ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 384 น้อยเนื้อต่ำใจ

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 384 น้อยเนื้อต่ำใจ

ลั่วเซิงปฏิเสธการคาดเดานี้อย่างรวดเร็ว

ตามประสบการณ์ที่คิดไปเองสองสามครา นางคิดว่าตนเองคิดมากไปเอง

ไคหยางอ๋องน่าจะตั้งตารอหอสุราเปิดมากกว่าคิดถึงนาง

“คุณหนูไม่ชอบหรือเจ้าคะ” หงโต้วมองโคมไฟเสือหน้าซื่อ ยิ่งดูก็ยิ่งเสียดาย

ไคหยางอ๋องดีกว่าคุณชายซูอะไรนั่นมาก ของที่เขาให้ไม่มีสีสันฉูดฉาดเลย

“น่ารักดี แขวนไว้เถอะ”

หงโต้วยิ้มตอบ ถือโคมไปแขวนไว้ใต้ชายคาระเบียง

โค่วเอ๋อร์เริ่มเล่าเรื่องที่เห็นในเทศกาลโคมไฟ

“คุณชายซูคนนั้นเปล่งประกายในงานโคมไฟ หญิงสาวมากมายล้วนโยนถุงหอม ผ้าเช็ดหน้าให้เขา…”

ลั่วเซิงฟังเงียบๆ ยกมุมปากเล็กน้อย

ถ้าอย่างนั้น ซูเย่าก็ถือว่าสร้างชื่อเสียงให้ตนเองได้แล้ว ต่อไปคนมีความสามารถในเมืองหลวงหนึ่งในนั้นก็คงมีเขา

พูดได้ว่าคนๆ นี้รู้จักนำเสนอตนเองมาก

สำหรับซูเย่า ลั่วเซิงยังคงระแวงในใจ แต่ก็ไม่มีหลักฐานได้แต่สงสัย หรือไม่แน่ว่าตนเองอาจจะคิดมากไปเองก็ได้

ดังนั้นนางจึงเฝ้าดูเขาเงียบๆ ชั่วคราว สิ่งที่ลั่วเซิงใส่ใจที่แท้จริงยังคงเป็นหอสุรา

เมื่อหอสุราเปิดแล้ว อยากเจอใครบางคนหรือทำบางอย่างย่อมสะดวกขึ้น

เป็นดั่งที่ทุกคนคิด เทศกาลโคมไฟทำให้ชื่อเสียงของคุณชายซูจากจินซาแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว ชื่อเสียงของเขาแซงหน้าหลินซูไป

เมื่อซูเย่ายื่นเทียบเข้าพบข้าราชการชั้นสูงและนักปราชญ์ก็กลายเป็นเรื่องง่าย คนเฝ้าประตูล้วนยิ้มต้อนรับ

ว่ากันว่าหวังเม่านักปราชญ์ผู้คิดปริศนาสามข้อนั้นยังพบซูเย่าด้วยตนเอง

ครานั้นเอง คุณชายซูแห่งจินซาได้รับความสนใจล้นหลาม กลายเป็นบัณฑิตชั้นสูงผู้โดดเด่นที่ได้รับความนิยม

ลั่วเซิงพาอาซิ่วและคนอื่นๆ มาถึงหอสุราตั้งแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเปิดหอสุราในยามค่ำ

เพิ่งผ่านตอนเที่ยงไป กลิ่นหอมของอาหารเริ่มโชยออกไปข้างนอก ทำเอาผู้คนที่เดินผ่านไปมาน้ำลายไหลและมองหอสุราด้วยแววตาโมโห

อร่อยขนาดนี้ แพงขนาดนี้ นี่มันหอสุราเถื่อนไร้มโนธรรมชัดๆ!

กระเป๋าเงินว่างเปล่า ผู้ที่เดินผ่านไปมาได้แต่ปิดจมูกเร่งฝีเท้าจากไปโดยไว

เวลายังห่างจากเวลาเปิดหอสุรามากนัก เว่ยหานก็มาถึงหอสุราแล้ว เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยที่นั่งอยู่ข้างตู้คิดเงินร่างนั้น หัวใจที่ว่างเปล่าตั้งแต่ที่หอสุราหยุดจู่ๆ ก็สงบลง

สือเยี่ยนเดินตามเว่ยหานเข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วได้กลิ่นหอมของเนื้อที่อบอวลอยู่ในห้องโถง เขาก็สบายใจขึ้น

หอสุราปิด เขาต้องกลับไปฉลองปีใหม่ที่จวนอ๋อง นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว!

เพิ่งผ่านไปยี่สิบกว่าวัน เข็มขัดของเขาก็หลวมแล้ว

โชคดีที่หลังปีใหม่นายท่านให้เขาทำงานในหอสุราต่อไป หากให้เขาอยู่จวนอ๋องต่อ… ไม่อยากจะคิด แค่คิดก็แทบหยุดหายใจแล้ว

“วันนี้ท่านอ๋องมาเร็วมากเจ้าค่ะ” หงโต้วยิ้มทักทาย

เว่ยหานพยักหน้าเบาๆ เดินไปที่ตู้คิดเงิน

มาเร็วก็จะได้เจอคุณหนูลั่วเร็ว

ช่วงเวลาที่เขาสงบจิตใจ เขาไตร่ตรองแล้ว เขาใช้คำพูดหอมหวานเพื่อเปลี่ยนแปลงความห่างเหินของคุณหนูลั่วไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขามีคือความจริงใจ

เขาจะดีต่อคุณหนูลั่วตลอดไป ไม่แน่ว่าวันไหนคุณหนูลั่วชอบพอเขาเข้าเล่า

เมื่อชอบพอกันทั้งสองฝ่าย เขาจะแต่งคุณหนูลั่วเข้าเรือน

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เขาก็รู้สึกว่าการรอคอยเหล่านี้ล้วนคุ้มค่า

“คุณหนูลั่ว สวัสดีปีใหม่”

ลั่วเซิงโค้งริมฝีปาก “สวัสดีปีใหม่เจ้าค่ะ ท่านอ๋อง”

เว่ยหานลากเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลมานั่งลงแล้วยื่นบางอย่างให้ลั่วเซิง

ลั่วเซิงมองกล่องสีแดงอันวิจิตรประณีตด้วยสีหน้าสับสนเล็กน้อย “นี่คือ…”

“ของขวัญปีใหม่”

ลั่วเซิงไม่ได้รับไว้ นางพูดอย่างเกรงใจว่า “ท่านอ๋องให้โคมไฟเสือแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ”

“นั่นมันของขวัญเทศกาลโคมไฟ แต่นี่คือของขวัญปีใหม่”

เมื่อต้องเผชิญกับสายตาคาดหวังของอีกฝ่าย ลั่วเซิงก็เปิดกล่องออก

ในกล่องมีแสงสีทองสว่างไสว เป็นทองคำแท่งที่มีรูปร่างเป็นสิบสองราศี

ลั่วเซิงเงียบ

ของขวัญปีใหม่ชิ้นนี้คุ้มจริงๆ

“จู่ๆ…”

เว่ยหานพูดแทรกลั่วเซิง “แค่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากเพื่อน สำหรับคุณหนูลั่วและข้าแล้วเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย”

ลั่วเซิงได้ยินเว่ยหานพูดเช่นนี้ก็เก็บของขวัญอย่างตรงไปตรงมา

ดั่งที่ไคหยางอ๋องกล่าว ทองแท่งกล่องหนึ่งสำหรับพวกเขาแล้วเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย ปฏิเสธไปมากลับดูไร้เหตุผล อย่างมากที่สุดประเดี๋ยวก็แค่ให้อาซิ่วทำอาหารสองสามอย่างให้ไคหยางอ๋องก็พอ

เมื่อเห็นลั่วเซิงรับของขวัญไว้ เว่ยหานก็ยกมุมปากยิ้มๆ หยิบกระเป๋าเงินธรรมดาใบหนึ่งจากแขนเสื้อแล้วยื่นไปให้

“นี่คือ…”

ของขวัญเทศกาลโคมไฟก็รับแล้ว ของขวัญปีใหม่ก็รับแล้ว นางไม่สามารถนึกสิ่งอื่นใดได้อีก

“อั่งเปา”

ลั่วเซิงบีบกระเป๋าสตางค์พองๆ อย่างตะลึง

ไคหยางอ๋องให้อั่งเปานาง?

อันที่จริงเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถึงอย่างไรนางและไคหยางอ๋องก็ไม่ใช่คนขาดแคลนเงิน แต่ไคหยางอ๋องเตรียมอั่งเปาไว้ให้นางด้วย ไม่แปลกไปหน่อยหรือ

เว่ยหานให้เหตุผลอย่างจริงจังว่า “ข้าโตกว่าเจ้า”

ลั่วเซิงรับเงินอั่งเปาไว้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ

อั่งเปาจากไคหยางอ๋อง ตอนที่คุณหนูลั่วปลดเข็มขัดไคหยางอ๋องบนถนนใหญ่คงคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้

นอกจากนี้ กล่องทองแท่งที่ให้เป็นของขวัญปีใหม่ ยังมีอั่งเปาเป็นตั๋วเงินปึกหนึ่ง ไคหยางอ๋องคิดว่านางรักเงินมากเช่นนี้เลยหรือ

“หงโต้ว ไปเอาขนมทานเล่นในห้องครัวมา และชงน้ำชากาหนึ่งมา”

เว่ยหานอดยกมุมปากขึ้นไม่ได้

เห็นทีคุณหนูลั่วจะชอบของขวัญของเขามาก ไม่เสียดายที่อุตส่าห์คิดมาหลายวัน

ไม่นานขนมทานเล่นอันประณีตเย้ายวนใจก็ถูกยกขึ้นมาวาง

ลั่วเซิงรินน้ำชาจอกหนึ่งให้เว่ยหาน “ท่านอ๋องดื่มน้ำชาก่อน ข้าขอไปดูในห้องครัวสักเล็กน้อย”

“ได้” เว่ยหานมองส่งร่างนั้นหายไปหลังม่านประตูหนาแล้วจึงก้มหน้าดื่มชาและทานขนม

ในห้องครัวกำลังร้อนอบอ้าว ซิ่วเย่ว์กำลังยุ่ง

“อาซิ่ว ทำขนมถั่วลิสงไว้หรือไม่”

ซิ่วเย่ว์ยิ้มตอบ “คุณหนูวางใจ ทำเสร็จนานแล้วเจ้าค่ะ”

“ดีแล้ว ทำขนมถั่วลิสงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคนจากพระราชวังมา”

ซิ่วเย่ว์พยักหน้า เปิดหม้อแล้วตักเนื้อแพะชิ้นใหญ่ออกมาวางลงบนเขียงแล้วหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม

อาหารจานหลักของวันนี้คือวุ้นเส้นเนื้อแพะ

เทียบกับความมันของเนื้อหมูแล้ว แน่นอนว่าปีใหม่ได้ทานเนื้อแพะเปื่อยนิ่มอร่อยกว่า

โดยเฉพาะวุ้นเส้นเนื้อแพะที่เปื่อยทานคู่กับแป้งทอด พร้อมเครื่องเคียงเช่นล่าเจียวเจี้ยง กระเทียม ไชเท้าดอง รสชาติอร่อยมิอาจบรรยาย

ลั่วเซิงดมกลิ่นหอมพลางเดินกลับไปห้องโถงก็เห็นโต้วหมัวหมัวคนข้างกายของเซียวกุ้ยเฟยเดินเข้ามา

โต้วหมัวหมัวทักทายเว่ยหานและลั่วเซิงเสร็จแล้วก็ยิ้ม “หอมมากเลย ไม่รู้ว่าทำอาหารอะไรไว้”

“วุ้นเส้นเนื้อแพะเจ้าค่ะ โต้วหมัวหมัวลองชิมตอนรอไก่ขอทานได้เจ้าค่ะ”

โต้วหมัวหมัวลังเลเล็กน้อย

ตามปกติแล้ว นางไม่ควรกินอาหารสุ่มสี่สุ่มห้าข้างนอก

ทว่าหอมเกินไปแล้วและยังหอมขึ้นเรื่อยๆ…

โต้วหมัวหมัวอดพยักหน้าไม่ได้

วุ้นเส้นเนื้อแพะที่กำลังร้อนถูกวางตรงหน้าโต้วหมัวหมัว มีแป้งทอดที่ถูกทอดจนมีสีเหลืองทองและโรยด้วยงาขาวเล็กน้อยวางอยู่บนจานกระเบื้อง มีล่าจื่อเจี้ยงอีกจานหนึ่ง กระเทียมจานหนึ่งและไชเท้าดองจานหนึ่ง

เว่ยหานมองลั่วเซิงเงียบๆ

ลั่วเซิงยิ้มปลอบ “โต้วหมัวหมัวรีบ หากท่านอ๋องไม่รีบรอให้หอสุราเปิดก่อนค่อยกินเถอะ ครานั้นอาหารก็คงเตรียมเสร็จหมดแล้วเจ้าค่ะ”

เว่ยหานมองลั่วเซิงอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

ใครบอกว่าเขาไม่รีบ เขาแค่รักษากฎที่คุณหนูลั่วตั้งไว้ต่างหาก ใครจะไปรู้ว่าหมัวหมัวชราคนหนึ่งทำให้คุณหนูลั่วทำลายกฎได้

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท