมากมายขนาดนี้ แต่ว่า ขอถามว่าจุดประสงค์สำคัญคืออะไรครับ?”

คุณแค่มาพูดคุยกับผมจริงเหรอ? คุณเล่นตลกกับผมเหรอ?

“อย่ารีบร้อนสิ ทุกสิ่งควรค่อยๆ ก้าวไปเป็นขั้นเป็นตอนสิ แต่ในเมื่อเจ้าถาม งั้นข้าก็จะตอบเจ้า” อีกฝ่ายหุบรอยยิ้ม พูดอย่างจริงจัง

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

“…”

คำถามนี้อีกแล้ว พวกคุณไม่เบื่อบ้างเหรอ โธ่เอ๊ย ‘โลก’ คุณช่วยตั้งตัวตนให้ผมหน่อยเถอะ ผมไม่มีที่มาที่ไปเลย อย่างน้อยก็ให้ข้อมูลผมสักหน่อยเถอะ

ในโลกนี้ผมก็เหมือนกับคนที่กระโดดออกมาจากหิน แล้วจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง

“เอาเถอะ ผมบอกได้แค่ว่าผมก็ไม่รู้ตัวตนของผม”

ผมหยักไหล่

“ถ้าเป็นไปได้จริงๆ ผมยังอยากให้คุณช่วยตามหาพื้นเพผมเลย”

“…”

อีกฝ่ายแสดงสีหน้าประหลาดใจกับคำตอบผม หลังจากจ้องผมอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ครุ่นคิด

“น่าสนใจ ข้าคิดว่าข้าพูดเยอะขนาดนี้ เจ้าคงไม่จำเป็นต้องหลอกข้าสินะ? แต่ในเมื่อเจ้าไม่รู้…บางทีคงเป็นปริศนา ดี สำหรับเรื่องนี้ข้าจะหาคนช่วยเจ้าตามหาตัวตน แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นข้าจะข้ามไปอีกขั้นแล้วกัน เจ้าหนุ่ม เจ้าอยากเป็นคนของจักรวรรดิเราหรือไม่?”

ได้ยินคำพูดนี้ ก็ถึงคราวที่ผมต้องตกตะลึง

“คุณหมายถึง…เปลี่ยนสัญชาติ?”

“สัญชาติ? คำนี้ใช้ได้ ไม่เลว ข้าก็หวังว่าเจ้าจะเข้าร่วมจักรวรรดิเอสของพวกเรา ถ้าเป็นเช่นนี้ การประกาศจับก็จะไม่มีผลบนแผ่นดินใหญ่ อย่างไรซะพลเมืองของจักรวรรดิหนึ่ง ก็ไม่อนุญาตให้ถูกอาณาจักรเล็กๆ อย่างเชอร์ฟานั่นประกาศจับ”

บ้าเอ๊ย จักรวรรดินี่มันสุดยอดจริงๆ หรือว่าพลเมืองจักรวรรดิสามารถไปฆ่าคนที่อาณาจักรสักสองสามคนก็ได้?

แน่นอน ผมไม่ได้ถามเรื่องมนุษยธรรม เพราะยังไงคำตอบที่ได้รับคงทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย

“ดูเหมือนผลประโยชน์ของพลเมืองจักรวรรดิจะไม่น้อยเลย แต่อันที่จริงนี่ก็ช่วยผมได้ไม่มากไม่ใช่เหรอ? เรื่องถูกประกาศจับก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว ถ้าไม่มีใครตรวจสอบตัวตนผมเป็นพิเศษ ผมก็ไม่ถูกพบไม่ใช่เหรอ?”

“ฮึ่มๆ อย่างนี้นี่เอง แต่เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อเช้าเจ้าทำอะไรไว้?”

“เมื่อเช้า…”

ผมใช้วิธีการต่อสู้ประหลาดจัดการทีมสายเพลิงที่ใช้ปลั๊กอิน…

แย่แล้ว ทำไมผมถึงลืมเรื่องนี้ไปได้

บางทีตอนนี้คนทั้งสถาบันคงกำลังตรวจสอบข้อมูลของผมแล้ว?

ดูเหมือนวันนี้ผมทำเรื่องผิดพลาดไปเยอะจริงๆ

“ก็ได้ ดูแล้วคุณคงคิดได้รอบคอบทีเดียว ยังไงผมก็ไม่มีทางหนีนี่”

“เจ้าก็ยังหนีได้ไม่ใช่หรือ?”

“ผมยังอยากเรียนให้สบาย”

“โอ้ ใช่แล้ว นี่คือสาเหตุเจ้ามาเรียนที่สถาบัน…งั้นพวกเรามาเพิ่มเงื่อนไขกันแต่ละฝ่ายเถอะ”

ตาแก่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นส่งสัญญาณให้ผมเดินเข้าไป

“เงื่อนไขของข้าคือ เจ้ากลายเป็นพลเมืองของจักรวรรดิเอส ข้าจะมอบสมญานามนักเวทอาณาจักรให้แก่เจ้า เจ้าจะกลายเป็นผู้รับใช้ของจักรวรรดิเรา และเงื่อนไขที่ข้าเพิ่มคือ ข้อมูลเวทมนตร์ของจักรวรรดิเรา เจ้าสามารถใช้ได้ตามใจ ขอแค่รับประกันว่าอย่าใช้จ่ายเงินมากเกินไปก็พอ…”

“คุณหมายความว่าผมสามารถอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ทั้งหมดในจักรวรรดิพวกคุณได้?”

“ใช่”

“ตกลง!”

“งั้นก็ตกลงตามนี้”

ได้รับฉายา พลเมืองแห่งจักรวรรดิเอส มิตรภาพกับบุคคลอื่นในจักรวรรดิเอสถูกเลื่อนเป็น เป็นมิตร โดยอัตโนมัติ

ได้รับฉายา นักเวทอาณาจักรแห่งจักรวรรดิเอส ได้รับสิทธิในการใช้ทรัพยากรเวทมนตร์ของจักรวรรดิเอส

เควสต์หลัก : แก้แค้น

สิ่งที่จะเกิดขึ้น : บทสรุปใหม่ที่อาจเป็นไปได้

เงื่อนไข : นำอาณาจักรปลดปล่อยอาณาจักรเชอร์ฟา

เปลี่ยนรางวัลจากได้รับฉายา ‘ราชา’ กลายเป็นผู้ปกครองแคว้นเชอร์ฟา รางวัลอื่นไม่เปลี่ยนแปลง

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

Status: Ongoing

ผมตื่นขึ้นมาหน้าหมู่บ้านแปลกๆ แห่งหนึ่ง ผมลองคิดว่าก่อนหน้านี้ผมทำอะไรมาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ผมกลับนึกอะไรไม่ออก นอกจากชื่อของผม “หลิน ฟีล”

ผมเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ กลับพบว่าทุกคนในหมู่บ้านมีชื่อและหลอด HP ลอยอยู่เหนือศีรษะ

เอ๊ะ…ทำไมมันเหมือนเกม RPG จัง หรือว่า…ผมจะหลุดเข้ามาในเกม RPG?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท