บทที่ 420 ออกแบบ (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

 

บทที่ 420 ออกแบบ (2)

 

หน้าผาสีน้ำตาลถูกหลอมละลายกลายเป็นหินเหลวไหลลงมา จิ่งหงกระอักเลือดคำโต แขนสองข้างหักเป็นผุยผง เยื่อดำแหลกสลาย ใบหน้าและร่างกายโชกเลือด ขาข้างหนึ่งขาดเป็นสองท่อน ทว่าเขายังคงไม่ยอมแพ้ กำลังพยายามพิงหน้าผาเพื่อลุกขึ้น

 

ลู่เซิ่งเดินช้าๆ ไปถึงด้านหน้าเขา

 

“นี่ก็คือการสำนึกตัวของเจ้า เป็นหลักการของเจ้าหรือ”

 

จิ่งหงไอหลายครั้ง พร้อมกับกระอักเลือดออกมาอีก จากนั้นก็พลันหัวเราะเบาๆ

 

เหอะๆ…เหอะๆๆ…

 

เขาใช้วิธีการทั้งหมดและพลังทั้งหมดก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนตรงหน้า แต่มาถึงขั้นนี้กลับยังรอดตายได้ ถ้าไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายมีเป้าหมายอื่น ยังจะเป็นอะไรได้อีก

 

“ในโลกที่มืดมิดแบบนี้ต้องมี…มีคนมา…ยืดหยัดรักษา…” จิ่งหงกล่าวเสียงทุ้ม แม้เสียงจะขาดๆ หายๆ เพราะอาการบาดเจ็บ แต่ในน้ำเสียงมีปณิธานที่ไม่มีวันสำนึกเสียใจ

 

“แต่ละคนต่างมีคุณธรรมและแสงสว่างของตัวเอง…” เขาพูดอย่างยากลำบาก

 

ลู่เซิ่งมองผู้ถืออาวุธที่ใกล้จะพิการตรงหน้า เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ผู้ถืออาวุธอัจฉริยะที่เข้าใกล้ระดับอริยะเจ้าเพียงแข็งแกร่งกว่าเด็กทารกที่ไร้แรงขัดขืนไม่เท่าไหร่ ทว่าแม้จะบาดเจ็บจนมีสารรูปเช่นนี้ อีกฝ่ายก็ยังคงไม่ยอมแพ้

 

“คุณธรรมใช่หรือไม่ แสงสว่างหรือ คนที่อยู่ในโลกใบนี้ไม่มีสิทธิ์ถามหาสิ่งเหล่านี้มากที่สุด” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ “แม้แต่การมีชีวิตอยู่ก็ยังต้องพยายามดิ้นรน ยังจะถามหาคุณธรรมอะไรอีก”

 

“เจ้าไม่เข้าใจ…มันไม่เหมือนกัน…ถ้าหากโลกไม่ใช่แบบนี้ บางทีโศกนาฎกรรมทุกอย่างอาจไม่เกิดขึ้น…แค่กๆ” จิ่งหงพึมพำ

 

“ช่างเถอะ ดูเหมือนเจ้าจะละทิ้งการขัดขืนแล้ว” ลู่เซิ่งยกมือขึ้น กลางฝ่ามือมีแสงสีทองสว่างไสวสาดกระจายอย่างช้าๆ จากนั้นก็หุบตัวกลายเป็นดาบยาวขนาดหนึ่งหมี่กว่าๆ เล่มหนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

“ยังมีคำสั่งเสียอะไรหรือไม่” เขากล่าวอย่างไม่นำพา

 

จิ่งหงหัวเราะพลางส่ายหน้า

 

“อย่างนั้นก็…ลาก่อน” ลู่เซิ่งยกดาบขึ้น ดาบยาวสีทองสาดแสงเจิดจ้าแยงตาอยู่ในมือของเขา ก่อนจะฟันลงด้านล่างอย่างฉับพลัน

 

ฟ้าว!

 

เคร้ง!

 

แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน เสียงใสระเบิดขึ้นตรงหน้าดาบอย่างชัดเจน หอกยาวสีฟ้าเล่มหนึ่งกันตัวดาบไว้อย่างแน่นหนา สัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีน้ำเงินที่แยงตากะพริบแสงบนหอกยาว ในสัญลักษณ์นั้นคือม้าบินที่หมุนวนอย่างช้าๆ ตัวหนึ่ง

 

คนที่ถือหอกไม่ทราบว่ายืนอยู่ด้านข้างลู่เซิ่งตั้งแต่เมื่อไหร่

 

นี่คือบุรุษหล่อเหลาที่รูปร่างสมส่วนและสูงใหญ่กำยำ เขาไว้ผมสั้นสีน้ำเงินที่สง่างาม สองตาฉายความเย็นชา ความทะนงตน รวมถึงความแน่วแน่สุดเปรียบปานอย่างจิ่งหง สวมชุดที่คล้ายเกราะหนังรัดตัว ด้านหน้าทรวงอกมีคันฉ่องสำริดป้องกันหัวใจที่ส่องแสงสีเงินติดอยู่

 

“ท่านพี่…ท่านมาแล้ว…” จิ่งหงกล่าวพลางไอพลางอย่างจนใจ

 

“สวีฉีหรือ” ลู่เซิ่งหยีตาพร้อมกับกล่าวชื่อที่น่าจะเป็นชื่อปลอม ในที่สุดเป้าหมายหลักก็มาถึงแล้ว…อย่างนั้น ละครงิ้วที่วางไว้ก็ควรเริ่มได้แล้วเช่นกัน คำว่าชั่วร้ายกลางฝ่ามือของเขาสั่นไหวน้อยๆ และเริ่มปล่อยสัญญาณประสานไปทางผู้ใช้วิชาชั่วร้ายสองคนที่อยู่ไกลออกไปแล้ว

 

นั่นคือสัญญาณแจ้งให้ลงมือ

 

“ลู่เซิ่งแห่งสำนักพันกำเนิด เจ้าอยากตายอย่างไร” สวีฉีเสียงเย็นชาเฉียบขาด ดวงตาที่เย็นเยียบคมกริบจับจ้องลู่เซิ่งในพริบตา แม้จะเพิ่งมาถึงไม่นาน แต่เขาอ่านแผนการของลู่เซิ่งออกไม่น้อยแล้ว

 

นี่เป็นเพราะลู่เซิ่งไม่ได้ปิดบัง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความแม่นยำในด้านการสันนิษฐานและการตรวจสอบของคนผู้นี้เช่นกัน

 

“ข้าไม่รู้ว่าตัวเองจะตายอย่างไร” ลู่เซิ่งหัวเราะ “แต่ข้ารู้ว่า อีกเดี๋ยวเจ้าจะต้อง…ตายแล้ว!”

 

ทันใดนั้นเขายืดตัวขึ้น สองขาขยายเปลี่ยนรูปร่างด้วยความเร็วสูง แล้วกลายเป็นสภาพของร่างหลัก ความเร็ว พลังระเบิด และพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลง ก่อนจะต่อยหมัดออกไป

 

“คร่าวิญญาณ!”

 

หลังจากฟื้นคืนสองขาสู่สภาพเดิม ร่างกายในด้านต่างๆ เช่นความเร็วและพละกำลังของลู่เซิ่งก็ยกระดับขึ้น ถึงแม้ระดับของอริยะเจ้าจะไม่อาจใช้ความแข็งแกร่งทางกายเนื้อมาให้คำนิยามได้ ทว่ากายเนื้อที่แข็งแกร่งก็มอบการคุกคามให้แก่อริยะเจ้าได้ไม่น้อย

 

พละกำลัง ความเร็ว รวมถึงพลังกระแทกอันน่าสะพรึงกลัวที่เหมือนกับระเบิด ชนใส่ร่างสวีฉีอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น

 

ตูม!

 

แสงสีฟ้าจางๆ ชั้นหนึ่งระเบิดขึ้นกลางคนทั้งสอง หอกยาวในมือสวีฉีปรากฏขึ้นด้านหน้าด้วยความเร็วสุดจินตนาการที่แทบเหมือนกับการก้าวกระโดด แล้วแทงใส่หมัดของลู่เซิ่ง แสงสีฟ้าระเบิดขึ้น จากนั้นลู่เซิ่งก็ถอยหลังกลับไป

 

“สะท้อนกลับ!” ตัวหอกของสวีฉีสั่นไหว พละกำลังอันมหาศาลที่บ้าคลั่งแทบจะเหมือนกันแล่นกลับไปตามแขนของลู่เซิ่ง

 

นี่เป็นพละกำลังของตัวเขาเอง เป็นพละกำลังอันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดจากการระเบิดกายเนื้อของร่างหลักเมื่อก่อนหน้า

 

ตึง! ตึง! ตึง!

 

ถอยหลังติดต่อกันสามก้าว บนแขนข้างขวาของลู่เซิ่งมีควันสีขาวลอยขึ้นช้าๆ นั่นเป็นผลหลงเหลือที่เกิดจากการต้านรับการโต้กลับในครั้งนี้

 

“นี่ก็คือความสามารถของดาบสดับฟ้าหรือ” เขาผุดสีหน้าประหลาดใจ หรือว่าจะได้เจอคนที่สามารถโจมตีเขาจนถอยเข้าเสียแล้ว พึงทราบว่าต่อให้จะเป็นอริยะเจ้า ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่กายเนื้อทัดเทียบกับเขาได้

 

สวีฉีที่อยู่ตรงหน้ากลับกล้าปะทะพละกำลังกับเขา ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

 

“ไม่ใช่ดาบสดับฟ้า…เจ้าไปฟังมาจากไหนกัน นี่เป็นพลังทางสายเลือดของอาวุธเทพคู่ชะตาของข้าต่างหาก” สวีฉีสีหน้าเย็นเยียบ พอจะทราบวัตถุประสงค์ของลู่เซิ่งแล้ว

 

“เจ้าไม่ได้ใช้ดาบสดับฟ้าเป็นอาวุธเทพหลักหรือนี่” ลู่เซิ่งขยับกำปั้น “น่าสนใจ” แม้หมัดของเขาจะยังมีควันลอยอยู่ และแขนท่อนปลายปวดแปลบชาดิก ทว่าสำหรับกายเนื้ออันแข็งกล้าของเขาแล้ว ความเสียหายเท่านี้ไม่นับเป็นอะไร

 

“เจ้าเป็นคนของตระกูลจิ่งเหมือนกันกระมัง เป็นพี่ชายแท้ๆ ของจิ่งหงหรือ พลังนั่น เหมือนกับเขามาก…” ลู่เซิ่งถาม

 

“หอกเทพแยกฟ้า!”

 

นึกไม่ถึงว่าสวีฉีที่อยู่ตรงหน้าจะกระโดดพุ่งเข้ามา หอกยาวในมือวาดครึ่งวงกลมวงหนึ่งเหมือนสายฟ้าฟาด ก่อนที่ควงฟาดลงมา

 

ครืน!

 

หอกยาวกลายเป็นสายฟ้าสีน้ำเงินเข้มสายหนึ่งในพริบตาเดียว ตัวหอกหลอมรวมเข้ากับประกายแสงสีน้ำเงินที่พร่างพราว รูปม้ามีปิกที่เกิดจากสายฟ้าสีน้ำเงินปรากฏขึ้นด้านหลัง พร้อมกับเหยียบย่ำลงใส่ลู่เซิ่งอย่างรุนแรง

 

ฮี้!

 

ม้ามีปีกกางปีกทั้งสองข้าง ยกขาหน้าขึ้นสูง แล้วเหยียบย่ำลงด้านล่าง

 

ครืน!

 

เกิดเสียงดังสนั่น สายฟ้าสีน้ำเงินระเบิดขึ้น ลู่เซิ่งยกสองแขนขึ้นมา ร่างกายไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป เขาสี่ข้างงอกขึ้นบนศีรษะ เกราะเกล็ดสีดำสนิทโผล่บนตัว ด้านหลังมีหางหยาบใหญ่งอกขึ้นมา ปากกลายเป็นฟันแหลมสามแถวแน่นขนัดเหมือนสัตว์ประหลาด

 

ม้าสายฟ้ามีปีกร่อนลงพร้อมเสียงดังกึกก้อง แต่กลับถูกเขาคว้าจับกีบเท้าสองข้างไว้ ยันมันไว้กลางอากาศไม่ให้พุ่งลงมา

 

“พละกำลังไม่เลว…น่าเสียดาย…แต่ก็เพียงเท่านี้ อานุภาพเทพ!”

 

ตูม!

 

ลู่เซิ่งเหวี่ยงม้ามีปีกขึ้นไปฟาดใส่หน้าผาด้านนอกอย่างหนักหน่วง

 

ม้ามีปีกระเบิดแหลก สวีฉีพุ่งตัวออกมาจากในสายฟ้าที่ระเบิดออก หอกยาวกลายเป็นพายุฝนฟ้าคะนอง พร้อมกับทิ่มแทงใส่จุดอ่อนตรงสองตาและสองหูของลู่เซิ่งอย่างบ้าคลั่ง

 

ลู่เซิ่งใช้สองแขนกันไว้อย่างรวดเร็ว ป้องกันหอกทุกหอกที่ทิ่มแทงเข้ามาได้อย่างแม่นยำและสมบูรณ์แบบ

 

“เจ้ามีการสำนึกตัวแค่นี้หรือ” เขาอ้าปากหัวเราะเยาะเย้ย

 

หอกเมื่อครู่มีอานุภาพไม่เลวจริงๆ อย่างน้อยก็มีอานุภาพในระดับสูงสุดของใบไม้ทองคำ แต่นี่ไม่ใช่ขีดจำกัดของลู่เซิ่ง เขาในตอนนี้ การโจมตีที่ไม่ถึงจุดสูงสุดของดาวหยกไม่มีผลต่อเกราะเกล็ดและแก่นหยางของร่างหลักแม้แต่น้อย

 

อย่างน้อยก่อนที่แก่นหยางของเขาจะหมดเกลี้ยง การโจมตีที่อยู่ต่ำกว่าระดับดาวหยกต่อให้โดนตัวเขาก็เหมือนไม่โดน

 

ซึ่งความจริง ถ้าไม่ใช่ว่าจิตวิญญาณคอยถ่วงแข้งถ่วงขา ตอนนี้ลู่เซิ่งคงมีกายเนื้ออันเหี้ยมหาญที่ก้าวข้ามระดับดาวหยกไปแล้ว เพียงแต่เขาไม่เคยประมือกับอริยะเจ้าระดับเทวปัญญาอย่างสุดกำลังมาก่อน จึงไม่รู้ว่าพลังของตัวเองไปถึงระดับไหนแล้ว

 

สวีฉีเป็นอริยะเจ้าระดับสุดยอดดาวหยกตามมาตรฐาน เรื่องนี้มีการพูดถึงในข้อมูลแล้ว ลู่เซิ่งกำลังคิดจะใช้เขาเป็นมาตรฐานการเปรียบเทียบสำหรับวัดพลังของตัวเองอยู่พอดี เขาหลุดจากสารบบของอริยะเจ้าดั้งเดิมไปแล้ว จึงได้แต่มองหาจุดอ้างอิงมาเปรียบเทียบพลังที่แท้จริงเอง

 

“หนามพสุธาแยกปฐพี” หลังต่อสู้กันพักหนึ่ง สวีฉีต้องเอาจริง อยู่ๆ เขาก็ถอยหลัง แล้วฟาดตัวหอกใส่พื้นดิน

 

ลู่เซิ่งตอบสนอง กระทืบเท้าขวาใส่พื้นอย่างหนักหน่วงเช่นกัน

 

แก่นหยางสีทองซึมเข้าไปในพื้นดิน แล้วปะทะกับหอกสายฟ้าสีน้ำเงินที่กำลังจะพุ่งออกมาจากข้างล่าง

 

ตูมๆๆๆ!

 

เกิดเสียงระเบิดหลายครั้ง ใต้พื้นดินสั่นสะเทือน

 

จิ่งหงที่อยู่ไม่ไกลออกไปโดนลูกหลง อดส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดไม่ได้ สวีฉีใบหน้าเปลี่ยนแปลง ทราบว่าเรื่องราวในครั้งนี้ไม่มีทางสำเร็จแล้ว เขาสู้กับลู่เซิ่งอย่างเต็มที่ ไม่มีการออมแรงแม้แต่น้อย แต่ก็ยังจัดการอีกฝ่ายไม่ได้ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่นสถานที่อื่น เขาอาจจะทำศึกกับอีกฝ่ายได้อย่างเต็มที่

 

ทว่าตอนนี้ทำไม่ได้ จิ่งหงทนไม่ไหวแล้ว

 

สวีฉีนึกถึงลู่เซิ่งที่เล่นงานน้องชายจนบาดเจ็บขนาดนี้ ในใจเกิดความเคียดแค้น แต่ก็จนปัญญา

 

เขาพุ่งเข้าไปอุ้มน้องชายขึ้น แสงสายฟ้าขนาดยักษ์กลุ่มหนึ่งระเบิดออกจากหอกเทพสีน้ำเงินพร้อมเสียงดังสนั่น

 

แสงสายฟ้าขนาดยักษ์รวมตัวกันเป็นก้อนกลม ยิ่งมายิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งมายิ่งแยงตา ด้านในมีเสียงม้ามีปีกร้องดังมารำไร

 

“หอกเทพแปรเปลี่ยนแตกกระจาย!” เขาตวาดพร้อมกับยกหอกเทพด้วยมือหนึ่ง ก่อนจะหวดลงไปด้านล่าง

 

ปลายหอกที่มีก้อนสายฟ้าขนาดยักษ์ฟาดใส่พื้นอย่างฉับพลัน

 

ตูม!

 

ก้อนสายฟ้าตกลงพื้น สายฟ้าสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนกลายเป็นงูสายฟ้าบินฉวัดเฉวียนและระเบิดออก พื้นดินและต้นไม้ในรัศมีหลายร้อยหมี่ที่มีทั้งสองเป็นศูนย์กลางยุบลงกลายเป็นดินไหม้

 

ในประกายสายฟ้าอันเจิดจ้า ม้ามีปีกสีฟ้าตัวหนึ่งโผพุ่งขึ้นฟ้า เงยหน้าร้องคำราม เมฆสายฟ้าสีดำแผ่กระจายตลบอบอวลในอากาศด้วยความเร็วสูง

 

ในประกายสายฟ้า เงาคนสายหนึ่งพยายามลุกขึ้น สายฟ้านับไม่ถ้วนไหลเวียนและเต้นระริกบนร่างของเขา

 

ลู่เซิ่งหัวเราะอย่างดุดันขณะมองดูสวีฉีกระโจนออกไปไกล แขนขวาพองขยายด้วยความเร็วสูง อึดใจเดียวก็พองจนหนาเกือบสามหมี่กว่าๆ ประกายสีทองกลุ่มหนึ่งหมุนวนและสว่างขึ้นกลางฝ่ามือของเขาด้วยความเร็วสูง ทั้งยังเล็งไปยังพวกสวีฉีที่อยู่ไกลออกไป

 

“อานุภาพเทพ…ไร้ขอบเขต!”

 

ฟ้าว!

 

เส้นสีทองเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากมือลู่เซิ่ง พริบตาเดียวก็ข้ามผ่านระยะห่างหลายร้อยหมี่ แล้วหมุนพุ่งเข้าหากลางหลังของสวีฉี

 

“วิญญาณจรสี่ทิศ” สวีฉีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง พอสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังระดับสูงสุดของดาวหยกอันน่ากลัวด้านหลัง ดาบโค้งสีเขียวมรกตเล่มหนึ่งพลันลอยขึ้นด้านหลังเขา ก่อนจะหมุนวนด้วยความเร็วสูงและเปล่งแสงสีเขียว

 

แสงสีเขียวกลายเป็นใบหูข้างหนึ่งในพริบตา แล้วห่อหุ้มทั้งสองพร้อมกับโผบินไปยังที่ไกลด้วยความเร็วอันน่ากลัวที่ยากจะเข้าใจ

 

“ลงมือ!” ลู่เซิ่งเห็นดังนั้น แทนที่จะตกใจกลับยินดี พลันส่งเสียงตะโกน

 

ฟิ้ว!

 

โซ่สีขาวเทาเส้นหนึ่งทะลุมิติโผล่ขึ้นด้านหลังสวีฉี แล้วมัดดาบโค้งสีเขียวมรกตอย่างดุดัน

 

สวีฉีสีหน้าผกผัน ไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิงว่าโซ่สีขาวเทาเส้นนี้พุ่งมาจากทางไหน

 

“ตาย!” ลู่เซิ่งกระโดดไล่ตาม ฝ่ามือขวาปล่อยแสงเจิดจ้าราวดวงอาทิตย์ออกมา เขาผลักฝ่ามือที่ใช้อานุภาพเทพออกไปสุดกำลัง แก่นหยางในกายระเบิดดุจเขาถล่ม พร้อมกับพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งตามฝ่ามือ

 

ทว่าในเวลาเดียวกัน สีหน้าสวีฉีเปลี่ยนไป ร่างกายที่ถูกโซ่สีขาวเทามัดไว้ระเบิดออกเป็นแสงสายฟ้าเข้มข้น หนึ่งวินาทีก่อนที่ลู่เซิ่งจะมาถึง สายฟ้าสีน้ำเงินห่อหุ้มเขากับจิ่งหงไว้ ทว่าพอสายฟ้าระเบิดอย่างสะเทือนเลือนลั่น ก็เผยให้เห็นร่างของทั้งสองอีกหนหนึ่ง

 

ตูม!

 

ฝ่ามือที่เปล่งแสงสีทองของลู่เซิ่งเจาะทะลุร่างของทั้งสอง เขาที่ลอยอยู่ถึงกับไม่รู้สึกถึงสัมผัสใดๆ

 

เวลานี้ร่างของสวีฉีกับจิ่งหงจึงค่อยๆ สลายไป กลายเป็นเงาลวงตาสองสายเท่านั้น!

 

เสียงเปรี้ยงดังขึ้นเมื่อลู่เซิ่งทิ้งตัวลงพื้นอย่างหนักหน่วงในลักษณะคุกเข่าข้างหนึ่ง พื้นดินรัศมีสิบกว่าหมี่ยุบตัวลงพร้อมกัน ถูกกดทับจนส่งเสียงแตกร้าว

 

อ๊าก!

 

เขาพลันลุกขึ้นแล้วต่อยใส่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง

 

ตูม!

 

แสงสีทองระเบิดออก ต้นไม้และพื้นดินทั้งหมดในรัศมีมากกว่าร้อยหมี่รอบๆ ถูกเสาแสงสีทองขนาดมหึมากวาดออกไปโดนจนระเบิด

 

เปลวไฟลุกโหมอยู่ชั่วขณะ ควันสีดำลอยตลบอบอวลบนกิ่งใบ ผ่านไปสักพักจึงโปรยปรายลงมาเหมือนกับหยาดฝน

 

……………………………………….

 

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท