รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 955 ต่อสู้สิบรอบ พระอมิตาภะพุทธเจ้าออกโรงคนแรก!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 955 ต่อสู้สิบรอบ พระอมิตาภะพุทธเจ้าออกโรงคนแรก!

บทที่ 955 ต่อสู้สิบรอบ พระอมิตาภะพุทธเจ้าออกโรงคนแรก!

หลังผ้าเช็ดหน้าโผล่ออกมา ความมืดมิดก็เป็นสีเดียวในใต้หล้า ประกายจากน้ำเต้าสุราถูกบดบัง สิ่งมีชีวิตหลังฉากตื่นตระหนกเหลือแสน หรือวันนี้พวกเขาต้องจบชีวิตลงที่นี่กันทั้งหมดเลยหรือ

“พวกเราเผ่นเถิดพี่ใหญ่!”

ในมุมหลัง เจ้าหลวงตัวสั่นระริก ร้องเรียกให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหนีด้วยกลัวจะถูกสังหารลงที่นี่

“บอกแล้วใช่หรือไม่ว่ามิให้เจ้าเรียกข้าว่าพี่?!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเดือดดาลเหลือแสน บอกกับเจ้าหลวงว่า “ขืนเรียกข้าว่าพี่อีก ข้าจะเชือดเจ้าเสียตอนนี้!”

จริง ๆ เลย เจ้าหลวงไม่สำเหนียกในสถานการณ์ของตนเลยหรือไร

เขาเตือนเจ้าหลวงมาตั้งหลายครั้ง เจ้าหลวงยังกล้าเรียกเขาว่าพี่อีก!

“ข้าผิดไปแล้ว แต่พวกเราเผ่นกันเถิด! ข้าว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีเท่าไหร่!”

เจ้าหลวงบอกเสียงร่ำไห้

ศาสตรามืดมิดทรงพลังถึงสองชิ้นน่ากลัวเกินไป ความมืดมิดกำราบได้ทุกสิ่ง เขากลัวจากใจจริงว่าอาจตายอยู่ที่นี่ เช่นนั้นคงน่าสมเพชเกินไป!

“อย่าได้เอ่ยเช่นนี้อีก!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตอบเจ้าหลวงแล้วไม่สนใจเขาอีก

น้ำเต้าสุราของคุณชายอยู่ที่นี่ บ่งบอกว่าคุณชายรับรู้สถานการณ์ที่นี่แล้ว พลังมืดมิดน่ะหรือคิดจะก่อกรรมทำเข็ญที่นี่ได้?

จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!

ฟึ่บ!

เวลานั้นเอง แสงสว่างปรากฏขึ้น เริ่มแรกมีเพียงจุดเดียวเท่านั้น ต่อมาก็มีม่านแสงเจิดจ้าสาดส่องมากขึ้น จนทลายการปกคลุมของความมืดมิด!

น้ำเต้าสุราแผลงฤทธิ์ ขับไล่ความมืดมิด คืนแสงสว่างให้กับสิ่งมีชีวิตหลังฉาก

สิ่งมีชีวิตหลังฉากต่างตื้นตันกันหมด ให้ความรู้สึกรอดตายจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ มองเห็นความหวังอีกครั้ง

จ้าวชิงพรูลมหายใจด้วยความโล่งอก สะท้อนใจถึงความเก่งกาจของคุณชาย เป็นเพียงน้ำเต้าบรรจุสุราเท่านั้น แต่กลับระงับอานุภาพของศาสตรามืดมิดทรงพลังได้ถึงสองชิ้น

ฝ่ายสิ่งมีชีวิตมืดมิดเงียบไป

เดิมที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้อง มองว่าศาสตราทรงพลังสองชิ้นนี้กำราบได้ทุกสิ่ง

ทว่าบัดนี้ น้ำเต้าสุรากลับระงับศาสตราทรงพลังทั้งสองไว้ได้

“จัดการไม่ง่ายจริง ๆ ด้วย…”

ท่ามกลางสิ่งมีชีวิตมืดมิด อสูรร้ายตนหนึ่งทอดถอนใจ

มันเป็นผู้เรียกศาสตรามืดมิดทรงพลังทั้งสองชิ้นออกมา เพื่อใช้ทดสอบว่าสามารถกำราบน้ำเต้าสุราได้หรือไม่

ทว่าบัดนี้ดูแล้ว น่ากลัวว่าคงไม่เป็นจริง

แต่ฝีมือของมันหาได้มีเท่านี้ไม่

มันก้าวออกไปจากขบวนสิ่งมีชีวิตมืดมิด

ตัวของมันเป็นสีดำสนิท นัยน์ตาทั้งสองข้างทอประกายดุดัน ลมปราณสยดสยองอย่างยิ่งยวด มันมาจากแดนบูชายัญอันธการ เป็นอสูรมืดมิดกลืนวิญญาณ ซึ่งเป็นหนึ่งในขุนพลใหญ่ใต้บัญชาจ้าวแห่งความมืดมิด

หลังมันก้าวออกมา แม้จะห่างกันคนละฟากของสมรภูมิมืดมิด จ้าวชิงและสิ่งมีชีวิตหลังฉากตนอื่นยังรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล มันนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!

“ระดับอะไรกัน?!”

ไป๋เริ่น ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ขมวดคิ้ว มือที่กำทวนยาวสั่นไหว อสูรร้ายตนนี้อยู่ในขอบเขตสูงส่งอย่างเห็นได้ชัด

อสูรมืดมิดกลืนวิญญาณไม่ได้เอ่ยอันใดไปมากกว่านี้ มันเรียกศาสตราทรงพลังออกมาอีกชิ้น!

นี่คือหนังอสูรแผ่นหนึ่ง บนนั้นมีตัวอักษรมหึมาซึ่งเขียนด้วยโลหิต หลังมันปรากฏออกมา อักษรสีเลือดนี้ยังหลั่งโลหิตไม่หยุด เสมือนทะเลแห่งเลือดมากมายที่กำลังไหลเวียน

หนังอสูรเหินขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า ขนาบข้างศาสตรามืดมิดทรงพลังอีกสองชิ้น สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้ผู้คน พลังมืดมิดที่กำจายออกมาสยดสยองเหลือแสน!

ยังมีศาสตรามืดมิดทรงพลังชิ้นอื่นอีกหรือ?!

สิ่งมีชีวิตหลังฉากหัวใจหนักอึ้งกันหมด ไม่เหลือความปีติอย่างก่อน

สิ่งมีชีวิตมืดมิดปรากฏตัวออกมาอีกครั้งโดยเตรียมการมาอย่างดีจริง ๆ ไม่เพียงแต่เปี่ยมพลังอำนาจกว่าเก่า อีกทั้งนำศาสตราทรงพลังออกมาด้วยถึงสามชิ้น!

“พวกเรามาเล่นกันหน่อยเถิด…”

อสูรมืดมิดกลืนวิญญาณปริปาก สุ้มเสียงเย็นเสียดกระดูกประดุจเสียงจากทูตแห่งความตาย เป็นผลให้ผู้ได้ฟังรู้สึกไม่สบายใจ

ก่อนนี้มันหยั่งเชิงด้วยศาสตราทรงพลังมืดมิดสองชิ้น พบว่าน้ำเต้าสุราไม่อาจจัดการได้ง่าย ๆ มันนึกหวั่นเกรง ไม่กล้าผลีผลามเปิดฉากการต่อสู้เอาชีวิต

“พวกเราทั้งสองฝ่ายต่างไม่ใช้ศาสตราทรงพลัง มาตั้งใจสู้กันสักตั้ง!”

มันมองจ้าวชิงและเหล่ายอดฝีมือพลางเอ่ย “สู้กันสักสิบรอบแล้วกัน หากพวกเจ้าชนะ พวกเรายอมถอย! หากพวกเราชนะ พวกเจ้าถอนกำลังออกจากเมืองโบราณ กลับไปยังโลกหลังฉาก ยกที่นี่ให้เรา!”

จ้าวชิงและยอดฝีมือตนอื่น ๆ มองหน้ากันด้วยสีหน้าคร่ำเครียดเหลือคณา

พวกเขาตระหนักดีว่าอสูรมืดมิดกลืนวิญญาณกลัวเกรงต่อแสนยานุภาพของน้ำเต้าสุรา ถึงได้เสนอการต่อสู้เช่นนี้ขึ้น

หาไม่แล้ว อสูรมืดมิดกลืนวิญญาณไฉนเลยจะยอมทำเช่นนี้ คงนำทัพสิ่งมีชีวิตมืดมิดบุกมาเข่นฆ่าละเลงเลือดนานแล้ว

“สู้หรือไม่”

พวกเขาสนทนาหารือ

อสูรมืดมิดกลืนวิญญาณไม่รู้ว่าน้ำเต้าสุราแข็งแกร่งปานใด พวกเขาก็เช่นกัน ไม่รู้ว่าน้ำเต้าสุรามีฤทธิ์เดชขนาดไหน

พวกเขากลัวว่าน้ำเต้าสุราจะจัดการศาสตรามืดมิดทรงพลังทั้งสามชิ้นไม่ไหว

“สู้แล้วกัน!”

ไป๋เริ่น ประมุขแห่งสรวงสวรรค์เอ่ย

“นี่ถือเป็นโอกาสหนึ่ง อย่างน้อยพวกเรายังมีทางถอย สามารถถอนกำลังกลับไปที่โลกหลังฉาก แต่หากเปิดฉากสงครามจริง ๆ พวกเราจักหมดสิ้นทางถอยอย่างสิ้นเชิง…”

เขากล่าวความคิดเห็นของตนออกไป

“อามิตาพุทธ สู้!”

พระอมิตาภะพุทธเจ้าออกความเห็นเช่นกัน

“สู้ก็ได้!”

“สู้!”

ยอดฝีมือตนอื่นพากันส่งเสียง ต่างเห็นด้วยกับการยอมรับการต่อสู้

ไป๋เริ่น ประมุขแห่งสรวงสวรรค์พูดไม่ผิด

ต่อให้พวกเขาปราชัยในการต่อสู้นี้ พวกเขาก็ยังมีโอกาส

แต่หากไม่สู้ ปล่อยให้สงครามปะทุ พวกเขาจักหมดโอกาสจริง ๆ ได้แต่ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับน้ำเต้าสุรา

สิ่งมีชีวิตมืดมิดมิได้มีเพียงศาสตราทรงพลังสามชิ้น แต่ยังมีกำลังกำลังรบนับคณาที่เหนือกว่าพวกเขา นั่นบ่งบอกว่าน้ำเต้าสุราไม่เพียงแต่ต้องกำราบศาสตราทรงพลังทั้งสามชิ้น แต่ยังต้องกำราบบรรดากำลังรบมืดมิดที่กล้าแกร่งกว่าพวกเขาด้วย

หากน้ำเต้าสุราต้องจัดการเพียงศาสตราทรงพลังสามชิ้น พวกเขายังเสียเปรียบอยู่ดี

กำลังรบฝ่ายความมืดมิดที่เหนือกว่าพวกเขาสามารถล้างบางพวกเขาจนเกลี้ยง

หลังตรึกตรองปัจจัยทุกข้อ จึงคิดว่ายอมรับการต่อสู้ที่ว่านี้ดีกว่า การฝากความหวังทั้งหมดไว้กับน้ำเต้าสุราเสี่ยงเกินไป

“ต่อสู้สิบรอบ ต้องเป็นกำลังรบที่อยู่ในระดับพลังเดียวกันเท่านั้น โดยฝ่ายเราเป็นผู้ส่งก่อน!”

หลังตัดสินใจได้ จ้าวชิงบอกกับอสูรมืดมิดกลืนวิญญาณ

เงื่อนไขนี้จำเป็นยิ่ง มิฉะนั้นแทบสู้ไม่ได้เลย

สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่มีกำลังรบสูงกว่าพวกเขามีอยู่ถมเถ จำต้องตั้งเงื่อนไขจำกัดเช่นนี้

“ไม่มีปัญหา”

อสูรมืดมิดกลืนวิญญาณตอบตกลง

มันมั่นใจในกำลังรบฝ่ายตนเอง อีกอย่างมันรู้ว่าหากไม่ยอมรับเงื่อนไขจำกัดขอบเขตพลัง จ้าวชิงและยอดฝีมืออื่น ๆ ย่อมไม่ยอมตกลง

“ผู้ใดเริ่มก่อน”

จ้าวชิงและยอดฝีมือตนอื่นหารือคัดเลือกผู้ลงสนาม

“อามิตาพุทธ อาตมาเอง!”

พระอมิตาภะพุทธเจ้ากล่าว “อาตมาออกโรงคนแรก คว้าชัยชนะมาตั้งแต่ศึกแรกเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ!”

“ได้!”

“ย่อมได้!”

เหล่ายอดฝีมือพยักหน้า ยอมรับในฝีมือของพระอมิตาภะพุทธเจ้า

พระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นน่าทึ่งอย่างแท้จริง เมื่อคราวสิ่งมีชีวิตมืดมิดยกทัพบุกเต็มกำลังเขายังผ่านมาได้ นับว่าทรงพลังกว่าพวกเขาหลายขุม!

หากเป็นพวกเขา ไม่มีทางผ่านมาได้เลย ต้องถูกความมืดมิดกลืนกินจนสิ้นแน่

จากนั้นพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็ก้าวออกมาอยู่ตรงกลางของสมรภูมิมืดมิด

อสูรมืดมิดกลืนวิญญาณหรี่ตาลง รับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดาของพระอมิตาภะพุทธเจ้า มันเลือกขุนพลด้วยตนเอง ส่งสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนหนึ่งออกไปรับศึก

นี่คือค้างคาวสีดำตัวหนึ่ง สยายปีกออกแล้วมโหฬารยิ่งกว่าดวงดารา ถือเป็นตัวตนสุดแกร่งในหมู่ขั้นหก!

“ดูท่าทางเจ้าผิวนวลเนียนนุ่มนิ่ม กินแล้วคงให้รสชาติกลมกล่อม!”

ค้างคาวดำมองพระอมิตาภะพุทธเจ้าพลางกล่าว

พระอมิตาภะพุทธเจ้ามิได้เอ่ยวาจา เขาพนมมือ เตรียมรับศึก!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท