ตอนที่ 418 ห่างจากเส้นทางขุนนางผู้มีอำนาจเพียงก้าวเดียว
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนร่วมงานเลี้ยงอยู่ในเมืองหลวงห้าวัน
มีสามวันถูกฮ่องเต้เรียกเข้าเฝ้าในวังหลวง
ขุนนางและกษัตริย์กลมเกลียว ท่านโหวผิงอู่มักมีวิธีทำให้ฮ่องเต้พอพระทัย
แน่นอนว่าฮ่องเต้นับวันก็ยิ่งโปรดปรานท่านโหวผิงอู่ สืออุน
ในสายตาของฮ่องเต้ บนแผ่นดินนี้ไม่มีขุนนางที่สนุกและมีความสามารถยิ่งไปกว่าท่านโหวผิงอู่ สืออุนแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นความสามารถส่วนตัว หรือว่ากิริยาท่าทาง ความรู้ รวมถึงความเห็นต่างๆ ที่มีต่อราชสำนัก เรียกได้ว่าพูดเข้าไปในใจของฮ่องเต้
ฮ่องเต้เกือบจะยกให้เขาเป็นสหายคนสนิท
แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นขุนนางคนสนิทแล้ว
มันสร้างความกังวลให้เชื้อพระวงศ์และขุนนางมากมาย
รอจนท่านโหวผิงอู่ สืออุนออกจากเมืองหลวงเพื่อเตรียมตัวปราบปรามโจรกบฏนั้น ก็มีเชื้อพระวงศ์และขุนนางถวายฎีกา
ฎีกาทั้งหมดล้วนถูกฮ่องเต้เก็บเอาไว้!
ดังนั้นบรรดาเชื้อพระวงศ์และขุนนางจึงใส่ร้ายท่านโหวผิงอู่ สืออุนในการประชุมท้องพระโรงอย่างเปิดเผย
อีกทั้งยังประกาศว่าฮ่องเต้ถูกคนชั่วหลอกลวงจนไร้สติ
ผู้ใดคือคนชั่ว
ไม่จำเป็นต้องพูด ย่อมต้องเป็นท่านโหวผิงอู่ สืออุนที่ทำให้ฮ่องเต้ทรงโปรดปราน
ช่างน่าประหาดใจ
มีคนใส่ร้ายใต้เท้าสือเพียงนี้ ฮ่องเต้ทรงกริ้ว!
ทรงตำหนิบรรดาเชื้อพระวงศ์และขุนนางในการประชุมท้องพระโรง
“พวกเจ้าไม่ช่วยข้าคลี่คลายปัญหา รู้แต่จะปะทะกันภายในราชำสนัก มันเป็นการกระทำของขุนนางกบฏ! พวกเจ้าคิดจะเป็นขุนนางกบฏกัน ยั่วยุความกลมเกลียดระหว่างข้ากับท่านโหวผิงอู่ใช่หรือไม่!”
บรรดาขุนนางโต้แย้งเสียงดัง “ดูจากการกระทำของท่านโหวผิงอู่ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นขุนนางท้องถิ่นที่กำเริบสืบสาน ไม่เห็นราชสำนักอยู่ในสายตา ครอบครองกองทัพใหญ่ ฝ่าบาททรงไม่เห็นธาตุแท้ของเขา ถูกเขาหลอกลวง กระหม่อมมีหน้าที่ตักเตือนฝ่าบาท ขอฝ่าบาทโปรดระวังท่านโหวผิงอู่ ระวังเขามีใจคิดไม่ซื่อ!”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้โกรธจัด “บังอาจ! จากที่ข้ามอง ผู้ที่มีใจคิดคดนั้นคือพวกเจ้าต่างหาก! พวกเจ้าต่างปากบอกว่าเห็นแก่แผ่นดินต้าเว้ย เห็นแก่ประชาชน แต่เรื่องที่พวกเจ้าทำ นอกจากการกำจัดคนคิดต่าง เอาแต่คนคิดเหมือนแล้วก็ยังคงเป็นการกำจัดคนคิดต่าง เอาแต่คนคิดเหมือน! ไม่เคยเห็นแก่ข้าแม้แต่น้อย
เวลานี้ท่านโหวผิงอู่มาช่วยข้าโดยไม่สนใจระยะทางที่ยาวไกล คืนความสงบสุขให้นครบาล พวกเจ้ายังไม่รู้จักซาบซึ้ง บังอาจหาข้อหามาใส่ร้ายขุนนางสำคัญของราชสำนัก พวกเจ้าล้วนสมควรตาย! ข้าตักเตือนพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากผู้ใดกล้าใส่ร้ายท่านโหวผิงอู่อีก ข้าจะประหารผู้นั้นอย่างแน่นอน!”
พูดจบ ฮ่องเต้ก็สะบัดแขนเสื้อจากไป
ขันทีใหญ่ หลัวเสี่ยวเหนียนตะโกนเสียงดัง “จบการประชุม!”
จากนั้นเดินตามฮ่องเต้ไปอย่างเร่งรีบ พยายามพูดจาดี ทำให้ฮ่องเต้ดีใจแต่ฮ่องเต้ดีใจไม่ได้!
เวลานี้เขาต้องการชัยชนะครั้งใหญ่ ขับไล่โจรกบฏออกจากนครบาลอย่างสิ้นเชิงโดยเร็ว!
เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าแผ่นดินต้าเว้ยยังคงแข็งแกร่ง ไม่ได้เป็นเหมือนที่ทุกคนกังวล
ราชวงศ์ต้าเว้ยไม่มีทางล่มสลายเพียงเพราะต่างเผ่าหรือโจรกบฏ!
ไม่มีทาง!
ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ปกติ!
เขาจะกลายเป็นจ้าวแห่งความเจริญรุ่งโรจน์ ถูกคนรุ่นหลังสรรเสริญ
ความหวังของทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ท่านโหวผิงอู่ สืออุน
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้คาดหวังต่อท่านโหวผิงอู่ สืออุนอย่างมาก
จนกระทั่งบางครั้งที่เขานึกถึงท่านโหวผิงอู่ สืออุนขึ้นมา เขาก็จะตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้!
แต่เขาพยายามควบคุมอย่างมาก
เขาอยากส่งคนไปดูการสู้รบที่นอกเมือง รายงานสถานการณ์ทันที
แต่สติห้ามเขาเอาไว้
เขารู้ว่าหากเขาส่งคนไปดูการสู้รบ ไม่แน่อาจถูกท่านโหวผิงอู่ สืออุนเข้าใจผิดว่ามันคือความไม่เชื่อใจ นึกว่าเป็นการควบคุม
ไม่แน่ว่าอาจเกิดเหตุการณ์สั่งการไม่เหมาะสม ทำลายโอกาสในการรบ
ดังนั้น…
ถึงแม้เขาอยากจะรู้ผลการสู้รบ ได้รับคำวิจารณ์ของขันทีคนสนิทที่มีต่อท่านโหวผิงอู่เป็นเวลาแรก แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ส่งคนไปดูการสู้รบ
ไม่ว่าบรรดาเชื้อพระวงศ์และขุนนางจะใส่ร้าย ท่านโหวผิงอู่ สืออุนอย่างไร บอกว่าเขาแอบซ่อนเจตนาไม่ดีอย่างไร บอกว่าเขามีใจคดอย่างไร
สุดท้าย ฮ่องเต้ก็ยังคงคาดหวังและเชื่อใจต่อท่านโหวผิงอู่ สืออุน
อีกทั้งไม่เสียดายที่จะประหารคน!
หลังจากประหารไปสองคน ในราชสำนักก็สงบลง
ไม่มีคนพร่ำบ่นอยู่ข้างหูเขา เอาแต่พูดจาใส่ร้ายท่านโหวผิงอู่ สืออุนอยู่ตลอดเวลาแล้ว
แต่ลับหลัง บรรดาขุนนางแทบจะเสียสติ
“โจรเฒ่า“สืออุนสมกับเป็นโจรเฒ่าที่เจ้าเล่ห์ แสร้งทำเป็นสุภาพต่อหน้าฝ่าบาทเหมือนซินแสสอนหนังสือ เพื่อแลกกับความประทับใจของฝ่าบาท ฮึ! ต้องหาทางเปิดโปงธาตุแท้ของเขา!”
“จะเปิดโปงอย่างไร โจรเฒ่าสืออุนมีกองกำลังแข็งแกร่ง อีกทั้งยังเจ้าเล่ห์ คิดจะลออบทำร้ายเขา ทำให้เขาเปิดเผยธาตุแท้ออกมาไม่ง่าย!”
“นอกจากจะหาความผิดของโจรเฒ่าสืออุนได้”
“ความผิดใด ทุกคนลองคิดดู มีความคิดบ้างหรือไม่”
“คิดจะหาความผิดของโจรเฒ่าสืออุนไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจาก…”
“นอกจากอันใด”
สืออุน เขากรอกยาใดให้ฝ่าบาท ทำให้ฝ่าบาททรงหลงกล เชื่อฟังเขาเพียงนี้! เหลวไหล!”
“นอกจากหลิงฉางจื้้อ ใต้เท้าหลิงเต็มใจที่จะช่วย ใต้เท้าหลิงเป็นหลานชายของโจรเฒ่าสืออุน พวกเขามักมีจดหมายไปหามาสู่กันประจำ ข้าคิดว่าใต้เท้าหลิงต้องรู้อะไรบางอย่าง”
“ขอให้ใต้เท้าหลิงทรยศโจรเฒ่าสือเหวินนั้นเป็นไปไม่ได้! หากเป็นพวกท่าน ผู้ใดจะทำ ไม่เพียงแต่จะทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัย แต่ยังจะทำให้สือเหวินขุ่นเคืองด้วย ตราบใดที่ไม่โง่ ใต้เท้าลิงก็ไม่มีทางทำเช่นนี้ได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็บังคับให้ใต้เท้าหลิงยืนอยู่ข้างเรา”
“ระวังผลที่ได้จะกลับกัน ยกหินกระแทกเท้าตัวเอง เรื่องนี้ ข้าว่ายังต้องหารือระยะยาว อย่างน้อยต้องรอให้สงครามจบสิ้นลงก่อน รอกองทัพอวี้โจวขับไล่โจรกบฏออกจากนครบาลก่อน ค่อยหารือ!”
“พูดมีเหตุผล!”
“พวกท่านกลัวหรือ กลัวถูกสืออุนแก้แค้น หรือกลัวฮ่องเต้จะประหารพวกท่าน พวกคนขี้ขลาด จะหวังพึ่งพวกท่านทำการใหญ่ใดได้อีก ฮึ…ทำการใหญ่ไม่สำเร็จ แต่ละคนก็กลายเป็นเต่าหดหัว ช่างอับอายเสียจริง!”
“ระวังคำพูด! ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก่อนอื่นคือพวกเราจะไม่สามารถทำลายสถานการณ์โดยรวมในการปราบปรามกลุ่มโจรกบฏ โจรกบฏ ซือหม่าโต่วจำเป็นต้องตาย หากสร้างปัญหาในเวลานี้ พวกท่านได้นึกถึงผลที่ตามมาหรือไม่”
“หากกองทัพอวี้โจวปราบปรามซือหม่าโต่วสำเร็จ พวกท่านเคยคิดถึงผลที่ตามมาหรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้น สืออุนย่อมจะมีอำนาจมากขึ้น! ผู้ใดก็ทำอันใดเขาไม่ได้ มีเพียงลงมือในเวลานี้ ฉวยโอกาสช่วงที่สงครามยังไม่จบสิ้น จึงโจมตีเขาได้ ทำให้สืออุนตั้งตัวรับไม่ทัน!”
“เสียสติไปแล้ว!”
“หากพวกท่านเต็มใจที่จะยอมจำนนต่อบารมีของสืออุน เรื่องก่อนหน้านี้ถือว่าข้าไม่เคยพูด ขอตัว!”
ขุนนางที่คิดจะใช้มาตรการเด็ดขาดเพื่อรับมือกับสืออุนยกมือ จากนั้นออกจากห้องลับไป
…
โจรกบฏ ซือหม่าโต่ว ยังฝันหวานที่จะย้ายเข้าสู่เมืองหลวง เปลี่ยนราชวงศ์ และได้เป็นฮ่องเต้
เขาต้านรับการการโจมตีอย่างดุเดือดของกองทัพอวี้โจวเอาไว้
หลังจากการรบหลายครั้ง เขาสูญเสียพลทหารจำนวนมาก ได้รับความเสียหายอย่างหนัก!
ไม่อาจเทียบได้กับการเฝ้าระวังของท้องถิ่นที่ประสบมาก่อนหน้านี้
ต้านไม่อยู่แล้ว!
เขาอยากถอยทัพ!
รบไม่ชนะก็หนี มันเป็นวิธีที่เขาใช้เอาตัวรอดเพียงหนึ่งเดียว!
อีกทั้งยังเป็นความลับที่เขามีชีวิตอยู่จนถึงบัดนี้
เติ้งเส้าเจี้ยนจะปล่อยให้เขาออกจากนครบาลได้อย่างไร
เขาย่อมต้องเกลี้ยกล่อม ใช้คำพูดที่ปลุกระดมหลอกล่อ
อยากจะบุกเข้าเมืองหลวงหรือไม่
อยากจะเปลี่ยนราชวงศ์หรือไม่
อยากจะเป็นฮ่องเต้ไท่จู่ของตระกูลซือหม่าหรือไม่
อยากจะเป็นฮ่องเต้หรือไม่
อยากจะมีชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ กลายเป็นตำนานหรือไม่
เช่นนั้นก็รบต่อไป!
รบจนราชสำนักต้านไม่ไหว
“ซินแสพูดได้สวยหรู หากรบต่อไป เกรงว่าราชสำนักจะไม่เสียหาย แต่ข้าจะหมดหนทางรอด กลายเป็นวิญญาณใต้ดาบของท่านโหวผิงอู่ สืออุนแทน!”
“ท่านแม่ทัพคิดจะเป็นฮ่องเต้ จะไม่เสียงได้อย่างไร หากฮ่องเต้เป็นง่าย คนทั่วทั้งแผ่นดินจะต้องอดทนกับตระกูลเซียวกว่าร้อยปีได้อย่างไร”
“เวลานี้ข้าไม่อยากเป็นฮ่องเต้แล้วได้หรือไม่”
ซือหม่าโต่วหงุดหงิดเป็นพิเศษ
เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกองทัพอวี้โจว เขารับรู้ถึงเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง
เขาต้องหนี หนีโดยเร็ว!
“ข้าจะถอนทัพ! ข้าจะออกจากนครบาล! ฮ่องเต้ใดกัน เปลี่ยนราชวงศ์ใดกัน ข้าไม่สนใจแล้ว เอาตัวรอดสำคัญกว่า!”
“ท่านแม่ทัพเหลวไหล!”
“ข้าว่าท่านต่างหากที่เหลวไหล! สถานการณ์ในเวลานี้ใช้นิ้วหัวแม่เท้าคิดก็ยังรู้ เหตุใดซินแสจึงดื้อรั้นเพียงนี้ คิดจะแย่งชิงแผ่นดินยังมีโอกาส ข้าบุกเข้านครบาลได้ครั้งหนึ่ง ย่อมจะมีครั้งที่สอง ถอยทัพคราวนี้ อย่างมากก็เอาใหม่ปีหน้า”
“รอจนปีหน้าก็ไม่มีโอกาสแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ท่านแม่ทัพจะมีชีวิตรอดเพื่อหนีตายอยู่ในหุบเขาได้เท่านั้น! ท่านแม่ทัพยอมหรือ”
เติ้งเส้าเจี้ยนเกลี้ยกล่อม
เขาไม่อาจปล่อยให้ซือหม่าโต่วทำลายแผนการของตัวเอง!
ซือหม่าโต่วกัดฟัน “คำพูดของซินแสเป็นแค่คำโกหกที่ทำให้ข้าตื่นตระหนก! ซินแสอย่าพูดอีกเลย ข้าตัดสินใจแล้ว ต้องถอนทัพเท่านั้น พรุ่งนี้เช้า ถอนทัพออกจากนครบาล ค้าหาที่ใหม่”
เติ้งเส้าเจี้ยนโกรธจนกระทืบเท้า
เขาอยากจะบิดหัวของซือหม่าโต่วลงมา เปลี่ยนหุ่นเชิดที่เชื่อฟังนั่งแทน
แต่…
เขาทำเช่นนี้ไม่ได้
หลังจากผ่านการลอบสังหาร ซือหม่าโต่วกลัวตายเป็นพิเศษ
ภายในและนอกกระโจมล้วนเป็นทหารคนสนิทของซือหม่าโต่ว ภายในโจรกบฏเกิดความขัดแย้ง จะทำให้ท่านโหวผิงอู่ สืออุนและฮ่องเต้ เซียวเฉิงอี้ได้ประโยนชน์
ดังนั้น…
ถึงแม้จะโกรธแทบตาย แต่เติ้งเส้าเจี้ยนก็ยังคงระงับความต้องการฆ่า ไม่ได้บิดหัวของซือหม่าโต่วลงมา
…
โจรกบฏถอยทัพ กองทัพอวี้โจรได้รับชัยชนะ
ทั้งภายในและภายนอกเมืองหลวงต่างเต็มไปด้วยความยินดี
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ยิ่งยิ้มจนไม่อาจหุบปากได้
ในฐานะฮ่องเต้ ความเชื่อใจของเขาที่มีต่อท่านโหวผิงอู่ สืออุนเพิ่มมากขึ้นจนถึงระดับที่เรียกได้ว่าอันตราย
รอจนกระทั่งสืออุนเข้าเฝ้า ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ทรงแต่งตั้งสืออุนเป็นอาจารย์ขององค์รัชทายาท เป็นอัครมหาเสนาของราชวงศ์ต่อหน้าบรรดาขุนนาง!
บรรดาขุนนางต่างตกตะลึง!
คางแทบล่วงอยู่บนพื้น เก็บไม่ขึ้น
นับแต่แม่ทัพใหญ่ซือถูจิ้นถูกประหาร ราชวงศ์ต้าเว้ยไม่มีอัครมหาเสนามาหลายปีแล้ว
ตำแหน่งอัครมหาเสนาว่างเปล่าเสมอมา
เรื่องราชการล้วนมีสำนักเจิ้งซื่อตัดสิน
บรรดาขุนนางต่างก็รู้สึกว่าไม่มีอัครมหาเสนาดีไม่น้อย
ขุนนางทั้งหลายในสำนักเจิ้งซื่อยิ่งยกมือเห็นด้วยกับการไม่แต่งตั้งอัครมหาเสนา
ดังนั้น…
หลายปีนี้ อัครเสนาดีจึงว่างเปล่าเสมอมา แต่ก็ไม่มีผู้ใดเสนอให้ทดแทนตำแหน่งนี้
ปล่อยให้มันว่างต่อไปอยู่ตรงนั้นเถิด ผ่านไปอีกสักสิบปีแปดปี อัครมหาเสนาดีก็จะกลายเป็นตำแหน่งที่ไร้อำนาจ เหมือนกับตำแหน่งอาจารย์ขององค์รัชทายาท
เพียงแค่ไพเราะเสนาะหู เงินเดือนสูง แต่ความจริงแล้วไม่มีอำนาจ
แต่เวลานี้
ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งท่านโหวผิงอู่ สืออุนเป็นอัครมหาเสนา เรื่องจึงร้ายแรงแล้ว
เพราะสืออุนไม่มีทางเต็มใจถูกยึดอำนาจ เป็นอัครมหาเสนาแค่ในนามเท่านั้น