ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 381 สอดแนมศัตรู

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 381 สอดแนมศัตรู

คุณชายสามเซิ่งคิดถึงสถานการณ์เช่นนี้ไว้ตั้งแต่ที่ได้รับจดหมายแจ้งว่าท่านพ่อจะพาลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนเข้าเมืองหลวงแล้ว บัดนี้เผชิญหน้ากับคำถามที่มาจากจิตวิญญาณของคุณชายรองเซิ่งด้วยดวงตาแน่วแน่

“แค่กๆ สวมเสื้อไหมปักกลับบ้านเกิดเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว ตอนนี้ก็กำลังเตรียมตัวอยู่มิใช่หรือ”

“เตรียมตัวจนไขมันพอกทั้งตัว?” คุณชายรองเซิ่งฉีกหน้าอย่างไร้ความเกรงใจ

คุณชายใหญ่เซิ่งมองน้ารองเซิ่งอย่างลึกซึ้ง

ตอนที่ท่านอารองเข้าเมือง คำพูดที่พูดกับท่านย่าและอาสะใภ้รองเหมือนกับว่าจะไม่ต่างจากน้องสาม…

คุณชายรองเซิ่งก็คิดถึงเรื่องนั้น

ตอนที่อารองออกจากบ้านบอกว่าเมืองหลวงนั้นเจริญรุ่งเรืองเพียงใด ดูว่าจะหาโอกาสขยายกิจการครอบครัวได้หรือไม่ ถึงครานั้นจะได้สวมเสื้อไหมปักกลับบ้านเกิด

ทำเอาท่านย่าซาบซึ้งเสียจนน้ำตาแทบจะไหล

สวมเสื้อไหมปักกลับบ้านเกิดของอารองคงไม่ได้เหมือนกับสวมเสื้อไหมปักกลับบ้านเกิดของน้องสามหรอกนะ

น้ารองเซิ่งเหลือบมองหลานชายสองคน คิดในใจว่าเจ้าเด็กสองคนนี้ต้องกำลังคิดฟุ้งซ่านแน่ๆ

เขาจะเหมือนกับซานหลังหรือ

แม่ทัพใหญ่ลั่วส่งน้ารองเซิ่งและคนอื่นๆ ที่หน้าประตูใหญ่ เขาจับมือน้ารองเซิ่งพูดอย่างอบอุ่นใจว่า “น้องภรรยา พรุ่งนี้มาอีกนะ”

น้ารองเซิ่งพยักหน้าแรงๆ “แน่นอน”

แม่ทัพใหญ่ลั่วมองซูเย่าที่มีคนประคอง พูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขอโทษจริงๆ จวนลั่วทำไม่ดีเอง”

แม้ซูเย่าจะรู้สึกอับอาย แต่ใบหน้ากลับยังคงสงบ “แค่อุบัติเหตุ แม่ทัพใหญ่ลั่วพูดเช่นนี้ ข้าน้อยมิอาจรับไหว”

“ไม่ ไม่หรอก เป็นความผิดของจวนลั่วจริงๆ” แม่ทัพใหญ่ลั่วหันไปข้างๆ “ฟู่เสวี่ย…”

เด็กหนุ่มรูปงามเดินเข้ามา ข้างหลังตามมาด้วยห่านตัวใหญ่สีขาวตัวหนึ่ง

ซูเย่าที่เดิมมีใบหน้าสงบนิ่งถอยหลังโดยสัญชาติญาณ หน้าขาวซีด

ฟู่เสวี่ยโค้งกายให้ซูเย่า “คุณชายซู เป็นความผิดของข้าเอง ข้าดูแลต้าไป๋ไม่ดี ท่านโปรดอภัยให้ต้าไป๋ด้วยขอรับ”

ซูเย่าแทบจะรักษาภาพพจน์อ่อนโยนและอบอุ่นไม่ได้แล้ว เขาพูดอย่างยากลำบากว่า “ข้าไม่ได้ถือสาต้าไป๋… สหายน้อยพามันไปเถอะ”

ฟู่เสวี่ยเผยรอยยิ้มมีความสุข “ขอบคุณคุณชายขอรับ คุณชายเป็นคนดีจริงๆ”

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มจูงห่านสีขาวตัวใหญ่ไป หัวใจที่เต้นระส่ำดวงนั้นของซูเย่าจึงสงบลง

น้ารองเซิ่งมองซูเย่าด้วยความเวทนา พูดกับแม่ทัพใหญ่ลั่วว่า “พี่เขยเกรงใจเกินไปแล้ว อันที่จริงไม่ต้องขอโทษก็ได้…”

ดูสิทำเอาหลานซูตกใจกลัวเช่นนี้

“ข้ารู้สึกผิดน่ะ” แม่ทัพใหญ่ลั่วกล่าวอย่างละอายใจ

หลังจากส่งน้ารองเซิ่งและคนอื่นๆ ขึ้นรถม้าแล้ว แม่ทัพใหญ่ลั่วก็กำชับลั่วเซิง “เซิงเอ๋อร์ ต่อไปต้องดูต้าไป๋ให้ดี ครั้งนี้กัดคุณชายซูคนนั้นก็แล้วไป หากกัดน้ารองเจ้าคงแย่น่าดู”

ลั่วเซิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ต้าไป๋รู้จักกาลเทศะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วกระตุกมุมปากเบาๆ

หากนางไม่ใช่บุตรสาวของตน เขาคงตบหน้าไปแล้ว

ห่านตัวหนึ่งจะรู้จักกาลเทศะได้อย่างไร

ทว่าใครให้เป็นลูกแท้ๆ เล่า

แม่ทัพใหญ่ลั่วมองสีหน้าลั่วเซิง เข้าใจว่านางหมายถึงอะไร “เซิงเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าไม่ชอบซูเย่านั่นแล้วหรือ”

ลั่วเซิงยิ้มๆ “ท่านพ่อมิต้องสนใจเขา หากวันนี้เขาไม่มา ลูกคงลืมไปแล้วว่าเขามีหน้าตาอย่างไร”

แม่ทัพใหญ่ลั่วหลุดหัวเราะ

เขาคิดมากไปเอง

คุณชายสามเซิ่งไปส่งพวกน้ารองเซิ่งไปยังที่พักที่เช่าไว้

ระหว่างทางคุณชายรองเซิ่งถามคุณชายสามเซิ่งว่า “เด็กหนุ่มที่จูงห่านสีขาวมาขอโทษเป็นคนเลี้ยงห่านหรือ”

“พี่รองหมายถึงฟู่เสวี่ยหรือ เขาเป็นนายบำเรอที่น้องลั่วเลี้ยงดู แต่หน้าที่หลักคือเลี้ยงต้าไป๋”

ซูเย่าคิดถึงคำว่าสหายน้อยที่ตนใช้เรียกฟู่เสวี่ย สีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย

ผ่านไปนาน คุณชายรองเซิ่งก็ถอนหายใจ “น้องลั่วมีสายตาเฉียบแหลมจริงๆ”

มิน่าเล่าทันทีที่ถึงจินซาก็สนใจน้องรองซูทันที

เขามองซูเย่าทีหนึ่งแล้วคิดถึงฟู่เสวี่ย คุณชายรองเซิ่งรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย

เช่นนี้แล้ว ความกังวลในอดีตของเขาล้วนไร้ประโยชน์ น้องลั่วคงไม่ชอบพวกเขา…

ขณะที่คิดเช่นนี้ นอกจากจะไม่ได้รู้สึกโล่งใจแล้ว กลับยังรู้สึกเสียดแทงใจ

ทางฝั่งเว่ยหานเองก็ได้รับข่าวน้ารองเซิ่งเข้าเมืองแล้ว

“นายท่านท่านรู้จักซูเย่านั่นใช่หรือไม่ เขาก็มาแล้ว!”

ซูเย่าหรือ

เว่ยหานขมวดคิ้ว

สือเยี่ยนกลัวว่าเว่ยหานจะจำไม่ได้ รีบช่วยเตือนว่า “ก็คือผู้ชายที่คุณหนูลั่วอยากจะแต่งงานด้วยจนฆ่าตัวตายที่จินซาขอรับ”

เว่ยหานมองสือเยี่ยน รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดนี้อย่างยิ่ง

คุณหนูลั่วฆ่าตัวตายเพราะผู้ชายคนหนึ่งหรือ

เขาไม่เชื่อ

“นายท่าน ท่านอย่าเพิกเฉยนะขอรับ ข้าน้อยได้ยินมาจากหงโต้ว”

เว่ยหานสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา

“นายท่าน ท่านจะอยู่เงียบๆ อีกต่อไปหรือไม่ขอรับ”

เว่ยหานดื่มชาคำหนึ่งแล้ววางจอกชาลงบนโต๊ะ “ช่วยข้านัดคุณหนูลั่วออกมาที”

ลั่วเซิงได้รับสารจากโค่วเอ๋อร์ว่าเว่ยหานนัดพบนาง นางคิดว่ามีเบาะแสเกี่ยวกับกลุ่มนักฆ่าแล้ว จึงไปพบตามนัดด้วยความยินดี

สถานที่ที่ทั้งสองพบกันนั้นเป็นหอสุราที่ไม่โดดเด่นนัก

ลั่วเซิงจำได้ว่าก่อนหน้าที่นัดพบกันที่นี่ เป็นเพราะไคหยางอ๋องขอความช่วยเหลือเรื่องเชิญหมอเทวดา

“คนบ่อนทองพันชั่งพวกนั้น ถามอะไรได้บ้างหรือไม่” ลั่วเซิงเพิ่งนั่งลงก็ถามทันที

“พวกเขามีจำนวนไม่มาก ทุกคนล้วนมีฝีมือดี ผู้ดูแลจูคนนั้นเป็นหัวหน้า นักฆ่าเหล่านี้รับจ้างฆ่าคนล้วนต้องฟังเขา สอบปากคำจากนักฆ่าคนหนึ่งได้ความว่ามีบัญชีรายชื่อเล่มหนึ่งที่บันทึกข้อมูลการเจรจาซื้อขายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”

“หมายความว่าหาบัญชีเล่มนั้นให้เจอก็จะรู้ว่าคนที่จ้างวานให้ไล่ฆ่าข้าระหว่างทางกลับเมืองหลวง และคนที่จ้างวานให้ลอบสังหารนายอำเภอหลิวชิงคือผิงลี่หรือว่าผู้อื่นหรือ”

เว่ยหานพยักหน้า

“บัญชีรายชื่อเล่มนั้นอาจจะอยู่ที่ผู้ดูแลจูใช่หรือไม่”

“หากยังไม่ถูกทำลาย ผู้ดูแลจูน่าจะเป็นคนเก็บบัญชีรายชื่อนั่นไว้”

ลั่วเซิงได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว

นางรับผู้ดูแลจูไว้ข้างกายเพื่อจับตาดูเขา เป็นเพราะผู้ดูแลจูเป็นลูกน้องเก่าของจวนเจิ้นหนานอ๋อง นางต้องการค้นหาเกี่ยวกับเบาะแสของจวนเจิ้นหนานอ๋อง

แต่หากค้นหาบัญชีรายชื่อเล่มนั้นจะแหวกหญ้าให้งูตื่น

เว่ยหานน้ำเสียงเปลี่ยน “แม้จะได้รับข้อมูลจากปากเหล่านักฆ่าไม่มาก แต่ข้าเดาว่าผู้ดูแลจูมีส่วนเกี่ยวข้องกับอำนาจบางอย่าง บัดนี้นักฆ่าเหล่านี้ล้วนถูกควบคุม ผู้ดูแลจูไม่สามารถทำอะไรได้ไประยะหนึ่ง เช่นนั้นเราควรวางแผนระยะยาวโดยไม่รีบหวังผล เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด”

“เหตุใดท่านอ๋องจึงคิดเช่นนี้”

“นักฆ่าคนหนึ่งสารภาพว่าเขาเคยเห็นผู้ดูแลจูทะเลาะกับคนๆ หนึ่งโดยบังเอิญ คนๆ นั้นดูมีฐานะสูงกว่าผู้ดูแลจู”

“หากเป็นเช่นนี้ก็รอดูก่อนเถอะ หากเบื้องหลังผู้ดูแลจูยังมีอำนาจอื่น เขาต้องติดต่อกันไม่ช้าก็เร็ว” ลั่วเซิงก้มหน้าจิบชาคำหนึ่ง

เมื่อคุยเรื่องสำคัญเสร็จ เว่ยหานกระแอมเบาๆ “คุณหนูลั่ว ได้ยินว่าคนจากจวนยายเจ้ามาเมืองหลวง”

“เจ้าค่ะ น้ารองข้าพาเหล่าลูกพี่ลูกน้องเข้าเมืองหลวงเพื่อเตรียมตัวสอบชุนเหวย”

“หากมีอะไรให้ข้าช่วยเหลือ คุณหนูลั่วบอกข้าได้”

ลั่วเซิงยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณท่านอ๋อง แต่ว่าเรื่องการสอบแบบนี้พึ่งความสามารถของตนเองดีกว่า เราให้คำอวยพรก็พอ”

เมื่อเห็นลั่วเซิงมีท่าทีเย็นชาเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เว่ยหานก็วางใจลง

ดูแล้ว คุณหนูลั่วไม่ได้ใส่ใจคุณชายซูท่านนั้นสักเท่าไร

เช่นนั้นก็ตั้งใจดื่มชาเถอะ

เมื่อกลับถึงจวนอ๋อง สือเยี่ยนถามเรื่องนัดพบแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นายท่าน คุณหนูลั่วเป็นคนได้ใหม่ลืมเก่าเช่นนี้ ท่านควรกังวลยิ่งกว่ามิใช่หรือขอรับ”

เว่ยหานไม่อยากคุยเรื่องที่ทำให้อึดอัดใจนี้อีก เขาจึงไล่องครักษ์น้อยออกไป

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท