ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 339 เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 339 เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง

บนตำราไม้ไผ่ รายชื่อมากมายถูกขีดทิ้งไปแล้ว แต่มีชื่อหนึ่งยังคงอยู่ตรงนั้นอย่างชัดเจน

สีบนนั้นปรากฏเป็นสีม่วงแดง เหมือนว่าในยามที่สลักมีเลือดหยด ทิ้งไว้จนแห้งกรัง

รัชทายาทม่วงคราม

สวี่ชิงมองชื่อนี้ด้วยสีหน้านิ่งสงบ ดูแล้วเหมือนไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ เพียงแค่กำเหล็กแหลมไว้ในมือ ออกแรงโดยที่คนอื่นไม่สังเกตเห็น

จากนั้นเขาก็เบนสายตากลับมา หลังจากเก็บตำราไม้ไผ่ ก็เงยหน้ามองแสงพรายรุ้งสีแดงใต้ผืนฟ้าอาทิตย์อัสดง จากนั้นครู่หนึ่งก็พูดกับนายกองและเหยียนเหยียนเบาๆ ว่า

“ข้าจะปิดด่านสักหน่อย”

เหยียนเหยียนสัมผัสได้รางๆ ว่าสวี่ชิงเศร้าซึมเล็กน้อย ได้ยินดังนั้นก็รีบหยักหน้า

“ไปเถอะอาชิงน้อย มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ เจ้าวางใจทะลวงวังที่สามเถอะ” นายกองนั่งอยู่ตรงนั้น หัวเราะฮ่าๆ

“ศิษย์พี่ใหญ่ การปิดด่านครั้งนี้ของข้าจะมีพิษระเหยออกมาด้วยเล็กน้อย พวกท่านอย่าได้เข้ามาใกล้เกินไป หากว่า…มีเหตุการณเปลี่ยนแปลงอะไร พวกท่านจากไปทันทีได้เลย ไม่ต้องสนใจข้า ข้าจัดการได้”

สวี่ชิงเอ่ยเตือน

นายกองเมื่อได้ยินดังนั้น กำลังจะคุยโวอีกสองสามประโยค แต่หลังจากที่คิดๆ ดูแล้ว ก็ทิ้งระยะห่างอย่างรวดเร็ว

เขาเคยเห็นพิษของสวี่ชิงหลายครั้ง รู้สึกว่าแปลกประหลาดนอกรีตนอกรอยขึ้นเรื่อยๆ

เหยียนเหยียนก็ตาเบิกโพลงเช่นกัน รีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว นางนึกถึงสมาชิกกลุ่มนกเขาราตรีที่ถูกพิษในคุกกรมปราบพิฆาตพวกนั้น

เห็นสองคนทำแบบนี้ สวี่ชิงก็วางใจ ครั้งนี้เขาจะบรรจุลูกกลอนพิษต้องห้ามไปในวังสวรรค์ แม้เขาจะวางแผนไว้นานมาก ทั้งยังวิเคราะห์ถึงความเสี่ยง แต่จะอย่างไรก็มีเรื่องที่ไม่รู้บางอย่าง

นอกจากนี้เขาก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้ตัวเองจะปิดด่านนานเท่าไร จึงมอบอำนาจการควบคุมเรือศึกเวทให้นายกอง จากนั้นก็หันหลังเดินไปทางห้องเรือ

ในตอนที่เกือบจะเดินเข้าไปในห้องโดยสาร สวี่ชิงก็พลันนึกอะไรขึ้นได้ หันไปหานายกอง

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเหมือนว่าจะไม่เคยเห็นเรือเวทของท่านมาก่อน”

นายกองได้ยินดังนั้นสีหน้าก็ฉายแววได้ใจ เอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิ

“ข้าเก็บเอาไว้ในสถานที่ลึกลับหล่อเลี้ยงเอาไว้อยู่ ใกล้สำเร็จแล้ว เมื่อสำเร็จข้าก็จะไปเอาออกมา รับประกันว่าตาแก่ได้เห็นก็จะต้องตื่นตะลึงอย่างแน่นอน”

สวี่ชิงชินกับการพูดจาวางโตของนายกองเสียแล้ว จึงพยักหน้าเดินเข้าไปในห้องเรือ

หลังจากก้าวเข้าไป เขาก็ปิดประตูห้อง นั่งขัดสมาธิประสานปางมือ กระตุ้นค่ายกล ผนึกห้องเรือเอาไว้โดยสมบูรณ์ ทำให้กลิ่นอายแผ่กระจายออกไปไม่ได้

จากนั้นก็เอาอาวุธเวทออกมาจำนวนหนึ่งแล้ววางไว้รอบๆ

ทำเรื่องพวกนี้เสร็จ สวี่ชิงก็หายใจลึก เปิดถุงเก็บของจัดระเบียบสักหน่อย โดยเฉพาะขวดและกระปุกต่างๆ ที่ได้มาจากถ้ำเทพวิญญาณโยวจิง เปิดออกสำรวจ วิเคราะห์ทีละใบๆ หาวัตถุที่มีพลังชีวิตในนั้น

ในเมื่อการต้านทานลูกกลอนพิษต้องห้าม สิ่งที่สามารถต้านทานได้มีเพียงอย่างเดียวซึ่งก็คือพลังชีวิต

หลังจากคัดเลือกเสร็จ สวี่ชิงก็สำรวจตรวจสอบของชิ้นอื่นๆ เช่นกัน จวบจนเมื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว เขาก็หลับตา เงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงหยิบเอากล่องปรารถนาออกมา

มองกล่องปรารถนาที่อยู่ข้างหน้า สวี่ชิงไม่ได้รีบเปิด ขณะสะบัดมือในมือก็มีแผ่นหยกโบราณแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้นมา

แผ่นหยกแผ่นนี้ก็คือวัตถุที่อยู่ในกล่องปรารถนากับลูกกลอนพิษต้องห้ามตอนนั้นนั่นเอง

ตอนนี้สวี่ชิงถือมันอยู่ในมือ สำหรับพิษที่หลงเหลือบนนั้น ในตอนนี้ภูมิต้านทานของเขาสามารถต้านทานได้ในระดับหนึ่ง ยิ่งมีพลังฟื้นฟูจากผลึกวารีสีม่วง ดังนั้นแม้มือขวาของเขาจะดำเล็กน้อย แต่ก็ไม่เกิดการเน่าเปื่อย

เสียงเก่าแก่โบราณก็ดังก้องในสมองสวี่ชิงปานอัสนีสวรรค์อีกครั้งจากการที่จิตเทพถ่ายทอดเข้าไป

“อะไรคือมหามรรคา มหามรรคาสามพันสายล้วนสำเร็จบรรลุได้ ในบรรดามหามรรคาสามพันสายมีวิถีแห่งพิษหรือไม่

“ผู้คนรังเกียจความมืดมิดชั่วร้าย ดูแคลนพิษร้าย มองว่าเป็นวิถีเล็ก ยากจะบรรลุสำเร็จเช่นนั้นหรือ

“ข้าก็เคยคิดเช่นนั้น ดูแคลนวิถีพิษร้าย

“จนกระทั่งวันหนึ่งสังหารต่างเผ่าที่ย่างออกมาจากแผ่นดินเทวะ ผู้บำเพ็ญผู้นี้กำลังรบสูงส่ง วิถีที่ฝึกบำเพ็ญชั่วร้ายอย่างยิ่ง เขาจ้องมองมาด้วยเนตรพิษก่อนที่จะตาย ทำให้พลังบำเพ็ญของข้าหนึ่งวันตกลงหนึ่งขั้นใหญ่

“เพียงสิบวันก็กลายเป็นมนุษย์ปุถุชน ใช้ชีวิตผ่านวันคืนในโลกมนุษย์ไปหกสิบปี ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ใช้สมบัติสิ่งล้ำค่าไปมหาศาลเพื่อใช้ชีวิตเอาตัวรอดไปวันๆ ทั้งหลอมพิษนี้ในกายเปลี่ยนมันออกมาเป็นลูกกลอนเม็ดหนึ่ง

“นับจากนั้น ข้าก็ค้นคว้าต่อลูกกลอนนี้ ทว่าจวบจนภัยพิบัติมาถึงก็ยังไม่บังเกิดผล จึงเหลือวัตถุกึ่งสำเร็จแด่คนรุ่นหลัง

“ลูกกลอนนี้คือพิษ และเป็นสิ่งต้องห้ามด้วยเช่นกัน! หากผู้บำเพ็ญระดับสูงได้รับไป ห้ามใช้มันกับตัว มันจะเป็นหายนะที่มิอาจฟื้นฟู จักต้องพานพบกับความตายอย่างแน่นอน จำเป็นต้องค้นหาผู้บำเพ็ญระดับต่ำระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์ ให้เขาใช้ลูกกลอนพิษนี้แทนที่แก่นลมปราณในวังสวรรค์ที่ฝึกบำเพ็ญมา สำเร็จเป็นผู้บำเพ็ญวิถีพิษที่ไม่เหมือนใคร

“มีเพียงทำเช่นนี้ จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณ ทำให้เดินบนเส้นทางแห่งลูกกลอนต้องห้ามสายนี้ได้!

“ด้วยการอนุมานของข้า เส้นทางลูกกลอนต้องห้ามคือใช้พิษสั่นคลอนสรรพชีวิต ใช้สิ่งต้องห้ามทำลายล้างโลกด้วย น่าหวาดกลัวพรั่นพรึง หรือมันอาจจะเป็นวิชาแห่งแผ่นดินเทวะที่ลึกล้ำยากเกินหยั่ง และแผ่นดินเทวะท้ายสุดจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของทั้งหมื่นเผ่าอย่างแน่นอน!”

ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววเด็ดเดี่ยว

“วางลูกกลอนต้องห้ามเม็ดในกล่องปรารถนาเม็ดนี้ไปในวังสวรรค์….เรื่องนี้ ฟังจากน้ำเสียงของของผู้อาวุโสผู้นี้ เหมือนว่าจะสรุปจากการอนุมาน แต่ข้าไม่เชื่อว่าเขาไม่เคยลองมาก่อน

“แต่เห็นได้ชัดว่าล้มเหลว

“ดังนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วก็มีความเสี่ยงมากๆ อยู่ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างไร ทุกอย่างล้วนไม่รู้”

สวี่ชิงพึมพำ แต่แววตาเด็ดเดี่ยวในดวงตาเห็นได้ชัดว่าไม่ลดลงเลย

“แต่ว่าข้าทำความเคยชินกับพิษนี้อยู่ตลอด ในขณะเดียวกับที่มีภูมิต้านทานในระดับหนึ่ง ก็ผสานแมลงสีดำไว้ในกาย ให้มันอยู่ในนี้ชั่วขณะหนึ่ง

“แม้ข้าจะไม่มีภูมิต้านทานพิษของมันโดยสมบูรณ์ แต่ก็ทำได้ถึงขั้นสูงสุดแล้ว ยากจะมีภูมิต้านทานที่มากกว่านี้

“และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ลูกกลอนพิษต้องห้ามเม็ดนี้เหมือนจะใกล้สิ้นฤทธิ์ไปแล้วเต็มที อยู่ในสภาวะแห้งเหือด อีกทั้งยังเป็นลูกกลอนกึ่งสำเร็จ ไม่ใช่วัตถุที่สำเร็จสมบูรณ์

“หากเสียเวลาไปเช่นนี้สภาวะแห้งเหือดของมันก็จะค่อยๆ มากขึ้น หากสุดท้ายแห้งเหือดกลายเป็นลูกกลอนที่สิ้นฤทธิ์โดยสมบูรณ์ขึ้นมาจริงๆ คุณค่าของมันก็จะลดลงอย่างมหาศาล มีเพียงหลังจากผสานมันแล้วถึงจะมีความเป็นไปได้ที่มันจะฟื้นคืนกลับมา

“หากไม่ผสาน รอคอยต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร อนาคตจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ แต่ทำไปตามขั้นตอนก็ไม่อาจตอบสนองเป้าหมายของข้าได้ หากข้าจะแข็งแกร่งขึ้น มีเพียงต้องเสี่ยงเท่านั้น”

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก สัมผัสกับวังสวรรค์วังที่สามในร่างเล็กน้อย วังนี้แปรสภาพเป็นวัตถุจริงแล้วเก้าส่วน เหลือเพียงก่อแก่นลมปราณขึ้นก็จะแปรสภาพจากมายาเป็นวัตถุจริงได้โดยสมบูรณ์

“เส้นทางฝึกฝนมีเส้นทางราบรื่นเสียที่ไหน ล้วนแต่ต้องพบกับภัยอันตรายความเสี่ยงทั้งนั้น!” สวี่ชิงยกมือขวาขึ้น แล้วเปิดกล่องปรารถนาทันที

ทันทีที่กล่องเหล็กใบนี้เปิดออก ก็เผยให้เห็นลูกกลอนพิษสีดำเม็ดหนึ่งในนั้นทันที

ลูกกลอนเม็ดนี้แห้งไปกว่าก่อนหน้านี้ไปมาก พลังในนั้นแทบจะไม่เหลือแล้ว คล้ายว่าจากการเปิดออกครั้งแรกได้สัมผัสกับโลกภายนอก สภาวะแห้งเหือดของมันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น

จุดนี้สวี่ชิงค้นพบตั้งนานแล้ว และรู้ว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าลูกกลอนเม็ดนี้สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นลูกกลอนไร้แก่นพลังหลังจากดึงศักยภาพครั้งแล้วครั้งเล่า ก็จะสลายหายไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์

และตอนนี้จากการเปิดออก จากไอพิษเข้มข้นที่แผ่อวลไปรอบๆ สวี่ชิงรับไอพิษทันที ร่างสะท้านเฮือก

ต่อให้มีภูมิต้านทานในระดับหนึ่ง ต่อให้มีผลึกวารีสีม่วง แต่ลูกกลอนพิษต้องห้ามเม็ดนี้ก็ยังทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องพวกนี้สวี่ชิงไม่สนใจแล้ว ในตาของเขาฉายแววยืนหยัดเด็ดเดี่ยว มือขวายกขึ้นหยิบลูกกลอนพิษในกล่องขึ้นมา

เสี้ยวพริบตาต่อมา มือขวาของเขาแปรสภาพเป็นพรางมารยา กลายเป็นมือโปร่งแสง ก่อนจะปกคลุมไปบนลูกกลอนพิษ

และลูกกลอนพิษนี้ก็น่าครั่นคร้ามนัก ต่อให้มือขวาของสวี่ชิงแปรสภาพเป็นพรางมารยาแต่ก็ยังเห็นเส้นสีดำเป็นเส้นๆ ก่อตัวในนั้น เหมือนว่าสภาวะนี้ก็ยากจะหนีพลังของลูกกลอนเม็ดนี้ได้

สวี่ชิงเมินเฉยเรื่องพวกนี้ หลังจากกำลูกกลอนพิษเอาไว้ด้วยมือพรางมารยา เขาก็ล้วงเข้าไปยังจุดตันเถียนของตัวเองอย่างรวดเร็ว

ล้วงเข้าไปในทะเลความรู้สึก สัมผัสวังสวรรค์ เรื่องแบบนี้สวี่ชิงทำมาแล้วหลายครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาทำกับร่างตัวเอง

นี่ก็คือวิธีที่เขาคิด

กลืนลูกกลอนเม็ดนี้ สวี่ชิงรู้สึกว่ากายเนื้อตัวเองเกรงว่าคงรับไม่ไหว หากใช้มือพรางมารยาส่งไปที่วังสวรรค์เลย จากการวิเคราะห์ของเขาอัตราความสำเร็จจะยิ่งมีมากขึ้น

จึงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น มือพรางมารยาเมื่อทะลุผ่านกายเนื้อเข้าไปแล้ว จากการออกแรงของสวี่ชิง ก็ล้วงเข้าไปในทะเลความรู้สึกในร่างกายของตัวเอง เข้าไปใกล้ทันที สัมผัสไปที่วังที่สามของตน

ขั้นตอนนี้เจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งมีการโจมตีจากพลังลูกกลอนพิษ ร่างสวี่ชิงสั่นสะท้าน

เขากัดฟันกรอด ทำโดยไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ยิ่งทำให้เสร็จเร็วได้ยิ่งดี

ดังนั้นอาศัยเจตจำนงอันแรงกล้า ในเสี้ยวพริบตาที่มือขวาสัมผัสกับวังที่สามของตัวเอง ก็พลันทะลุเข้าไป แล้วคลายมือในวังที่สาม บรรจุลูกกลอนพิษต้องห้ามไปในนั้น

จากนั้นมือขวาก็ชักออกมาอย่างรวดเร็ว

แม้การเคลื่อนไหวของเขาจะรวดเร็ว แต่ความเจ็บปวดก็ยังคงถาโถมเข้ามาในร่างกายไม่ขาดสาย สวี่ชิงร่างสั่นสะท้าน ปากกระอักเลือดสดๆ ออกมา

อวัยวะภายในล้วนได้รับผลกระทบในเสี้ยวขณะนี้ ในขณะที่ส่งความเจ็บปวดเป็นระลอกๆ มา ไม่ทันรอให้สวี่ชิงได้ค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้าง วังสวรรค์วังที่สามของเขาก็ปะทุระลอกคลื่นพลังรุนแรงออกมา

ลูกกลอนพิษต้องห้ามในนั้นปะทุพลังพิษออกมาทันที แผ่มาจากในวังสวรรค์วังที่สามไปรอบๆ ประดุจถล่มภูเขาล่มสมุทร หอบม้วนไปในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง กระทบไปยังวิญญาณ แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

ร่างสวี่ชิงสั่นสะท้าน ทั่วทั้งร่างเริ่มเน่าเปื่อย ทะเลความรู้สึกเริ่มเหือดแห้ง วิญญาณเริ่มหมองหม่น

พิษที่แฝงในลูกกลอนพิษต้องห้ามช่างร้ายแรงน่ากลัวเหลือเกิน ระดับยังสูงมากอีกด้วย

ขณะเดียวกัน เส้นไหมแต่ละเส้นๆ ก็แผ่ออกมาจากอิฐทุกก้อน กระเบื้องทุกแผ่นในวังสวรรค์วังที่สาม เชื่อมเข้ากับลูกกลอนพิษต้องห้ามที่กำลังปะทุอย่างรวดเร็ว

นี่คือการผลอมผสานอย่างหนึ่ง และเป็นการแปรสภาพด้วยเช่นกัน

แก่นลมปราณวัตถุภายนอกใดๆ ก็ตาม ในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏในวังสวรรค์ของผู้บำเพ็ญ ล้วนถูกวังสวรรค์ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายไปในทันที ในเสี้ยวพริบตาที่ผสานสำเร็จ ความจริงการแปรสภาพก็เสร็จสิ้น กลายเป็นของวิเศษแก่นวิญญาณแล้ว

และวังสวรรค์ที่แต่เดิมเป็นสีทอง ตอนนี้จากการผสานเข้ามาของลูกกลอนพิษเป็นเส้นๆ เหล่านั้น ทั้งวังสวรรค์ก็เปลี่ยนเป็นสีดำช้าๆ

ขั้นตอนนี้ช้าอย่างยิ่งยวด

สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าในเสี้ยวพริบตาที่วังสวรรค์วังที่สามของตนกลายเป็นสีดำโดยสมบูรณ์ ก็คือเวลาที่มันผสานไปกับลูกกลอนพิษต้องห้ามโดยสมบูรณ์แล้ว

มีเพียงถึงตอนนั้น อาศัยความเชื่อมโยงของตนกับวังสวรรค์วังที่สาม เขาถึงจะสามารถควบคุมลูกกลอนพิษต้องห้ามได้ ทำให้มันกลายเป็นวัตถุแก่นวิญญาณของตน

ถึงตอนนั้นเขาก็จะสามารถควบคุมวังที่สามได้ ทำให้พิษที่กระจายทั่วร่างกลับคืนมา

แต่ช่วงเวลาการหลอมผสานอันเชื่องช้ายาวนานนี้ สำหรับสวี่ชิงแล้วเป็นการทดสอบอันหนักหนาสาหัส

หากไม่ทันรอให้การหลอมผสานเสร็จสิ้นสมบูรณ์ก็ทนไม่ได้ ก็จะล้มเหลวทั้งหมด และค่าตอบแทนก็คือจิตและกายแตกสลาย

สวี่ชิงสั่นสะท้านไปทั้งตัว พิษอันเข้มข้นจากลูกกลอนพิษต้องห้ามแผ่ซ่านไปทั่วทุกแห่งของร่างกาย

ความเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจที่ไม่อาจพรรณาได้ทำให้เขาส่งเสียงร้องครวญครางน่าเวทนาออกมาอย่างอดไม่ได้

ความเจ็บปวดประเภทนี้เกินกว่าประสบการณ์สู้สุดชีวิตหลายครั้งก่อนหน้านี้ของเขา ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าเกาะเผ่าเงือก หรือจะเป็นยักษ์ลากราชรถ ล้วนแต่แตกต่างออกไปจากตอนนี้ทั้งสิ้น ความเจ็บปวดในตอนนั้นล้วนเกิดจากภายนอกสู่ภายใน

ดังนั้นทางความรู้สึกเขาสามารถต้านทานได้

แต่ความเจ็บในตอนนี้เกิดจากภายในสู่ภายนอก

ความเจ็บปวดประเภทนี้ใช่ว่าสวี่ชิงจะไม่เคยสัมผัสมาก่อน ในคืนฝนตกวันนั้น จิตใจของเขาแตกสลาย กำแพงสูงในจิตใจพังถล่ม เป็นความเจ็บปวดที่บาดลึกที่สุดในความทรงจำของเขา

แต่เทียบกับมันแล้ว ความเจ็บปวดในตอนนี้ไม่นับเป็นอะไร

สวี่ชิงจึงไม่ชอบเสียงร้องครวญครางของตัวเองในตอนนี้

ดังนั้นเขาจึงกัดฟันกรอดตาแดงก่ำ เปลี่ยนให้เสียงร้องน่าเวทนานี้เป็นเสียงต่ำลอดออกมาผ่านจากไรฟัน

ขณะเดียวกัน ผลึกวารีสีม่วงที่หน้าอกของเขาก็โคจรเต็มกำลัง แสงสีม่วงแผ่ทั่วร่างสวี่ชิง ช่วยเขาต้านทาน

วิหคทองยิ่งปรากฏออกมา พ่นไฟไปหาสวี่ชิงทางนั้น ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกายเนื้อของเขา

ยังมีพลังเซียนพวกนั้นที่สะสมอยู่ในทะเลความรู้สึกก็ช่วยเขาแบ่งเบาด้วยเช่นกัน

นอกจากนั้นวังสวรรค์ที่แปรเปลี่ยนมาจากตะเกียงแห่งชีวิตสองดวง ตะเกียงแห่งชีวิตที่อยู่ในนั้นฉายฉัตรขึ้นมา เพิ่มความแข็งแกร่งในเช่นกัน สุดท้ายเขาจักรพรรดิภูตแผ่แสงสีดำออกมา ทำการสยบในทุกด้าน

เวลาหมุนผ่านไป

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท