คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 669 ไม่รู้ว่าซื้อโลงศพได้ที่ไหน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 669 ไม่รู้ว่าซื้อโลงศพได้ที่ไหน

ฉินหลิวซีโกรธมาก

ซาหยวนจื่อคนสารเลว นางไม่ไปหาเขา แต่เขากลับชิงมาสร้างปัญหาถึงที่ ซ้ำยังทำร้ายคนของนาง ช่างหยิ่งผยองเสียจริง

เมื่อรู้สึกถึงพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวและความบดขยี้ของฉินหลิวซี อู๋เหวยก็อดขยับเข้าไปใกล้ชิงหย่วนไม่ได้ กลัวว่าจะถูกบรรพบุรุษผู้นี้บีบคอทุบตี

ฉินหลิวซีเอ่ย “มาอยู่ในอารามชิงผิง ก็อย่าคิดแต่จะนอนอยู่เฉยๆ รอเกษียณอายุ ต้องมีใจที่จะพัฒนาก้าวหน้า ไม่ร่ำเรียนวิชาไม่ได้ หากเรียนรู้วิชาเต๋ามากพอแล้ว เจ้าจึงจะสามารถมีอำนาจเหนือกว่าในอารามแห่งนี้ ไม่แน่อาจจะเทียบเท่ากับเจ้าอาวาสบางคนด้วยซ้ำ!”

อู๋เหวยตกใจกับคำพูดที่อกตัญญูจนแทบจะคุกเข่าลง เหลือบมองนักพรตเฒ่าชื่อหยวน ขาทั้งสองข้างสั่นไหว เอ่ย “ข้ามิกล้า”

“เจ้าต้องกล้า” ฉินหลิวซีกล่าวด้วยสีหน้ามืดครื้ม “ตอนนี้อีกฝ่ายเพียงแค่ร่ายคาถาสลายวิญญาณใส่เจ้า หากครั้งต่อไปเขาอารมณ์ไม่ดี ฆ่าเจ้าตายขึ้นมา เจ้าก็ไสหัวไปเกิดใหม่เถิด อย่างมากพวกเราก็จะทำพิธีสวดส่งให้เจ้า!”

อู๋เหวยกลืนน้ำลาย ในใจคิดว่า ‘ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนลัทธิเดียวกันที่หยิ่งผยองขนาดนี้ กล้ามาเล่นสกปรกถึงในอาราม’

ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาอย่างดูถูก เอ่ยกับชิงหย่วนว่า “เสกยันต์ตรึงวิญญาณให้เขาดื่ม”

“ขอรับ”

ชิงหย่วนมองดูฉินหลิวซีและนักพรตเฒ่าชื่อหยวนจากไป จากนั้นก็เอ่ยกับอู๋เหวยว่า “แม้ว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยจะปากร้ายไปหน่อย แต่ก็เพื่อตัวของเจ้าเอง เข้าสู่ลัทธิเต๋าฝึกบำเพ็ญ เรียนวิชาเต๋าได้เท่าใดก็เท่านั้น จะได้มีโอกาสรักษาชีวิตมากขึ้น และจะได้มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นไม่ใช่หรือ”

อู๋เหวยถอนหายใจ “แน่นอนว่าข้ารู้ แต่ใครจะไปรู้ว่าขนาดอยู่ในอารามเต๋าของตัวเองก็ยังตกหลุมพรางได้ ซ้ำยังเป็นคนในลัทธิเต๋าเหมือนกัน”

“เขานับว่าเป็นคนในลัทธิเต๋าตรงไหน ก็แค่หนูรางน้ำที่หลบซ่อนตัวเท่านั้น” ชิงหย่วนสบถ เอ่ยว่า “ไปเอายันต์ตรึงวิญญาณมาเสกแล้วดื่ม พักฟื้นอยู่ที่ห้องเต๋าของเจ้าสักพัก เรื่องอื่นๆ ให้บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องไปจัดการก็พอ แม้ว่าวิชาสลายวิญญาณจะไม่รุนแรง แต่สามวิญญาณแตกกระจาย ไฟบนหัวไหล่ของเจ้าจะอ่อนลงเล็กน้อย ต้องรักษาตัวระยะหนึ่ง จริงสิ ตอนเสกยันต์ให้หยิบขี้เถ้าของธูปที่อยู่หน้าเจ้าลัทธิเต๋าใส่ลงไปในน้ำด้วย”

อู๋เหวยรับคำ

ทันทีที่นักพรตเฒ่าชื่อหยวนนั่งลงในห้องเต๋า ฉินหลิวซีก็จับมือเขาขึ้นมา วางสองนิ้วลงไป

“วางใจเถิด เจ้าเด็กนั่นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกระตุกมุมปาก

ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม “เข็มดอกสาลี่ไม่ได้ทะลุร่างของท่าน ก็เลยบอกว่าทำอะไรไม่ได้หรือ”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนสำลัก ช่างเถิด นางกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อย่าราดน้ำมันลงไปบนกองไฟจะดีกว่า

หลังจากฉินหลิวซีจับชีพจรแล้ว ก็เอ่ยว่า “ยาเจิ้งหยวนอยู่ไหน”

“ไม่ถึงขั้นต้องกินสิ่งนั้นหรอกกระมัง” เขามองไปยังชั้นหนึ่งแถวที่วางม้วนพระสูตรในห้อง

ฉินหลิวซีเหลือบมองไปตามสายตาของเขา หยิบม้วนพระสูตรมาจากบนชั้น จากนั้นก็หยิบกล่องออกมาจากด้านในสุดแล้วเปิดออก ข้างในมียาขนาดเท่าหนึ่งข้อนิ้วที่ห่อด้วยขี้ผึ้งสองเม็ด

นางหยิบยามาหนึ่งเม็ด แล้วนำกล่องวางลงกลับไป จากนั้นก็แกะขี้ผึ้งออก กลิ่นเหม็นลอยออกมา เม็ดยาขนาดหนึ่งข้อนิ้วสีโคลนเหลือง เมื่อได้กลิ่นก็อยากจะอาเจียน

ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจความต่อต้านที่เขียนอยู่บนใบหน้าของตาเฒ่า ยื่นเม็ดยาไปที่ปากของเขา

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนถอนหายใจ กลั้นหายใจแล้วยัดเม็ดยาเข้าไปในปาก จากนั้นก็รับน้ำที่นางยื่นให้แล้วดื่มลงไป

ใครจะไปคิดว่ายาเจิ้งหยวนที่เป็นยาบำรุงการทำงานของร่างกายชั้นดีจะมีกลิ่นเหมือนอึ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเวลากิน

คืนนี้ไม่ต้องกินข้าวแล้ว

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกรอกน้ำไปสองแก้ว จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซี “ตอนนี้เขามาหาถึงที่แล้ว เจ้ามีแผนอย่างไร”

“ท่านเก็บข้าวของให้เรียบร้อย ไปกักตัวฝึกบำเพ็ญที่ตำแหน่งเส้นเลือดมังกรบนหุบเขา” ฉินหลิวซีลดสายตาลง ปิดบังความเย็นชาในสายตา ก่อนจะเอ่ย “ส่วนซาหยวนจื่อ ไม่รู้ว่าซื้อโลงศพได้ที่ไหน[1] เช่นนั้นข้าก็จะชี้ทางสว่างให้แก่เขาเอง”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างระมัดระวัง “ความจริงแล้วกักตัวฝึกบำเพ็ญที่ไหนก็ได้ ที่ภูเขาด้านหลังก็ได้เช่นกัน”

“พลังวิญญาณที่ภูเขาด้านหลังเทียบกับตำแหน่งเส้นเลือดมังกรไม่ได้ หากไปกักตัวฝึกบำเพ็ญที่นั่นย่อมแข็งแกร่งกว่า เมื่อตบะของท่านก้าวหน้า จึงจะเอ่ยถึงเรื่องอื่นได้ เว้นเสียแต่ว่าท่านจะไม่ไปยุ่งกับชื่อเจินจื่อ เช่นนั้นก็ไม่ต้องไป”

“หากข้าไปแล้ว เจ้าจะดูแลอารามชิงผิงหรือ”

ฉินหลิวซีหัวเราะเย้ยหยัน “เอ่ยราวกับว่าตอนนี้ข้าไม่ได้ดูแลอาราม ทั้งนอกและในอารามชิงผิงแห่งนี้ มีอะไรบ้างที่ไม่ได้ซ่อมแซมด้วยเงินค่าน้ำมันตะเกียงที่ข้าได้รับมาจากการทำงานหนัก”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนรู้สึกผิดเล็กน้อย กระแอมเบาๆ เอ่ยอย่างจริงจัง “การหาค่าน้ำมันตะเกียงนั้นเป็นผลพลอยได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้แล้ว พวกเรายึดหลักสะสมบุญกุศล มุ่งจิตใจไปสู่เต๋า”

“หากท่านกล้าเอ่ยเช่นนี้ต่อหน้าเจ้าลัทธิเต๋าโดยไม่ต้องค้ำกำแพง เช่นนั้นข้าก็จะเชื่อฟังท่าน”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวน ‘เจ้าเด็กปากคอเราะร้ายผู้นี้!’

เขาหยิบเข็มดอกสาลี่สองสามเล่มออกมาจากแขนเสื้อ แล้ววางลงบนโต๊ะ “เจ้าดูเข็มนี่สิ มันถูกสร้างขึ้นมาโดยซาหยวนจื่อผู้นั้น”

ฉินหลิวซีไม่ได้ถือสาการเปลี่ยนบทสนทนาอย่างดื้อๆ ของเขา หยิบเข็มขึ้นมาหนึ่งเล่ม มีพลังงานหยินชั่วร้ายพัวพันอยู่ นางยกขึ้นมา เข็มดอกสาลี่เปล่งประกายมันวาว ปลายเข็มเป็นสีเขียวเล็กน้อย

นางวางเข็มไว้ใกล้ปลายจมูกแล้วลองดม มีกลิ่นเหม็นเน่า นางโยนเข็มลงไปในแก้วน้ำอุ่น ไม่ช้าก็มีน้ำมันลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ

ฉินหลิวซีรังเกียจอย่างยิ่ง ดีดปลายนิ้ว ประกายไฟตกลงไปในแก้วแล้วลุกไหม้ขึ้นมา

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเลิกคิ้ว

“เข็มดอกสาลี่เหล่านี้มีพลังหยินรุนแรงเพียงนี้ คงจะแช่ในน้ำมันศพมาก่อน กระทั่งปักไว้บนตัวศพเพื่อหล่อเลี้ยงเป็นระยะเวลาหนึ่ง อีกทั้งยังบางพอๆ กับเส้นขน เข้าไปในร่างกายแล้วไม่ออกมา พลังงานหยินย่อมสร้างหายนะให้แก่ร่างกาย” ฉินหลิวซีเอ่ย

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนสีหน้าเย็นชา “อาวุธที่เขาหล่อหลอมชั่วร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ลูกศิษย์ที่เขารับมาก็เช่นกัน หากปล่อยให้เขาทำเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนกระทั่งวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนเท่าใดที่จะถูกสังหารด้วยน้ำมือของพวกเขา”

ฉินหลิวซีสีหน้าเย็นชา “ไม่ว่าจะทำบาปแค่ไหน ในภายภาคหน้าก็จะต้องชดใช้จนครบ”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนถอนหายใจ “บุญกุศลเบาบาง เป็นเรื่องจริงที่กระจกส่องกรรมจะจดบันทึกบาปบุญคุณโทษของพวกเขา แต่กว่าจะถึงเวลาต้องชดใช้ ก็มีผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องตายไปแล้ว”

ฉินหลิวซีเงียบขรึม

“เจ้ามาได้อย่างไร”

ฉินหลิวซีเอ่ย “รับคนไข้มาหนึ่งราย เป็นคนตระกูลเฉวียนในซีเป่ย ถูกพิษอัคคีเยือกแข็งกร่อนกระดูก ถูกสร้างขึ้นมาโดยนักบวชนามว่าอาถูผู่ พิษนั้นเป็นพิษของมดคันไฟชนิดหนึ่งที่มีในทะเลทรายดำเท่านั้น ข้าอยากจะมาค้นตำราลับ อาจจะมีสิ่งที่ปราบมันได้”

“นักบวชผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อใดหรือ ไยจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนขมวดคิ้วแน่น เอ่ยว่า “ทางด้านทะเลทรายดำ ถึงจะมีสิ่งที่สามารถปราบได้ หรือว่าเจ้าจะบุกไปด้วยตัวเอง นั่นคือทะเลทรายแห่งความตายเชียวนะ”

“จะมีอะไรได้ หากมีขึ้นมาจริงๆ ถึงเวลาก็ยืมเส้นทางผีไป ข้าจะรอดูว่าจะมีใครในยมโลกกล้ามาเอาวิญญาณข้าไป” ฉินหลิวซีสบถ

ฟังน้ำเสียงหยิ่งผยองนี่สิ ใครจะไปห้ามปรามได้

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมองนาง แล้วจึงเอ่ย “ไม่ว่าเมื่อใดก็อย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ จะสูญเสียบุญกุศล”

“ท่านเอาแต่ให้ข้าสะสมบุญกุศล ของเช่นนี้สามารถช่วยอะไรข้าได้กันแน่”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยอย่างร้ายกาจว่า “เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเผชิญเคราะห์กรรมจะสามารถช่วยบังสายฟ้าให้เจ้าได้ จะได้ไม่ถูกสายฟ้าฟาดจนตาย”

ฉินหลิวซีลุกขึ้นมา “แยกย้ายกันเถิด ท่านสาปแช่งศิษย์ของท่านจนตายแล้ว!”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมองนางเดินจากไปด้วยความโกรธ เขาหัวเราะพลางส่ายหน้า ก่อนจะเดินมาที่หน้ารูปหล่อทองคำเล็กของเจ้าลัทธิเต๋าที่ห้องด้านใน หยิบธูปมาจุดบูชา ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ไม่ว่าบุญกุศลจะมากเท่าใดก็ไม่พออยู่ดี!”

[1] ไม่รู้ว่าซื้อโล่งศพได้ที่ไหน แกว่งเท้าหาเสี้ยน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท