สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1130 ตอนพิเศษ (32)

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1130 ตอนพิเศษ (32)

บทที่ 1130 ตอนพิเศษ (32)

วันถัดมา มีคนจากจวนว่าการมาแจกจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ครอบครัวที่เข้าร่วมกองทัพตามรายชื่อ

“เดิมทีเป็นเงินเพียงสามตำลึงต่อเดือน แต่เมื่อพิจารณาว่าลูกชายของพวกเจ้าฝึกฝนมาอย่างหนัก หากมองไม่เห็นเงินจะส่งผลต่ออารมณ์ของพวกเขาระหว่างการฝึกฝน เช่นนั้นจึงมอบเงินให้พวกเจ้าเพียงหนึ่งตำลึง ส่วนอีกสองตำลึงที่เหลือมอบให้พวกเขา” นักการวัยกลางคนกล่าว ก่อนจะหยิบรายชื่อไปขานให้สมาชิกในครอบครัวที่มีรายชื่อเข้าแถวรับเบี้ยเลี้ยง

หยางชิงซือมาพร้อมกับหลิวจิ่วจู๋ เมื่อพบกับป้าจง ใบหน้าของฝ่ายหลังก็บึ้งตึงพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งร้าย “เจ้าคงไม่คิดจะเอาเบี้ยเลี้ยงลูกรองของข้ากระมัง?”

“เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นของท่าน คิดว่าข้าสนใจนักหรือ?” หยางชิงซือก็เป็นคนรักษาหน้าเช่นกัน เมื่อป้าจงเอ่ยเช่นนี้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นแม่ของจงซู่เกินหรือไม่ นางก็ไม่สนใจ

“เหอะ เจ้าร้ายกาจเพียงนี้ คิดว่าตนเองรวยนักหรือ?” ป้าจงแผดเสียงสูงเยาะเย้ย “คนร้ายกาจเช่นนี้ไม่ต้องประจบประแจงพี่ชายกับพี่สะใภ้เพื่อแยกมาอาศัยอยู่กับพวกเขาหรือไร?”

“ป้าจง ชิงซือไม่ได้ยั่วโมโหท่าน ท่านก็อย่าได้กระแนะกระแหนนาง ทุกคนล้วนกำลังจับจ้องมาทางนี้ หากท่านพุ่งเป้าไปที่นาง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รังแต่จะทำให้ท่านดูใจร้าย” หลิวจิ่วจู๋กล่าว

“ธุระกงการอะไรของเจ้า?”

“ชิงซือมากับข้า เช่นนั้นเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับท่าน?” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “พวกเราไม่ยั่วยุท่าน ท่านก็ไม่ควรยั่วยุเราเช่นกัน”

“พอได้แล้ว เอะอะอะไรกัน?” หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนด้วยความโมโห “เสียงดังทั้งวี่ทั้งวัน จะเงียบสักวันไม่ได้เลยหรือ”

“หัวหน้าหมู่บ้าน ไม่ใช่เราที่อยากทะเลาะ” หยางชิงซือกล่าว “คนบางคนไม่ควรพึ่งอายุตนเองอวดความแก่ ไม่เช่นนั้น พวกเราหนุ่มสาว หนังหนา ย่อมไม่เกรงใจนาง”

“โอ๊ย นังหนูชิงซือ หากเจ้าแต่งเข้าสกุลจง แม่ซู่เกินก็คือแม่สามีของเจ้า เจ้าไม่กลัวนางจะหาเรื่องทุบตีเจ้าเพราะเหตุนี้หรือ?”

“ครอบครัวเราไม่อยากได้คนเจ้าปัญหาอย่างนางมาเป็นสะใภ้หรอก!” ป้าจงแค่นเสียงเย็น “ข้าถูกใจหลานสาวของข้าแล้ว รอซู่เกินกลับมา ข้าจะจัดการเรื่องแต่งงานให้พวกเขา”

ในหมู่บ้านมีคนไม่มาก เจ้าหน้าที่ทางการจึงแจกเบี้ยเลี้ยงให้กับทุกคน เมื่อถึงคราวของหลิวจิ่วจู๋ นางไม่ยอมรับมา หากแต่เอ่ยถามนักการว่า “เมื่อไหร่สามีของข้าจะกลับมาเล่า?”

“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน!” นักการกล่าว

“ปากท่านก็เอาแต่บอกว่านี่เป็นเรื่องของกรมกลาโหม ไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกท่าน เช่นนั้นเหตุใดจึงเป็นท่านมาแจกเงินให้พวกเขา นี่ไม่ใช่เพื่อปลอบประโลมจิตใจของทุกคน เพราะกลัวว่าทุกคนจะสร้างปัญหาหรือ?”

นักการหัวเราะแห้ง ๆ “แม่นางน้อย อย่าได้พูดไร้สาระเลย พวกเราแค่ทำตามคำสั่งเบื้องบน เจ้ากังวลว่าสามีบ้านเจ้าจะไปเจอคนหลอกเอา ศาลาว่าการย่อมอยากให้พวกเจ้ามั่นใจ”

“ขอเพียงคนกลับมา พวกเราก็โล่งใจแล้ว”

“สาวน้อยผู้นี้ ข้าเป็นแค่คนจัดการธุระ ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังเอ่ยถึงอะไร หากอยากพบคนจริง ๆ ก็สามารถไปที่กรมกลาโหมได้ เอาละ ข้าต้องไปที่หมู่บ้านถัดไป ไม่อยากล่าช้าแล้ว”

สิ้นคำ นักการก็อ่านรายชื่อ “ลู่เจ๋อ สามีเจ้าคือลู่เจ๋อกระมัง? ลู่เจ๋อยอดเยี่ยมยิ่ง เขาเป็นนายร้อย มีเบี้ยเลี้ยงสามสิบตำลึงต่อเดือน ตามกฎแล้ว ข้าจะให้เจ้าสิบตำลึง”

คนที่อยู่ข้าง ๆ พลันแปลกใจ “สามสิบตำลึง! เหตุใดบ้านนางถึงได้สามสิบตำลึงเล่า?”

“ข้าเอ่ยแล้วไม่ใช่หรือว่าสามีของนางเป็นนายร้อย” นักการเอ่ย “พวกเจ้ารู้จักนายร้อยกระมัง? นั่นเป็นทหารที่ควบคุมทหารใต้บังคับบัญชาถึงร้อยนายเชียว”

ดวงตาทุกคู่ต่างจ้องมองมา

เดิมทียังนึกลังเลอยู่เล็กน้อย ทว่าตอนนี้มั่นใจแล้ว

ลู่เจ๋อมีความสามารถอยู่บ้าง ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด สมแล้วที่คนเช่นนี้จะได้มีตำแหน่งทันทีที่เข้าร่วมกองทัพ พวกเขาถึงกับจินตนาการว่าอีกไม่นานลูก ๆ หรือสามีของตนจะสามารถเป็นเจ้าหน้าที่ทางการได้ เช่นนี้พวกเขาก็จะได้เป็นภรรยาเจ้าหน้าที่ทางการเช่นกัน

ในเวลานี้พวกชาวบ้านถึงกับอิจฉาหลิวจิ่วจู๋

หลิวจิ่วจู๋และหยางชิงซือมองหน้ากัน

ค่ายทหารนี้มีจริงหรือ?

ลู่เจ๋อกลายเป็นทหารแล้วจริง ๆ

นักการไม่ได้รั้งอยู่ที่หมู่บ้านต่อ เมื่อแจ้งข่าวใหญ่ให้ทราบเสร็จ เขาก็ไปยังหมู่บ้านถัดไปเพื่อทำตามหน้าที่

หลังจากเขาไปแล้ว คนในหมู่บ้านก็เริ่มทักทายหลิ่วจิ่วจู่ต่าง ๆ นานา พยายามประจบนางทำท่าทางว่านอนสอนง่าย บนใบหน้าแปะเอาไว้ว่า ‘จู๋จือ ให้ผู้ชายบ้านเจ้าส่งเสริมคนในครอบครัวข้าทีเถิด’

“เหอะ ภูมิใจอะไรกัน?” ป้าจงแค่นเสียง “ลูกชายข้าก็ไม่เลว สามีนางเป็นเจ้าหน้าที่ทางการได้ ลูกชายข้าจะต้องเป็นขุนนางที่ใหญ่กว่าเขาอย่างแน่นอน”

“พอได้แล้ว ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าลูกชายเจ้าเก่งหรือไม่เก่ง? พวกเขาล้วนบอกว่าลู่เจ๋อโหดร้ายและโหดเหี้ยมมาก ก่อนหน้าเกรงว่าจะเคยเห็นเลือดมาก่อน!”

“อย่างไรลูกชายข้าก็สามารถเป็นขุนนางได้อย่างแน่นอน” ป้าจงไม่มั่นใจ เพียงแต่นางปากหนัก ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้

“ข้าว่านะแม่ซู่เกิน หากนังหนูสกุลหยางผู้นั้นอยากแต่งมา เช่นนั้นก็ให้นางแต่งเถอะ! หากเจ้าเป็นแม่สามีนางแล้วนางกล้าพูดตอกกลับเช่นนี้ ท่านก็ตบนางให้ตายเสีย”

“นางปีศาจน้อยนั่นทำให้ลูกชายข้าหมกมุ่น หากให้นางแต่งกับเขาจริง ๆ เกรงว่าลูกชายข้าจะไม่เชื่อฟังน่ะสิ” ป้าจงไม่ถูกหลอกง่าย ๆ “อย่างไรก็ตาม ข้าไม่มีทางรับนางเป็นลูกสะใภ้”

นางเพิ่งพูดเรื่องจะแต่งหลานสาวเข้ามา นั่นไม่ใช่การพูดไปส่ง ๆ พรุ่งนี้นังหนูคนนั้นก็จะมาแล้ว

หลานสาวฝั่งมารดาขยันมาตั้งแต่เด็ก เก่งกาจเชี่ยวชาญไปเสียทุกอย่าง แม่ของนางดูถูกที่นางเป็นลูกสาว ไม่เคยให้นางได้กินดื่มอย่างอิ่มหนำทำให้นางขี้อายเหมือนหนู ลูกสะใภ้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าจัดการได้ง่ายดายหรือ?

หลิวจิ่วจู๋ตามหยางชิงซือไปที่บ้านหยางชวน

พี่สะใภ้หยางกำลังกวาดพื้นอยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นพวกนางเข้ามาจึงถามว่า “เป็นอย่างไร?”

“นักการบอกว่าลู่เจ๋อกลายเป็นนายร้อย เขาได้รับเบี้ยเลี้ยงสามสิบตำลึงต่อเดือน ตามระเบียบ เขาต้องจ่ายเงินสิบตำลึงให้จู๋จือ จู๋จือไม่ต้องการ ข้าจึงรับไว้ให้นาง” หยางชิงซือกล่าว “อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นคน หากไม่เอาเงินนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกริบไป ไม่สู้รับมาก่อนดีกว่า ส่วนตัวคนนั้นทำได้เพียงค่อย ๆ หาแล้ว”

“เงินต้องรับมา ชิงซือพูดถูก หากไม่รับเงิน อีกฝ่ายย่อมไม่ยอมให้เจอคน ยอมรับไว้ก่อนดีกว่า บางทีอาจใช้เงินนี้หาลู่ทางได้” พี่สะใภ้หยางกล่าว “เขาพึ่งเข้าร่วมกองทัพก็ได้เป็นนายร้อย น่าทึ่งยิ่งนัก ข้าคิดว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริง หากเป็นเท็จ อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องเอามาอ้าง”

“เช่นนั้นข้าจะรอดู” หลิวจิ่วจู๋กล่าว

“รอก่อนเถอะ คนในหมู่บ้านเยอะเพียงนั้น ทุกคนล้วนรอคอยเช่นกัน”

การรับทหารครั้งนี้ เดิมทีหยางชวนอยากจะไปแต่พี่สะใภ้หยางเพิ่งคลอดลูก เขาจึงออกจากบ้านไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพี่สะใภ้หยางคงไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ สตรีนางหนึ่งเพิ่งคลอดบุตรก็ขัดแย้งกับพ่อแม่สามีแล้ว แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากน้องสามี ทว่าก็ยังต้องเผชิญกับความยากลำบาก

“พี่ชายข้าเล่า?”

“เขาเข้าเมืองไปหางานทำแล้ว”

“เอ่ยถึงการหางาน” หยางชิงซือเอ่ยกับหลิวจิ่วจู๋ “เจ้ายังจำเจ้าบ้านถังที่เพิ่งพบไม่นานมานี้ได้หรือไม่?”

“เจ้าบ้านถัง?” ชายหนุ่มรูปหล่อปรากฏขึ้นในใจหลิวจิ่วจู๋ “จำได้ เขาเป็นอะไรหรือ?”

“ข้าได้ยินมาว่าเขาต้องการเปิดร้านผ้าแพรไหมในเมืองจึงต้องการคนงาน คราวนี้เราเข้าเมืองไปขายยาอม และถือโอกาสไปหาเขากันเถอะ ดูว่าเขาจะช่วยพี่ชายข้าหางานทำได้หรือไม่” หยางชิงซือกล่าว “คุณชายถังผู้นั้นดูจิตใจดี นอกจากนี้เขายังเลี้ยงลูกเพียงลำพัง ลูกเขาอ่อนแอป่วยบ่อย เขาอ่อนโยนกับลูกมาก เจ้านายเช่นนี้นิสัยไม่เลวร้าย”

“ย่อมได้” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ข้าคิดว่าภูมิหลังเขาคงไม่ธรรมดา เจ้าขอให้เขาช่วยสอบถามเป็นอย่างไร?”

หยางชิงซือแปลกใจ “เหตุใดข้าคิดไม่ถึงกันนะ? ดูเหมือนเขาจะมาจากเมืองหลวง คนเช่นนี้ต้องมีเส้นสายอย่างแน่นอน!”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท