บทที่ 340 แสงทองบนข้อมือ
สามวันผ่านไป
วังสวรรค์วังที่สามกำลังผสานกับลูกกลอนพิษต้องห้ามช้าๆ
หนึ่งส่วน สองส่วน สามส่วน…
ร่างของสวี่ชิงตอนนี้ส่วนใหญ่กำลังเน่าสลาย แต่เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ต่อต้านสุดกำลัง
นอกจากผลึกวารีสีม่วงรวมถึงเขาจักรพรรดิภูตแล้ว ในสามวันนี้สวี่ชิงก็ปล่อยแมลงสีดำออกมาทั้งหมด
แมลงสีดำเหล่านี้ทยอยชอนไชเข้าไปในร่างกายภายใต้การควบคุมของเขา ดูดซับพิษลูกกลอนพิษในเลือดเนื้อ
วิธีการเหล่านี้ คือพลังสนับสนุนระลอกแรกที่สวี่ชิงเตรียมไว้สำหรับจุดที่จะผสานกับพิษต้องห้าม
ทว่าความเป็นพิษของลูกกลอนพิษต้องห้ามก็รุนแรงเกินไป พลังสนับสนุนระลอกแรกของสวี่ชิงช่วยไม่ได้มากนัก ร่างกายของเขากำลังเน่าสลายอย่างมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เขาทำได้เพียงอาศัยทั้งหมดนี้ ช่วงชิงเวลาผสานให้สมบูรณ์เร็วกว่าความตายที่จะมาเยือน
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป เพียงพริบตาก็ผ่านไปสี่วัน ในที่สุดยาลูกกลอนพิษต้องห้ามผสานและเปลี่ยนแปลงวังสวรรค์วังที่สามมาถึงเจ็ดส่วน
แต่สี่วันนี้ สวี่ชิงที่แบกรับความทรมานและความเจ็บปวดน่าเวทนาก็มาถึงช่วงท้ายที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแล้ว ทำได้เพียงอดทนอยู่เงียบๆ
ตำแหน่งที่เขานั่งมีเลือดสดสีดำนองอยู่เต็มพื้น
นั่นคือสิ่งที่แปรมาจากเลือดเนื้อที่เน่าสลายของเขา
เสื้อผ้าของเขาเว้าแหว่งไป เลือดเนื้อในร่างกายเน่าสลายเกือบทั้งหมด สองมือที่อยู่ด้านนอกเหลือเลือดเนื้ออยู่ไม่มากแล้ว กระดูกสีดำน่าขนพองสยองเกล้ามาก
พิษที่มาจากลูกกลอนพิษต้องห้ามทำลายร่างกายของเขาทุกส่วน กระทั่งทะเลความรู้สึกก็เป็นร่อยหรอ จิตวิญญาณหม่นหมองเป็นที่สุด
ดูเหมือนสภาพการณ์ของเขากำลังก้าวย่างสู่ความตาย
อันที่จริงยืนหยัดได้ถึงตอนนี้ถือว่ามหัศจรรย์มากแล้ว นี่คือสิ่งที่สวี่ชิงแลกมาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา
และการผสานกับลูกกลอนพิษต้องห้าม ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ทิ้งลูกกลอนเม็ดนี้ไว้คนนั้นก็ยังทำไม่สำเร็จ
ถึงอย่างไรหากทำสำเร็จจริง ยาลูกกลอนที่ยังไม่สมบูรณ์คงไม่เหลือทิ้งไว้เป็นมรดกเช่นนี้แน่
ส่วนผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นก็ย่อมไม่มีทางเป็นคนธรรมดา ขนาดเขาอยู่ภายใต้สิ่งคุ้มกันยังทำไม่สำเร็จ แค่คิดก็รู้แล้วว่ายากมากเพียงใด
ดังนั้นทั้งหมดนี้ คือดำเนินการตามทฤษฎีทั้งสิ้น
ต่อให้สวี่ชิงมีตะเกียงแห่งชีวิตสองดวงคุ้มกัน ต่อให้มีเขาจักรพรรดภูตสะกด ต่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน ต่อให้มีแมลงสีดำช่วยเหลือ แต่ก็ยังอยู่ในช่วงตะเกียงที่น้ำมันใกล้มอดอยู่ดี
แม้ผลึกวารีสีม่วงจะยังโคจรอย่างเต็มที่แผ่ซ่านพลังชีวิต เพื่อเหนี่ยวรั้งการตายของสวี่ชิง แต่มันก็ยังมีขีดจำกัด
เจ้าเงาตอนนี้ไม่ส่งคลื่นอารมณ์ออกมาแล้ว บรรพจารย์สำนักวัชระก็ระมัดระวัง
พวกเขาสัมผัสได้ถึงปราณความตายที่แผ่ออกมาจากสวี่ชิง ความคิดแต่ละคนเต็มไปด้วยความซับซ้อน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ความน่ากลัวและปณิธานอันแข็งแกร่งของสวี่ชิงในอดีต ทำให้พวกเขาไม่กล้าคิดร้าย ต่อให้มีจริงๆ ก็ไม่กล้าทำอะไรอยู่ดี
จนผ่านไปครึ่งวัน สองขาของสวี่ชิงก็เหลืออยู่แค่กระดูกสีดำ เส้นผมก็ไม่เหลือแล้ว
ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนปีศาจแต่เดิมเหลือแต่กระดูก เนื้อเน่าเฟะกลายเป็นน้ำเลือดสีดำเหนียวข้นหยดลงพื้น
เปลือกตาของเขาก็หายไป เผยดวงตาที่ไร้ประกายออกมา พลังชีวิตกำลังลดหลั่นอย่างรวดเร็ว
ส่วนผลึกวารีสีม่วงในตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เห็นว่าสวี่ชิงกำลังจะแพ้พ่าย ตอนนี้เอง จู่ๆ ดวงตาสวี่ชิงก็เกิดประกายวูบหนึ่ง
ประกายที่ปรากฏขึ้น ทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระกับเจ้าเงาที่เห็นใจสั่นสะเทือน
สวี่ชิงไม่สนใจพวกเขา ค่อยๆ ก้มหน้าลงเสียงลั่นกร๊อบแกร๊บ ราวกับว่าถ้าออกแรงมากอีกนิด ศีรษะของเขาก็จะหลุดลงมา
หลังจากก้มหน้า สวี่ชิงก็พยายามยกมือขวาที่เลือดเนื้อเหวอะหวะ หยิบขวดเล็กๆ ที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมา
เมื่อบีบจนแตก เลือดเต๋าหวนสู่อนัตตาด้านในลอยออกมาที่ร่างกายของเขา
นี่คือพลังสนับสนุนระลอกสองที่สวี่ชิงเตรียมไว้
ในพริบตา เลือดเต๋าก็ผสานเข้าไปในร่างสวี่ชิง
พลังชีวิตที่มาจากเลือดเต๋าหลั่งทะลักไปทั้งร่างสวี่ชิงในพริบตา ขณะที่บำรุงเลือดเนื้อของเขา ก็ทำให้เขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึกเขาเปล่งแสงเจิดจ้า
เพียงแต่เมื่อเทียบกับพลังชีวิต ท่วงทำนองเต๋าที่แฝงอยู่ภายในต่างหากถึงจะเป็นจุดสำคัญของเลือดหยดนี้
ดังนั้นแม้จะมีในการช่วยเหลือด้านพลังชีวิต แต่ก็ยังมีขีดจำกัด
แต่การช่วยเหลือเขาจักรพรรดิภูตนั้นมากมายมหาศาล
เวลานี้เขาจักรพรรดิภูตก็ยิ่งเปลี่ยนไปจนดูสมจริงมากขึ้นจากการสูดรับท่วงทำนองเต๋า
ท่วงนำนองเข้มข้นที่แผ่ออกมา ใบหน้ายิ่งแลดูคล้ายคลึงกับสวี่ชิง สิ่งที่สัมผัสได้เหมือนห่างจากรูปธรรมก้าวใหญ่โดยสมบูรณ์
การเปลี่ยนแปลงนี้ ยิ่งคล้ายกับการเปลี่ยนแปลงด้านคุณสมบัติ หากไม่มีเลือดเต๋า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงด้านคุณสมบัติ
ผลของเลือดเต๋า ราวกับมอบเมล็ดพันธุ์ดวงวิญญาณ ราวกับมอบแก่นวิญญาณให้!
หากเป็นช่วงปกติ สวี่ชิงจะต้องสังเกตอย่างละเอียดแน่นอน แต่ตอนนี้เขาไม่มีกระจิตกระใจ อาศัยพลังชีวิตในเลือดนี้ข้ามผ่านไปอีกหนึ่งวัน
วังสวรรค์วังที่สามในร่างกาย อาณาเขตสีดำเปลี่ยนจากเจ็ดส่วนเป็นแปดส่วนแล้ว
หลังจากแปดส่วน ร่างกายสวี่ชิงก็ยิ่งเน่าสลายอีกครั้ง เขาจึงล้วงเอาท่อนไม้ท่อนหนึ่งออกมาอย่างสั่นเทา วางไว้เบื้องหน้า
นี่คือพลังสนับสนุนระลอกสามที่เขาเตรียมไว้
พริบตาต่อมา ท่อนไม้สีดำนี้ก็เปล่งแสงเจิดจ้า กลายเป็นประตูใหญ่สีดำบานหนึ่ง เปิดออกช้าๆ ด้านในมีแสงสีขาวแผ่ผนึกระดับพลังชีวิตออกมาจากด้านใน
เมื่อแสงนี้ปรากฏ เพียงพริบตาก็กลายเป็นพลังผนึก ทำให้สภาวะพลังชีวิตของสวี่ชิงมั่นคง
ทว่าแสงที่สามารถผนึกสภาวะพลังชีวิตขณะเปลี่ยนเป็นเผ่าสิงซากสมุทรได้สำเร็จครั้งนั้น ในเวลานี้…กลับไม่ได้มีผลสมบูรณ์แบบ ไม่สามารถปิดผนึกได้ทั้งหมด ทำได้เพียงประวิงเวลา
คุณสมบัติพิษที่มาจากลูกกลอนพิษต้องห้ามนี้สูงส่งเกินไป แทบจะมีเพียงแค่พลังชีวิตเท่านั้นที่จะต่อต้านมันจนสมดุลได้ นอกจากนี้ผลลัพธ์จากพลังภายนอกทั้งหมด ไม่สามารถสำแดงออกมาได้สมบูรณ์
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายก็ยังมีผลอยู่บ้าง
ผลึกวารีสีม่วงกับสิ่งที่คอยต่อต้านลูกกลอนพิษทั้งหมดในร่างกายสวี่ชิงก็ดูเหมือนจะคงตัวขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่ประวิงเวลานี้ ทำให้เขายืนหยัดนานขึ้นอีกพักหนึ่ง
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน
วังสวรรค์วังที่สามในร่างกายเขาเวลานี้ดำทมิฬไปแล้วถึงเก้าส่วน การผสานและการเปลี่ยนแปลงก็เช่นเดียวกัน แต่จนถึงตอนนี้ ผนึกของแสงประตูดำก็หมดฤทธิ์ไป
“สำเร็จไปเก้าส่วนแล้วหรือ…” สวี่ชิงพึมพำ ประกายในดวงตาหม่นหมอง โลกเบื้องหน้าเลือนราง แต่เขาไม่ได้หระวนกระวาย
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ทั้งหมดก็ยังอยู่ในการควบคุม
เพียงแต่สิ้นเปลืองเกินไป และเกินกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้จริงๆ
ขณะที่กระเสือกกระสน สวี่ชิงเห็นขวดวางเรียงรายอยู่ตรงหน้าที่ได้มาจากเทพวิญญาณโยวจิง
ในนี้มียาลูกกลอน แม้จะปะปนกัน แต่สวี่ชิงก็ตรวจสอบแยกแยะไว้แล้วก่อนหน้านี้ ที่วางอยู่ตอนนี้ล้วนเป็นยาลูกกลอนที่แฝงไว้ด้วยพลังชีวิตทั้งนั้น
สิ่งเหล่านี้ คือพลังสนับสนุนระลอกสี่ที่ตนเองเตรียมไว้สำหรับการหลอมรวมลูกกลอนพิษ
ตอนนี้เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บีบแตกไปทีละขวด ไม่นานลูกกลอนหลากสีสันก็ลอยเข้าไปในร่างกายเขา หลอมละลายอย่างรวดเร็ว แผ่ซ่านพลังชีวิต บำรุงทั้งร่าง
แม้ประสิทธิภาพการบำรุงจะธรรมดา แต่เมื่อจำนวนมากก็ยังพอมีผลอยู่บ้าง น่าจะเพียงพอสำหรับแผนการของสวี่ชิงแล้ว
แต่ตอนนี้เอง จู่ๆ สายตาสวี่ชิงก็หยุดอยู่ที่ข้อมือขวา ตรงนั้นไม่มีเลือดเนื้อแล้ว มีแต่กระดูกสีดำเท่านั้น
มองกระดูกข้อมือ ดวงตาหม่นหมองของสวี่ชิงก็ฉายแววสับสน
ตรงนั้นมีแสงสีทองจางๆ วูบหนึ่งแผ่ออกมา
แสงทองนี้อ่อนแสงอย่างมาก ถ้าไม่สังเกตก็ไม่อาจเห็นได้เลย
กระทั่งหากมีเลือดเนื้อปกคลุมไว้ก็มองไม่เห็นเลย
เพราะแม้กระทั่งจิตสำนึกก็ยังหาได้พบ อวัยวะสัมผัสก็ยิ่งสัมผัสอะไรไม่ได้เลย
ตอนปรากฏขึ้นก็กะทันหันมาก เพียงแต่พอวาบขึ้นมาก็สลายหายไปทันที
และหลังจากที่หายไป สวี่ชิงก็สัมผัสอะไรไม่ได้อีกเลย
และสัมผัสไม่ได้เลยว่าร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่เขาสงสัย ความเร็วในการแผ่พลังชีวิตของยาลูกกลอนแต่ละเม็ดที่ผสานเข้ามาในร่างกายก็เหมือนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่บำรุงไปทั่วร่างกายสวี่ชิง พิษของลูกกลอนพิษในวังสวรรค์วังที่สามของสวี่ชิงก็อ่อนกำลังลงมาเล็กน้อย
ไม่เพียงเท่านี้ ความเร็วในการผสานของวังสวรรค์วังที่สามและลูกกลอนพิษก็เหมือนจะเร็วขึ้นมาเล็กน้อยอย่างแปลกประหลาด
การแปรปรวนทั้งหมดนี้ ทำให้การผสานและการเปลี่ยนแปลงของลูกกลอนพิษ ขยายจากเก้าส่วนก่อนหน้าฉับพลัน และส่วนสุดท้ายในวังสวรรค์วังที่สามก็ดำสนิทในพริบตา
ถึงสิบส่วนแล้ว!
เมื่อผสานอย่างสมบูรณ์ ความรู้สึกเชื่อมโยงกับร่างกายตนเองวูบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในใจสวี่ชิงเวลานี้
สวี่ชิงร่างสะท้าน
พริบตาต่อมา พิษทั้งหมดในร่างกายเขาก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว กลับเข้าไปในวังสวรรค์ที่สามอย่างพร้อมเพรียง ไม่เหลืออยู่อีกเลย
ร่างกายอ่อนแรงของเขาภายใต้พลังของผลึกวารีสีม่วงก็เริ่มฟื้นฟู เพียงแต่ความเร็วดูจะเร็วกว่าปกติเล็กน้อย
เลือดเนื้อของเขาเริ่มฟื้นฟูออกมาใหม่ อาณาเขตส่วนใหญ่ในทะเลความรู้สึกของเขาก็ฟื้นฟู จิตวิญญาณมีไฟชีวิตส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง
ร่างกายใต้ร่มผ้าก็ค่อยๆ มีเลือดเนื้อ แม้จะผอมแห้งสู้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่ก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
และตอนนี้ เขาสัมผัสได้ว่าพลังการฟื้นฟูของผลึกวารีสีม่วงเปลี่ยนเป็นปกติแล้ว
ทั้งหมดนี้ สวี่ชิงก็ยังไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เขาคิดถึงแสงทองเบาบางที่สว่างวาบแล้วหายไปวูบนั้น
กระทั่งพูดได้ว่า หากก่อนหน้านี้สวี่ชิงไม่ทันสังเกตเห็นแสงทองลางๆ บนกระดูกข้อมือ ตอนนี้คงไม่รู้สึกว่าประหลาดมหัศจรรย์ และคงเพิกเฉยการเปลี่ยนแปลงที่ยากจะสังเกตเห็นไปแทนที่ด้วยความตื่นเต้นจากความสำเร็จแน่นอน
แต่มาดูตอนนี้ สิ่งที่ยังพูดออกมาได้คือโอกาสวาสนา แต่การมีโอกาสวาสนามากเกินไป จะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน
“ผิดปกติ”
สวี่ชิงใจสั่น ลุกขึ้นยืนฉับพลัน กำลังจะก้มหน้ามองข้อมือขวา
แต่ตอนนี้เอง จากการผสานของวังสวรรค์วังที่สามและลูกกลอนพิษต้องห้าม จากการเชื่อมต่อของพลังชีวิตตนเอง ก็ทำให้ลูกกลอนพิษที่เดิมทีสูญสิ้นจิตวิญญาณไปแล้ว ก็ปรากฏสัญญาณว่าจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่างที่สวี่ชิงเคยคาดการณ์ไว้
สัญญาณนี้ คือความหิวโหยอย่างรุนแรง
สวี่ชิงตัวสั่นสะท้าน เลือดเนื้อที่เพิ่งจะฟื้นฟูมาบางส่วน ก็แห้งเหี่ยวลงในพริบตา
แต่กลับไม่ได้เน่าสลายเหมือนก่อนหน้า ทว่าขณะที่แห้งเหี่ยวไม่หยุดนี้ ก็มีความหิวโหยรุนแรง
ความรู้สึกนี้ ทำให้ดวงตาสวี่ชิงแดงเถือกขึ้นในพริบตา
เหมือนตอนที่ฝึกบำเพ็ญวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณเมื่อครั้งนั้น
สวี่ชิงหอบหายใจถี่ ดวงตาแดงก่ำ หันหน้าไปมองบรรพจารย์สำนักวัชระและเจ้าเงาทันที
เจ้าเงากับบรรพจารย์สำนักวัชระเกือบจะร้องออกมา ขณะสั่นเทิ้มและพรั่นพรึงอย่างรุนแรงเวลานี้ สายตาของสวี่ชิงก็ยิ่งแผ่ความน่ากลัว
เขาเกือบจะควบคุมตนเองไม่อยู่ ในปากมีน้ำลายมหาศาล
ขณะเดียวกัน ในทะเลต้องห้ามโอฬาร ในอาณาเขตที่ห่างไกลจากมณฑลรับเสด็จราชัน ในส่วนลึกใต้ทะเล มีซากปรักหักพังขนาดยักษ์อยู่
พูดให้ถูกก็คือ นี่เป็นซากปรักหักพังใต้ทะเล ที่กลืนอยู่ความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด
หากมีดวงตาที่มองในความมืดได้ ก็จะเห็นว่าที่นี่มีสิ่งปลูกสร้างโบราณอยู่นับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าพวกมันผุพังและถูกกลบฝังมานานกี่ปี
ซากปรักหักพังเหล่านี้พังเสียหาย เงียบสนิท ยังพอมองเห็นรูปปั้นผุพังบางส่วนอยู่ในเมืองแห่งนี้เลือนราง
รูปปั้นทั้งหมดเหล่านี้เป็นหญิงสาวในชุดเกราะสงครามสีดำ ทุกคนหน้าตาสะสวยไม่ธรรมดา พลังอำนาจน่าตกตะลึง และก็มีงูมังกรสีขาวเลื้อยอยู่บนตัว
และใต้ซากปรักหักพัง ในส่วนลึกยิ่งกว่าใต้ทะเล ที่นั่นมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง
ในถ้ำนี้ไม่มีน้ำทะเลที่เต็มไปด้วยไอพลังประหลาด มีเพียงค่ายกลส่งข้ามแห่งหนึ่งรวมถึงแท่นบูชาที่ยิ่งใหญ่
กลางอากาศเหนือแท่นบูชา มีร่างโครงกระดูกอยู่
ดูจากโครงกระดูกนี้ สมัยยังมีชีวิตเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง
ร่างกายของนางใหญ่โตมาก ทั้งสองด้านยังมีกระดูกมังกรอสรพิษห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัวนางนั่งอยู่บนหัวของมังกร และมีหัวของอสรพิษอยู่ข้างๆ ราวกับว่าสองสิ่งนี้กำลังปกป้องนาง ยินยอมมอบกายถวายชีวิตตายตกไปตามกัน
และด้านล่างของโครงกระดูกนี้ กลางแท่นบูชานั่น เด็กสาวหน้าตาสะสวยบริสุทธิ์ ผิวขาวราวหิมะในชุดกระโปรงสีขาวคนหนึ่ง กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
ขนตานางยาวมาก เวลานี้สั่นเครือเล็กน้อย จนกระทั่งใบหน้าแดงระเรื่อกระอักเลือดสดออกมา ย้อมพื้นจนแดงฉาน และย้อมเสื้อผ้าไปด้วย
พริบตาที่นางกระอักเลือดสดออกมา เสียงคำรามด้วยความโกรธเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“เวรกรรมกรรมเวร นี่มันครั้งที่เท่าไรแล้ว เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไร เด็กสาวอย่างเจ้าถึงแอบเอาส่วนหนึ่งของดวงชีพไปผูกไว้กับเจ้าโง่แซ่สวี่นั่นลับหลังข้า อ๊าก!!”
ชายชราจากถนนทองผุดคำรามด้วยความโกรธดังกึกก้อง หัวกระเซิงคุ้มคลั่งทะยานมาจากไกลๆ แม้จะปากก่นด่า แต่ใบหน้ามีแต่ความปวดใจ รีบร้อนล้วงเอายาลูกกลอนมาป้อนให้กับร่างที่เอนไหวเหมือนจะล้มลงของเด็กสาว
“หลิงเอ๋อร์ พรสวรรค์ของเจ้าไม่ได้ให้มาใช้เช่นนี้ เจ้าโง่นั่นแต่กำเนิดมันเป็นพวกผีชะตาสั้นรนหาที่ตาย เจ้าจะไปเสริมดวงชะตาให้เขาทุกครั้งไม่ได้นะ!”
เด็กสาวคิ้วกระตุก ลืมตาขึ้น ดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ไม่มีสิ่งเจือปน สีหน้าหวาดๆ เอ่ยเสียงเล็กว่า
“พี่สวี่ชิงไม่ใช่ผีชะตาสั้นนะ”
ชายชราถนนทองผุดแทบกระอักเลือด มองเด็กสาวที่หน้าหวาดๆ คนนี้ กระทืบเท้าตึงตัง ถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย
“เวรเถอะ ข้าไม่ควรไปขายสิ่งประหลาดที่เจ็ดเนตรโลหิตเลย ตอนที่เห็นเจ้าโง่นั่นครั้งแรกก็น่าจะลงมือให้รู้แล้วรู้รอด ถ้ารู้แต่แรก ตอนข้าเห็นเขาก็จะเล่นงานเสียให้ตาย ข้าไม่เข้าใจจริงๆ พวกเจ้าเจอกันไม่กี่ครั้ง ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นด้วย เจ้าไปชอบเขาที่จุดใดกัน?!”
เมื่อเด็กสาวได้ยินประโยคนี้ ดวงตาก็ฉายแววสับสน
“แต่ชอบก็คือชอบนี่นา ข้าก็ไม่รู้ว่าชอบอะไร แต่กลับรู้สึกใกล้ชิด แค่เห็นก็มีความสุข ใจเต้นโครมคราม แล้วก็กังวลมากว่าเขาจะรังเกียจข้า แต่แค่พี่ชายสวี่ชิงมีความสุข ข้าก็มความสุขเช่นกัน”
“เจ้ายังเด็กเหลือเกิน ขนาดคำว่าชอบก็ยังไม่รู้จัก แล้วจะไปเรียกชอบได้อย่างไร รอเจ้าโตขึ้นก่อน เมื่อเจ้ารู้ว่าต้องการอะไร ก็จะรู้เองว่าชอบคืออะไร!” ชายชราถนนทองผุดเอ่ยหนักแน่น
ดวงตาเด็กสาวยิ่งสับสน ครู่หนึ่งจึงเงยหน้าขึ้น มองชายชราถนนทองผุด เอ่ยอย่างหวาดๆ
“ท่านพ่อ ความชอบของผู้ใหญ่อย่างพวกท่าน ข้าไม่ค่อยเข้าใจ หรือว่าพวกท่านต้องชอบเพราะเป้าหมายบางอย่างหรือ แล้วนั่นมันเป็นการชอบตนเอง หรือว่าชอบอีกฝ่ายกันล่ะ”
ชายชราถนนทองผุดตะลึง อ้าปากคิดจะพูดอะไร แต่เขามองสายตาที่บริสุทธิ์ของเด็กสาวตรงหน้านี้ สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออก