รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 957 องค์จ้าวอู๋เฉินจุติ ขอรับช่วงการต่อสู้หลังจากนี้เอง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 957 องค์จ้าวอู๋เฉินจุติ ขอรับช่วงการต่อสู้หลังจากนี้เอง!

บทที่ 957 องค์จ้าวอู๋เฉินจุติ ขอรับช่วงการต่อสู้หลังจากนี้เอง!

“พระอมิตาภะพุทธเจ้า!”

เสียงร่ำไห้โศกาดังอยู่ในโลกหลังฉาก ร้องไห้ให้พระอมิตาภะพุทธเจ้า

พวกเขารู้ดีว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าต่อสู้โดยเตรียมใจพลีชีพ ที่ออกโรงรับศึกคราวนี้คงไม่ได้กลับมาอีกแล้ว

ไป๋เริ่น ประมุขแห่งสรวงสวรรค์เป็นกำลังรบระดับเพดานแห่งโลกหลังฉาก ทว่าในการต่อสู้กับเงาดำกลับไม่อาจแผดเผาแก่นกำเนิดชีวิตด้วยซ้ำ ห่างชั้นกันตั้งไม่รู้เท่าไหร่!

พระอมิตาภะพุทธเจ้าและประมุขแห่งสรวงสวรรค์ฝีมือทัดเทียม ไปคราวนี้ไม่มีทางสู้เงาดำไหว

มีเพียงแผดเผาแก่นกำเนิดชีวิตเท่านั้น พระอมิตาภะพุทธเจ้าจึงจะสามารถสู้กับเงาดำโดยเป็นฝ่ายชนะ

และหลังแผดเผาแก่นกำเนิดชีวิต พระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่เหลือโอกาสมีชีวิตต่อไปได้อีก!

พระอมิตาภะพุทธเจ้าไฉนเลยจะไม่รู้ ออกไปรับศึกคราวนี้คงเตรียมพร้อมสู้โดยแผดเผาแก่นกำเนิดชีวิตไว้แล้ว

พวกเขาซาบซึ้งตรึงใจเหลือคณา น้ำตาหลั่งรินไม่หยุด พระอมิตาภะพุทธเจ้ายินดีเสียสละตนเองเพียงเพื่อเอาชนะการต่อสู้ให้พวกเขาเพียงหนึ่งรอบ ควรค่าแก่การนับถือยิ่งนัก!

“ให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด!”

“พลังของพวกเราห่างกันไม่มาก ข้าขอออกโรงเอง!”

บรรดายอดฝีมือพากันส่งเสียง เอ่ยว่าต้องการต่อสู้ศึกนี้แทนพระอมิตาภะพุทธเจ้า

พวกเขาพร้อมพลีชีพ ตั้งใจคว้าชัยชนะมาโดยเอาชีวิตเข้าแลก

“อามิตาพุทธ! พวกเราทุกคนมีจิตใจมุ่งมั่นเช่นนี้ ไฉนเลยจะพ่ายแพ้ ชัยชนะต้องเป็นของเราแน่นอน!”

พระอมิตาภะพุทธเจ้าคลี่ยิ้ม มั่นใจเต็มเปี่ยม ศึกที่เหล่ายอดฝีมือเตรียมใจพลีชีพมาแล้ว เกินกว่าที่ฝ่ายความมืดมิดเทียบได้ พวกเขาต้องเป็นฝ่ายชนะแน่นอน!

“ไม่ต้องพูดไปมากกว่านี้แล้ว! ศึกนี้ให้เป็นหน้าที่อาตมาเอง”

พระอมิตาภะพุทธเจ้าย่างกรายออกไปหมายจะลงสนามต่อสู้อีกครั้ง

“วันนี้พระผู้เป็นเจ้าไม่ต้องสละตนเองหรอก”

เขาสวมอาภรณ์สีขาว รูปโฉมหล่อเหลาแข็งขัน บุคลิกโดดเด่นเหลือแสน

“องค์จ้าวอู๋เฉิน!”

“ตำนานหวนคืนสู่สมรภูมิอีกแล้วหรือ?!”

สิ่งมีชีวิตหลังฉากจำบุรุษอาภรณ์ขาวผู้นี้ได้ เขาคือองค์จ้าวอู๋เฉิน ตำนานคนสุดท้ายแห่งโลกหลังฉาก!

เมื่อคราวพลังมืดมิดเพิ่งปรากฏตัว องค์จ้าวอู๋เฉินเป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกที่เข้ายับยั้งการรุกรานจากสิ่งมีชีวิตมืดมิด

เพียงแต่หลังจากนั้นไม่รู้เกิดอันใดขึ้น องค์จ้าวอู๋เฉินหายสาบสูญ ถอนกำลังออกจากสมรภูมิมืดมิด

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องกลับมา!”

ปรมาจารย์เต๋าผู้หนึ่งก้าวไปหาองค์จ้าวอู๋เฉิน มอบอ้อมกอดอบอุ่นให้องค์จ้าวอู๋เฉิน!

“ยินดีต้อนรับกลับมา สหายรักของข้า!”

เสียงของเขาเจือแววตื้นตัน ก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องกลับมาแน่!”

ใช่แล้ว เขากับองค์จ้าวอู๋เฉินเคยเป็นสหายที่สนิทสนม

เวลานั้นพวกเขารบเคียงบ่าเคียงไหล่ ร่วมเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตมืดมิด เรียกได้ว่าเป็นสหายที่ฝากชีวิตให้กันได้

น่าเสียดาย ภายหลังองค์จ้าวอู๋เฉินนึกกลัว ผวาต่อสิ่งมีชีวิตมืดมิด จึงหนีไปจากสมรภูมิมืดมิด

แต่เขาก็ยังเชื่อในตัวองค์จ้าวอู๋เฉิน เชื่อว่าวันหนึ่งองค์จ้าวอู๋เฉินจะเอาชนะความกลัว กลับมาสู่สนามรบอีกครั้ง

บัดนี้ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง องค์จ้าวอู๋เฉินเอาชนะความกลัวและกลับมายังสมรภูมิแล้วจริง ๆ!

“ใช่แล้ว สหายรัก ข้ากลับมาแล้ว!”

องค์จ้าวอู๋เฉินกอดตอบปรมาจารย์เต๋าผู้นี้แน่น เอ่ยเสียงหนักแน่นด้วยขอบตารื้นชื้น

“กลับมาก็ดี กลับมาก็ดี!”

ปรมาจารย์เต๋าผู้นั้นกล่าว “ศึกนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง พวกเราจำต้องต่อสู้ หากแม้แต่พวกเรายังมิกล้ารับมือ ผู้ใดเล่าจะกล้า ผู้ใดเล่าจะสู้!”

“ใช่แล้ว วันนี้ข้ากลับมาก็เพื่อสู้ให้ถึงที่สุด การต่อสู้ที่เหลือให้ข้าได้ลุยเอง”

องค์จ้าวอู๋เฉินผละจากปรมาจารย์เต๋าผู้นั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น

หลังมาถึงที่นี่ เขาก็ล่วงรู้สถานการณ์ และรู้เรื่องการต่อสู้สิบรอบ รวมถึงผลการต่อสู้ก่อนหน้านี้ด้วย

“ไม่ต้องทำถึงเช่นนั้น มีการตัดสินใจให้อาตมาเป็นผู้ออกโรงในศึกนี้แล้ว สหายอู๋เฉินออกโรงในการต่อสู้รอบถัดไปเถิด”

พระอมิตาภะพุทธเจ้ากล่าว ยินดีปราบเงาดำโดยแลกกับชีวิต จัดการศัตรูตัวฉกาจผู้นี้ให้ฝ่ายหลังฉาก

“ไม่เป็นไร เชื่อใจข้า”

องค์จ้าวอู๋เฉินหัวเราะเบา ๆ ปลดปล่อยพลังปราณของตนเล็กน้อย สีหน้าของพระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นเปลี่ยนไปในพริบตา

“ขั้นเจ็ดหรือ”

บรรดายอดฝีมือจ้องมององค์จ้าวอู๋เฉินด้วยสายตาประหลาดพลางกล่าว

พลังปราณที่องค์จ้าวอู๋เฉินปลดปล่อยออกมาเหนือกว่าพวกเขาหลายขุม ต่างกันถึงแก่น องค์จ้าวอู๋เฉินต้องอยู่เหนือขั้นเจ็ดขึ้นไปแน่นอน

“ไม่เพียงแค่นั้น”

“ไม่ใช่แค่ขั้นเจ็ดหรือ? องค์จ้าวอู๋เฉิน ท่านในตอนนี้แข็งแกร่งเพียงใด”

จ้าวชิงถามอย่างอดมิได้

“ขั้นเก้า!”

องค์จ้าวอู๋เฉินมิได้ปิดบัง บอกขอบเขตของตนออกไป

“ขั้นเก้า?!”

“จริงหรือเท็จ?!”

บรรดายอดฝีมือสูดปาก มององค์จ้าวอู๋เฉินอย่างไม่อยากเชื่อ

หากองค์จ้าวอู๋เฉินอยู่ขั้นเก้าจริงจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!

อันที่จริงอย่าว่าแต่ขั้นเก้าเลย แม้แต่ขั้นแปดหรือขั้นเจ็ดก็ยังแทบไม่เคยเห็น ไม่มีดำรงอยู่!

“จริง”

องค์จ้าวอู๋เฉินพยักหน้า ปลดปล่อยพลังปราณออกไปอีกเสี้ยวเพื่อพิสูจน์ระดับพลังของตน ให้ยอดฝีมือทั้งหลายวางใจ

“ดูเหมือนจะจริง!”

“พลังปราณเสี้ยวนี้เหนือกว่าพวกเรามากนัก!”

บรรดายอดฝีมือพากันเอ่ยขึ้น รับรู้ได้ว่าพลังปราณเสี้ยวนี้สูงส่งเพียงใด ต่อให้องค์จ้าวอู๋เฉินยังมิได้อยู่ในขั้นเก้าก็คงห่างไม่ไกลแล้ว!

“ทำได้อย่างไรกัน?!”

ปรมาจารย์เต๋าตาโต ถามองค์จ้าวอู๋เฉินอย่างอดมิได้

เขาเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์จ้าวอู๋เฉิน ครานั้นองค์จ้าวอู๋เฉินเพิ่งอยู่ขั้นห้าเท่านั้น ซ้ำนี่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน

ทว่าบัดนี้องค์จ้าวอู๋เฉินกลับมาถึงขั้นเก้าแล้ว!

หากมิใช่ว่าเขาเห็นกับตา ให้ตายอย่างไรก็ไม่เชื่อ!

องค์จ้าวอู๋เฉินเงยหน้ามองน้ำเต้าสุราบนฟ้า ก่อนจะหันมองจ้าวชิงพลางกล่าวว่า “ข้าคงมีประสบการณ์คลับคล้ายจ้าวชิงกระมัง…”

หลังจ้าวชิงได้ยินคำกล่าวขององค์จ้าวอู๋เฉินก็ตัวสะท้าน

เขาเข้าใจความหมายในถ้อยคำขององค์จ้าวอู๋เฉิน!

ประสบการณ์คลับคล้ายกัน…

เห็นได้ชัดว่าองค์จ้าวอู๋เฉินหมายถึงคุณชาย องค์จ้าวอู๋เฉินได้พบคุณชายมาแล้วเช่นกัน!

มิน่าองค์จ้าวอู๋เฉินถึงเก่งกาจเพียงนี้ ถึงกับก้าวสู่ขั้นเก้าได้แล้ว!

ด้วยพลังฝีมือของคุณชาย ช่วยให้องค์จ้าวอู๋เฉินก้าวสู่ขั้นเก้าย่อมมิใช่ปัญหา

“เอาล่ะ ทุกท่านไม่ต้องวิตก ปล่อยให้สหายอู๋เฉินออกไปรับศึกนี้เถิด!”

จ้าวชิงคลี่ยิ้ม วางใจได้อย่างสิ้นเชิง มีความมั่นใจในตัวองค์จ้าวอู๋เฉินอย่างมาก

น้ำเต้าสุราที่คุณชายประทานให้ยังน่าประหวั่นพรั่นพรึงเสียเต็มประดา แล้วองค์จ้าวอู๋เฉินก็ได้พบกับคุณชาย มิหนำซ้ำยังได้คุณชายช่วยยกระดับพลังจนถึงขั้นเก้า นี่ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

สุดท้าย องค์จ้าวอู๋เฉินก็ก้าวสู่สมรภูมิมืดมิด

“เจ้ากลับไปเสีย เปลี่ยนตัวสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนอื่นมา”

องค์จ้าวอู๋เฉินเอ่ยต่อเงาดำ

เงาดำแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ในหมู่ขั้นหกแทบไร้คู่มือ ทว่าเมื่อเทียบกับเขาผู้อยู่ขั้นเก้ายังไม่ไหว เขาเป่าลมเบา ๆ ก็สังหารเงาดำได้แล้ว

เขาย่อมไม่ยี่หระกับชัยชนะเช่นนี้

อีกอย่างฝ่ายความมืดมิดก็คงไม่ยอมรับชัยชนะเช่นนี้

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

น้ำเสียงเงาดำเจือแววไม่พอใจ

“เปล่า”

องค์จ้าวอู๋เฉินกล่าว “ก่อนนี้มีการตั้งกติกาให้ฝ่ายพวกเราส่งผู้ลงสนามไปก่อน แล้วฝ่ายพวกเจ้าค่อยส่งคู่มือมา อีกทั้งต้องคงให้อยู่ในระดับเดียวกัน”

เมื่อครู่ยามเขาสนทนากับบรรดายอดฝีมือหลังฉากได้ใช้พลังสร้างม่านกั้น มิให้ฝ่ายความมืดมิดแอบฟัง

เงาดำย่อมไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับเหล่ายอดฝีมือหลังฉาก

“พวกเจ้าฉลาดยิ่ง รู้ว่าในระดับเดียวกันไม่มีผู้ใดทัดเทียมข้า จึงจงใจลดระดับลงเพื่อเปลี่ยนตัวข้า…”

เงาดำหัวเราะเสียงเย็น “อนิจจา พวกเจ้าคิดผิด ต่อให้ข้าถูกเปลี่ยนตัว พวกเจ้าก็ไม่มีทางสู้ไหว ฝ่ายความมืดมิดบดขยี้พวกเจ้าได้ไม่ว่าระดับใด!”

“เรื่องนั้น อย่าได้สำคัญตัวนัก”

องค์จ้าวอู๋เฉินทอดมองเงาดำ “หมายความว่าอย่างไรที่ว่าจงใจลดระดับเพื่อเปลี่ยนตัวเจ้า? เจ้ารู้จักเยินยอตัวเองจริงเชียว!”

เขากล่าวต่อ “บอกให้เจ้าสลับตัวเพราะระดับเจ้าต่ำเกินไป ข้าไม่ยี่หระกับการสู้กับเจ้า และยิ่งไม่ยี่หระกับชัยชนะเช่นนี้”

“บังอาจนัก!”

เงาดำคำราม บุกไปหาองค์จ้าวอู๋เฉินทันที!

มันไม่เชื่อว่าองค์จ้าวอู๋เฉินแข็งแกร่งได้ปานนั้น!

ทว่าลมหายใจต่อมา เงาของมันก็ถูกสะกดอยู่ที่เดิม!

ในฐานะเงามืดในใจ ดำรงอยู่ได้ทุกที่ แทบไม่มีทางสะกดไว้ได้กลับถูกองค์จ้าวอู๋เฉินสะกดในพริบตา!

ไม่เพียงเท่านั้น พลังของมันยังถูกผนึก มิอาจเปล่งออกมาได้แม้แต่น้อย

มันแทบไม่อาจเชื่อได้เลย!

องค์จ้าวอู๋เฉินแข็งแกร่งกว่ามันจริง ๆ ซ้ำยังแข็งแกร่งกว่าตั้งหลายเท่า!

ตึง!

เวลานั้นองค์จ้าวอู๋เฉินโบกมือเบา ๆ เงาดำพลันถูกพลังมวลหนึ่งดึงไปอยู่เบื้องหน้าเขา เขาดีดหน้าผากเงาดำด้วยนิ้วเดียวเท่านั้น เงาดำก็หายไปอย่างสิ้นเชิง ถูกทำลายลง!

“อะไรกัน!”

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?!”

ฝ่ายสิ่งมีชีวิตมืดมิดส่งเสียงอุทานลั่น อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าองค์จ้าวอู๋เฉินจะสยดสยองถึงเพียงนี้!

เงาดำทรงพลังปานใด แต่กลับถูกองค์จ้าวอู๋เฉินจัดการไปง่าย ๆ ต่อให้พวกมันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกับตาตัวเองยังมิอาจเชื่อ!

“ขั้นเก้า?!”

อสูรมืดมิดกลืนวิญญาณเอ่ยด้วยใบหน้าอึมครึม

มันแน่ใจในระดับพลังขององค์จ้าวอู๋เฉินทันทีที่เขาลงมือว่าเทียบเท่ามัน อยู่ในขั้นเก้าเหมือนกัน!

โลกหลังฉากมีสิ่งมีชีวิตขั้นเก้าปรากฏตัวออกมาเชียวหรือ มันไม่อาจเชื่อได้เลย!

ทว่าไม่เชื่อมันก็ต้องเชื่อ องค์จ้าวอู๋เฉินก้าวสู่ขั้นเก้าแล้วจริง ๆ!

“เช่นนั้นขอข้าดวลกับเจ้าหน่อย!”

อสูรมืดมิดกลืนวิญญาณเอ่ยเสียงเย็น จุติลงไปยังสมรภูมิมืดมิด

ที่นี่มีมันเป็นกำลังรบขั้นเก้าเพียงคนเดียว หากมันไม่ลงมาสู้ มิมีสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนใดรับมือองค์จ้าวอู๋เฉินได้เลย

ตู้ม!

พริบตาเดียวพวกเขาก็ประมือกันกว่าหมื่นกระบวนท่า ระหว่างที่แลกการโจมตีน่าสะพรึงไปเสียทุกวิชา ชวนให้ขวัญผวาอย่างยิ่ง!

“ฆ่า!”

อสูรมืดมิดกลืนวิญญาณแผดเสียงเย็น เป็นฝ่ายสำแดงวิชาก้นหีบออกไปก่อน ก่อนนี้มันแค่หยั่งฝีมือองค์จ้าวอู๋เฉินเท่านั้น

ทว่าน่าเสียดาย มันทำไม่สำเร็จ ไม่อาจหยั่งได้ว่าองค์จ้าวอู๋เฉินทรงพลังเพียงใด

มันจำต้องใช้วิชาก้นหีบ เพิ่มพลังให้แข็งแกร่งขึ้น!

“วันนี้ไม่มีพวกเจ้าตนใดหนีรอดไปได้!”

เสียงขององค์จ้าวอู๋เฉินเย็นยะเยือก จิตสังหารพลุ่งพล่านในแววตา

มันเคียดแค้นสิ่งมีชีวิตมืดมิดเข้ากระดูก หนนี้ไม่มีทางปล่อยพวกมันไปง่าย ๆ!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท