สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 203 กราบทูลรายงานลับ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 203 กราบทูลรายงานลับ

เฮ่อชิงเซียวกลับมาถึงก็รีบเข้าเมืองก่อนประตูเมืองปิด

ส่วนฉางเหลียงนั้น ก่อนเขากลับมาก็ได้ส่งสารลับให้เหยียนเชาจับกุมตัวมาอย่างลับๆ

ทุกอย่างนับว่าราบรื่นดี ได้คำให้การของฉางเหลียงมา ก็รอแค่พรุ่งนี้เข้าวังไปกราบทูล

“ข้าไม่อยู่หลายวันนี้ เมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้าง”

แม้กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมีระบบการข่าวเป็นเอกเทศ แต่เหนือใต้ห่างกันไกล จิตใจคนซับซ้อน หลายเรื่องยังคงไม่อาจเขียนไว้บนกระดาษ และเป็นไปไม่ได้ที่ทุกเรื่องจะมาถึงได้ทันท่วงที

เหยียนเชารายงานเรื่องราวต่างๆ แล้วก็เอ่ยถึงคุณหนูโค่วร่วมงานถวายพระพรปีใหม่ ชิ่งอ๋องได้ร่มหมื่นราษฎร์จากผู้ประสบภัยติ้งเป่ย

ค่ำคืนด้านนอกมืดมิดแล้ว เฮ่อชิงเซียวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเล็กน้อย “คุณหนูโค่วไม่ได้ประสบเรื่องยุ่งยากกระมัง”

เหยียนเชาลังเลครู่หนึ่ง “น่าจะไม่มี”

ใต้เท้ากำชับไว้ เขาก็ส่งคนไปลอบสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของร้านหนังสือชิงซง

“น่าจะ?”

“หลังจาก ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มสองวางขาย มีคนมาซื้อกันมากยิ่งขึ้น ยังมีบรรดาขุนนางชนชั้นสูงให้การสนับสนุน หลายวันก่อนชิ่งอ๋องไปร้านหนังสือชิงซงด้วยตนเอง แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องอันใด…”

ฟังเหยียนเชาเล่าเงียบๆ สีหน้าเฮ่อชิงเซียวก็ผ่อนคลายลงได้บ้าง “ลำบากเจ้าแล้ว”

วันต่อมา ความเย็นฤดูใบไม้ผลิยังไม่ทันจางหาย เฮ่อชิงเซียวเข้าวังไปเงียบๆ

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รอพบเฮ่อชิงเซียวอย่างแทบทนรอไม่ไหว

เฮ่อชิงเซียวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “กระหม่อม…”

“ลุกขึ้นได้!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่รอให้เฮ่อชิงเซียวพูดจบก็เรียกให้เขาลุกขึ้น ตรัสถามทันที “หาฮองเฮาพบไหม”

เฮ่อชิงเซียวก้มหน้าลงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลันเข้มขึ้นมาทันที แววพระเนตรแอบซ่อนความผิดหวัง “หาไม่พบหรือ แล้วท่านซงหลิงล่ะ”

ท่านซงหลิงกับซินซินต้องมีความข้องเกี่ยวลึกซึ้ง หาซินซินไม่พบ หาท่านซงหลิงพบก็นับว่าได้ผลลัพธ์

หลังนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เฮ่อชิงเซียวประสานมือ “ทูลฝ่าบาท ลงใต้ครั้งนี้ตามหาร่องรอยท่านซงหลิงไม่พบ แต่คล้ายว่าหาฮองเฮาพบ…”

คล้ายว่า?

พระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กระตุกทีหนึ่ง ไม่รู้เหตุใดจึงเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีนักขึ้นมาทันที

“คล้ายว่า แปลว่าอันใด ชิงเซียว เจ้าสืบอันใดมาได้ รีบรายงานมาตามจริง”

“กระหม่อมลงใต้ไปตรวจสอบที่หว่านหยาง บังเอิญได้พบคดีโศกนาฏกรรมหนึ่ง…” เฮ่อชิงเซียวรายงานรายละเอียดแต่ละเรื่องที่สืบมาได้ก่อนหน้านี้จนถึงครั้งนี้

“กระหม่อมค้นหาทั่วหุบเขานั้น ค้นพบสิ่งของบางอย่างในหุบเขา ดูแล้วเหมือนสิ่งของในวัง…”

“สิ่งของอันใด” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถามด้วยพระพักตร์ซีดเผือด

ผู้ที่ตายในหุบเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นซินซิน!

เฮ่อชิงเซียวเปิดกล่องเล็กออก “ของบางอย่างไม่สะดวกนำเข้าวัง กระหม่อมนำเพียงสิ่งนี้มา”

“นำมานี่!”

ขันทีรับกล่องมาตรวจสอบแล้วก็นำไปวางตรงหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรปิ่นหยกในกล่องทีหนึ่ง

หยกนี้ไม่ใช่หยกดีเลิศอันใด งานฝีมือก็ธรรมดาสามัญ แต่พระหัตถ์ของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ที่ถือปิ่นหยกสั่นเทาไม่หยุด

ปิ่นหยกนี้เป็นของที่เขามอบให้ซินซินในวันแต่งงานปีนั้น เขาซื้อมามอบให้นาง เขายังสลักชื่อซินซินไว้ที่ปลายปิ่น

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลิกปิ่นหยกขึ้นก็เห็นปลายปิ่นหยกมีอักษร ‘ซิน’

เฮ่อชิงเซียวหลุบตาลง แต่พอนึกภาพปฏิกิริยาของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้

ของเหล่านี้ล้วนแสดงถึงสถานะของฮองเฮา เป็นของที่เขาหาพบจากช่องที่ลึกลับมาก

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้หยิบหยกประดับรูปหงส์ขึ้นมา

หยกประดับรูปหงส์เป็นรูปจันทร์เสี้ยว อีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่เขา รวมกันก็จะเป็นหยกประดับมังกรหงส์ที่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รีบสั่งการให้ซุนเหยียนไปนำหยกประดับรูปมังกรที่เก็บไว้มา

หยกประดับสองชิ้นประกบกันไร้รอยต่อ

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้น้ำตาซึม “ซิน…”

เขาพูดไม่ออก นิ่งเงียบไปนาน ก่อนสุรเสียงแหบพร่าคล้ายว่าชราลงไปอีกหลายปีจะดังขึ้น “ก็หมายความว่า…คนในหุบเขาตายหมดแล้ว ได้ตรวจสอบด้วยตนเองไหม”

เฮ่อชิงเซียวเข้าใจความหมายของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ต้องการถามว่าเขาได้ขุดออกมาดูไหม

“ฝ่าบาท คดีโศกนาฏกรรมในหุบเขาเกิดมาได้เกือบปีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ขุดออกมาพิสูจน์ก็แยกแยะได้เพียงว่าเป็นชายหรือหญิงเท่านั้น

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ผงะพิงเก้าอี้ที่ประทับ พึมพำว่า “เราไม่เชื่อๆ …”

ขณะที่กำลังตรัสพระอัสสุชลก็ไหลรินออกมาจากพระเนตร

เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบรอให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สงบพระสติก่อน

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้โบกพระหัตถ์

มหาขันทีซุนเหยียนเอ่ยน้ำเสียงเบายิ่งว่า “ใต้เท้าเฮ่อ ท่านไปรอข้างนอกสักครู่”

“กระหม่อมทูลลา”

เฮ่อชิงเซียวเดินออกไป

แสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิงดงามมาก ในมวลอากาศมีกลิ่นหอมของบุปผา

เขานิ่งเงียบรออยู่นาน ก่อนจะถูกเรียกเข้าเฝ้าอีกครั้ง

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”

ตอนคำนับอีกครั้ง เฮ่อชิงเซียวก็เห็นฮ่องเต้ที่สงบพระสติลงมากแล้ว

“ยังสืบพบเรื่องใดอีก” สายพระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “คนร้ายคือใคร”

เฮ่อชิงเซียวสีหน้านิ่งสงบมาตลอด ยามนี้เผยสีหน้าลำบากใจ

สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เคร่งเครียด “เราให้เจ้าไปแอบสืบ ก็ทำใจไว้แล้ว สืบได้ความอันใด รายงานมาตามจริง!”

เฮ่อชิงเซียวก้มหน้าลงเล็กน้อย “กระหม่อมสืบได้ความว่ามีคนกลุ่มหนึ่งไปอยู่ละแวกนั้น หลังจากตรวจสอบหัวหน้ากลุ่มแล้ว…คนจวนกู้ชางป๋อ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระเนตรเบิกกว้าง ตรัสถามขึ้นทีละคำว่า “จวน กู้ ชาง ป๋อ?”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยกพระหัตถ์ขึ้นคิดคว้าอันใดสักอย่าง สุดท้ายคว้าเอาหยกขาวทับกระดาษ

ที่ทับกระดาษเย็นเยียบเล็กน้อย ในห้องกลับระอุดังอารมณ์เขา เย็นเยียบดุจน้ำแข็งกับร้อนระอุปะทะกัน ดุจลาวาร้อนระอุภายใต้ความสงบเย็นภายนอก

อาการหน้ามืดเกิดขึ้น หูได้ยินเสียงอื้ออึง คล้ายว่ามียุงมากมายกำลังบินว่อน

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้หลับพระเนตรลงเป็นนานก่อนจะลืมขึ้น จับจ้องมองเฮ่อชิงเซียวเขม็ง “มีหลักฐานไหม”

เขาให้เฮ่อชิงเซียวดำรงตำแหน่งเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนี้ไม่ได้หมายความเขาเชื่อใจคนผู้นี้ทั้งหมด

บรรดาขุนนางคิดว่าชาติกำเนิดเฮ่อชิงเซียวทำให้เขารังเกียจ แต่ความจริงชาติกำเนิดนี้กลับทำให้บรรดาขุนนางระแวงไม่ใช่หรือ

เขาต้องการคนที่ทุกคนให้ความยำเกรงและไม่คิดเข้าใกล้ เป็นขุนนางโดดเดี่ยวที่พึ่งพาเพียงเขา ไปทำงานที่ไม่อาจกระทำเปิดเผยให้เขา

แต่เขาก็จำเป็นต้องระวังว่าคนผู้นี้จะไม่พอใจหรือไม่ จะกวนน้ำให้ขุ่นในห้วงเวลาสำคัญหรือไม่

อย่างเช่นตอนนี้

“ฝ่าบาททรงทอดพระเนตร นี่คือคำให้การของฉางเหลียงหลานชายของหัวหน้ากลุ่มผู้นั้น ฉางเหลียงติดตามอาตนลงใต้ แต่กลับมาเมืองหลวงก่อน…”

“นำขึ้นมา”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงอ่านคำให้การของฉางเหลียงแล้วก็ขมวดพระขนงแน่น

“ก็หมายความว่าฉางเหลียงไม่รู้สถานะของเป้าหมายที่เขาลงมือ”

“ผู้ที่รู้ภารกิจลงใต้แท้จริงก็คือฉางชิง อาของเขา” เอ่ยถึงฉางชิง แววตาที่หลุบลงของเฮ่อชิงเซียวก็วูบไหว แต่น้ำเสียงยังคงเป็นปกติ “ปีที่แล้วฉางชิงออกจากเมืองหลวงตอนเดือนสี่ แล้วก็อยู่ที่หว่านหยางมาตลอด”

หากคนตายไปแล้วไม่สำคัญอีก เช่นนั้นเขาก็ย่อมต้องใช้คนเป็น เสริมน้ำหนักไปในพระทัยฮ่องเต้อีก

ดังคาด ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คิดตามแล้วก็ตรัสถามขึ้นว่า “เหตุใดพวกเขาอยู่หว่านหยางต่อ”

“ตามที่กระหม่อมสืบมา คล้ายว่าพวกเขากำลังค้นหาบางอย่าง กระหม่อมตรวจสอบในละแวกหุบเขา รู้จากปากคำของชาวบ้านสองสามคน ในบรรดาผู้ที่เก็บตัวในหุบเขามีหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง อายุราวสิบหกสิบเจ็ด หนุ่มน้อยผู้นี้อาจจะเป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุโศกนาฏกรรมในหุบเขา…”

“อะไรนะ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ลุกขึ้นยืน จ้องมองเฮ่อชิงเซียวเขม็ง “หนุ่มน้อยผู้นั้นมีสถานะอันใด!”

“จากคำบอกของชาวบ้าน เป็นบุตรชายของนายหญิงในหุบเขาที่ใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท