ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 275 สุราเย็นกับเบี้ยหวัด-2

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 275 สุราเย็นกับเบี้ยหวัด-2

หวาหนงไม่พอใจอย่างยิ่ง

แต่สีหน้าเช่นนี้กลับไปยั่วโมโหคนเป็นหัวหน้าเข้าเสียแล้ว

“เช่นนั้นก็เริ่มลงมือที่เจ้าก่อน!”

คนเป็นหัวหน้ากล่าว

“ตัดขวดให้ขาดกับตัดคอให้ขาดนั้นไม่เหมือนกัน กระดูกสันหลังแข็งแรงมากทีเดียว”

หวาหนงกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ

คนเป็นหัวหน้าได้ยินประโยคนี้

กลับสงบสติอารมณ์ลง

เขามองดูการแต่งกายของหวาหนงที่ท่อนบนไม่รับกับท่อนล่าง แล้วมองไปที่กระบี่โกโรโกโสตรงเอวของเขา

ประกายจากดาบฉายวาบในพริบตา

เม็ดทองคำที่ห้อยตรงคอของหวาหนงขาดลงทันที

แกร๊งๆๆ

กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น

“เหตุใดเจ้าถึงตัดเม็ดทองคำของข้า”

หวาหนงกล่าว

และเดินมาข้างหน้าสองสามก้าว

“เพราะมันอยู่ใกล้คอเจ้าที่สุด”

คนเป็นหัวหน้ากล่าว

“ต่อให้ใกล้คออีกสักเท่าใดก็ไม่ใช่คออยู่ดี หากเจ้าต้องการสังหารข้าก็ควรเล็งดาบมาที่คอ ไม่ควรตัดเม็ดทองคำของข้า”

หลิวรุ่ยอิ่งสัมผัสได้ถึงความเดือดดาลของหวาหนง

เด็กหนุ่มผู้นี้ก็เหมือนกับภูเขาไฟที่สงบเงียบ

ปกติแล้วอาจมีหิมะตก และยังมีต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด

แต่เมื่อใดที่มันปะทุขึ้นมา ภายในระยะพันลี้ก็จะไม่มีหญ้าขึ้นสักชุ่น

“ก็แค่เม็ดทองคำพวงหนึ่งเท่านั้น…คิดไม่ถึงว่าสหายของนายกองหลิวจะเห็นแก่เงินเพียงนี้!”

คนเป็นหัวหน้ากล่าวพลางยิ้มหยัน

“ข้าชมชอบเงินทองจริงดังว่า แต่ข้าต้องการมอบเม็ดทองคำเส้นนี้ให้คนทุกข์ยาก ภายในเหลาสุราแห่งนี้ไม่มีคนทุกข์ยาก แต่เจ้ากลับทำมันกระจัดกระจายไปหมดแล้ว”

หวาหนงกล่าว

หลิวรุ่ยอิ่งหาเก้าอี้มาตัวหนึ่งแล้วนั่งลงเสีย

เขาย่อมไม่เกรงกลัวคนเหล่านี้

แต่เขาอยากดูว่าหวาหนงจะรับมืออย่างไร

คิดไม่ถึงว่าหวาหนงกลับย่อตัวลงนั่งยองๆ และเริ่มเก็บเม็ดทองคำขึ้นมาทีละเม็ด ก่อนเอาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ

เมื่อคนเป็นหัวหน้าเห็นหวาหนงเก็บเม็ดทองคำจึงจะฟันดาบลงไป แต่กลับถูกหลิวรุ่ยอิ่งใช้กระบี่ขวางเอาไว้

ทว่าหวาหนงกลับไม่ได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นข้างหลังตนแต่อย่างใด

เอาแต่เก็บเม็ดทองคำอย่างระมัดระวัง

หลิวรุ่ยอิ่งขวางดาบของคนเป็นหัวหน้าไว้

“ในเมื่อเจ้าชักกระบี่ออกมาแล้ว เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าทำให้เจ้าต้องตายอย่างไร้เกียรติ”

คนเป็นหัวหน้ากล่าว

หลิวรุ่ยอิ่งกลับไม่ได้เอ่ยคำ

ยืดตัวตรง พุ่งกระบี่ออกไป

ในเมื่อคนเป็นหัวหน้าผู้นี้สามารถสังหารผู้สั่งการกองของกรมสอบสวนได้

ก็จะต้องมีความสามารถจริงๆ

เขาเคลื่อนเท้า

หลบกระบี่นี้ของหลิวรุ่ยอิ่งไปได้

จากนั้นก็ซัดฝ่ามือหนหนึ่ง

หลิวรุ่ยอิ่งหลบคมของมันไปได้

ฝ่ามือนี้กระแทกเข้ากับต้นเสาในโถงใหญ่ของเหลาสุรา

เมื่อต้นเสาถูกพลังฝ่ามือก็ถล่มลงมาดังโครมคราม

สีหน้าหลิวรุ่ยอิ่งเรียบเฉย

ระดับการฝึกตนของคนเป็นหัวหน้าผู้นี้เกรงว่าคงเข้าใกล้ระดับบรมภูมิแล้ว

“พลังยุทธ์ที่ดีเช่นนี้เหตุใดไม่ไปทำเรื่องที่เหมาะควร”

หลิวรุ่ยอิ่งถาม

“สำหรับข้าแล้ว นี่ก็คือเรื่องที่เหมาะควร!”

คนผู้นั้นกล่าว

เขาฉีกทึ้งเสื้อตัวนอกของตนจนขาดเป็นชิ้นๆ ในคราวเดียว

ภายใต้เสื้อผ้าชุดนี้กลับเป็นเครื่องแต่งกายของชาวทุ่งหญ้า

“พวกเจ้าเป็นคนของราชสำนักทุ่งหญ้า!”

หลิวรุ่ยอิ่งร้องออกมาอย่างตกใจ

ในเวลานี้เหตุและผลทั้งมวลสามารถร้อยเรียงเข้าด้วยกันได้แล้ว

มิน่าเล่าพวกเขาจึงกล้าสังหารผู้สั่งการกองของกรมสอบสวน

เพราะเดิมทีพวกเขาก็ไม่ใช่คนของดินแดนห้าอ๋อง

และที่มาฉกชิงเบี้ยหวัดของทัพชายแดนเจิ้นเป่ยอ๋อง ย่อมเป็นการทำลายขวัญกำลังใจของทัพชายแดน

หากในยามที่กำลังเสียขวัญ และราชสำนักทุ่งหญ้าสั่งการให้เข้าโจมตี ย่อมไม่อาจรักษาด่านชายแดนเอาไว้ได้

ประตูแห่งอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋องก็จะถูกตีแตกเพราะเหตุนี้

เหล่าทหารหมาป่าแห่งที่ราบทุ่งหญ้าก็จะบุกรุกเข้ามาในดินแดน

“ข้าน้อยจิ้งเหยา ผู้นำหน่วยสามแห่งหน่วยประจันเพลิง ภายใต้บังคับบัญชาของท่านแม่ทัพฝ่ายขวาอั๋งสยงแห่งราชสำนักทุ่งหญ้า”

คนเป็นหัวหน้ากล่าว

จากนั้นทุกคนที่อยู่ข้างหลังต่างก็ถอดเครื่องแบบของดินแดนอ๋องออก

เผยให้เห็นเครื่องแต่งกายของชาวทุ่งหญ้า

“พวกเจ้าชาวทุ่งหญ้าต้องการสิ่งใดกันแน่ หรือไม่กลัวว่าทั้งเจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาและติ้งซีอ๋องฮั่ววั่งจะร่วมมือกันยกทัพมาตัดหัวหลางอ๋องของพวกเจ้าเสีย?”

หลิวรุ่ยอิ่งถาม

“ฮ่าๆๆ! นายกองหลิว คำพูดเช่นนี้เจ้ายังพูดออกมาได้ เกรงว่าแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เชื่อกระมัง”

จิ้งเหยาหัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ย

หลิวรุ่ยอิ่งนิ่งเงียบ

เขารู้ว่าสิ่งที่จิ้งเหยาพูดนั้นไม่ผิด

ดินแดนแห่งห้าอ๋องเหมือนจะสามัคคีกัน

แต่ความจริงแล้วต่อสู้กันไม่หยุดหย่อนด้วยเรื่องผลประโยชน์

เห็นได้ชัดว่าจิ้งเหยารู้เรื่องนี้ลึกยิ่งนัก

หากว่าสามัคคีกันเช่นที่เห็นจากภายนอกจริง

ก็คงทำลายราชสำนักทุ่งหญ้า จากนั้นก็นำทัพลงใต้ผนวกพวกชนเผ่าป่าเถื่อนนานแล้ว

แต่เหตุใดตั้งเนิ่นนานเพียงนี้แล้ว กลับยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

ก็ไม่ใช่เพราะแบ่งสรรปันส่วนผลประโยชน์กันไม่ลงตัวเรื่อยมาหรอกหรือ

ระหว่างห้าอ๋อง ผู้ใดบ้างที่ไม่ต้องการอาณาเขต เงินทองและเสบียงให้มากขึ้นอีก

ในเมื่อหารือกันไม่สำเร็จ เช่นนั้นก็ไม่ต้องหารือกันไปเสียเลย

ไม่เช่นนั้น หากบีบบังคับให้มาอยู่รวมกัน ก็จะต้องแตกแยกกันอย่างรวดเร็ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิวรุ่ยอิ่งก็ตื่นตระหนกจนเหงื่ออาบทั่วแผ่นหลัง

เขาคิดว่าหลางอ๋องหมิงเย่าไม่อาจสะกดกลั้นความทะเยอทะยานและความโลภโมโทสันของตนไว้ได้อีกแล้ว

ครั้งแรกที่ตนมาถึงแดนติ้งซีอ๋องก็บังเอิญได้พบกับพวกทหารหมาป่ารุกล้ำชายแดนเข้ามา

แม้ว่าสุดท้ายจะจบลงด้วยการสังหารเฮ่อโหย่วเจี้ยน

แต่ไม่คิดหรือว่าราชสำนักทุ่งหญ้าจะไม่ซ้อนกล?

เวลานี้แดนติ้งซีอ๋องกำลังรวบรวมทหารจำนวนมากไว้ในแถบชายแดน

ก็เพื่อเสริมขวัญทัพ ปลอบใจประชา

แต่ดินแดนอ๋องที่ติดกับทุ่งหญ้า ไม่ใช่แค่ดินแดนติ้งซีอ๋องแห่งเดียว

เจิ้นเป่ยอ๋องเองก็มีชายแดนนับพันลี้ที่ติดกับทุ่งหญ้า

ทว่าเจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยามีท่าทีที่อ่อนโยนต่อฝ่ายทุ่งหญ้ามาโดยตลอด

ด่านชายแดนของแดนเจิ้นเป่ยอ๋องสร้างช่องทางการค้านับไม่ถ้วน

พ่อค้าชาวทุ่งหญ้าและคาราวานของแดนเจิ้นเป่ยอ๋องไปมาหาสู่กันไม่หยุดหย่อน

ดูแล้วปรองดองกันยิ่งนัก

แต่ก็เพราะปรองดองกันเช่นนี้จึงทำให้พวกทุ่งหญ้าฉวยโอกาสได้

หากวันนี้ หลิวรุ่ยอิ่งไม่ได้บังเอิญมาพักทานอาหารที่เหลาสุราแห่งนี้

เงินเบี้ยหวัดสี่ล้านตำลึงก็ไม่ใช่ว่าใช้สองมือประเคนให้พวกทุ่งหญ้าหรอกหรือ

ตนจึงไม่อาจนิ่งดูดาย

แต่เวลานี้เรื่องราวกับวุ่นวายขึ้นมาใหญ่โตนัก

ไม่เพียงเกี่ยวเนื่องถึงกรมสอบสวน

ยังเกี่ยวพันขึ้นไปถึงอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋องและราชสำนักทุ่งหญ้าด้วย

เรื่องราวขยายวงกว้างจนเกินขอบเขตที่เขาจะจัดการได้

ทว่า ด้วยเป็นหน้าที่ในยามฉุกเฉิน ก็ต้องรักษาเงินเบี้ยหวัดเหล่านี้ไว้ให้ได้ก่อน

แม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้นำหน่วยสามแห่งหน่วยประจันเพลิง

แต่หลิวรุ่ยอิ่งไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว

หวาหนงเก็บเม็ดทองคำทุกเม็ดเท่าที่เขามองเห็นหมดแล้ว

หลังจากเก็บเสร็จจึงพบว่าเหมือนจะหายไปหลายเม็ด

“ที่หาไม่เห็นก็ไม่ต้องหาแล้ว”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

แม้หวาหนงจะไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าแต่อย่างใด

แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบและไอสังหารรุนแรงที่ปะทะเข้าหา

จึงค่อยๆ ชักกระบี่ออกมา

หลิวรุ่ยอิ่งยังไม่ทันตั้งสติได้

กระบี่ของหวาหนงก็พุ่งเข้าใส่ลำคอของจิ้งเหยาแล้ว

ทว่ากระบี่นี้กลับไม่คมกริบเช่นวันก่อน

มันถูกจิ้งเหยาวางดาบในแนวขวางกันเอาไว้ได้

แม้จะขวางกระบี่นี้ของหวาหนงเอาไว้

แต่ในแววตาของจิ้งเหยากลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะมีกระบี่ที่ว่องไวถึงเพียงนี้

และเรี่ยวแรงที่มาพร้อมกับกระบี่ก็น่าตื่นตะลึงยิ่งนัก!

ถึงกับทำให้ปลายดาบของเขาสั่นเล็กน้อย

“เจ้าก็เป็นคนของกรมสอบสวนด้วยหรือ”

จิ้งเหยาถาม

ตงอี้ที่เขาสังหารไปนั้น เดิมทีเป็นพวกตะกละขี้เหล้าพุงพลุ้ยผู้หนึ่ง

ตนยังไม่ทันขยับดาบด้วยซ้ำ ก็ลงไปคุกเข่าร้องไห้เรียกหาบิดามารดาร้องขอชีวิตเสียแล้ว

ด้วยเหตุนี้เขาจึงทึกทักเอาว่ากรมสอบสวนไร้ระเบียบฟอนเฟะ

แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังมีเด็กหนุ่มที่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศเพียงนี้

“ไม่ใช่”

หวาหนงเก็บกระบี่กลับไปแล้วกล่าวพลางส่ายหัว

เห็นชัดว่าเมื่อกระบี่ที่จู่โจมไปครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ

ทำให้เขาสะเทือนใจไม่น้อย

“แต่ข้ากำลังจะเป็นในทันทีทันใดนี้แล้ว!”

หวาหนงพูดต่อ

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พลุ่งพล่านขึ้นมาในดวงตาอีกครั้ง

เหมือนกับตอนที่เขาสังหารสัตว์ป่าบนภูเขา

ในเมื่อกระบี่ไม่เป็นผล เช่นนั้นก็จะไม่ใช้กระบี่

แต่ไม่มีวันล้มเลิกเด็ดขาด

เพราะผลจากการล้มเลิกมีเพียงหนึ่งเดียว

นั่นก็คือตาย

หวาหนงรู้สึกว่าโลกภายนอกป่าบนเขานั้นพิสดารยิ่งนัก

พิสดารถึงขั้นว่าก่อนหน้านี้แม้เขาจะคิดจนหัวแทบแตกก็ยังคิดไม่ถึง

ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดใจตายไม่ได้

หนำซ้ำ เขายังติดค้างเงินหลิวรุ่ยอิ่งอีกยี่สิบตำลึง

หากหนี้ยังคืนไม่หมด แล้วเขาจะตายได้อย่างไร

ทว่าตอนที่เขาใช้กระบี่ครั้งที่สอง หลิวรุ่ยอิ่งกลับมายืนขวางตรงหน้าเขา

“เจ้าไปข้างหลัง เฝ้าเบี้ยหวัดนั้นไว้ให้ดี จำไว้ ทั้งหมดมีสิบแปดหีบ ทุกหีบติดแถบกระดาษไขว้เป็นรูปกากบาทไว้ นอกจากข้าแล้ว ไม่ว่าผู้ใดเข้าใกล้เบี้ยหวัดเหล่านั้น เจ้าล้วนใช้กระบี่ได้ทั้งสิ้น”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

หวาหนงพยักหน้า

เก็บกระบี่แล้วเดินไปทางด้านหลังของเหลาสุรา

ระหว่างทางเขามองเห็นเม็ดทองคำหนึ่งเม็ดที่ก่อนหน้านี้หาไม่พบ

หลังจากเก็บขึ้นมาแล้วก็เอาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อเช่นเดิม

หลิวรุ่ยอิ่งมองหวาหนงจนร่างของเขากระโจนออกจากหน้าต่างหลังเหลาสุรา

แล้วจึงหันหน้ากลับมามองจิ้งเหยา

………………………………………

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท