ตอนที่ 762 บรรพบุรุษ!
ทนายอันรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองจะเหมือนตัวร้ายถ้าหัวเราะขึ้นมา เหมือนอย่างในละครหรือภาพยนตร์ไม่ว่าจะหยิ่งยโสโอหังแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องถูกตัวเอกที่ทรงคุณธรรมของเรื่องฆ่าตาย แต่เขาไม่สน ภาพยนตร์ถ้าหากเหมือนเรื่องจริงแล้วใครจะไปดูภาพยนตร์
เขาอันปู้ฉี่วันนี้ต้องทำตัวโอหัง ไม่ว่าอย่างไรก็ตกต่ำจนถึงขั้นนี้แล้ว วันพรุ่งนี้อยากโจมตีนรกกลับไม่สามารถเป็นจริงได้ ทว่าไม่มีผลกระทบต่อการที่เขาจะเร่งทำเวลาเก็บผลกำไรเล็กน้อยในตอนนี้
รวยแล้วไม่กลับบ้าน ก็เหมือนใส่เสื้อผ้าหรูเดินทางตอนกลางคืนใครจะมองเห็น แบบนั้นน่าเสียดายแย่
โจวเจ๋อนั่งลงยองๆ เหลือบมองชายชราจมูกแดงที่ถูกเหยียบอยู่ใต้เท้าของทนายอันจากหางตา
ชักจะลำพองใจเสียแล้วสิ นึกถึงตอนที่เพิ่งเข้ามาทำงานสายนี้ สาวน้อยโลลิบีบตัวเขาเกือบตาย กระทั่ง ‘ตั้งเวลาตาย’ ให้เขา โดยใช้แผนการใช้งานเสร็จแล้วทำลาย
แต่เผลอแป๊บเดียว สองปีผ่านไป ตัวเขากลับเริ่มจับตัวผู้ตรวจสอบไว้เหมือนไม่เป็นอะไร
มนุษย์เราชอบนึกภาพทรงจำในอดีต แต่มนุษย์เรามักจะคุ้นชินต่อการนึกถึงความทรงจำของการเปลี่ยนแปลงที่สวยงาม อันที่จริงคือความหลงใหลและหลงตัวเองอย่างหนึ่ง ด้วยกระบวนการนี้ ตัวเองเหมือนได้รับความพึงพอใจและการยอมรับอย่างหนึ่ง
อย่างเช่น ตอนที่ฉันจากบ้านเกิดมาตัวเปล่า เมื่อต่อสู้จนถึงวันนี้ ในที่สุดมีแต่หนี้สินมากมาย ขั้นตอนเหล่านี้ไม่ค่อยมีใครอยากหวนคิดถึงมัน
เหล่าจางดูเหมือนจะมองเถ้าแก่ของตัวเองไม่ออกว่ากำลังตกอยู่ในห้วง ‘หลงตัวเอง’ จึงเดินเข้ามาทำลายบรรยากาศโดยตรง เอ่ยว่า “เถ้าแก่ คนนี้จะจัดการอย่างไร”
โจวเจ๋อเหลือบหนังตาขึ้น พร้อมกับบุ้ยปาก ความหมายนั้นง่ายมาก เรื่องนี้จะจัดการอย่างไรต้องให้ทนายอันเป็นคนจัดการแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรศัตรูก็เป็นของเขา ลงโทษอย่างไรถึงจะได้ผลดีที่สุดและหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง ย่อมต้องให้เขาเป็นคนตัดสินใจ
คุณไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อยจะไปกังวลเรื่องของเขาทำไม
เหล่าจางเกาศีรษะแกรกๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงกังวลเรื่องนี้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองโดนของหรือเปล่า ตอนที่เห็นชายชราจมูกแดงเหมือนเนื้อชิ้นหนึ่งที่วางอยู่บนพื้นกำลังจะถูกนำไปปรุงเป็นอาหาร ในใจของเขารู้สึกทนไม่ได้ในทันใด
ดูเหมือนไม่ใช่ความเห็นอกเห็นใจ อย่างไรก็ตาม รู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก
เหล่าจางมองไปทางทนายอัน ทนายอันหัวเราะ เอ่ยว่า “ถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะเก็บเขาไว้ทำไม ไม่ต้องกลับไปร้านหนังสือแล้ว ผมจะพาเขาไปในเมืองที่อยู่ข้างๆ เรียกเหล่าสวี่มาที่นี่ สร้างค่ายกลด้วยกัน ควรจัดการอย่างไรก็จัดการอย่างนั้น พยายามจัดการให้เรียบร้อยที่สุด ไม่ว่าอย่างไรในร้านหนังสือก็มีของสิ่งนั้นที่เป็นกรณีพิเศษของเถ้าแก่คอยคุมอยู่ ขอเพียงพวกเราไม่ประมาท วันหลังหากยมโลกอยากจะสืบสวน ก็สืบไม่เจออะไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ…”
ทนายอันโน้มตัว ยื่นมือตบใบหน้าของชายชราจมูกแดง พลางเอ่ยว่า “พี่ชายคนนี้มีมนุษย์สัมพันธ์ที่แย่มากในยมโลก ถ้าหากเขาหายตัวไปแบบไม่มีสาเหตุ มีแต่คนจะยินดี มากสุดก็คงดำเนินการตามขั้นตอนปกติ ถ้าไม่มีหัวหน้าระดับสูงที่แท้จริงคนไหนมาบอกกล่าว ใครจะมาสนใจจัดการเรื่องพวกนี้”
ไม่ว่าอย่างไรเถ้าแก่ของตัวเองมีป้ายพิเศษคอยคุ้มกันอยู่ สายตาของยมโลกจะมองข้ามไปเองโดยอัตโนมัติ ตัวเขาเองแค่ระวังตัวนิดหน่อย รีบฆ่าตาแก่หน้าเหม็นคนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
อันปู้ฉี่ที่เคยสุงสิงอยู่ในแวดวงขุนนางของยมโลกมาก่อน เข้าใจพวกขุนนางเหล่านี้มากที่สุดว่ามีนิสัยเป็นเช่นไร
ชายชราจมูกแดงฟังบทสนทนาของพวกเขา แล้วเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา เขาไม่ได้ตกใจจุดจบของตัวเอง แต่ตื่นตะลึงกับท่าทีที่ไม่แคร์ของคนพวกนี้เมื่อต้องจัดการกับผู้ตรวจสอบของยมโลก!
เขาเป็นผู้ตรวจสอบเชียวนะ! ไม่ใช่หมูสามชั้นที่เธอซื้อมาจากป้าจางในตลาดตอนเช้า!
ชายชราจมูกแดงรู้สึกว่าบ้าบอมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเงามืดเล็กๆ กลุ่มหนึ่งแอบซ่อนอยู่ใต้ดวงตาของยมโลก และตัวเองเพิ่งจะไล่ตามสิงโตตัวนั้นมาถึงที่นี่! แบบนี้เรียกว่าเก็บสิ่งเล็กน้อยทำสิ่งใหญ่หายแท้ๆ สิ่งที่ต้องถูกกำจัดอย่างแท้จริงอยู่ตรงนี้นี่เอง! คนพวกนี้ ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ไม่เห็นกฎแห่งกรรมอยู่ในสายตา!
เหล่าจางฟังแผนของทนายอัน แล้วโน้มตัวนั่งลงยองๆ ตรงหน้าชายชราจมูกแดง มองชายชราจมูกแดง มองไปมองมา เหล่าจางจึงส่ายหน้า แล้วลุกขึ้น
รถของเหล่าอันใช้ไม่ได้แล้ว ถูกทุบจนพัง ยังดีที่สวี่ชิงหล่างกำลังจะขับรถของเขาเข้ามา รอบนี้เขาไล่ตามมาไม่ทันจริงๆ
“จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ” สวี่ชิงหล่างเอ่ยถาม เมื่อครู่เขากำลังขบคิดว่าจะไปซื้อนกพิราบที่ไหนรวมทั้งวิธีปรุงนกพิราบทั้งสิบแปดวิธี คิดไม่ถึงว่าตัวเองที่ชิงออกตัวมาก่อนกลับถูกทนายอันแซงไป เมื่อตัวเองคลำหาทางมาถึง เรื่องราวกลับแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
สวี่ชิงหล่างมองข้ามชายชราที่ถูกจับ แล้วมองไปที่สิงโตที่อยู่บนพื้นก่อน เขายื่นมือไปลูบคลำ สิงโตตัวนี้มีอายุมานานแล้ว และยังเสียหายอย่างหนัก แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ กลับยังแพร่กระจายกลิ่นอายของความเศร้าสลดไปทั่ว
“นี่คืออาวุธวิเศษ ถูกคนหลอมขึ้นมาโดยเฉพาะ เดิมเป็นของวิเศษที่เอาไว้รองรับความนึกคิด เมื่อมีนิสัยของตัวเอง แถมยังถูกคนนำไปสลักค่ายกลหล่อเลี้ยงเพิ่ม จุ๊ๆ ของเล่นพรรค์นี้ ฝีมือประณีตเหนือธรรมชาติจริงๆ ของดี ของดีชั้นยอด”
สวี่ชิงหล่างนานๆ จะเสียอาการแบบนี้ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีห้องชุดยี่สิบกว่าห้องมานานหรือเปล่า เขาจึงมองหลายเรื่องอย่างปล่อยวาง โดยเฉพาะเรื่องของอาจารย์เขาที่โดนจัดการไปก่อนหน้านั้น ตอนนี้เขายังคงลุ่มหลงอยู่กับการศึกษาวิชาค่ายกลอยู่
“เหล่าสวี่ มาผนึกหน่อย!” ทนายอันกวักมือเรียกสวี่ชิงหล่าง
สวี่ชิงหล่างเดินเข้ามา โน้มตัวมองชายชราจมูกแดงที่นอนอยู่ด้านล่าง และไม่ถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ในเมื่อถูกคนของร้านหนังสือคุมตัวไว้ ต่อไปควรทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
สวี่ชิงหล่างหยิบยันต์กระดาษออกมาสองสามแผ่น เริ่มเตรียมตัวปิดผนึก และพูดในเวลาเดียวกัน “จะเอาให้ตายหรือว่าแค่ควบคุม” เพราะเหมือนกับการวางยา ยาบางชนิดสามารถทำให้คนมึนหัวแต่ไม่เป็นไร มากสุดแค่สะอิดสะเอียนสองสามวัน ทว่ายาบางตัว หลังจากคนตื่นขึ้นมาแล้วสมองกลับใช้การไม่ได้
การปิดผนึกก็เช่นเดียวกัน การปิดผนึกที่รุนแรงหน่อย สามารถทำร้ายจิตวิญญาณอย่างที่ยากจะจินตนาการได้ แต่ผลลัพธ์กลับดียิ่งกว่า ไม่เกิดเหตุการณ์หนีรอดออกมาได้อย่างง่ายดาย
“เอาให้ตายไปเลย” ทนายอันพูดอย่างไม่ใส่ใจ จนป่านนี้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงการทำดีกับเชลยศึก
เขาเพียงแต่คิดว่าหลังจากจบงานครั้งนี้แล้ว จะกลับไปเผาเงินกระดาษเยอะหน่อย ไม่อย่างนั้นหากรับบทตัวร้ายนานเกินไป ถ้าหากวันหนึ่งต้องแปดเปื้อนความซวยของตัวร้ายเข้าจะทำอย่างไร
สวี่ชิงหล่างพยักหน้า เพื่อบอกว่าตัวเองรู้แล้ว จากนั้นจึงเริ่มวาดยันต์ใหม่
“อันปู้ฉี่ นายแน่มาก นายเก่งมาก ฉันอยากจะดูว่านายจะกระโดดโลดเต้นได้อีกกี่วัน!”
“โอ้ว ไม่ลำบากให้คุณต้องคิดกังวล ผมเนี่ยนะ ตอนนี้อยู่สุขสบายมาก ฮิๆ วันหลังจะสบายเหมือนอยู่บนสวรรค์มากกว่านี้อีก เสียดาย คุณคงไม่มีโอกาสได้เห็น พูดจริงๆ นะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณนิสัยเสียมาตลอด แสร้งทำตัวสูงส่งอยู่ร่ำไป เป็นขุนนางทีโดดเดี่ยว ใช่ว่าผมจะหยวนๆ ให้คุณไม่ได้ แต่ขอโทษ สำหรับคุณแล้ว ผมเดิมพันไม่ไหวจริงๆ ครั้งนี้ถือว่าคุณดวงซวย พวกเราจะไม่แยกว่าใครผิดใครถูก ส่วนที่ว่าวันหลังผมจะซวยหรือไม่นั้น เหอะๆ ผมไม่เชื่อว่าคุณจะมองไม่ออก ยมโลกเหลือเวลากระโดดโลดเต้นอีกกี่วันกันแน่ ท้องฟ้า กำลังจะเปลี่ยนแล้ว!”
“ไร้สาระ ถ้าไม่ใช่เพราะนายเล่นลูกไม้ในตอนนั้น ฉันจะโดนจับขังไหม อนาคตของฉันถูกทำลายจนต้องขึ้นมาตรวจจับเรื่องขี้หมาพวกนี้! ยมโลกกำลังจะเปลี่ยนไป ก็เพราะคนเลวอย่างนายที่ชอบทำผิดกฎแล้วหาข้ออ้างให้ตัวเอง! ตอนแรกฉันเห็นราชวงศ์ชิงจะไม่รอด แต่ตอนที่สู้กับคนต่างชาติ พวกเราเคยทำตัวเลอะเลือนไหม อันปู้ฉี่ ฉันเป็นผีก็จะไม่…” ชายชราจมูกแดงหยุดชะงัก เพราะจู่ๆ เขาก็พบว่าตัวเองไม่มีแม้แต่โอกาสได้เป็นผีด้วยซ้ำ อันปู้ฉี่คงไม่ให้โอกาสเขาได้กลับไปเป็นผีที่นรกอีกครั้งแน่นอน
เหล่าจางรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง เพราะเขาฟังออกว่าชายชราคนนี้ มีชื่อเสียงที่ดีพอสมควรเมื่ออยู่ในนรกนิสัยเสีย แต่ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด
เหล่าจางรู้สึกนับถือคนประเภทนี้อย่างยิ่ง ถึงแม้คนประเภทนี้เป็นเพื่อนร่วมงานของตัวเอง คุณจะเกลียดเขามากก็ตาม ทว่าเหล่าจางก็ไม่ได้เอ่ยปากขอร้องอะไร เพราะเป็นการเอาชีวิตและความปลอดภัยของทุกคนมาขอร้องอ้อนวอน เขาเหล่าจางไม่หน้าด้านขนาดนั้น และทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้เช่นกัน
สวี่ชิงหล่างวาดยันต์เสร็จแล้ว จึงพูดกับเหล่าจาง “เหล่าจาง ช่วยกดหน่อย”
เหล่าจางยังยืนครุ่นคิดอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับ
ทนายอันเหลือบตามองเหล่าจางหนึ่งที แล้วตะโกนว่า “เหล่าจาง”
เหล่าจางยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม
“คุณตำรวจจาง คุณจาง ลุงจาง ปู่จาง ป้าจาง จางเยี่ยนเฟิง!”
ชายชราจมูกแดงพลันเบิกตาโต!
เหล่าจางได้สติกลับมาทันที “อ้อ มีอะไร”
“กดเขาหน่อย อย่าให้เขาขยับ”
“โอเค ได้เลย”
เหล่าจางโน้มตัวกดไหล่ของชายชราด้วยสองมือ ชายชราจ้องมองจางเยี่ยนเฟิงด้วยดวงตาคนแก่คู่นั้นของเขาปากเริ่มสั่น สั่นแล้วก็สั่น
“แม่งเอ๊ย ไอ้แก่อย่างคุณกำลังติดสัดเหรอ”
ชายชราจมูกแดงไม่สนใจคำเยาะเย้ยของทนายอัน ขยับลำคอเล็กน้อย ตะโกนพูดว่า “จางเยี่ยนเฟิง ฉันเป็นปู่ทวดของนาย! ฉันเป็นปู่ทวดของนาย!!!!”
เหล่าจางพยักหน้าอย่างขอโทษเล็กน้อย เอ่ยว่า “ขอโทษครับ ผมคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะทำเรื่องแบบนี้ แต่ไม่มีทางอื่น ขอโทษด้วยนะครับ คุณอยากจะด่าก็ด่าผมเลย ถ้าสามารถทำให้คุณสบายใจได้ ขอให้คุณไปสู่สุคติ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ ครับ”
“แม่งเอ๊ย จางเยี่ยนเฟิง ฉันเป็นบรรพบุรุษของนาย!”
เหล่าจางพยักหน้า ขณะเดียวกันก็มองไปที่เหล่าสวี่ เพื่อบอกว่าตัวเองกดเขาแล้ว เริ่มผนึกได้เลย
ทักษะในการปล่อยให้น้ำลายบนหน้าแห้งเองของตำรวจประชาชน เวลานี้ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่แล้ว และเหล่าจางก็ไม่ได้เจอเรื่องที่ประชาชนเข้าใจตัวเองผิดเป็นครั้งแรก
“จางเยี่ยนเฟิง ไอ้เหลนเวร!”
“ครับๆๆ ผมใช่ครับ คุณด่าเลย ด่าแล้วผมจะได้สบายใจ”
“จางเยี่ยนเฟิง ฉันเป็นบรรพบุรุษของนาย!”
“ครับๆ คุณเป็นบรรพบุรุษของผม ผมควรเลียนแบบคุณ แต่ครั้งนี้ไม่ได้ เฮ้อ…คุณด่า ด่าต่อเลยครับ ด่าให้เต็มที่ขอแค่คุณหายโกรธ ขอแค่คุณจากไปอย่างสงบ”
“…” ชายชราจมูกแดง
……………………………………………………………………….