บทที่ 719 ประลองหมาก

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

“ไม่รู้​ว่า​เสบียง​จะไป​ถึงเมื่อใด​ เสบียง​ของ​อำเภอ​ซงซาน​อยู่​ได้​นาน​สุด​สิบ​วัน​ นี่​เป็น​สถานการณ์​ที่​กองทัพ​ป้องกัน​เมือง​รัดเข็มขัด​แน่น​ และ​นักรบ​เผ่า​ลี่​กู่​แทะ​ขนม​วอ​วอ​โถว​แล้ว​…”

ขณะที่​ฟังโม่ซางกับ​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางคุยโว​โอ้อวด​และ​หารือ​กัน​ว่า​จะสอบ​จอหงวน​หลัง​เสร็จ​ศึก​ได้​อย่างไร​นั้น​ ใน​ใจสวี่เอ้อร์​หลา​งก​ลับ​คิดถึง​ปัญหา​เรื่อง​เสบียง​

กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ของ​นักรบ​เผ่า​ลี่​กู่​และ​เผ่า​ซิน​กู่​กิน​จน​อำเภอ​ซงซาน​พังทลาย​แล้ว​

อสูร​เหิน​เวหา​ไม่ต้อง​พูดถึง​ ร่างกาย​ของ​พวก​มัน​มีขนาดใหญ่​ กระเพาะ​ก็​เลย​ใหญ่​ตาม​ พอ​จะเข้าใจ​ได้​ แต่​คน​เผ่า​ลี่​กู่​ทำให้​บรรดา​กองทัพ​ป้องกัน​อำเภอ​ซงซาน​ ‘ตื่น​ตะลึง​ไป​จนถึง​เทพ​สวรรค์​’

เวลา​ที่​เหล่า​กองทัพ​ป้องกัน​เมือง​กินข้าว​ สิ่งที่​ถือ​อยู่​ใน​มือ​คือ​ถ้วย​ เวลา​ที่​เผ่า​ลี่​กู่​กิน​ข้าวต้อง​มีถังข้าว​วาง​อยู่​ข้าง​ตัว​

เวลา​ทำศึก​ เหล่า​ทหาร​ป้องกัน​เมือง​จะกินข้าว​วัน​ละ​สามมื้อ​ เวลา​ปกติ​กิน​สอง​มื้อ​

นักรบ​ของ​เผ่า​ลี่​กู่​กินข้าว​วัน​ละ​สี่มื้อ​ ยาม​ศึก​กินข้าว​ห้า​มื้อ​

สวี่เอ้อร์​หลา​งเตรียม​ใจมาแต่แรก​แล้ว​ อย่างไร​ซะลี่​น่า​กับ​ห​ลิง​อิน​ทั้งสอง​คน​ก็​กิน​จน​น่าหวาดกลัว​ และ​ตอนนี้​ตระกูล​สวี่​ก็​ร่ำรวย​มาก​

นับประสาอะไร​กับ​นักรบ​เผ่า​ลี่​กู่​สี่ร้อย​คน​

แต่​สวี่เอ้อร์​หลา​งยังคง​ประเมิน​ปริมาณ​การ​กิน​ข้าวของ​นักรบ​เผ่า​ลี่​กู่​ต่ำ​เกินไป​ ที่​เขา​ใช้ปริมาณ​การ​กิน​ข้าวของ​ลี่​น่า​กับ​ห​ลิง​อิน​มาเป็น​ข้อมูล​ประกอบ​การพิจารณา​สภาพการณ์​นั้น​ มัน​ไม่แม่นยำ​

เพราะ​น้องสาว​ที่​โง่เขลา​กับ​อาจารย์​ที่​โง่เขลา​ของ​นาง​ ปกติ​แล้​วจะ​หัวเราะ​เอิ้ก​อ้า​ก​ ไม่มีการ​ใช้พลังงาน​

แล้​วจะ​เปรียบเทียบ​กับ​นักรบ​ที่​เหี้ยมโหด​ได้​อย่างไร​

“แค่​ได้​เสบียง​มาเสริม​ ข้า​ก็​สามารถ​รักษา​อำเภอ​ซงซาน​ไว้​ได้​ตลอดไป​” สวี่​ซินเหนียน​พูด​ใน​ใจ

ปืนใหญ่​และ​หน้าไม้​ของ​ต้าฟ่ง​รับผิดชอบ​การ​ยิง​แรง​ระเบิด​ กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ของ​เผ่า​ซิน​กู่​ซัด​เหวี่ยง​การโจมตีทางอากาศ​ คน​ของ​เผ่า​ซือ​กู่​ควบคุม​ทหาร​เดนตาย​ที่​ไม่กลัว​ความตาย​ คน​ของ​เผ่า​อั้น​กู่​รับผิดชอบ​ใน​การลอบสังหาร​

เผ่า​ลี่​กู่​รับผิดชอบ​กวาดล้าง​ข้าศึก​ที่​ปีน​ขึ้น​กำแพง​

ประกอบ​กับ​ความสามารถ​ใน​การ​บัญชา​การ​สวี่เอ้อร์​หลา​ง ทำให้​คุ้มกัน​อำเภอ​ซงซาน​ได้​อย่าง​แข็งแกร่ง​ประดุจดัง​โลหะ​

ขณะนี้​ทหาร​กบฏ​ที่อยู่​นอกเมือง​ กองกำลัง​ทหาร​เกรียงไกร​เก้า​พัน​นาย​ และ​ทหาร​จับฉ่าย​ได้​ปรับเปลี่ยน​กลยุทธ์​จาก​การ​โจมตี​เป็น​ปิดล้อม​ พยายาม​ทำให้​อำเภอ​ซงซาน​กลายเป็น​หว่าน​จวิ้น​แห่ง​ที่สอง​

ที่​คู่ควร​แก่​การ​กล่าวถึง​ก็​คือ​ ทหาร​จับฉ่าย​เป็น​ทหาร​บ้าน​ที่​ประกอบด้วย​ประชาชน​ ประกอบด้วย​ผู้ลี้ภัย​และ​คนหนุ่ม​ที่​ถูก​บังคับ​ให้​เป็น​ทหาร​ หัวหน้า​คือ​คนใน​ยุทธ​ภพ​ที่​ทหาร​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ดึง​ตัว​มา

“ครั้งก่อน​ได้ยิน​เอ้อร์​หลา​งบ​อก​ว่า​ เพียงแค่​พ้น​เทศกาล​ไหว้​วสันต์​ไป​ สถานการณ์​ของ​ชิงโจว​ก็​จะดีขึ้น​แล้ว​ไม่ใช่หรือ​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางใช้หนึ่ง​จิต​สอง​พลัง​ เล่น​หมากล้อม​ไป​พลาง​พูดคุย​ไป​พลาง​ และ​คิด​ว่า​ตนเอง​เป็น​ผู้​มีพรสวรรค์​จริงๆ​

“สถานการณ์​ทั่ว​ทั้ง​ที่ราบ​กลาง​ดีขึ้น​ต่างหาก​ ภัย​หนาว​คือ​สาเหตุ​หลัก​ รอง​ลงมา​คือ​ขาดแคลน​เสบียง​ ถึงทำให้เกิด​สถานการณ์​วุ่นวาย​เช่น​ทุกวันนี้​ พอ​เริ่ม​ฤดูใบไม้ผลิ​ ประการ​แรก​คือ​ความ​หนาว​ไม่อาจ​คุกคาม​ประชาชน​ได้​อีก​”

สวี่ฉือจิ้ว​ถือ​ตำรา​อยู่​ เขา​วาง​ขนม​วอ​วอ​โถว​ที่​กิน​ไป​ครึ่งหนึ่ง​ไว้​บน​โต๊ะ​ กิน​แบบ​ประหยัด​หน่อย​ และ​กล่าว​ขึ้น​มา

“ประการ​ที่สอง​ ทำการ​เพาะปลูก​คือ​ความสามารถ​ของ​ประชาชน​ ทำการ​เพาะปลูก​ฤดูใบไม้ผลิ​ ฤดูใบไม้ร่วง​ถึงเก็บเกี่ยว​ได้​ ผู้ลี้ภัย​ส่วนมาก​เลือก​ที่จะ​หยิบ​จอบ​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ แค่​ราชสำนัก​จัดสรร​ที่ดิน​รกร้าง​เหล่านั้น​ใหม่​ ก็​สามารถ​แก้ไขปัญหา​ผู้ลี้ภัย​ส่วนมาก​ได้​ แต่​พอ​ถึงเวลา​นั้น​จะต้อง​มีตระกูล​ผู้ดี​และ​คหบดี​ใน​ชนบท​จำนวนมาก​ฉวยโอกาส​ผนวก​เอา​ที่ดิน​มาเป็น​ของ​ตน​ ไม่เหลือ​ทางรอด​ไว้​ให้​ประชาชน​ ต้อง​ดู​ว่า​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งจะมีความ​เด็ดขาด​มาก​พอ​หรือไม่​”

กล่าว​มาถึงจุด​นี้​ เขา​ก็​ขมวดคิ้ว​ที่​ประณีต​งดงาม​ของ​ตัวเอง​ จักรพรรดิ​ใหม่​องค์​นั้น​ดี​พร้อม​ทุกอย่าง​ ขาด​แค่​ความ​เด็ดขาด​ พอที่จะ​อนุรักษ์​อะไร​เดิม​ๆ ไว้​ได้​

แต่​ทำการ​ใหญ่​ไม่อาจ​คาดหวัง​ได้​

หาก​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งทำตาม​กลยุทธ์​ของ​เขา​ แอบ​ ‘ทำลาย​’ คหบดี​ใน​ชนบท​ ตระกูล​ผู้ดี​ และ​เจ้าของที่ดิน​ที่​วาง​อำนาจบาตรใหญ่​อย่าง​ลับ​ๆ หลังจาก​เข้า​ฤดูใบไม้ผลิ​แล้ว​ เจ้าพวก​ที่​ชอบ​ผนวก​เอา​ที่ดิน​มาเป็น​ของ​ตนเอง​ก็​จะลด​จำนวน​ลง​อย่าง​ฮวบฮาบ​

“หาก​หลัง​เทศกาล​ไหว้​วสันต์​แล้ว​ พวกเรา​ไม่สามารถ​รักษา​ไว้​ได้​ล่ะ​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางเคยชิน​กับ​การ​พูด​งัดข้อ​ “พวก​เจ้าก็​จะตาย​อยู่​ใน​อำเภอ​ซงซาน​ หรือ​หลบหนี​”

โม่ซางแหงนหน้า​ยืดอก​

“นักรบ​ของ​เผ่า​ลี่​กู่​จะไม่หลบหนี​ หาก​ข้า​รบ​ตาย​ใน​ที่ราบ​กลาง​ จำไว้​ว่า​ช่วย​นำ​ศพ​ข้า​ส่งกลับ​ไป​ที่​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ มอบให้​กับ​ท่าน​พ่อ​ของ​ข้า​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางมอง​ไป​ทาง​สวี่เอ้อร์​หลา​งอีกครั้ง​ สวี่เอ้อร์​หลา​งก​ล่า​วอ​ย่าง​ลังเล​

“พยายาม​ทำ​ใน​เรื่อง​ที่​มนุษย์​สามารถ​ทำได้​ ที่​เหลือ​ก็แล้วแต่​ฟ้าดิน​ หาก​ตก​อยู่​ใน​สถานการณ์​ที่​ต้อง​ตาย​จริงๆ​ ข้า​ผู้​แซ่สวี่​เป็น​ถึงปัญญาชน​ ย่อม​สละ​ชีวิต​เพื่อ​สัจธรรม​ พี่​เหมียว​ล่ะ​”

“ข้า​จะรบ​ตาย​ได้​อย่างไร​ ภายหน้า​ข้า​ต้อง​กลายเป็น​จอม​ยุทธ์​ใหญ่​ อืม​ หาก​มีวัน​เช่นนั้น​จริงๆ​ จำไว้​ว่า​ช่วย​สลัก​คำ​ว่า​ ‘จอม​ยุทธ์​ใหญ่​’ สอง​คำ​นี้​ไว้​บน​ป้าย​หลุมศพ​ข้า​ด้วย​ จากนั้น​ช่วย​พูด​ ‘ขอโทษ​’ กับ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​แทน​ข้า​ด้วย​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​กล่าว​ “ใช่สิ ทุกปี​ต้อง​เผา​หญิง​รับใช้​กระดาษ​ให้​ข้า​สัก​สอง​สามคน​ จอม​ยุทธ์​ใหญ่​อย่าง​ข้า​ต่อให้​อยู่​ใน​ยมโลก​ ก็​ต้องการ​นอน​กับ​ผู้หญิง​ด้วย​”

สวี่ฉือจิ้ว​ส่ายหน้า​ สายตา​ไม่ได้​ละ​ออกจาก​ตำรา​พิชัยสงคราม​เลย​ เขา​ยื่นมือ​ไป​คว้า​ขนม​วอ​วอ​โถว​ สุดท้าย​ก็​คว้า​ได้​เจอ​แต่​ความว่างเปล่า​

“หืม?”​ เขา​หันหน้า​มอง​ บน​โต๊ะ​ว่างเปล่า​ พอ​แหงนหน้า​ขึ้น​ เห็น​โม่ซางเคี้ยว​สอง​ที​ก็​กลืน​ขนม​วอ​วอ​โถวลง​ไป​เลย​ จากนั้น​ก็​แสร้งทำ​ราวกับว่า​ไม่มีอะไร​ขึ้น​ และ​เล่น​หมาก​กับ​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางอย่าง​ตั้งใจ​

‘มารดา​เจ้าสิ หงุดหงิด​เสีย​จริง​เลย​…’ สวี่​ซินเหนียน​แอบ​ด่า​ เขา​กล่าว​โดย​ไม่แสดง​อารมณ์​ทาง​สีหน้า​

“พี่​โม่ซาง พอ​เห็น​ท่าน​ ข้า​มักจะ​นึกถึง​น้องสาว​ของ​ท่าน​”

โม่ซางที่​มีผิวคล้ำ​หันมา​กล่าว​ด้วย​ความ​งุนงง​

“เหตุใด​จึงพูด​เช่นนั้น​”

เขา​รู้​ว่า​สวี่​ซินเหนียน​เป็น​น้องชาย​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ และ​รู้​ว่า​ลี่​น่า​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​ตระกูล​สวี่​มากว่า​ครึ่ง​ปี​แล้ว​

สวี่เอ้อร์​หลา​งแสดง​สีหน้า​นอบน้อม​และ​จริงใจ​

“พี่​โม่ซางกับ​ลี่​น่า​ต่าง​ก็​เป็น​ผู้​บริสุทธิ์ผุดผ่อง​ จรรโลง​เรื่อง​ ‘ประชาชน​เห็น​อาหารการกิน​เป็น​เรื่องสำคัญ​’ อย่าง​ถึงอกถึงใจ​ หาก​ผู้คน​ทั่วหล้า​เป็น​เหมือนกับ​พวก​ท่าน​สอง​พี่น้อง​ จิ่ว​โจว​คง​ถูก​ปกครอง​แบบ​กระ​ทำตัว​คล้าย​ตาม​ธรรมชาติ​ ไม่จำเป็นต้อง​ดิ้นรน​ให้​เปลือง​แรง​มาช้านาน​แล้ว​ ซึ่งจะไม่มีสงคราม​วุ่นวาย​ขนาด​นี้​”

โม่ซางคิดไม่ถึง​ว่า​ตนเอง​กับ​น้องสาว​จะได้รับ​การสรรเสริญ​จาก​สวี่​ซินเหนียน​ที่​สอบ​ได้​บัณฑิต​ขั้นสูง​ถึงสอง​ป้ายประกาศ​ผู้​นี้​ เขา​จึงหัวเราะ​ฮ่าๆ ด้วย​ความดีใจ​ และ​กล่าว​

“ใต้เท้า​สวี่ชม​เกินไป​แล้ว​ ข้า​ผู้​เป็น​พี่ชาย​นั้น​โง่เขลา​ไม่อาจ​รับได้​ แต่​ลี่​น่า​นั้น​พ่อ​ข้า​ชมว่า​ฉลาด​ตั้งแต่​เด็ก​แล้ว​”

‘พ่อเจ้า​เข้าใจ​คำ​ว่า​ฉลาด​ตั้งแต่​เด็ก​ผิด​หรือเปล่า​…’ สวี่​ซินเหนียน​พยักหน้า​และ​อ่าน​ตำรา​เงียบๆ​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางกลับ​คิด​ว่า​คำพูด​ของ​สวี่เอ้อร์​หลา​งมีความหมาย​อื่น​แฝงอยู่​ แต่​เขา​ไม่มีหลักฐาน​

พอ​พูดถึง​ลี่​น่า​ โม่ซางก็​อยาก​สนทนา​มากขึ้น​ เขา​กล่าวว่า​

“หลาย​วันนี้​ยุ่ง​อยู่​กับ​การต่อสู้​ พวก​เจ้าเอ้อระเหย​ลอยชาย​อยู่​ใน​ที่ราบ​กลาง​ รู้​ชื่อเล่น​ใน​ยุทธ​ภพ​ที่ราบ​กลาง​ของ​ลี่​น่า​น้องสาว​ข้า​หรือไม่​”

‘ถังข้าว​หรือ​…’ สวี่เอ้อร์​หลา​งแขวะ​อยู่​ใน​ใจ

เหมียว​โห​ย่ว​ไม่ได้​ร่วม​แขวะ​ด้วย​เพราะ​ไม่คุ้นเคย​กับ​ลี่​น่า​ มิเช่นนั้น​ด้วย​ความปรารถนา​เอาชีวิต​รอด​ใน​ระดับ​ต่ำ​ที่​พูด​คำ​ว่า​ ‘พี่สะใภ้​ใหญ่​ที่​อัปลักษณ์​ที่สุด​’ ออกมา​ได้​ ตอนนี้​อาจจะ​แร็ป​แขวะ​ลี่​น่า​ต่อหน้า​โม่ซางไป​ท่อน​หนึ่ง​แล้ว​

“ชื่อเล่น​อะไร​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางถือโอกาส​ตอนที่​โม่ซางมอง​ไป​ทาง​สวี่เอ้อร์​หลา​ง ใช้พลัง​ระดับ​สลาย​แรง​แอบ​สับเปลี่ยน​หมากเม็ด​หนึ่ง​

โม่ซางยืดอก​และ​ห่อ​ปลายลิ้น​เหมือนกับ​สำนัก​พุทธ​ที่​กำลังจะ​เผย​ความจริง​ออกมา​ และ​พูด​คำ​ว่า​ ‘จอม​ยุทธ์​หญิง​นก​นางแอ่น​เหิน​!”

“อะไร​นะ​!”

สวี่เอ้อร์​หลา​งเงยหน้า​อย่าง​งงงัน​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางจ้อง​โม่ซางด้วย​สีสับสน​

โม่ซางพอใจ​กับ​สีหน้า​ปาก​อ้า​ตาค้าง​ของ​พวกเขา​มาก​ เขา​ยืดอก​เงยหน้า​ขึ้น​

“ลี่​น่า​เอ้อระเหย​ลอยชาย​อยู่​ใน​ยุทธ​ภพ​ได้​ครึ่ง​ปี​แล้ว​ ได้รับ​ความเคารพ​รัก​จาก​บุคคล​ที่​มีชื่อเสียง​ใน​ที่ราบ​กลาง​ของ​พวก​เจ้า ถูก​ขนานนาม​ว่า​จอม​ยุทธ์​หญิง​นก​นางแอ่น​เหิน​”

สวี่ฉือจิ้วสม​กับ​เป็น​ปัญญาชน​เสีย​จริง​ เขา​ค่อยๆ​ กล่าว​ด้วย​สีหน้า​ปกติ​

“ใคร​เป็น​คน​บอก​เจ้า”

“ลี่​น่า​พูด​เอง​นี่​” โม่ซางตอบ​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางกำลังจะ​เปิดโปง​ แต่​เห็น​สวี่เอ้อร์​หลา​งส่งสายตา​เป็นนัย​ จึงส่งกระแสจิต​ไป​สอบถาม​

“ทำไม​ล่ะ​”

สวี่ฉือจิ้ว​ไม่เชี่ยวชาญ​ทักษะ​ส่งกระแสจิต​ เพียงแค่​ส่ายหน้า​เล็กน้อย​

‘เข้าใจ​แล้ว​ ความหมาย​ของ​เอ้อร์​หลา​งคือ​รอ​โม่ซางป่าวประกาศ​อย่าง​กำเริบเสิบสาน​แล้ว​ค่อย​ดู​เรื่องตลก​จาก​เขา​ ตอนนี้​ยัง​ไม่ถึงเวลา​ ความคึกคัก​ไม่มาก​พอ​…’ ไม่เสียแรง​เปล่า​ที่​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางมั่ว​อยู่​กับ​สวี่​ชีอัน​

ครู่เดียว​ก็​นึกถึง​เทพบุตร​

‘รอ​ทำศึก​เสร็จ​ค่อย​บอก​เขา​ก็แล้วกัน​ ไม่ใช่นั้น​จะส่งผลกระทบ​ต่อ​จิตใจ​การต่อสู้​และ​ขวัญ​ทหาร​…’ สวี่เอ้อร์​หลา​งคิด​

ขณะนั้น​เอง​ อสูร​เหิน​เวหา​เกล็ด​ดำ​ก็​ส่งเสียงคำราม​เข้ามา​ จากนั้น​ก็​เกิด​พายุ​พัด​แรง​ คน​ทั้ง​สามใน​เมือง​เวิ่ง​รู้​ว่า​มีกองทัพ​อสูร​เหิน​เวลา​ร่อน​ลง​บน​กำแพงเมือง​

หลังจาก​รอ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ เสียง​ฝีเท้า​เร่งรีบ​ก็​เข้ามา​จากที่​ไกลๆ​ ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ที่​สวม​เกราะ​เถาวัลย์​พุ่ง​เข้ามา​ ใช้ภาษาซินเจียง​ตอน​ใต้​พูด​ซุบซิบ​กับ​โม่ซาง

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางกับ​สวี่เอ้อร์​หลา​งมอง​ไป​ทาง​โม่ซาง โม่ซางดีดตัว​ขึ้น​กล่าว​ด้วย​ภาษากลาง​ที่​ชัด​ขึ้น​ทุกวัน​

“ทหาร​กบฏ​และ​ทัพ​หนุน​รวมตัวกัน​มาทาง​ด้าน​นี้​แล้ว​”

อำเภอ​กัว​

กองทัพ​ชิงโจว​ที่​ตั้งมั่น​อยู่​ใน​เมือง​ตง​ห​ลิง​ หลังจาก​ทำศึก​กับ​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ใน​สนามรบ​นาน​ครึ่ง​เดือน​จน​สูญเสีย​ทหาร​ไป​หก​ใน​สิบ​ส่วน​ ในที่สุด​ก็​ต้านทาน​ไม่ไหว​จน​ต้อง​ถอน​ทัพ​ออกจาก​เขต​ตง​ห​ลิง​ไป​ตั้งมั่น​พักผ่อน​และ​ปรับปรุง​กำลัง​ใน​อำเภอ​กัว​ที่อยู่​ติดกัน​

ศัตรู​ของ​พวกเขา​คือ​กองกำลัง​ทหาร​เกรียงไกร​สอง​กองทัพ​ใหญ่​ได้แก่​ ‘เกราะ​ทมิฬ​’ และ​ ‘อสรพิษ​หยก​’ ที่​มีจีเสวียน​เป็น​คน​นำ​ ประกอบ​กับ​ทหาร​จับฉ่าย​สามพัน​นาย​

เกราะ​ทมิฬ​ประกอบด้วย​ทหารม้า​หนัก​หกร้อย​นาย​ ทหารม้า​เบา​สอง​พัน​สามร้อย​นาย​

อสรพิษ​หยก​คือ​กองกำลัง​ทหารราบ​ชั้นยอด​สี่พัน​นาย​ ติดตั้ง​ปืนใหญ่​แปดสิบ​กระบอก​ หน้าไม้​สามสิบ​แท่น​ ปืนไฟ​กับ​ธนู​อีก​สอง​พัน​ชุด​

กองกำลัง​ที่​มีอุปกรณ์​ครบครัน​และ​องอาจ​ห้าวหาญ​เช่นนี้​ ชิงโจว​ย่อม​ไม่อาจ​ต่อต้าน​ได้​

แม้ว่า​ก่อน​รุด​ไป​ชิงโจว​ ซุน​เสวียน​จีจะนำ​อาวุธยุทโธปกรณ์​กับ​อุปกรณ์​ติดตั้ง​ต่างๆ​ มาจำนวนมาก​ แต่​ข้อเท็จจริง​ก็​พิสูจน์​ให้​เห็น​ว่า​กองกำลัง​เว่ย​และ​กองกำลัง​สั่ว​ใน​ชิงโจว​มีกำลัง​รบ​ด้อย​กว่า​กองกำลัง​ทหาร​เกรียงไกร​ขอ​งอ​วิ๋น​โจว​มาก​

กองกำลัง​ทหาร​ชิงโจว​ไม่ใช่กองกำลัง​ทัพ​ใหญ่​สุด​ของ​ต้าฟ่ง​ แต่​สิ่งที่​พวกเขา​เผชิญ​กลับ​เป็นหนึ่ง​ใน​กองทัพ​ชั้นยอด​ของ​ทหาร​กบฏ​

ในแง่​ของ​กำลัง​รบ​ระดับ​กลาง​ กองทัพ​ทหาร​ป้องกัน​ตง​ห​ลิง​นี้​ยังคง​เทียบ​กับ​กองทัพ​ชั้นยอด​ที่​จีเสวียน​เป็น​หัวหน้า​ไม่ได้​

คนเดียว​ที่​สามารถ​พลิก​สถานการณ์​กลับมา​ได้​ก็​คือ​ซุน​เสวียน​จีที่​เป็น​โหร​ขั้น​สามผู้​นี้​

แน่นอน​ กำลัง​รบ​ของ​โหร​ห่าง​ชั้น​จาก​จอม​ยุทธ์​ระดับ​เดียวกัน​มาก​ แต่​แง่ของ​พลัง​ทำลายล้าง​ ใน​ขอบเขต​พลัง​ขั้น​สามแล้ว​ โหร​ถูก​ยก​ให้​เป็น​อันดับ​สอง​ และ​ไม่มีใคร​กล้า​เป็น​อันดับ​หนึ่ง​

ผู้พิทักษ์​หยวน​ที่​มีขน​สีขาว​หนา​ทึบ​เดิน​อยู่​บน​กำแพงเมือง​และ​กล่าว​กับ​ผู้คน​

“อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​ถูก​สร้าง​ขึ้น​มาใหม่​แล้ว​”

กองทัพ​ตง​ห​ลิง​คุ้นเคย​กับ​พันธมิตร​เผ่า​ปีศาจ​ผู้​นี้​นาน​แล้ว​ สิ่งที่​ชอบ​ก็​คือ​กำลัง​รบ​ห้าวหาญ​ระดับ​ขั้น​สี่ของ​เขา​ เป็น​สหาย​ร่วม​รบ​ที่​พึ่งพา​ได้​

สิ่งที่​เกลียด​คือ​สหาย​ร่วม​รบ​ผู้​นี้​จะ ‘แทง​’ เจ้าหนึ่ง​ดาบ​ได้​ทุกที่​ทุกเวลา​

เช้าตรู่​วันนี้​ ข่าว​ฟื้นฟู​อาณาจักร​ของ​ปีศาจ​ทักษิณ​แพร่กระจาย​ใน​ชิงโจว​ ผู้พิทักษ์​หยวน​ดีใจ​อย่าง​เป็นบ้าเป็นหลัง​ ยืน​แหงนหน้า​ร้องไห้​โฮอยู่​บน​จุดสูงสุด​ของ​เมือง​ด้วย​สีหน้า​ปีติ​ยินดี​

จากนั้น​พอ​เจอ​กับ​ผู้คน​ก็​พูด​เรื่อง​นี้​

“ยินดี​ด้วย​ ยินดี​ด้วย​ อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​คือ​พันธมิตร​ที่​ดี​ของ​ต้าฟ่ง​เรา​นี่​”

หัวหน้า​กองร้อย​ผู้​หนึ่ง​มองดู​ผู้พิทักษ์​หยวน​ที่​เข้ามา​ใกล้​ด้วย​รอยยิ้ม​ที่​ดู​กระตือรือร้น​

ผู้พิทักษ์​หยวน​กลับ​มอง​เขา​ด้วย​สีหน้า​ไม่พอใจ​และ​กล่าวว่า​

“หัวใจ​ของ​เจ้าบอก​ข้า​ว่า​ เจ้าลิง​ตายตัว​นี้​ยัง​ไม่หยุด​แค่นี้​”

“…” หัวหน้า​กองร้อย​หน้าแดง​ทันที​ ไม่รู้​ว่า​ควร​อธิบาย​หรือ​แสร้ง​ทำเป็น​ไม่ได้​ยินดี​ รู้สึก​กระอักกระอ่วน​จน​อยาก​ลา​ออกจาก​ตำแหน่ง​

ดี​ที่​ผู้พิทักษ์​หยวน​ไม่ได้​กลั่นแกล้ง​เขา​ และ​เดิน​ไป​ประกาศ​ข่าวดี​ให้​กับ​ทหาร​ป้องกัน​เมือง​คนอื่นๆ​ ที่​รู้จัก​

“เฮ้อ​!”

หัวหน้า​กองร้อย​มองดู​เงาหลัง​ของ​ผู้พิทักษ์​หยวน​แล้ว​ถอนหายใจ​

ไม่รู้​จะรักษา​อำเภอ​กัว​ไว้​ได้​หรือไม่​ จะรักษา​ไว้​ได้​นาน​แค่​ไหน​ พี่น้อง​ที่​ตาย​ใน​สนามรบ​ยัง​เก็บ​ไม่ทัน​เลย​

ขณะนั้น​เอง​ เกิด​เสียงดัง​ขนาดใหญ่​บน​ท้องฟ้า​ แสงสีแดง​ลำ​หนึ่ง​ระเบิด​ตัว​กลางอากาศ​

นี่​คือ​สัญญาณบ่งบอก​ว่า​ข้าศึก​มาโจมตี​ และ​คน​ที่​ส่งสัญญาณก็​คือ​ซุน​เสวียน​จีที่​ลอย​อยู่​เหนือ​แท่น​ปืนใหญ่​ เขา​ใช้วิชา​มอง​ปราณ​ระแวดระวัง​ข้าศึก​

หว่าน​จวิ้น​

พอ​นับ​ดู​อย่าง​ละเอียด​ หว่าน​จวิ้น​ถูก​ปิดล้อม​มาเดือน​หนึ่ง​แล้ว​

ในระหว่างนั้น​ทหาร​กบฏ​บุก​โจมตีเมือง​เป็นระยะๆ​ หลาย​สิบ​ครั้ง​ สมุหเทศาภิบาล​ชิงโจว​ส่งกองกำลัง​ไป​สนับสนุน​หลายครั้ง​ แต่​ถูก​กองกำลัง​ทหาร​อวิ๋น​โจว​กลืน​กิน​จน​หมดเกลี้ยง​

จนกระทั่ง​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ของ​เผ่า​ซิน​กู่​ไล่ตาม​มาถึง ความ​เสื่อมถอย​นี้​ถึงมีโอกาส​พลิกกลับ​

แต่​สำหรับ​กองกำลัง​ป้องกัน​เมือง​ที่​ตั้งมั่น​อยู่​ใน​หว่าน​จวิ้น​แล้ว​ ความ​อ่อนเปลี้ยเพลียแรง​ได้​แทรกซึม​เข้าไป​ถึงไขกระดูก​ แม้แต่​ผู้​ที่​ต่อสู้​เก่งกาจ​ที่สุด​ ก็​เฝ้าปรารถนา​จะสิ้นสุด​การต่อสู้​ที่​ดูเหมือน​กักขัง​สัตว์ร้าย​เช่นนี้​

และ​สำหรับ​จางเซิ่น​ที่​เชี่ยวชาญ​ยุทธ​การทหาร​มาอย่าง​มั่นคง​มายี่สิบ​กว่า​ปี​ ศึก​แรก​ถูก​บีบ​จน​มีสภาพ​อับจน​เช่นนี้​ นับ​เป็นความ​อัปยศอดสู​อย่าง​ใหญ่หลวง​

แม้จะตก​อยู่​ภายใต้​สถานการณ์​ที่​โดดเดี่ยว​โดย​ขาด​กองกำลัง​สนับสนุน​ แต่​ยัง​รักษา​หว่าน​จวิ้น​มาได้​จนถึง​ตอนนี้​ นับว่า​ไม่ทรยศ​ต่อ​ชื่อเสียง​ของ​ตนเอง​แล้ว​

จางเซิ่น​ปีน​ขึ้นไป​บน​จุดสูงสุด​ของ​เมือง​ แหงนหน้า​มอง​รอบด้าน​ กำแพงเมือง​เต็มไปด้วย​หลุม​จาก​แรง​ระเบิด​ รอยไหม้​ และ​รอย​แตกร้าว​ บางแห่ง​ก็​ถูก​ระเบิด​จน​เป็น​ช่องโหว่​ กำแพง​ปีกกา​ถูก​ทำลาย​จน​หมดสิ้น​ เหมือนกับ​คน​ที่​ฟัน​หัก​

ทหาร​ป้องกัน​เมือง​เสียชีวิต​และ​บาดเจ็บ​เกิน​ครึ่ง​ ตอนนี้​ทหาร​บ้าน​ที่​ใช้อำนาจ​เกณฑ์​เข้ามา​ก็​เสียชีวิต​และ​บาดเจ็บ​เกิน​กว่า​ครึ่ง​เช่นกัน​

หมอก​ครึ้ม​แห่ง​สงคราม​ปกคลุม​เมือง​เล็ก​ๆ แห่ง​นี้​

บน​ขอบฟ้า​สีคราม​เข้ม​ อสูร​ยักษ์​ตัว​หนึ่ง​กระพือ​เยื่อ​ปีก​บิน​มาทาง​หว่าน​จวิ้น​

อสูร​ยักษ์​ร่อน​ลง​ที่​ด้าน​บนสุด​ของ​เมือง​อย่าง​ช้าๆ ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ที่​ขี่​อยู่​บน​หลัง​กล่าว​กับ​จางเซิ่น​

“ห่าง​ออก​ไป​สามสิบ​ลี้​ทางทิศใต้​ มีกองทัพ​ข้าศึก​ขนาดใหญ่​ประชิด​เข้ามา​”

หลังจาก​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวลา​มาสนับสนุน​แล้ว​ จางเซิ่น​ที่​เจียด​เวลาว่าง​สอง​สามวัน​เรียน​ภาษาซินเจียง​ตอน​ใต้​ก็​พยักหน้า​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​ และ​ กล่าว​ด้วย​สำเนียง​ซินเจียง​ตอน​ใต้​อย่าง​คล่องแคล่ว​

“ข้า​รู้​แล้ว​”

เขา​หัน​ตัว​ทอดสายตา​มอง​ไป​ทางทิศใต้​และ​ค่อยๆ​ กล่าว​

“ข้า​สามารถ​ทอด​มอง​ได้​ไกล​สามสิบ​ลี้​”

พอ​น้ำเสียง​สิ้นสุดลง​ ความสามารถ​ใน​การ​มอง​ของ​เขา​ก็​เปลี่ยนแปลง​ราวกับ​พลิก​ฟ้าพลิก​ดิน​ ทัศนียภาพ​รอบด้าน​หาย​ไป​ทันที​ มุมมอง​ขยาย​ออก​ไป​ไกล​อย่าง​ไร้​ขอบเขต​ จน​ขยาย​ออก​ไป​สามสิบ​ลี้​

ใน​สายตา​ที่​มองเห็น​ กองทัพ​ข้าศึก​ที่​มองไม่เห็น​จุดสิ้นสุด​กำลัง​เคลื่อน​ทัพ​เข้ามา​อย่าง​ช้าๆ พร้อมด้วย​ธงต่างๆ​

ผืน​ธงโบกสะบัด​ตาม​แรงลม​ และ​แผ่ออก​จน​เผย​ให้​เห็น​อักขระ​คำ​ว่า​ ‘ชี’

จางเซิ่น​ทำ​เสียง​ “เฮอะ​” ก่อน​ละสายตา​กลับมา​ และ​กล่าว​เสียงต่ำ​

“ทหาร​ปะทะ​ทหาร​ แม่ทัพ​ปะทะ​แม่ทัพ​ ในที่สุด​เจ้าเต่า​ซุน​ก็​มาแล้ว​”

เมือง​ตง​ห​ลิง​

สวี่​ผิง​เฟิงที่​สวม​อาภรณ์​ขาว​ราว​หิมะ​มือ​กา​สุรา​อยู่​ใน​มือ​ เขา​กระโดด​พรวด​ก้าว​เดียว​ก็​พุ่ง​ขึ้นไป​อยู่​เหนือ​ทะเล​หมอก​

แสงสีทอง​ตามติด​เข้ามา​และ​กลายเป็น​พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่ยืน​อยู่​ตรง​ข้าง​สวี่​ผิง​เฟิง

ด้านหน้า​ของ​ทั้งสอง​ มีท่าน​โหราจารย์​หนวดเครา​และ​ผม​สีขาว​ที่​สวม​อาภรณ์​ขาว​รอ​อยู่​นาน​แล้ว​

“ท่าน​อาจารย์​โหราจารย์​”

สวี่​ผิง​เฟิงกึ่ง​เหาะ​กึ่ง​ลอย​มานั่งขัดสมาธิ​ลง​ตรงกลาง​ทั้งสองฝ่าย​ พอ​สะบัด​แขน​เสื้อ​ กระดาน​หมาก​และ​กล่อง​บรรจุ​เม็ด​หมาก​สอง​กล่อง​ก็​ปรากฏ​ตรงหน้า​

“จำได้​ว่า​ตอนที่​เรียน​ศิลปะ​กับ​ท่าน​นั้น​ พวกเรา​สอง​คน​ศิษย์​อาจารย์​จะประลอง​หมาก​กัน​ทุกๆ​ สามวัน​ ข้า​ไม่เคย​ชนะ​มาก่อน​”

สวี่​ผิง​เฟิงน้ำเสียง​สงบ​ และ​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ดู​ปลงอนิจจัง​

“จาก​เมืองหลวง​ไป​ยี่สิบ​ปี​ ข้า​กับ​ท่าน​ไม่ได้​เจอกัน​อีก​ ยี่สิบ​ปี​เต็มๆ​ ที่​ไม่ได้​ประลอง​หมาก​กัน​ ท่าน​อาจารย์​โหราจารย์​เล่น​เป็นเพื่อน​ศิษย์​สัก​ตา​ได้​หรือไม่​”

………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท