สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 200 ทรงเกียรติ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 200 ทรงเกียรติ

ซินโย่วยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เงียบๆ ในใจรู้สึกอัดอั้น

ร่มหมื่นราษฎร์เป็นสิ่งของแสดงการรับรองว่าเป็นขุนนางดีจากราษฎรในพื้นที่ ชิ่งอ๋องได้รับร่มหมื่นราษฎร์ ก็จะได้ชื่อเสียงว่าเป็นที่รักของราษฎร มีความดีความชอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ย่อมทำให้นางทวงคืนความยุติธรรมให้มารดาตนยากขึ้นไปอีก

หวนคิดอีกครา คนผู้นั้นมอบหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติให้ชิ่งอ๋อง เดิมก็เพื่อปูทางให้ชิ่งอ๋อง ในใจซินโย่วก็ยิ่งรู้สึกดังถูกกดทับ

แม้ใต้เท้าเฮ่อนำข่าวท่านแม่ประสบเหตุกลับมารายงาน คนผู้นั้นจะทอดทิ้งชิ่งอ๋องเพื่อท่านแม่หรือ

หากคนผู้นั้นเลือกชิ่งอ๋อง…ซินโย่วกัดริมฝีปาก แววตาตัดสินใจเด็ดเดี่ยว

เช่นนั้นนางก็จะอาศัยความสามารถตนเองเอาชีวิตชิ่งอ๋อง ตายตกไปด้วยกัน!

ซินโย่วคิดถี่ถ้วนแล้ว ทุกอย่างที่จวนกู้ชางป๋อทำก็เพื่อชิ่งอ๋อง ทันทีที่ชิ่งอ๋องตาย อำนาจวาสนาของพวกเขาก็จะดั่งถูกถอนฐานราก ได้แต่พังถล่มล้มครืน

เพียงแต่การแก้แค้นตรงไปตรงมาเช่นนี้ไม่อาจพ้นภัยหลังจากเกิดเรื่องได้

นางไม่ใช่คนวู่วาม แต่ยามผู้ครองแผ่นดินต้องการปกป้องคนคนหนึ่ง ยังจะมีวิธีการที่สมบูรณ์พร้อมอีกหรือ

ผลเลวร้ายที่สุดก็คือชีวิตของนางชีวิตนี้

คิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว ซินโย่วก็กลับคืนสู่ความสงบดังเดิม สังเกตขบวนดังมังกรทอดยาวเดินไปด้านหน้า

ทิศทางที่ไปก็คือวังหลวง

“ถวายบังคมเสด็จพ่อ” ในพระที่นั่ง บรรดาขุนนางบุ๋นบู๊แยกเป็นสองข้าง ชิ่งอ๋องคุกเข่าคำนับชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรสูง

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์ มุมพระโอษฐ์เผยรอยแย้มสรวลบาง “ทำได้ไม่เลว หลายวันนี้ลำบากเจ้าแล้ว”

“แบ่งเบาภาระเสด็จพ่อ เป็นหน้าที่ที่กระหม่อมควรกระทำ กระหม่อมไม่รู้สึกลำบาก มีแต่รู้สึกเป็นเกียรติพ่ะย่ะค่ะ” ชิ่งอ๋องก้มหน้ากราบทูลเสียงก้องกังวาน

“เดินทางไปครั้งนี้ได้สร้างเสริมประสบการณ์จริง” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสชมอีกคำ สายพระเนตรทอดมองไปยังรองเจ้ากรมคลังเผยจั่ว

ครั้งนี้รองเจ้ากรมเผยเป็นหัวหน้ากลุ่มช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติติ้งเป่ย

รองเจ้ากรมเผยรีบแสดงความจงรักภักดี

รอยแย้มสรวลมุมพระโอษฐ์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยิ่งกดลึก รับสั่งว่า “จัดงานเลี้ยง เราจะต้อนรับทุกคนที่กลับมา”

ในงานเลี้ยง ชิ่งอ๋องดังเดือนในหมู่ดาว รองเจ้ากรมเผยเองก็มีหน้ามีตาเช่นกัน

รองเจ้ากรมฝ่ายขวาจางเจี่ยนที่เป็นรองเจ้ากรมเช่นกันได้แต่แอบทอดถอนใจ

เผยจั่วโชคดีจริง ได้งานดีเช่นนี้ ไม่เหมือนเขาที่ได้แต่รับผิดชอบหลังบ้าน ทำดีเพียงใดก็ไม่เป็นที่ประจักษ์

แน่นอนว่าความอิจฉานี้ได้แต่เก็บซ่อนไว้ในใจ ไม่อาจแสดงออกมาได้

แม้ว่าได้รับการคารวะสุราจากขุนนางมากมาย แต่มีฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อยู่ในงานด้วย ชิ่งอ๋องไหนเลยจะกล้าทำตัวลอยได้ใจ และก็ยังไม่กล้าดื่มมากอีกด้วย งานเลี้ยงในวังจบลงก็ต้องไปถวายบังคมไทเฮาที่ตำหนักฉือ หนิงกงอีก

“เสด็จย่า กระหม่อมกลับมาแล้ว”

“กลับมาก็ดี เสด็จพ่อเจ้าคิดถึงเจ้ามาตลอด” ไทเฮามองดูหลานชายกระปรี้กระเปร่าสดชื่น ก็เผยสีหน้าเมตตาอารี

ชิ่งอ๋องได้ยินก็ดีใจมากขึ้น

กลับมาแล้วดีจริง ทุกอย่างที่เขาคุ้นเคยและเคยชิน ไม่เหมือนสถานที่ผีร้ายนั่น เขาไม่อยากอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว

ชิ่งอ๋องอยู่เป็นเพื่อนคุยกับไทเฮาได้ครู่หนึ่ง ก่อนกลับยังได้ของพระราชทานจากไทเฮามาอีกไม่น้อย ก่อนรีบก้าวไปยังตำหนักฮั่นตั้นกง

ตำหนักฮั่นตั้นกง พระสนมซูเฟยชะเง้อรออยู่นานแล้ว ยังให้คนไปถามความเคลื่อนไหวของชิ่งอ๋องมารอบหนึ่ง

“ชิ่งอ๋องมาถึงแล้วเพคะ”

พอได้ยินพระสนมซูเฟยก็รีบลุกขึ้นออกไปรับชิ่งอ๋องที่เดินเข้ามา

“เสด็จแม่…”

“กลับมาได้เสียที ลูกแม่…” พระสนมซูเฟยดึงชิ่งอ๋องที่ลงคำนับขึ้น มองชิ่งอ๋องอย่างละเอียดแล้ว คำที่คิดเอ่ยว่า ‘ผอมลง’ ได้แต่กลืนกลับไป

“เป็นอันใดไปหรือ เสด็จแม่?” ชิ่งอ๋องเอ่ยถามออกไปอย่างนั้น

ต่อหน้าพระสนมซูเฟย ชิ่งอ๋องรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ไม่เหมือนอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้และไทเฮาที่ต้องแสดงท่าทางว่านอนสอนง่าย

“ลำบากเจ้าแล้ว” พระสนมซูเฟยเปลี่ยนคำที่คิดเอ่ย

ชิ่งอ๋องขมวดคิ้ว “เสด็จแม่อย่าได้เอ่ยเรื่องติ้งเป่ยอีก สองเดือนนี้ลืมตามาก็เห็นแต่เรื่องพวกนี้ กว่าจะได้กลับมา ข้าไม่อยากเอ่ยถึงอีก”

“ได้ ได้ ได้ แม่เข้าใจ” พระสนมซูเฟยมองบุตรชายไม่ละสายตา

ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าสองเดือนกว่ามานี้นางเป็นห่วงเพียงใด!

แม้ว่าด้วยสถานะบุตรชายจะไม่ประสบอันตรายใด แต่ก็มักมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ ยังมีโรคระบาดที่อาจมาถึงตัวอย่างไม่ทันตั้งตัว

นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว หากเกิดเหตุอันใดขึ้นจะทำเช่นไร

“ดื่มสุราในงานไปไม่น้อยใช่ไหม แม่ให้นางกำนัลไปต้มน้ำแกงสร่างเมามาให้เจ้าดื่มสักชาม”

นางกำนัลยกน้ำแกงสร่างเมาเข้ามา

ชิ่งอ๋องยกชามขึ้นดื่มแล้วก็บ้วนปากเช็ดปาก ถามพระสนมซูเฟยว่า “บุตรชายไม่อยู่เมืองหลวงหลายวันนี้ มีเรื่องอันใดใหม่ๆ หรือไม่”

เรื่องใหม่?

อาจเพราะชีวิตในวังยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง พระสนมซูเฟยพลันคิดได้เพียงเรื่องคุณหนูโค่ว

“แม่ได้ยินเรื่องใหม่มาบ้างเหมือนกัน”

“เสด็จแม่เล่าให้ข้าฟังหน่อย” ชิ่งอ๋องได้ยินก็ระงับข้ออ้างที่คิดเอ่ยกลับคืนไป

“คุณหนูโค่วผู้นั้น อี้เอ๋อร์ยังจำได้กระมัง”

ชิ่งอ๋องสายตาวูบไหวเล็กน้อย

คุณหนูโค่วอีกแล้ว?

“นางทำอันใดหรือ”

“ก็ตอนเจ้าเดินทางไปได้ไม่นาน ในวังก็มีคหบดีบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย เสด็จพ่อให้ซิ่วอ๋องรับหน้าที่จัดงานเลี้ยงผู้บริจาค ทุกคนที่บริจาคหนึ่งพันตำลึงขึ้นไปก็จะได้มาร่วมงาน คุณหนูโค่วผู้นั้นบริจาคห้าหมื่นตำลึง”

ชิ่งอ๋องตกใจ “ห้าหมื่นตำลึง?”

“ใช่ ห้าหมื่นตำลึง” พระสนมซูเฟยน้ำเสียงแฝงนัยลุ่มลึก “เพราะห้าหมื่นตำลึงนี้ ในงานเลี้ยงผู้บริจาค นางจึงได้เข้าเฝ้าเสด็จพ่อเป็นพิเศษ และได้รับพระราชทานด้วย”

ชิ่งอ๋องแค่นเยาะ “กำไรแท้!”

ท่าทีชิ่งอ๋องทำให้พระสนมซูเฟยวางพระทัยได้อย่างแท้จริง

ตั้งแต่คุณหนูโค่วปรากฏตัวต่อหน้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ พระสนมซูเฟยก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างน่าประหลาด มักจะคอยสืบความเคลื่อนไหวนอกวังอยู่เสมอ

ว่ากันว่าคุณหนูโค่วท่านนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากนักเรียนในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน นางกลัวจริงๆ ว่าบุตรชายจะถูกนังเด็กนั่นใช้อุบายล่อหลอกไปด้วย

“ดีที่เสด็จย่าเจ้าทรงเฉลียว วันปีใหม่วันนั้น…”

ได้ยินพระสนมซูเฟยเล่าจบ ชิ่งอ๋องก็ยิ้มเอ่ยว่า “ก็แค่เด็กสาวกำพร้า ช่างมีความสามารถแท้”

พระสนมซูเฟยเองก็ยิ้ม “ใช่ มีความสามารถมาก ตอนเดือนหนึ่ง ร้านหนังสือนางยังออกนิยายใหม่อีกเล่ม คนมาซื้อกันมากมาย แม้แต่ในวังก็มีขันทีนางกำนัลไปซื้อมาอ่านกัน”

“ใช่ ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มสองไหม” ชิ่งอ๋องนึกสนใจ

“คล้ายว่าใช่ หนังสือพวกนี้อ่านให้น้อยหน่อย”

ความจริงพระสนมซูเฟยไม่เพียงแต่อ่านแล้ว แต่ยังอ่านไปหลายรอบ

“ข้ารู้แล้ว ข้ารู้สึกเหนื่อย ขอกลับจวนไปพักก่อน วันหลังค่อยมาเข้าเฝ้าเสด็จแม่ใหม่”

ชิ่งอ๋องออกจากวังหลวงมา ระหว่างทางกลับจวนอ๋องก็ส่งคนไปซื้อ ‘บันทึกตะวันตก’ มารอเขากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะได้นอนเอกเขนกอ่านบนเตียงสักหน่อย

เวลาผ่านไปไม่รู้ตัว บ่าวเอ่ยเตือนอย่างระมัดระวังท่าทีว่า “ท่านอ๋อง พักสายตาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ชิ่งอ๋องโยนนิยายลงบนโต๊ะ สั่งการบ่าวไปว่า “เจ้าไปร้านหนังสือชิงซง นำตัวท่านซงหลิงมา ข้าต้องการพบเขา”

ท่านซงหลิงผู้นี้มีพรสวรรค์อยู่บ้างจริง

บ่าวรับคำสั่งไปทันที

“ขอเรียนถามว่า คุณหนูโค่วอยู่ไหม ข้ามาจวนชิ่งอ๋อง”

ผู้ดูแลร้านหูรีบให้สือโถวไปรายงาน

ได้ยินว่ามีคนจากจวนชิ่งอ๋องมา ซินโย่วก็ตกใจ

วันนี้ชิ่งอ๋องเพิ่งกลับมา เหตุใดส่งคนมาหานาง

พอเดินไปด้านหน้าพบกับคนจวนชิ่งอ๋อง ในที่สุดซินโย่วก็รู้สาเหตุ ที่แท้คิดพบท่านซงหลิง

ดูสีหน้ารอคอยของบ่าวจวนชิ่งอ๋องแล้ว ซินโย่วก็คิดเยียบเย็น

หากนางอาศัยสถานะท่านซงหลิงไปจวนชิ่งอ๋อง…

แต่ความคิดนี้พลันจางหายไป ถูกนางระงับเอาไว้ได้ทัน

ใต้เท้าเฮ่อยังไม่กลับมา คนผู้นี้จะทำอันใดก็ยังไม่อาจรู้ได้ ไม่อาจวู่วาม

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท