บทที่ 701 เด็กหญิงผมขาว

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ร่าง​ธรรม​สังสารวัฏ​ ฟื้น​จาก​ความตาย​? นี่​มัน​น่า​เหลือเชื่อ​เกินไป​กระมัง​…สวี่​ชีอัน​มอง​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​ เขา​รู้​ว่า​สำนัก​พุทธ​มีร่าง​ธรรม​ทั้ง​เก้า​ ทั้ง​ยัง​เคย​เห็น​อานุภาพ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ ความ​น่าทึ่ง​ของ​ร่าง​ธรรม​เชี่ยวชาญ​โอสถ​ ความเฉลียวฉลาด​ของ​ร่าง​ธรรม​แห่ง​ปัญญา​มาก่อน​

แต่​ร่าง​ธรรม​สังสารวัฏ​ที่อยู่​เบื้องหน้า​สามารถ​ทำให้​คนตาย​ฟื้นคืนชีพ​ได้​อย่าง​ไม่น่าเชื่อ​ ซึ่งมัน​สร้าง​ความ​ตกตะลึง​ให้​เขา​เป็น​อย่างยิ่ง​

‘กึก​ กึก​ กึก​…’

วง​ล้อ​สีทอง​หมุน​อย่าง​ช้าๆ คนตาย​ฟื้นคืนชีพ​ขึ้น​มาทีละ​คน​ พวกเขา​สังเกต​มอง​ตนเอง​และ​สภาพแวดล้อม​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​

“ข้า​ ข้า​ตาย​แล้ว​ไม่ใช่รึ​?”

“ภาพลวงตา​รึ​? ดูเหมือน​จะไม่ใช่…”

“นี่​เกิด​อะไร​ขึ้น​ อา​ซูหลัว​ผู้​สูงส่งและ​ราชา​ปีศาจ​นั่น​สิ้นชีพ​แล้ว​รึ​? ใคร​เป็น​คน​ฆ่า ใช่จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​หรือไม่​?”

เพราะ​ยัง​ไม่เข้าใจ​สถานการณ์​ มนุษย์​และ​ปีศาจ​ที่​เพิ่ง​ฟื้นคืนชีพ​จึงปฏิบัติ​ต่อกัน​ค่อนข้าง​สงบ​และ​ไม่ได้​ต่อสู้​กัน​ในทันที​ แต่​สังเกต​มอง​สภาพแวดล้อม​อย่าง​ระแวดระวัง​ พยายาม​ทำความเข้าใจ​สถานการณ์​ตรงหน้า​

หลังจากที่​สวี่​ชีอัน​สังเกต​มอง​อย่าง​เงียบๆ​ ครู่หนึ่ง​ เขา​ก็​ส่งเสียง​ไป​ยัง​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ “ใน​ดินแดน​ของ​ร่าง​ธรรม​สังสารวัฏ​ คนตาย​ทุกคน​สามารถ​ฟื้นคืนชีพ​ได้​ ยกเว้น​คน​ที่​ขวัญหาย​ไป​แล้ว​ใช่หรือไม่​?”

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​หัวเราะ​เบา​ๆ และ​กล่าวว่า​ “ความสามารถ​ใน​การ​สังเกต​ของ​เจ้าเฉียบแหลม​มาก​ สมแล้ว​ที่​เป็นยอด​นักสืบ​อัจฉริยะ​”

ชาย​น่ารังเกียจ​คน​นี้​เกือบจะ​เข้าใจ​ความสามารถ​ขั้นแรก​ของ​ร่าง​ธรรม​สังสารวัฏ​แล้ว​

“ร่าง​ธรรม​สังสารวัฏ​มีความสามารถ​หลัก​อยู่​สอง​ประการ​ สิ่งที่​เจ้าเห็น​คือ​หนึ่ง​ใน​นั้น​ ส่วน​ประการ​ที่สอง​คือ​ สามารถ​ทำให้​มนุษย์​สัมผัส​กับ​การเกิดใหม่​ได้​ใน​ช่วงเวลา​สั้น​ๆ ตอนนั้น​อา​ซูหลัว​ถูก​ท่าน​แม่ของ​ข้า​ฆ่าตาย​ เป็น​กว่าง​เสีย​น​ที่​ช่วย​ให้​เขา​กลับชาติมาเกิด​อีกครั้ง​และ​ได้​ช่วยชีวิต​เขา​ไว้​” จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​กล่าว​

สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​พลาง​มอง​ไป​รอบ​ๆ อย่าง​ระแวดระวัง​

“ดูเหมือน​ผู้​ที่มา​จะเป็น​ร่าง​อวตาร​ของ​กว่าง​เสีย​น”​

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ตอบรับ​ “อืม​” ทัั้งสองรู้อยู่แก่ใจ​โดย​ไม่ต้อง​อธิบาย​

ก่อนหน้านี้​พวกเขา​หารือ​ถึงเหตุผล​ที่​อา​ซูหลัว​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้อื่น​ด้วย​ท่าที​ที่​เมตตา​ และ​ก็​เดา​ออก​ด้วยกัน​สอง​ข้อ​คือ​ ความเห็นแก่ตัว​ของ​อา​ซูหลัว​และ​แผน​ร้าย​ของ​สำนัก​พุทธ​

มีความเป็นไป​ได้ที่​อย่าง​หลัง​จะเป็นการ​มาถึงของ​ร่าง​จริง​ของ​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​และ​พยายาม​ที่จะ​ต้ม​พวกเขา​ทั้งหมด​ใน​หม้อ​เดียวกัน​

แต่​ผู้​ที่​ออกโรง​ใน​ตอนนี้​คือ​ร่าง​อวตาร​ของ​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ เช่นนั้น​คำตอบ​ก็​ชัดเจน​แล้ว​

“อา​ซูหลัว​ต้องการ​บรรลุ​เรื่อง​บางอย่าง​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​เพื่อ​กลาย​จะเป็น​พระโพธิสัตว์​และ​เข้าสู่​ขั้น​หนึ่ง​ใช่หรือไม่​?” สวี่​ชีอัน​กล่าว​

“ไม่สามารถ​ขจัด​ร่าง​ที่​แท้จริง​ของ​กว่าง​เสีย​น​ได้​ใน​ระยะเวลา​อัน​สั้น​ เจ้าระวังตัว​หน่อย​ เห็นท่า​ไม่ดี​ก็​ทำตาม​แผน​” จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ตอบกลับ​

ในขณะที่​พูด​ พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ก็​มอง​ร่าง​และ​ศีรษะ​ของ​ราชัน​หมี​และ​อา​ซูหลัว​ด้วย​สายตา​เมตตา​

ที่นั่น​เป็น​ ‘ดินแดน​รกร้าง​’ หาก​เป็น​ผู้​ที่​เข้ามา​ใกล้​ก็​จะต้อง​ล้ม​ลง​กับ​พื้น​และ​จมสู่ห้วง​นิทรา​ทุกราย​

“ยัง​ไม่ตื่น​อีก​รึ​?” พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​นก​ล่า​ว​เสียง​เบา​

วง​ล้อ​รู​เล็ต​ส่งเสียง​ ‘ตุบ​’ ฉาย​ลำแสง​ส่อง​ไป​บน​ซาก​กระดูก​ของ​อา​ซูหลัว​และ​ราชัน​หมี​

ดวงตา​ของ​เหนือ​มนุษย์​ทั้งสอง​ค่อยๆ​ เปิด​ขึ้น​ ทั้งสอง​ยืน​ขึ้น​และ​ประคอง​ศีรษะ​ขึ้น​มา ในขณะที่​เลือดเนื้อ​กำลัง​ดิ้น​ขยุกขยิก​ ลำคอ​ก็​งอก​ยาว​ออกมา​ บาดแผล​ค่อยๆ​ ผสาน​กัน​จน​ไม่หลงเหลือ​ร่องรอย​แม้แต่น้อย​

ราชัน​หมี​หาว​ฟอด​ใหญ่​พลาง​บิด​ร่าง​ที่​อ้วนท้วน​ของ​เขา​ ก่อน​จะเดิน​เข้า​ไปหา​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​และ​สวี่​ชีอัน​

อา​ซูหลัว​เดิน​กลับ​ไป​ที่​ข้าง​กาย​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ เขา​ประสาน​สอง​มือ​เข้าด้วยกัน​พลาง​ก้ม​โค้ง​ศีรษะ​ด้วย​ความเคารพ​

ส่วน​พระอรหันต์​ตู้​เอ้อร์​อยู่​อีก​ด้าน​หนึ่ง​

“อมิตตาพุทธ​ ใน​การต่อสู้​เมื่อ​ห้า​ร้อย​ปีก่อน​ สิ่งมีชีวิต​ทั้งมวล​ถูก​ขจัด​สิ้น​ ไม่ว่า​จะเป็นแดน​ประจิม​หรือ​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​ก็​ล้วน​บาดเจ็บ​ล้มตาย​นับไม่ถ้วน​ เหตุใด​ประสก​ยัง​ต้อง​ทำสงคราม​อีก​”

พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ประสานมือ​เข้าด้วยกัน​ ดวงตา​เต็มไปด้วย​ความเมตตา​

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ยิ้ม​อย่าง​มีเสน่ห์​

“ที่​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​พูด​ก็​มีเหตุผล​ หาก​สำนัก​พุทธ​คืน​ภูเขา​สือ​ว่าน​และ​ถอนตัว​ออกจาก​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ สิ่งมีชีวิต​ทั้งมวล​ก็​จะไม่ถูก​กำจัด​อีก​อย่าง​แน่นอน​”

พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​นพ​ยัก​หน้า​อย่าง​ไม่คาดคิด​

“ข้า​สามารถ​ตัดสินใจ​ได้​ ข้า​จะคืน​อาณา​เขตภูเขา​สือ​ว่าน​ครึ่งหนึ่ง​และ​ใช้เขา​หมื่น​ปีศาจ​เป็น​อาณาเขต​ เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​อยู่​ทาง​ทิศตะวันออก​ สำนัก​พุทธ​อยู่​ทาง​ทิศตะวันตก​”

หลังจาก​หยุด​ชั่วครู่​ เขา​ก็​กล่าว​เพิ่มเติม​ว่า​ “นี่​คือ​การ​ยอม​อ่อนข้อ​ครั้ง​ใหญ่​ที่สุด​เท่าที่​สำนัก​พุทธ​จะทำได้​ ข้า​สาบาน​ต่อ​สวรรค์​ได้​ ว่า​จะไม่ผิดคำพูด​อย่าง​แน่นอน​ พื้น​ที่ทาง​ตะวันออก​ของ​ภูเขา​สือ​ว่าน​นั้น​กว้างใหญ่​พอที่จะ​รองรับ​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​ใน​ตอนนี้​”

คำพูด​ของ​เขา​ดูเหมือน​จะมีพลัง​ทำให้​คน​ศรัทธา​และ​เชื่อถือ​ เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​ที่อยู่​รอบ​ๆได้ยิน​แล้วก็​เผย​ท่าที​แห่ง​ความยินดี​ออกมา​ ด้วย​ความคิด​ว่า​ข้อเสนอ​ของ​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​นั้น​ยอดเยี่ยม​มาก​ เช่นนี้​จะสามารถ​หลีกเลี่ยง​การตาย​ใน​สงคราม​ของ​สมาชิก​ใน​เผ่า​ และ​พื้นที่​ทั้ง​กว้างใหญ่​และ​อุดมสมบูรณ์​พอให้​อยู่อาศัย​

“ไม่!” ราชัน​หมี​ส่าย​ศีรษะ​และ​กล่าว​ช้าๆ ว่า​ “ข้า​ ข้า​ไม่เห็นด้วย​…”

พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ใน​รูปลักษณ์​ภิกษุ​หนุ่ม​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​และ​สีหน้า​สงบ​ “ประสก​มีความเห็น​อย่างไร​”

ราชัน​หมี​สบถ​เล็กน้อย​และ​กล่าว​ช้าๆ ว่า​ “ข้า​อยาก​เสนอ​ข้อเรียกร้อง​ที่​อาจ​ทำให้​ลำบากใจ​…ไม้ไผ่​ทางเหนือ​นั้น​มีน้อย​มาก​ ข้า​ไม่ชอบ​…ข้า​อยากได้​ป่าไผ่​สามพัน​ไร่​ทาง​ด้าน​ตะวันตกเฉียงใต้​ สถานที่​ที่​มีภูมิศาสตร์​เหนือกว่า​เช่นนี้​ หาก​สำนัก​พุทธ​ของ​เจ้าเต็มใจ​ที่จะ​ยก​ให้​ ข้า​ก็​จะเชื่อ​ใน​ความจริงใจ​ของ​พวก​เจ้า…”

พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​นพ​ยัก​หน้า​กล่าว​ “ได้​!”

ดวงตา​ของ​ราชัน​หมี​เบิก​กว้าง​ในทันที​ ไม่น่าเชื่อ​ว่า​สำนัก​พุทธ​จะเห็นด้วย​กับ​คำขอ​ที่​มากเกินไป​เช่นนี้​ และ​ยัง​เต็มใจ​ที่จะ​ยก​ดินแดน​อัน​มีค่า​อย่าง​ป่าไผ่​สามพัน​ไร่​ให้​เขา​อีก​ ช่างบริสุทธิ์ใจ​จริงๆ​

สวี่​ชีอัน​แอบ​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​

จุดประสงค์​ใน​การเคลื่อนไหว​ของ​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​คือ​สร้าง​ความมั่นคง​ให้​กับ​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​ เพื่อให้​พวกเขา​สามารถ​ระดม​กองกำลัง​ทหาร​ไป​ยัง​ที่ราบ​กลาง​ได้​และ​ช่วย​ให้​กอง​กบฏ​อวิ๋น​โจว​โค่นล้ม​ต้าฟ่ง​ เพียงแค่​ยอม​สละ​พื้น​ที่ทาง​ตะวันออก​ของ​เขา​หมื่น​ปีศาจ​เท่านั้น​ แต่​สำนัก​พุทธ​ก็​ยังคง​ครอบครอง​ภูเขา​สือ​ว่าน​ทาง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​โดยที่​โชคชะตา​ไม่ได้รับ​ความเสียหาย​

ไม่ต่าง​อะไร​กับ​การลงทุน​น้อยที่สุด​เพื่อ​แลก​กับ​กำไร​ก้อน​โต​

แต่​เขา​กลับ​ไม่กังวล​ว่า​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​จะประนีประนอม​เพื่อ​แสวงหา​ความปรองดอง​ หาก​นาง​ถูก​ ‘โน้มน้าว​’ ได้​อย่าง​ง่ายดาย​เช่นนี้​ นาง​ก็​คง​ไม่สามารถ​อดกลั้น​ได้​ถึงห้า​ร้อย​ปี​

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ยิ้ม​ตาหยี​และ​กล่าวว่า​ “ยึด​บ้าน​ข้า​ ฆ่าคนใน​เผ่า​ของ​ข้า​ ทำทาน​โดย​การ​มอบ​ดินแดน​เผ่า​ปีศาจ​ให้​พวกเรา​ นี่​สำนัก​พุทธ​คิด​ว่า​สายเลือด​ปีศาจ​ตอน​ใต้​อย่าง​ข้า​เป็น​ขอทาน​งั้น​รึ​?”

ที่​มุมปาก​ของ​นาง​ยก​ยิ้ม​ แต่กลับ​ไม่มีเสี้ยว​ของ​รอยยิ้ม​ใน​ดวงตา​แม้แต่น้อย​

สวี่​ชีอัน​จึงฉวยโอกาส​นี้​ใน​การใช้งาน​ความสามารถ​ ‘จิต​ร่วม​’ ของ​ซิน​กู่​ ซึ่งส่งผลกระทบ​ต่อ​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​ที่อยู่​โดยรอบ​

ทันใดนั้น​ ความเกลียดชัง​ทั้ง​เก่า​และ​ใหม่​ก็​พลุ่งพล่าน​อย่าง​ไม่มีที่​สิ้นสุด​ เผ่า​ปีศาจ​ถูก​ปลุก​จิตวิญญาณ​แห่ง​การต่อสู้​และ​ความโกรธ​ขึ้น​อีกครั้ง​ และ​รู้สึก​ละอาย​กับ​ใจที่​อ่อนระทวย​ของ​ตนเอง​ก่อนหน้านี้​

พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ถอนหายใจ​ เขา​ยังคง​สงบนิ่ง​และ​ไม่โกรธ​ แต่​ก็​ไม่ได้​พยายาม​พูด​เกลี้ยกล่อม​จิ้งจอก​เก้า​หาง​อีกต่อไป​ และ​หันไป​มอง​สวี่​ชีอัน​ “พุทธ​บุตร​ ข้า​เชิญเจ้าเข้าสู่​ร่ม​กาสาวพัสตร์​ มิใช่เพราะ​ละโมบ​ใน​โชค​ของ​เจ้า เจ้าสามารถ​ไข​นิกาย​มหายาน​ได้​และ​เป็น​คน​ที่​มีบุญวาสนา​กับ​พุทธะ​ สำนัก​ปลูกฝัง​ผู้​ตรัสรู้​ธรรม​ที่​แท้จริง​ การตรัสรู้​ธรรม​ที่​แท้จริง​ไม่ได้​เป็น​เพียง​ตัวแทน​ของ​พลัง​ แต่​ยัง​เป็น​จิตวิญญาณ​ที่​สดชื่น​ เป็น​ความเมตตา​ ใน​สายตา​ของ​ข้า​ เจ้าเป็น​บุคคล​ที่​เทียบ​ได้​กับ​พระพุทธเจ้า​ หาก​เจ้าเต็มใจ​เปลี่ยน​มาพึ่ง​สำนัก​พุทธ​ นำพา​ชาวพุทธ​ใน​โลก​หล้า​ให้​ตระหนัก​รู้​ใน​นิกาย​มหายาน​ ข้า​ก็​สามารถ​ช่วย​เจ้าถอน​ชะตา​บ้านเมือง​ได้​ ด้วย​วิธี​นี้​ ต่อให้​ทำลาย​ต้าฟ่ง​ เจ้าก็​ยัง​ไม่ตาย​”

ความขัดแย้ง​ที่​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​ระหว่าง​สวี่​ชีอัน​และ​สำนัก​พุทธ​อยู่​ที่​สำนัก​พุทธ​อยาก​ช่วย​กลุ่ม​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ใน​การ​ทำลาย​ต้าฟ่ง​ เช่นนั้น​เขา​ที่​แบกรับ​ชะตา​บ้านเมือง​อยู่​ครึ่งหนึ่ง​ก็​ต้อง​สละ​ชีวิต​เพื่อ​ประเทศชาติ​

สวี่​ชีอัน​ร่วมมือ​กับ​เผ่า​ปีศาจ​ เผ่า​กู่​ ทุกสิ่ง​ที่​เขา​ทำ​ก็​เพื่อ​ปกป้อง​ตนเอง​ก่อน​ หลังจากนั้น​ค่อย​แก้แค้น​

การ​มีชีวิต​อยู่​เป็น​ความปรารถนา​โดยสัญชาตญาณ​ของ​มนุษย์​ มีศีลธรรม​นับ​หมื่น​ใน​โลก​แต่​การ​รอดชีวิต​เป็น​ศีลธรรม​ที่​ชอบธรรม​ที่สุด​

สำหรับ​การแก้แค้น​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​การแก้แค้น​สวี่​ผิง​เฟิง

ที่นี่​มีทั้ง​ความแค้น​ส่วนตัว​และ​ความเกลียดชัง​ของ​ผู้​คนใน​ที่ราบ​กลาง​

หาก​ไม่ใช่เพราะ​สวี่​ผิง​เฟิงขโมย​ชะตา​บ้านเมือง​เพราะ​ความเห็นแก่ตัว​ ยี่สิบ​ปี​มานี้​ ต้าฟ่ง​ก็​คง​ไม่ต้อง​เผชิญ​กับ​ภัยธรรมชาติ​หรือ​ภัยพิบัติ​ที่เกิด​จาก​การกระทําของ​มนุษย์​

หาก​ไม่ใช่เพราะ​สวี่​ผิง​เฟิงที่​เปิดฉาก​การกบฏ​เพราะ​ความเห็นแก่ตัว​ ชิงโจว​ก็​คง​ไม่ต้อง​รบ​จน​มีคนตาย​จำนวนมาก​และ​เดือดร้อน​ไป​ทั่ว​ทุกหย่อมหญ้า​

“เช่นนั้น​ข้า​ต้อง​ขอบคุณ​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ที่​ช่วยชีวิต​ข้า​งั้น​รึ​?”

สวี่​ชีอัน​กระตุก​ยิ้ม​เย้ยหยัน​ “สำนัก​พุทธ​ของ​พวก​ท่าน​ต้องการ​ทำลาย​ต้าฟ่ง​และ​ครอบครอง​ดินแดน​ที่ราบ​กลาง​ ข้า​ต้อง​หลีก​ทางโลก​เข้าสู่​ประตู​พุทธ​ ละทิ้ง​ครอบครัว​และ​คนรัก​ ละทิ้ง​ผู้​คนใน​ที่ราบ​กลาง​ที่​ไว้ใจ​ข้า​ กลายเป็น​พุทธ​บุตร​ของ​สำนัก​พุทธ​ สนับสนุน​ให้​สำนัก​พุทธ​เจริญรุ่งเรือง​สืบไป​ หาก​ข้า​ไม่ยอม​ก็​ต้อง​สละชีพเพื่อชาติ​ ใน​สายตา​ของ​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ ข้า​เป็น​เพียง​คนอ่อนแอ​ไร้​ที่พึ่ง​ ดังนั้น​จึงไม่มีสิทธิ์​เลือก​ หาก​ท่าน​ชื่นชม​ข้า​จริงๆ​ เพื่อ​ข้า​แล้ว​ ทำไม​ถึงไม่เลิก​นับถือ​นิกาย​เถรวาท​ที่​นำ​โดย​เจีย​หลัว​ซู่และ​หันมา​เป็น​คน​ของ​ต้าฟ่ง​ ช่วย​ต้าฟ่ง​ปราบ​กบฏ​ ฆ้อง​เงิน​อย่าง​ข้า​ให้​คำมั่น​ว่า​หลังจาก​ใต้​หล้า​สงบสุข​ นิกาย​มหายาน​จะรุ่งเรือง​ไป​ทุกหนทุกแห่ง​ใน​ที่ราบลุ่ม​กลาง​”

พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​นก​ล่า​วอ​ย่าง​สงบ​ว่า​ “ข้า​ได้​พิจารณา​แล้ว​”

สวี่​ชีอัน​หยุดชะงัก​ชั่วครู่​และ​สงสัย​ว่า​ตนเอง​ฟังผิด​ไป​แล้ว​

พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​นก​ล่า​ว​ต่อไป​ราวกับ​ไม่มีใคร​อยู่​ “ความ​แข็งแกร่ง​ของ​ต้าฟ่ง​นั้น​ต่าง​กับ​สำนัก​พุทธ​ราว​ฟ้ากับ​ดิน​ ถึงแม้ข้า​จะละทิ้ง​สถานะ​ของ​ตนเอง​เพียง​เพื่อ​ต้องการ​เผยแพร่​นิกาย​มหายาน​ ข้า​ก็​ควร​เลือก​แดน​ประจิม​ที่​แข็งแกร่ง​กว่า​เป็น​รากฐาน​สำคัญ​ และ​ดินแดน​พุทธ​ก็​มีอยู่​ทั่ว​ทุกที่​ใน​แดน​ประจิม​ ย่อม​เป็นการ​ง่าย​กว่า​ที่จะ​ยอมรับ​นิกาย​มหายาน​ แล้ว​เหตุใด​ข้า​ต้อง​เลือก​ต้าฟ่ง​เล่า​?”

เขา​กำลัง​บอก​ข้า​ว่า​ต้าฟ่ง​ไม่แข็งแกร่ง​พอ​ และ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​ข้า​ก็​ใช้ไม่ได้​ ดังนั้น​เขา​จึงเลือก​สำนัก​พุทธ​แทนที่จะ​เลือก​ข้า​ เป็นความ​ตรงไปตรงมา​ที่​น่า​เหลือเชื่อ​อย่างยิ่ง​…สวี่​ชีอัน​ครุ่นคิด​ครู่หนึ่ง​และ​กล่าวว่า​ “พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ถอน​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​ตัว​สุดท้าย​ให้​ข้า​ได้​หรือไม่​?”

พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ส่าย​ศีรษะ​ “ข้า​ไม่ทำ​เรื่อง​ที่จะ​ทิ้ง​ปัญหา​ไว้​ในอนาคต​ นอกจาก​เจ้าจะเข้าสู่​ร่ม​กาสาวพัสตร์​ของ​สำนัก​พุทธ​”

ตรงไปตรงมา​เกินไป​หน่อย​กระมัง​…หัวใจ​ของ​สวี่​ชีอัน​กระตุก​วูบ​ เขา​ถามว่า​ “ตอนที่​สำนัก​พุทธ​ช่วย​จักรพรรดิ​อู่​จงก่อ​กบฏ​ พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​ได้​เข้าร่วม​หรือไม่​?”

กว่าง​เสีย​นพ​ยัก​หน้า​กล่าว​ “ข้า​เกือบจะ​ถูก​โหราจารย์​รุ่น​ที่หนึ่ง​ส่งไป​เกิด​ใหม่​”

ตรงไปตรงมา​เหมือนเคย​

โหร​ขั้น​หนึ่ง​สามารถ​รบ​ได้​หลากหลาย​ขั้น​ใน​ดินแดน​ของ​ตนเอง​ ความ​แข็งแกร่ง​ของ​โหราจารย์​รุ่น​ปัจจุบัน​ย่อม​ไม่ดี​เท่า​รุ่น​แรก​อย่าง​แน่​นอ​น.​..สวี่​ชีอัน​ถามว่า​ “พวก​ท่าน​ฆ่าโหราจารย์​รุ่น​แรก​ได้​อย่างไร​”

เวลา​เดียว​กับ​ที่​ถามคำถาม​ เขา​ก็​ควบคุม​เจดีย์​พุทธะ​ เพื่อให้​ออ​ร่า​ของ​ร่าง​ธรรม​เชี่ยวชาญ​โอสถ​เปล่งแสง​ออกมา​ ซ่อมแซม​อาการ​บาดเจ็บ​ของ​ราชัน​หมี​และ​ฟื้นฟู​พลังงาน​ที่​อ่อนล้า​ของ​มัน​

พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​นก​ล่า​ว​ว่า​ “เหมือนกับ​ที่​เป็นอยู่​ทุกวันนี้​ทุก​ประการ​ อู่​จงเริ่ม​สร้างเรื่อง​ทาง​ด้าน​ตะวันออก​และ​รบ​ไป​ตลอดทั้ง​ทาง​จนถึง​เมืองหลวง​ ภิกษุ​สำนัก​พุทธ​ที่​เข้าร่วม​สงคราม​รุกคืบ​จาก​แนวรบ​ด้าน​ตะวันตก​ จนกระทั่ง​ทั้งสองฝ่าย​เข้าร่วม​กองกำลัง​กันที่​เมืองหลวง​ โหราจารย์​รุ่น​แรก​อ่อนแอ​ลง​ทีละขั้น​จนกระทั่ง​ถูก​ฆ่าตาย​ สิ่งที่​แตกต่าง​จาก​ตอนนี้​ก็​คือ​ ใน​ช่วงแรก​ของ​เหตุการณ์​ ความ​แข็งแกร่ง​ของ​โหราจารย์​รุ่น​ปัจจุบัน​แย่​กว่า​รุ่น​แรก​มาก​ การ​เตรียมตัว​ของ​อู่​จงไม่ได้​แยบยล​เหมือน​สวี่​ผิง​เฟิง”

ดังนั้น​พระโพธิสัตว์​ขั้น​หนึ่ง​จำนวนมาก​จึงจำเป็นต้อง​ออกมา​แทรกแซง​ใน​ตอนนั้น​…สวี่​ชีอัน​ขมวดคิ้ว​ “โหราจารย์​รุ่น​แรก​มีการวางแผน​อย่างไร​?”

พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​เงียบ​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​จะกล่าว​ช้าๆ ว่า​ “ไม่มี! หาก​พูดถึง​สติปัญญา​ โหราจารย์​รุ่น​แรก​มีน้อยกว่า​โหราจารย์​รุ่น​ปัจจุบัน​มาก​ ใน​ตอนต้น​ของ​เหตุการณ์​ ราชสำนัก​ต้าฟ่ง​ตอบโต้​อย่าง​กะทันหัน​มาก​และ​ถูก​โจมตี​อย่าง​ไม่ทัน​ตั้งตัว​”

ถูก​โจมตี​อย่าง​ไม่ทัน​ตั้งตัว​? เจ้ากำลัง​ล้อเล่น​แล้ว​กระมัง​ นั่น​คือ​ปรมาจารย์​ลิขิต​ฟ้าเชียว​นะ​…สวี่​ชีอัน​ยก​สอง​มือขึ้น​มาประสานกัน​และ​กล่าวว่า​ “ขอบคุณ​ที่​ทำให้​กระจ่าง​”

เขา​ระงับ​ความสงสัย​ทั้งหมด​ใน​ใจลง​อย่าง​รวดเร็ว​ รวบรวม​สติ​และ​กลับ​สู่สถานะ​พร้อม​ต่อสู้​

“ไม่เป็นไร​ เพราะ​ข้า​เอง​ก็​ต้อง​ถ่วงเวลา​เช่นกัน​”

พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​นก​ล่า​วอ​ย่าง​ใจเย็น​

หลังจาก​สิ้น​ประโยค​ วง​ล้อ​ที่​เคย​มืด​สลัว​ก็​เปล่งแสง​สีทอง​อีกครั้ง​ คำ​ว่า​ ‘สัตว์เดรัจฉาน​’ บน​แท่น​หมุน​เรืองแสง​ขึ้น​ ลำแสง​ถูก​ยิง​ออก​ไป​และ​พุ่งตรง​ไป​ยัง​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​

หลังจากนั้น​ คำ​ว่า​ ‘มนุษย์​’ ก็​เรืองแสง​ขึ้น​ ลำแสง​ถูก​ยิง​ออกมา​เช่นเดียวกัน​และ​ตรง​มายัง​ร่าง​ของ​สวี่​ชีอัน​

ในที่สุด​สวี่​ชีอัน​ก็​เข้าใจ​เหตุผล​ว่า​ทำไม​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ถึงไม่หลบ​ลำแสง​นั้น​ เพราะ​ในขณะที่​ลำแสง​สีทอง​ส่อง​เข้า​มาหา​ตนเอง​ เขา​ก็​ได้รับ​ผลกระทบ​จาก​พลัง​ทรง​ศีล​ ทำให้​เขา​สูญเสีย​ความคิด​ที่จะ​ ‘หลีกเลี่ยง​’ ไป​ในทันที​

ต้อง​ไม่เป็นอะไร​…ใน​เวลา​เดียว​กับ​ที่​ความคิด​นี้​แล่น​อยู่​ใน​สมอง​ของ​สวี่​ชีอัน​ เขา​ก็​เห็น​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ที่อยู่​ข้างๆ​ เริ่ม​ตัวเล็ก​ลง​อย่าง​กะทันหัน​ หน้าอก​อัน​อวบ​อิ่ม​ที่​ถูก​ปกคลุม​ด้วย​หนัง​สัตว์​หด​ลง​ด้วย​ความเร็ว​ที่​มองเห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า​

หน้าอก​ที่​เคย​อวบ​อิ่ม​ไม่มีอีกแล้ว​

ใน​พริบตาเดียว​ จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ก็​เปลี่ยน​จาก​หญิงสาว​สูงเพรียว​ที่​มีผม​สีเงิน​และ​หู​จิ้งจอก​ไป​เป็น​เด็ก​ผม​ขาว​ที่​มีอายุ​เพียง​สิบสอง​หรือ​สิบ​สามปี​

ผิวขาว​น่ารัก​ บริสุทธิ์​และ​สวย​พราว​ไป​ด้วย​เสน่ห์​

“เจ้า…”

สวี่​ชีอัน​โพล่ง​ออกมา​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​ ก่อน​จะค้นพบ​ในทันที​ว่า​ความสูง​ของ​ตนเอง​ใน​ตอนนี้​ไม่ต่าง​อะไร​กับ​เด็กหญิง​ผม​ขาว​

เขา​มอง​ไป​รอบ​ๆ ตัวเอง​ด้วย​สีหน้าที่​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​ เสื้อผ้า​ที่​เคย​พอดี​กับ​ร่างกาย​ก็​กลายเป็น​ทั้ง​โคร่ง​และ​หลวม​ กางเกง​ก็​หลวม​ราวกับ​เด็กชาย​ที่​สวม​เสื้อผ้า​ของ​ผู้ใหญ่​

ข้า​ก็​กลายเป็น​เด็ก​เหมือนกัน​ พลัง​ปราณ​และ​ความ​แข็งแกร่ง​ก็​อ่อนแอ​ลง​ แต่​ก็​ไม่นับว่า​ร้ายแรง​…เขา​ตระหนัก​รู้​ใน​ความสามารถ​อัน​ยิ่งใหญ่​ประการ​ที่สอง​ของ​ร่าง​ธรรม​สังสารวัฏ​ในทันที​

อา​ซูหลัว​ฉวยโอกาส​นี้​ทรุด​เข่า​ลง​เล็กน้อย​ ในขณะที่​พื้น​ยุบ​ดัง​ ‘ปัง​’ ก็​เป็นเวลา​เดียว​กับ​ที่​กระสุน​ปืนใหญ่​ยิง​ตรง​ไป​ยัง​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​

‘ปัง​!’

ราชัน​หมี​ยิง​กระสุน​ปืนใหญ่​ออก​ไป​เช่นเดียวกัน​เพื่อ​สกัดกั้น​อา​ซูหลัว​

อา​ซูหลัว​หยุด​การกระทำ​ลง​อย่าง​กะทันหัน​ เข่า​ทั้งสอง​ข้าง​จมลง​เล็กน้อย​และ​ก้ม​ศีรษะ​ลง​เพื่อ​หลีกเลี่ยง​การ​โจมตี​ของ​ราชัน​หมี​

ทันทีที่​ตวัด​ไป​ด้านหลัง​ กำปั้น​ทั้งสอง​กลาย​เป็นเงา​พราง​ โจมตี​ไป​ที่​หน้าอก​ของ​ราชัน​หมี​

‘ตุบ​ ตุบ​ ตุบ​’…ชั่วพริบตาเดียว​ หมัด​นับ​สิบ​นับ​ร้อย​ก็​ต่อย​ลง​ไป​ที่​หน้าอก​ของ​ราชัน​หมี​จน​เลือด​เปรอะเปื้อน​ ระลอกคลื่น​พลัง​ปราณ​พัดพา​ลมกระโชก​อย่าง​รุนแรง​

หาง​จิ้งจอก​พุ่ง​เข้ามา​โอบรัด​ราชัน​หมี​และ​เหวี่ยง​ไป​ด้านหลัง​ เพื่อให้​มัน​ได้​หลบหลีก​จาก​การต่อย​รัว​ของ​อา​ซูหลัว​

หนึ่ง​ใน​หาง​ของ​จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​สว่าง​ขึ้น​ จากนั้น​ก็​เริ่ม​หดตัว​ลง​จน​กลายเป็น​หาง​สั้น​กุด​

ชิงจีที่อยู่​ใน​ระยะไกล​ส่งเสียงคราง​ต่ำ​ ร่าง​ที่สูง​เพรียว​ก็​หดตัว​ลง​อย่าง​รวดเร็ว​ กลายเป็น​เด็ก​อายุ​สิบสอง​หรือ​สิบ​สามปี​

จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ฟื้นตัว​เป็น​หญิงสาว​ผม​สีเงิน​ผู้ทรง​เสน่ห์​อีกครั้ง​

“เจ้ายังคง​น่ารัก​มาก​” นาง​หันไป​มอง​สวี่​ชีอัน​และ​กล่าว​พร้อมกับ​หัวเราะ​คิกคัก​

สวี่​ชีอัน​ “…”

หลังจาก​หัวเราะ​สวี่​ชีอัน​แล้ว​ จิ้งจอก​สวรรค์​เก้า​หาง​ก็​แหงนหน้า​ขึ้นไป​มอง​บน​ฟ้าด้วย​ความประหลาดใจ​อย่าง​มาก​

เสียง​อัน​โหยหวน​สะท้อน​ระหว่าง​ท้องฟ้า​และ​พื้นดิน​ แพร่กระจาย​ออก​ไป​ไกล​

ทันใดนั้น​ ก็​มีร่าง​หนึ่ง​ตกลง​มาจาก​ฟากฟ้า​ดัง​ตูม​

นี่​คือ​ร่างกาย​ที่​ขาดวิ่น​ มือขวา​และ​ศีรษะ​ขาดหาย​ไป​ ผิวดำ​สนิท​ ผิวหนัง​ทุก​ตารางนิ้ว​และ​เลือดเนื้อ​ทุก​หยด​ล้วน​แฝงไป​ด้วย​พลัง​ยิ่งใหญ่​มหาศาล​

ลมปราณ​อัน​แข็งแกร่ง​และ​น่าสะพรึงกลัว​ปกคลุม​ไป​ทั่ว​ทุก​พื้นที่​

มัน​ทำให้​ทหาร​ธรรมดา​และ​ปีศาจ​น้อย​ตัวสั่น​ขวัญ​ผวา​ และ​รู้สึก​ราวกับ​วิญญาณ​ของ​พวกเขา​กำลัง​แตกสลาย​ อารมณ์​คลุ้มคลั่ง​และ​ต้องการ​ที่จะ​ทำลาย​ทุกสิ่ง​รวมถึง​ตัว​พวกเขา​เอง​ด้วย​

“เสิน​ซู…”

สีหน้า​ของ​พระโพธิสัตว์​กว่าง​เสีย​น​เต็มไปด้วย​ความเคร่งเครียด​

…………………………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท