บทที่ 1415 กลับไปที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วอีกครั้ง
บทที่ 1415 กลับไปที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วอีกครั้ง
ดังนั้นทุกการลงเข็มและด้ายต้องมั่นใจว่าแรงคงที่ และเป็นงานที่ค่อนข้างยาก
กู้เสี่ยวอี้ใช้ความคิดทั้งหมดอยู่กับการปักภาพร้อยโชค จึงไม่มีเวลาอยู่ที่ร้านหล่านเยว่ บางครั้งฉุกคิดขึ้นได้ก็ทำตุ๊กตาง่าย ๆ สองตัว ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องใช้ความพยายามจะไม่ทำ
คราวนี้เข้าไปดูที่ร้านหล่านเยว่ ของที่ตัวเองทำก่อนหน้านี้หมดแล้ว วันธรรมดาจะมีแต่ผ้าเช็ดหน้า แผ่นรองเท้า และของกระจุกกระจิกบางอย่างที่ท่านอาปักไว้ และยังมีหลายคนที่ยังไม่ได้จ่ายเงิน
กู้เสี่ยวหวานได้ยินก็รู้สึกว่าไม่ใช่ทางเลือกในการผัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป บางคนจ่ายเงินมัดจำไปแล้วแต่กลับไม่ได้ของ พวกเขาต้องร้อนใจแน่นอน ถ้าถึงตอนที่ร้านหล่านเยว่มีปัญหา จะเป็นการทำลายชื่อเสียงของร้านหล่านเยว่ อย่างนั้นไม่ดีจริง ๆ
แต่ตอนนี้กู้เสี่ยวอี้จดจ่ออยู่กับภาพร้อยโชค ตัวเองทำไม่ได้ จึงเป็นเรื่องยากมาก
“หยุดรถก่อน”
ในขณะที่กู้เสี่ยวหวานยังคงใช้ความคิดอยู่ จู่ ๆ กู้เสี่ยวอี้ก็เห็นอะไรบางอย่างและร้องว่า “ท่านพี่ ข้าลงไปซื้อด้ายสีทองก่อน ด้ายที่บ้านหมดแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามทางไปร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว
เมื่อเข้าไปที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วแล้ว ผู้ดูแลร้านคนเดิมที่ชื่อฉางกุ้ยเห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ มา ก็รีบออกมาต้อนรับทันที “แม่นางทั้งสอง มาแล้ว”
เห็นท่าทีที่เอาใจใส่ของเขา กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มและพูดว่า “น้องสาวของข้ามาซื้อด้ายสีทอง ที่ร้านนี้มีหรือไม่”
“ไม่ต้องห่วง ร้านของข้ามีทุกอย่าง ด้ายสีทอง หนา บาง ที่นี่มีหมด”
สีหน้าของฉางกุ้ยมั่นใจ “ของที่นี่มีเยอะมาก เพียงแค่แม่นางต้องคิดว่าต้องการแบบไหน”
กู้เสี่ยวอี้พยักหน้า หยิบถุงหอมออกมาจากกระเป๋า ดึงด้ายสีทองออกมาจากถุงหอมแล้วพูดว่า “ท่านพี่ ด้ายสีทองที่ข้าต้องการเป็นแบบนี้ รบกวนท่านช่วยข้าหาด้วย”
ฉางกุ้ยหยิบมาดู และมองไปที่กู้เสี่ยวอี้อย่างชื่นชม “แม่นางมองการณ์ไกลจริง ๆ นำของมาด้วย แบบนี้ดีที่สุด ไม่มีข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน ท่านทั้งสองนั่งลงก่อน ข้าจะเข้าไปดูให้”
พูดจบก็หยิบด้ายสีทองไปที่ด้านหลังร้านเพื่อหาของ
ตอนนี้ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วไม่มีลูกค้า คิดว่าฉางกุ้ยอยู่ที่นี่เพียงลำพัง กู้เสี่ยวอี้เป็นคนที่รักการเย็บปักถักร้อย การดูผ้าที่วิจิตรงดงามนี้ก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางมองไปรอบ ๆ ร้าน บางครั้งดึงกู้เสี่ยวหวานมาเพื่ออธิบายมุมมองของตัวเองกับนาง
“ท่านพี่ ดูผ้าสีเทานั่นสิ ท่านอย่าคิดว่าเป็นผ้าสีเทาแล้วจะไม่สวยแต่อย่างใด แต่ถ้าทำเป็นเสื้อคลุมปักลายอาหรับราตรีสีดำ ท่านพี่ ข้าคิดว่าท่านต้องดูดีในชุดนั้นแน่นอน” กู้เสี่ยวอี้พูดอย่างมั่นใจ
กู้เสี่ยวหวานเคยวาดลวดลายสีสันมากมายให้กู้เสี่ยวอี้ รวมถึงอาหรับราตรีสีดำนั่นด้วย
กล่าวโดยสรุปคือ ดอกไม้ทุกสี ตราบใดที่มันสวยงาม นางจะวาดให้กู้เสี่ยวอี้ ดังนั้นกู้เสี่ยวอี้จึงพูดโพล่งออกมาเรื่องอาหรับราตรีสีดำ
กู้เสี่ยวหวานไม่ชอบชุดสีเทามากนัก รู้สึกว่ามันน่าเบื่อเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่จะใส่เสื้อผ้าสีนั้น แต่สิ่งที่กู้เสี่ยวอี้พูดก็น่าพิจารณาไม่น้อย
เมื่อเห็นผ้าสีเทาเบาบางเหมือนสายลมที่พัดมาอย่างแผ่วเบา เพียงผ้าหนึ่งพับเล็ก ๆ เท่านั้น แต่เปล่งประกายทั่วหัวใจของนาง
ในเวลานี้ ไม่ว่าแม่นางจะใส่สีแดง สีเขียว แม้แต่สีเหลืองอ่อน สีม่วงอมแดง สีเทา สีดำ ไม่มีแม่นางคนไหนใส่เลยจริง ๆ
นึกถึงอายุของตัวเอง ตอนนี้จิตวิญญาณของนางอายุสามสิบหกปีแล้ว สำหรับเสื้อผ้าสีนี้ นางไม่ได้ชื่นชมอย่างจริงใจ แต่บังเอิญว่าตัวเองยังไม่มีเสื้อผ้าสีนี้จริง ๆ จึงซื้อกลับไป
ขณะที่กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าตกลงที่จะซื้อ ก็เห็นคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากหลังม่าน และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากท่านอาจารย์เลี่ยว
ครั้นเห็นแม่นางทั้งสองที่เคยพบกันครั้งหนึ่ง ใบหน้าก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “แม่นางทั้งสองมาดูผ้าหรือ”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ท่านอาจารย์เลี่ยว รบกวนท่านช่วยหยิบผ้าสีเทามาให้ข้ากับน้องดูสักครู่”
ท่านอาจารย์เลี่ยวได้ยินว่านางต้องการผ้าสีเทา ความประหลาดใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่ก็หายวับไปอย่างรวกเร็ว “แม่นางต้องการดูผ้าสีเทาหรือ?”
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย “แม่นางจะซื้อกลับไปทำเสื้อผ้าให้ผู้อาวุโสที่บ้านหรือ”
กู้เสี่ยวอี้ยิ้ม “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าซื้อกลับไปทำเสื้อผ้าให้พี่สาวของข้า”
ท่านอาจารย์เลี่ยวมีสีหน้าประหลาดใจ “ให้พี่สาวของเจ้า?”
ท่านอาจารย์เลี่ยวชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวานด้วยความประหลาดใจ รูปลักษณ์ของนางเหมือนเพิ่งจะอายุสิบหกปี วันนี้สวมชุดสีขาวล้วนที่มีดอกโบตั๋นสีแดงปักอยู่ แม้ว่าจะเป็นดอกไม้ง่าย ๆ เพียงดอกเดียว แต่กลับเผยให้เห็นความสูงส่ง
เขาเคยเจอแม่นางคนนี้เพียงแค่ครั้งเดียว แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้งามล่มเมือง แต่กลับทำให้ผู้คนที่พบเห็นครั้งแรกสบายตาและยากที่จะลืมเลือน
คนทั่วไปไม่สามารถมีเรื่องบาดหมางหรือดูหมิ่นชนชั้นสูงได้ ดวงตาสีดำคู่นั้นราวกับว่าสามารถมองทะลุเข้าไปในหัวใจจนทำให้คนไม่กล้ามอง แต่ทว่าก็อยากจะมองอีกครั้ง
ท่านอาจารย์เลี่ยวทำงานที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วมาทั้งชีวิต ไม่เคยเห็นผู้หญิงแบบนี้มาก่อนเลย
หญิงสาวที่สวยงามและดูโดดเด่นจากครอบครัวธรรมดาไปจนถึงขุนนางในวัง เขาเคยเห็นมาหมดแล้ว
แต่ยังไม่เคยเห็นแม่นางคนนี้ที่เปล่งประกายความมั่นใจออกมา
ท่านอาจารย์เลี่ยวหยิบผ้าสีเทาออกมาแล้วตบฝุ่นออกเบา ๆ
ถึงแม้จะบอกว่าผ้าอยู่ในตู้มีคนคอยปัดฝุ่นทุกวัน แต่ผ้าผืนนี้อยู่ในตู้นานเกินไป
นานจนลืมไปแล้วว่าวางอยู่ในนั้นมานานแค่ไหนแล้ว
แม้ว่าจะนาน แต่ผ้าผืนนี้ราคาสมกับคุณภาพ สินค้าดีจริง
ในเวลานั้น ลูกของเถ้าแก่คิดว่าสวย แต่ใช้เงินจำนวนมากในการซื้อต่อจากคนอื่น ผ้าสีเทาผืนนี้… มองแวบแรกดูธรรมดา แต่ถ้ามองอย่างละเอียดก็จะเห็นว่าผ้าสีเทาผืนนี้มีความมันวาวอยู่จาง ๆ หากสวมใส่อยู่บนร่างกายก็จะดูสูงส่งและสง่างามยิ่งนัก