บทที่ 959 มหาสุสานบนโลกแห่งนี้ต้องสั่นสะท้าน พวกเราสองคนกลุ่มนักขุดสุสานมาแล้ว!
บทที่ 959 มหาสุสานบนโลกแห่งนี้ต้องสั่นสะท้าน พวกเราสองคนกลุ่มนักขุดสุสานมาแล้ว!
เก่งกาจเกินไปแล้ว จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงถึงกับตกตะลึง กระทั่งตนเองยังไม่อาจสู้ได้
‘พลังความน่าเอ็นดู’ ของเจ้าหลวงนั้นเหนือชั้นเป็นอย่างยิ่ง เพียงไม่นานก็มีพี่ชายพี่สาวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก กระทั่งหญิงชราผู้หนึ่งยังเกิดความเอ็นดูเจ้าหลวง คิดอยากเป็นมารดาบุญธรรม รับเจ้าหลวงเป็นบุตรบุญธรรม
“มารดาบุญธรรม?”
สีหน้าของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงแปลกพิกลยิ่ง
เจ้าหลวงเชี่ยวชาญมีดวงพิฆาตบิดาบุญธรรมนัก มาตอนนี้จะเริ่มพิฆาตมารดาบุญธรรมหรือไม่?
‘ไม่ยอมรับก็ต้องยอมรับ ว่าคนผู้นี้มีเสน่ห์พิเศษบางอย่าง!’
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคิดในใจ
‘ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็นับเป็นเรื่องดี ให้เจ้าหลวงได้ใช้ความสามารถที่นี่เสีย…’
เขาเลิกให้ความสนใจเจ้าหลวง และเริ่มลงมือทำเรื่องส่วนของตนเอง
สิ่งที่สำคัญสุดคือการแทรกซึมเข้าส่วนลึก เขาต้องการจะเข้าไปที่นั่น
ทว่าเรื่องนี้ไม่อาจเร่งรีบได้ เขาตระหนักจุดนี้เป็นอย่างดี และเตรียมการไปอย่างช้า ๆ
…
ณ จักรวาลโกลาหลที่หลี่จิ่วเต้าอาศัยอยู่
ภายในอาณาจักรระดับกลางแห่งหนึ่ง
ตู้ม!
บนเกาะแห่งหนึ่งพลันมีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมา แสงสีเลือดพุ่งเสียดฟ้า ลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกไป
มีชายวัยกลางคนร่างอ้วนผู้หนึ่งพุ่งออกมาจากเกาะที่ถูกระเบิด
“จังหวะและโชคชะตาล้วนเข้าข้างข้า ได้รับผลเก็บเกี่ยวมหาศาลจากที่นี่ ทำให้อาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ฟื้นฟูกลับมาได้!”
มีแสงอันน่าหวาดหวั่นเปล่งประกายอยู่ในดวงตาของเขา ลมหายใจที่แผ่ออกมาชวนให้สะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง!
“เจ้าต้าเต๋ออันใดนั้น เรื่องทุกอย่างจะต้องไม่จบลงเพียงแค่นี้อย่างแน่นอน!”
เขากัดฟันเอ่ยออกมา เปี่ยมด้วยจิตสังหาร
เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากสิ่งมีชีวิตด้านในโลงโลหิตที่เคยร่วมมือกับมารกระดูก
ไม่มีผู้ใดกระจ่างชัดเกี่ยวกับความเป็นมาของเขา รู้เพียงแค่ภูมิหลังของเขาไม่ธรรมดา ความจริงก็เป็นเช่นนั้นไม่ผิด เขามีภูมิหลังใหญ่ยิ่ง ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงยอดฝีมือสูงสุดของหลังฉาก!
“ข้าไม่อาจอยู่ร่วมกับพระได้จริง ๆ!”
เมื่อหวนนึกถึงเรื่องในอดีต ภายในใจของมันก็เกิดความชิงชังมากยิ่งขึ้น
ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นยอดฝีมือสูงสุดของหลังฉาก ก่อนหน้านี้ทรงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง แต่น่าเสียดาย ที่เขาไปสร้างความขัดแย้งกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่หลังฉากเข้า ทำให้ต้องประสบความเสียหายอย่างหนัก
ยามนั้นเขาต้องตาพระโพธิสัตว์หญิงผู้หนึ่งที่หลังฉาก จึงได้ใช้กำลังบังคับพาตัวนางไป หลังจากนั้นเมื่อพระอมิตาภะพุทธเจ้าล่วงรู้เข้า จึงไปหาเขาเพื่อให้เขาปล่อยตัวพระโพธิสัตว์หญิงไป
ตัวเขาในตอนนั้นไม่เกรงกลัวใต้หล้าฟ้าดิน แม้ว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าจะมีชื่อเสียงอย่างมากในหลังฉาก เขาก็ไม่ยี่หระ ถึงกับไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
ไม่เช่นนั้นเขาจะกล้าบังคับพาตัวพระโพธิสัตว์หญิงมาได้อย่างไร
ทว่าเขาประเมินตนเองสูงเกินไป อีกทั้งยังประเมินพระอมิตาภะพุทธเจ้าต่ำเกินไป หลังจากปะทะกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าจริง ๆ เขาถึงตระหนักได้ว่าพระอมิตาพระพุทธเจ้านั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด!
เขาไม่อาจต่อกรกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าได้เลย ทำได้เพียงหลบหนีจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ด้วยเหตุนี้เองขอบเขตของเขาจึงตกต่ำลง ต้องผนึกตนเองเอาไว้ในโลงโลหิต
ในช่วงหลายปีให้หลัง เขาไม่กล้าปรากฏตัวออกมาและซ่อนตัวอยู่แต่เพียงในโลงโลหิต
จนกระทั่งพลังมืดมิดโผล่ออกมา พระอมิตาภะพุทธเจ้าถึงได้นำเหล่าสาวกทั้งหมดเข้าสู่สมรภูมิมืดมิด เขาจึงกล้าโผล่หัวออกมาเริ่มเคลื่อนไหวในหลังฉาก
“อาณาจักรแห่งนี้ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยสมบัติไม่เลว ยังมีวาสนาการเปลี่ยนแปลงระดับไม่ธรรมดาจำนวนนับไม่ถ้วน…”
ดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้น มองเห็นความหวังในการแก้แค้น
สสารระดับสูงหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมบัติตามธรรมชาติจำนวนมากเกิดการพัฒนา เขาเองก็เก็บเกี่ยวสมบัติอันน่าอัศจรรย์บางอย่างจากเกาะแห่งนี้ ทำให้สามารถฟื้นฟูตนเองกลับมาได้
เขาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือของต้าเต๋อ แม้จะหลบหนีออกมาได้ก็ต้องจ่ายราคาแสนสาหัสเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีคิดว่าการฟื้นฟูตนเองจะเป็นเรื่องยาก แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้มาพานพบวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่นี่
เมื่อหวนติดถึงต้าเต๋อ เขาก็รู้สึกชิงชังขึ้นมา
ครั้งนั้นเขาประสบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง สิ่งที่สำคัญสุดคือยังเสียหน้ายิ่งนัก!
เขาระเบิดโลงโลหิตออก วิ่งหนีออกมาอย่างเปลือยเปล่า สิ่งมีชีวิตจำนวนมากต่างเห็นภาพเปลือยของเขา!
นี่นับเป็นความอัปยศขั้นสูงสุด!
“แก้แค้น! รอข้ากลับไปก่อนเถิด!”
เขาเอ่ยด้วยแววตามืดครึ้ม
เพียงแค่อาณาจักรแห่งนี้ก็มีวาสนาการเปลี่ยนแปลงอยู่ไม่น้อยแล้ว ในอาณาจักรอื่นย่อมมีวาสนาการเปลี่ยนแปลงอยู่อีกมาก หากได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องได้รับการพัฒนาอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงการฟื้นฟูถึงจุดสูงสุดของตนเองเลย กระทั่งจะทลายจุดสูงสุดขั้นที่ห้าขอบเขตอิสระของตนเองไปยังขั้นที่หกก็ยังมีโอกาส!
จากนั้นเขาก็เริ่มลงมือตามหาวาสนาการเปลี่ยนแปลงในอาณาจักรต่าง ๆ
…
ในจักรวาลโกลาหลแห่งเดียวกัน
หนึ่งในเก้าอาณาจักรตอนบน
สวีจื้อหนีมายังอาณาจักรแห่งนี้ ก่อนจะซ่อนตัวอยู่ภายใน
เขาคิดว่าตนเองเป็นคนที่ผู้เบิกทางกำหนดให้ได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ทิ้งเอาไว้ ดังนั้นจึงคิดว่าตนเองไร้เทียมทานในใต้หล้า พานักพรตอ้วนไปจัดการกับหลี่จิ่วเต้าอย่างไร้ความกลัวเกรง
ผลคือกลับถูกลูกศรที่หลี่จิ่วเต้ายิงออกมาอย่างส่ง ๆ ทำลายสมบัติที่ผู้เบิกทานนั้นทิ้งเอาไว้ให้ เขาตกตะลึงจนต้องหนีอย่างลนลาน
“แปลกยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ข้าสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของผู้ถูกกำหนดคนหนึ่งอย่างชัดเจน ทว่าตอนนี้กลับไม่อาจสัมผัสได้…”
เขารำพึงกับตนเอง
เหล่าคนที่ผู้บุกเบิกกำหนดเอาไว้ต่างรับรู้ได้ถึงกันเละกัน ยิ่งเมื่อเขาได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ผู้บุกเบิกทิ้งเอาไว้ก็ยิ่งสัมผัสได้ชัดเจนขึ้น
เขาเคยสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของผู้ถูกกำหนดคนนั้นได้อย่างชัดเจน ทว่าตอนนี้กลับสูญเสียการรับรู้นั้นไป
‘จะต้องเป็นเพราะเข้าไปในสถานที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ดังนั้นการรับรู้จึงถูกตัดไป…’
เขาครุ่นคิดขึ้นมา
ภายใต้สถานการณ์ปกติ เขาที่ได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ย่อมสัมผัสได้ถึงผู้ถูกกำหนดคนอื่น ๆ อย่างไม่ขาดตอน
ที่สัมผัสขาดหายไปกลางคัน ก็ควรเป็นเพราะผู้ถูกกำหนดคนนั้นได้เข้าไปในสถานที่อันไม่ธรรมดา
“ไม่เป็นไร ยังมีผู้ถูกกำหนดอยู่อีกคน! ความรู้สึกกับคนผู้นั้นไม่ถูกตัดขาด ทั้งยังยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม!”
ดวงตาของเขาเปล่งประกาย ขณะเอ่ยต่อ “การเชื่อมต่อแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าผู้ถูกกำหนดคนนี้ได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ผู้เบิกทางทิ้งเอาไว้แล้ว กำลังอยู่ในช่วงดูดซับและหลอมกลั่น”
สำหรับเขาแล้ว นี่นับว่าเป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาสามารถรอให้ผู้ถูกกำหนดดูดซับและหลอมกลั่นวาสนาการเปลี่ยนแปลงได้เสร็จสิ้น จากนั้นก็ติดต่อผู้ถูกกำหนดเพื่อให้มาช่วยแก้แค้นให้กับตนเองได้!
“ไม่มีทางที่จะไม่แก้แค้น!”
เขากล่าวอย่างชิงชัง เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธแค้นอย่างรุนแรง
สมบัติที่ผู้เบิกทางทิ้งเอาไว้ในเขานั้นล้ำค่าพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ทว่ากลับถูกหลี่จิ่วเต้าทำลายลงไป เขาไม่อาจทนกล้ำกลืนสิ่งนี้ลงไปได้!
นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือบนร่างของหลี่จิ่วเต้าจะต้องมีของดีอยู่ไม่น้อย เขาสูญเสียสมบัติไปแล้ว จึงต้องการสมบัติบนร่างของหลี่จิ่วเต้ามา
“รอผู้ถูกกำหนดผู้นั้น!”
เขาเหยียดยิ้มเย็นชา ก่อนจะเฝ้ารอคอยอย่างอดทน
…
ณ เมืองชิงซาน
ลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
พอนักพรตอ้วนมาอยู่ในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้าแล้ว เขาก็ขยันขันแข็งเป็นอย่างยิ่ง ทุกวันล้วนจัดเก็บและทำความสะอาดลานเล็ก ๆ ทำให้หลี่จิ่วเต้าชื่นชอบเป็นอย่างมาก
หลี่จิ่วเต้ารู้ว่านักพรตอ้วนเป็นผู้ฝึกตน เมื่อเห็นว่านักพรตอ้วนประพฤติตนดีจึงไม่ปฏิบัติด้วยอย่างเลวร้าย มอบสมบัติหลายชิ้นให้
นี่เป็นสมบัติที่เขาและลั่วสุ่ยได้รับมาระหว่างชื่นชมทิวทัศน์
ยามนั้นมีคนต้องการจะหย่อนเบ็ดตกเหลา ทว่ากลับทำให้เขาได้รับสมบัติเก้าชิ้นมาแทน
เขามีสมบัติที่แลกเปลี่ยนมาจากบรรพจารย์ฝูอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ความสำคัญอันใดกับสมบัติทั้งเก้ามากนัก จึงตัดสินใจมอบให้กับนักพรตอ้วน
อย่างไรเสียสมบัติทั้งเก้าก็ไม่อาจเทียบได้กับสมบัติของบรรพจารย์ฝู ความแตกต่างที่มีมากเกินไป
‘คุณชายก็คือคุณชาย!’
นักพรตอ้วนทอดถอนใจด้วยอารมณ์มากมายในใจ
เขารู้จากสมบัติทั้งเก้าว่าพวกมันต่างได้รับการเปลี่ยงแปลงและพัฒนา ทรงพลังยิ่งกว่าเดิมมาก ความแข็งแกร่งก้าวกระโดดขึ้นไปหลายขั้น!
สิ่งนี้ทำให้เขาเลื่อมใสศรัทธาในตัวคุณชาย และยังรู้สึกโชคดีอย่างยิ่งไปพร้อมกัน
ยังดีที่เขาสำนึกขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน เลือกไปพึ่งพาอาศัยบารมีของคุณชาย หากยามนั้นเขาเลือกจะเป็นศัตรูกับหลี่จิ่วเต้าอย่างถึงที่สุด เกรงว่าจุดจบของเขาจะต้องน่าเวทนาอย่างแน่นอน
“อู๋เหลียง มาทานข้าวเช้าเถิด”
ตอนนั้นเองหลี่จิ่วเต้าได้ส่งเสียงเรียกนักพรตอ้วน
“รับทราบ คุณชาย!”
นักพรตอ้วนวางไม้กวาดในมือลง จากนั้นก็ตรงไปทานข้าว
เดิมทีชื่อของเขาคืออู๋โหย่วเหลียง แต่คุณชายรู้สึกว่าชื่อนี้ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง จึงตั้งชื่อและเรียกเขาใหม่ว่าอู๋เหลียง
ทว่าระหว่างที่เขากำลังวิ่งไป จู่ ๆ ก็พลันสะดุดล้มลงบนพื้น กินดินเข้าไปเสียเต็มปาก
“สุนัขดำ!”
เขาตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง มองไปทางสุนัขสีดำที่อยู่ด้านข้างอย่างชิงชัง
สุนัขสีดำตนนี้ชั่วร้ายเกินไป ถึงกับใช้อุ้งสุนัขของมันขัดเขา!
“มองอันใด ข้าบอกเจ้าแล้วว่าให้คอยดูทุกฝีก้าวให้ดี ๆ อย่าได้มองไกลเกินไปนักจนทำให้มองเห็นทางใต้เท้าไม่ชัดเจน”
สุนัขดำแสยะยิ้ม
“เจ้า!”
นักพรตอ้วนโกรธเกรี้ยว เห็นได้ชัดว่าสุนัขสีดำยังคงจดจำและไม่ลืมความแค้น
ครั้งนั้นเมื่อถูกคุณชายยอมรับ เขาตื่นเต้นดีใจจนต้องการใช้สุนัขสีดำเป็นพาหนะ ต้องการจะขี่ร่างของสุนัขสีดำ
นั่นนับเป็นจุดเริ่มต้นความบาดหมางของเขากับสุนัขสีดำจนถึงตอนนี้ หากอีกฝ่ายไม่มีสิ่งใดทำก็จะคอยขุดหลุมใส่เขา!
“คุณชายเรียกเจ้าไปทานข้าว รีบไปเสีย!”
สุนัขสีดำเอ่ยออกมาอย่างสบาย ๆ พร้อมหางที่ชี้ไป
อู๋เหลียงทำได้แต่เพียงยอมแพ้แล้วไปกินข้าว
อาหารเช้าเป็นน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ ทันทีที่อู๋เหลียงได้เห็นอาหารก็พลันลืมเรื่องของสุนัขสีดำไปทันที
น้ำเต้าหูและปาท่องโก๋หอมเกินไปแล้ว!
“มาลองชิมดูเถิด วันนี้เป็นน้ำเต้าหู้หวาน”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่บ้านเกิดของข้ามีน้ำเต้าหูอยู่สองอย่างคือน้ำเต้าหูเค็มและน้ำเต้าหู้หวาน ก่อนหน้านี้ที่ให้พวกเจ้าได้ดื่มคือน้ำเต้าหูเค็ม ส่วนวันนี้เป็นน้ำเต้าหูหวาน”
“ขอบคุณคุณชาย!”
นักพรตอู๋เหลียงรีบนั่งลงแล้วเติมน้ำเต้าหู้
ลั่วสุ่ยและจิ้งจอกทั้งสองก็อยู่บนโต๊ะเพลิดเพลินไปกับอาหาร ส่วนมัจฉาสัตมายากับชางเหยายังไม่กลับจากการเที่ยวเล่นภายนอก
“น้ำเต้าหู้หวานหรือเค็มอร่อยกว่ากัน?”
หลี่จิ่วเต้าถามด้วยรอยยิ้ม
“เค็ม!”
“หวาน!”
คำตอบที่ได้ไม่เหมือนกัน บางคนว่าหวานอร่อย บางคนว่าเค็มดีกว่า
“ฮ่าฮ่า ในบ้านเกิดของข้า นี่เป็นหนึ่งในคำถามที่ไม่มีคำตอบ”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะอย่างไม่แปลกใจ
บนดาวเคราะห์สีฟ้า สงครามระหว่างน้ำเต้าหูหวานและน้ำเต้าหูเค็มเกิดขึ้นเสมอไม่เคยหายไป เป็นการยากจะตัดสินแพ้ชนะ
หลังจากทานอาหารเช้า นักพรตอู๋เหลียงก็จัดการทำความสะอาดทุกสิ่งอย่างแข็งขัน
จากนั้นเขาก็ไปยังมุมหนึ่งของลานเล็ก ๆ หยิบหนังสือมาอ่าน
สุนัขสีดำเองก็แอบเนียนมาด้วย ต้องการดูว่าเป็นหนังสืออันใด
นักพรตอู๋เหลียงปิดหนังสือทันทีไม่ยอมให้สุนัขสีดำได้อ่าน
“บังอาจ!”
สุนัขสีดำตวาดออกมา สยบนักพรตอู๋เหลียงลงทันที อุ้งเท้าเหยียบลงหน้านักพรตอ้วนระหว่างอ่านหนังสือ
นักพรตอู๋เหลียงโมโหมาก ร้องเรียกต้องการให้เก้าสมบัติช่วยจัดการสุนัขดำ แต่กลับถูกปฏิเสธกลับมา
“คิดอันใดอยู่! สุนัขดำมาอยู่เร็วกว่าเจ้า มีความสัมพันธ์อันดียิ่งกับเหล่าสมบัติในลาน ให้พวกข้าจัดการสุนัขดำ ก็ไม่ต่างอันใดกับการแสวงหาความทุกข์เข็ญ!”
“เจ้าอยากทำร้ายตนเองก็ทำไป อย่ามาลากพวกข้าไปเกี่ยวด้วย!”
เก้าสมบัติพากันเอ่ยออกมา
นักพรตอู๋เหลียงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาอุ้งเท้าสุนัขดำออก จากนั้นก็อ่านหนังสือร่วมกับสุนัขดำ
นี่เป็นนิยายที่คุณชายเขียนขึ้นมา เมื่อเขาไม่มีสิ่งใดต้องทำก็มักจะมาอ่านนิยายที่คุณชายเขียน
คุณชายเขียนนิยายออกมาจำนวนมาก แต่ก็บอกกับพวกเขาว่านิยายเหล่านี้ล้วนมีต้นกำเนิดจากบ้านเกิดของคุณชาย ไม่ใช่สิ่งที่คุณชายแต่งขึ้นมาเอง
“บันทึก…จอมโจรสุสาน เป็นอัตชีวประวัติของจอมโจรสุสานผู้หนึ่ง!”
นิยายที่พวกเขาอ่านเล่าเกี่ยวกับจอมโจรสุสาน ตัวเอกในเรื่องทรงพลังสะท้านฟ้าเป็นอย่างยิ่ง ขุดสุสานแทบทั่วหล้าและทิ้งชื่อเสียงอันไร้ที่สิ้นสุดเอาไว้!
ภายในนิยายเรื่องนี้ ผู้ใดต่างก็ไม่กล้ายั่วยุตัวเอก
ไม่มีเหตุผลอื่นใด เนื่องจากตัวเอกเชี่ยวชาญด้านการขุดสุสาน หากผู้ใดกล้าไปยั่วยุ เกรงว่าสุสานจะต้องประสบเคราะห์!
‘อย่ามายั่วยุข้า หากยั่วยุข้า สุสานบรรพบุรุษตระกูลเจ้าก็ไม่อาจรอดพ้น! หลังจากเจ้าตาย หลุมศพของเจ้าก็ไม่อาจรอดพ้นเช่นกัน! กระทั่งหลุมศพลูกหลานเจ้าเองก็ไม่รอด!’
นี่เป็นประโยคที่ตัวเอกเอ่ยออกมาบ่อยที่สุด
ทว่าถ้อยคำขู่เหล่านั้นกลับได้ผลเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนต่างก็ไม่ต้องการให้สุสานตระกูลตนเองเกิดเรื่องอันใดขึ้น
นักพรตอู๋เหลียงกับสุนัขดำยิ่งอ่านก็ยิ่งหลงใหลมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายพวกเขาก็อ่านนิยายเรื่องนี้จนจบ
“เจ้าอ้วน อยากไปลองของจริงดูหรือไม่!”
สุนัขดำมองนักพรตอู๋เหลียง อยากไปขุดสุสานกับอีกฝ่าย
“เอาสิ!”
นักพรตอู๋เหลียงตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิด
หลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้จบ เขาก็ตกลงไปในโลกการขุดสุสานอย่างล้ำลึก ต้องการจะสัมผัสประสบการณ์ขุดสุสาน
พวกเขาร่วมมือกันอย่างง่ายดาย เตรียมพร้อมจะลงมือทันที
“มหาสุสานบนโลกแห่งนี้ต้องสั่นสะท้าน พวกเราสองคนกลุ่มนักขุดสุสานมาแล้ว!”
สุนัขดำเอ่ยอย่างนึกสนุก