ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 217 ในที่สุดเจ้าก็มีความสุขเสียที

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 217 ในที่สุดเจ้าก็มีความสุขเสียที

บทที่ 217 ในที่สุดเจ้าก็มีความสุขเสียที

เนื่องจากมีเขตแดนลับสมุนไพรวิญญาณระดับสูงปรากฏอยู่นอกเมืองฝู่ซาง ทั้งเมืองจึงว่างเปล่า ยกเว้นบริเวณโดยรอบร้านต้องคำสาปที่ยังมีผู้คนเดินกันอย่างขวักไขว่

เหล่าลูกศิษย์ชั้นเรียนพิเศษต่างก็อยากเข้าไปในเขตแดนลับนั้นเช่นกัน แต่เขตแดนลับระดับสูงมีข้อจำกัดเรื่องความสามารถในการบำเพ็ญ ซึ่งผู้บำเพ็ญขอบเขตจินตานเช่นพวกเขายังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าไปได้ จึงทำได้เพียงเฝ้ามองแสงสีทองค่อย ๆ จางหายไป จนกลับคืนสู่สภาพปกติ

ทุกคนต่างโศกเศร้า ยกเว้นหลิงเยว่ หัวหน้าตะขาบมรกตและปีศาจแห่งตระกูลเซี่ยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย

ในตอนแรกที่เขตแดนลับสัตว์อสูรถูกเปิดออก หัวหน้าตะขาบมรกตได้กินสมุนไพรวิญญาณหายากไปนับไม่ถ้วน ซึ่งรสชาติก็ธรรมดา ยังสู้เนื้อย่างเสียบไม้ที่อยู่ในมือตอนนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

หลิงเยว่… ตราบใดที่นางมีค่าพลังวิญญาณมากพอ แล้วจะมีสมุนไพรวิญญาณหายากใดที่ซื้อไม่ได้อีก?

เมื่อพูดถึงค่าพลังวิญญาณ หลิงเยว่จึงนึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่ได้มอบหินหงส์ไฟที่ซื้อมาในราคาห้าหมื่นล้านให้เจ้าอีกาตัวน้อย

อีกาสุริยันสามขาที่อยู่ในภวังค์ได้กลิ่นหอมอันคุ้นเคยจึงลืมตาขึ้นข้างหนึ่ง แล้วก็พบหินสีแดงเข้มขนาดใหญ่กว่าตัวมันวางอยู่ตรงหน้า เปลวเพลิงที่ลอยขึ้นจากหินนั้นดูคล้ายกับหงส์ไฟตัวเล็กนับไม่ถ้วนที่กำลังลุกไหม้

อีกาสุริยันตัวน้อยลืมตาอีกข้างขึ้นพร้อมกับยืดร่างที่ม้วนเป็นลูกไฟออก ราวกับนึกว่าตนเองฝันไป มันเลยใช้ปีกข้างหนึ่งขยี้ตาตัวเองเบา ๆ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าหินหงส์ไฟยังวางอยู่ที่เดิม

หินก้อนใหญ่ขนาดนี้ เปลวเพลิงแห่งสวรรค์ที่แผ่ออกมานั้นช่างบริสุทธิ์จนทำให้อีกาตัวน้อยเคลิบเคลิ้ม!

อีกาสุริยันตัวน้อยกางปีกออก แล้วกระโดดเกาะหินหงส์ไฟในทันที ร่างน้อย ๆ ของมันก้มลงเอาตัวถูกับก้อนหินด้วยความรักใคร่ ไม่สนใจแม้แต่ว่าขนของตนเองจะไหม้เกรียมแม้แต่น้อย

หลิงเยว่ “…”

นางไม่คิดว่าอีกาสุริยันผู้สง่างามและทรงพลังจะมีท่าทีน่ารักเช่นนี้ด้วย

“เจ้าไปหามาจากที่ใด?”

ความไม่พอใจทั้งมวลของอีกาตัวน้อยได้มลายหายจนหมดสิ้น

“ข้าหาซื้อมาด้วยราคาที่แพงมาก แต่ตอนนี้เจ้าไม่โกรธข้าแล้วใช่หรือไม่?” หลิงเยว่ใช้จิตวิญญาณลูบขนนกสีแดงสดที่นุ่มราวกับปุยฝ้ายของอีกาสุริยันตัวน้อยอย่างแผ่วเบา

เจ้าอีกาสุริยันตัวน้อยพ่นลมหายใจอย่างหยิ่งยโส หินก้อนที่สมบูรณ์และมีขนาดใหญ่เช่นนี้ สามารถใช้หินวิญญาณซื้อหาได้ที่ใดกันเล่า!

แม้ว่านางจะเพิ่งออกจากไข่ แต่ก็หาได้เป็นคนโง่เขลา แต่ด้วยความที่มนุษย์ผู้นี้มีความจริงใจ นางจะอภัยให้ก็แล้วกัน

หลังจากนั้นหินหงส์ไฟที่ใหญ่เท่าหัวของหลิงเยว่ก็ถูกกลืนเข้าท้องของเจ้าอีกาตัวน้อย ท้องของมันโตขึ้น ราวกับว่าร่างกายของนางไม่สามารถรับน้ำหนักได้ จึงเอนล้มลงไปด้านหลัง นางพยายามอย่างยิ่งที่จะขยับปีกน้อย ๆ และอุ้งเท้าเล็ก ๆ แต่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นมานั่งได้

ท้ายที่สุด อีกาสุริยันตัวน้อยก็เลิกล้มที่จะดิ้นรน นอนราบอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง

“ข้าจะเข้าสู่การบำเพ็ญแล้ว ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงถึงชีวิตอย่าได้เรียกข้าเชียว”

หลิงเยว่พยักหน้าอย่างมีความสุข การใช้เงินห้าหมื่นล้านเพื่อซื้อไมตรีจิตจากเจ้าอีกาตัวน้อยนี้ช่างคุ้มค่าเหลือเกิน!

“เจ้ายังจะหัวเราะได้อีกหรือ?”

ใบหน้าของอาจารย์ใหญ่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เมื่อหลิงเยว่ที่กลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่ ได้เผชิญกับสายตาที่ตำหนิมากมาย นางจึงต้องเก็บรอยยิ้มอย่างรู้สึกผิด “มันก็แค่ดอกบัวเพลิงเก้ากลีบดอกเดียวเท่านั้น ท่านอาจารย์ใหญ่ ในอีกไม่ช้าข้าจะนำไปมอบให้ท่านนะเจ้าคะ”

“เช่นนั้น แสดงว่าปรมาจารย์ชิงยวนมีอยู่ในมืออย่างนั้นหรือ?” ท่านอาจารย์ใหญ่ตื่นเต้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความปีติยินดีเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว หากชิงยวนยินดีจะขาย เขาก็จะทุ่มเงินซื้อมาให้ได้แม้ว่าจะต้องขายสมบัติที่มีอยู่ก็ตาม!

“มีสิเจ้าคะ ข้าเคยได้ยินอาจารย์กล่าวไว้”

แน่นอนว่าชิงยวนไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ แต่การใช้ชื่ออาจารย์มาเป็นโล่กำบังสามารถช่วยลดความยุ่งยากได้มากทีเดียว!

หลิงเยว่ชื่นชมความฉลาดของตนเอง อย่างไรท่านอาจารย์ก็ไม่อยู่ที่นี่เสียหน่อย

เมื่อหลิงเยว่กำลังจะกลับไปดูแลการเพาะปลูกของนางต่อ เซี่ยซิ่นรุ่ยก็ถูกผลักจากฝูงชนมาขวางทางนางไว้

เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้างหลังกำลังใช้สายตาเร่งเร้าให้เขาพูดอะไรบางอย่าง

เซี่ยซิ่นรุ่ยกัดฟันพูดอย่างลังเล “ท่านอาจารย์หลิง พวกเราจะสามารถหมักสุราปราบมารได้หรือไม่ขอรับ?”

“น่าจะได้กระมัง?”

หลิงเยว่คิดใคร่ครวญแล้ว หากเหล่าลูกศิษย์ไม่อาจเรียนรู้เคล็ดวิชาหมื่นชีวางอกเงยได้ นางก็จะมอบสมุนไพรวิญญาณพิเศษที่นางปลูกเองให้กับพวกเขา จริงอยู่ว่าหากจะหมักสุราสามหมื่นไหด้วยตนเองเพียงลำพังอาจจะต้องใช้เวลายาวนานถึงร้อยปี แต่หากมีเหล่าลูกศิษย์มาช่วยแล้ว ผลลัพธ์ย่อมต่างกัน

เพียงแต่แหล่งที่มาของสมุนไพรวิญญาณพิเศษที่นางปรับเปลี่ยนธาตุและคุณสมบัติ อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ นางควรคิดหาวิธีปกปิดเรื่องนี้อย่างไรดี?

เหล่าลูกศิษย์ที่ได้รับคำตอบไม่ชัดเจนก็ยังคงยินดีปรีดา

เหตุใดจึงต่างกับคำตอบที่ได้รับมาก่อนหน้านี้เล่า?

ก่อนหน้านี้นางกล่าวว่าไม่อาจสอนได้ไม่ใช่หรือ? ดูเหมือนจะพิจารณาตามความสามารถบุคคลนั้นว่าพวกเขาจะสามารถร่ำเรียนได้หรือไม่?

ท่านอาจารย์ใหญ่จ้องมองร่างของหลิงเยว่ที่จากไปด้วยความครุ่นคิด

ทั้งเหล่าอาจารย์ในสำนักรวมถึงท่านอาจารย์ใหญ่เองก็ไม่ได้เดินทางไปยังเขตแดนลับสมุนไพรวิญญาณระดับสูง ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญผู้แฝงกายในถนนชิงเฟิงต่างสับสน เขตแดนลับสมุนไพรวิญญาณระดับสูงอันเลื่องชื่อเช่นนั้น ในฐานะนักกลั่นโอสถไยจึงอดใจไม่ไปเยือนได้เล่า?

ชายหญิงที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังหนึ่งข้างร้านต้องคำสาปมองหน้ากัน หญิงสาวพูดขึ้นว่า “บัดนี้ควรทำเช่นไรดี?”

พวกเขาคิดว่าจะชนะอย่างแน่นอน จึงละทิ้งเขตแดนลับหันมาหมายหัวหลิงเยว่ ทว่าบัดนี้จึงได้ตระหนักว่าหัวของผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐานนั้นไม่ได้ง่ายดายเลย

ชายหนุ่มผู้มีสีหน้าเคร่งขรึมไม่ได้ใส่ใจหินวิญญาณระดับสูงพันล้านก้อนเหล่านั้น แต่เขาปรารถนาสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับหอจี้ซื่อต่างหาก!

“เดี๋ยวข้าจะเป็นผู้ออกไปก่อกวน เจ้าฉวยโอกาสในความโกลาหลนี้ บุกเข้าไปในร้านต้องคำสาปตัดหัวคนผู้นั้นเสีย!”

“แต่ว่า…”

หญิงสาวหมายจะเอ่ยค้าน ทว่าชายหนุ่มได้ชักดาบออกมาแล้ว แสงดาบสีทองวาววับกลายเป็นเงาใหญ่กลางเวหา ฟาดฟันลงมาใส่ร้านต้องคำสาปในทันที

ดาบนี้พร้อมทำลายร้านต้องคำสาปให้กลายเป็นเศษซากไปพร้อมกับผู้คนภายในร้าน!

ซากปรักหักพังยังไม่ได้ปรากฏ ภายใต้ร่างเงาดำนั้นมีมือหนึ่งคว้าคมดาบเอาไว้เสียก่อน นายท่านตระกูลเซี่ยโยนกระแสพลังของคมดาบอันรุนแรงออกไป เกิดเป็นทางรอยแยกมิติที่ฉีกขาด มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมา รูปร่างราวกับภูตผีปีศาจปรากฏอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มนักดาบผู้นั้น

นักดาบชายผู้นั้นเหงื่อไหลออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุแล้วใช้ดาบนั้นหันกลับไปฟาดฟันใส่คนที่อยู่ข้างหลังด้วย

เมื่อหญิงสาวเห็นจึงอยากจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่ร่างกายของนางกลับถูกแส้เพลิงฟาดกระเด็นออกไปเสียก่อน

ในขณะที่ท่านอาจารย์ใหญ่หัวเราะอย่างมีความสุข แส้เพลิงในมือก็ได้กลายเป็นหงส์เพลิงขนาดใหญ่ หงส์เพลิงส่งเสียงร้องอันสูงส่งแล้วพุ่งเข้าใส่หญิงสาวทันที

“ทนไม่ได้แล้วหรือ…”

แล้วร่างของทั้งสี่พร้อมกับร่างจำแลงของหงส์เพลิงขจึงหายไปจากเมืองฝู่ซางทันที

เมื่อรับรู้ถึงพลังของผู้บำเพ็ญที่มีระดับการบำเพ็ญเกินกว่าขอบเขตบำเพ็ญเต๋า และพลังนั้นเกินขีดจำกัดของเมือง กฎแห่งสวรรค์จะส่งพวกเขาไปอีกมิติโดยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เมืองถูกทำลาย

เมื่อมีผู้ใจดีได้ลากผู้พิทักษ์ทั้งสองที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปแล้ว เหล่าผู้บำเพ็ญขั้นสูงที่ซ่อนอยู่ในความมืดก็เริ่มที่จะเคลื่อนไหว

เงาของขวานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสายฟ้าสีม่วงได้ฟาดลงมาที่ร้านต้องคำสาป แสงสีน้ำเงินพลันปรากฏ แล้วใช้สองมือจับขวานขนาดใหญ่นั้นไว้ แล้วฟาดลงอย่างรุนแรงใส่เจ้าของขวานนั้นทันที

เมื่อทั้งสองสิ่งปะทะกันและกำลังจะเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ต้นเหตุของการระเบิดนั้นก็ถูกส่งไปยังที่อื่นเสียก่อน

ร่างสีน้ำเงินนั้นได้กลายเป็นแสงไล่ตามไปทันที

“นั่น… บรรพบุรุษของตระกูลหมิงหรือ?”

เหล่ามือสังหารกลืนน้ำลายลงคอ แม้จะหวาดกลัวเพียงใด แต่ในตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุด ถ้าคราวนี้ยังไม่กำจัดหัวของหญิงสาวสร้างรากฐานผู้นี้ คราวหลังอาจจะไม่มีโอกาสดี ๆ เช่นนี้อีกแล้ว!

สู้ตาย!

เหล่ามือสังหารที่ซ่อนเร้นอยู่ก็เข้าจู่โจมร้านต้องคำสาปเป็นระลอก เหล่าผู้พิทักษ์ของหลิงเยว่ต่างพากันถูกเหวี่ยงออกไปทีละคน บางคนถูกส่งไปยังห้วงมิติ บางคนก็ถูกโจมตีกลางถนน

แสงสีของการต่อสู้ปรากฏขึ้นไปทั่ว ท่าทางการกวัดแกว่งดาบและการต่อสู้อันดุเดือดพลันปรากฏอยู่เต็มฟากฟ้า

ม่านอาคมของร้านต้องคำสาปใกล้จะพังทลายลงมาแล้ว!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท