บทที่ 435 ความจริง (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

 

บทที่ 435 ความจริง (1)

 

“ลูกของเรา…” ลู่เซิ่งอุ้มทารกน้อยที่ผิวเหี่ยวย่นไว้ในมือพร้อมกับชูขึ้นสูงเพื่อพิจารณาอย่างละเอียดโดยใช้แสงจันทร์

 

ในกลิ่นอายชีวิตอันเข้มข้นมีสายเลือดสันดาปของตระกูลหยวนกวงที่ทำให้เขาประหลาดใจถึงขีดสุดไหลออกมา นอกจากนี้แล้ว ยังมีกลิ่นอายอันเหี้ยมหาญที่สอดรับกับกลิ่นอายของแก่นหยางบนร่างของเด็กด้วย พลังงานทางสายเลือดสองสายยากจะบอกว่าสิ่งใดดีกว่ากัน เนื่องด้วยหลอมรวมเกี่ยวกระหวัดกัน และสร้างความมั่นคงให้แก่การทำงานของอวัยวะทั้งหมดของเด็กทารก

 

“เป็นคุณสมบัติที่ล้ำเลิศจริงๆ…” ลู่เซิ่งทอดถอนใจ

 

“คิดชื่อไว้แล้วหรือยัง” ลู่เฉวียนอันที่อยู่ด้านข้างยิ้มบานพร้อมกับเข้ามารับทารกน้อย

 

“คิดไว้แล้วขอรับ ชื่อว่าหนิง ลู่หนิงก็แล้วกัน ง่ายๆ หน่อย หวังว่าต่อจากนี้เขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบ” ลู่เซิ่งถอนใจ มองดูพวกมารดารองรุมล้อมเด็กทารกพร้อมกับยิ้มอย่างยินดี ในใจเกิดความดีใจจากใจจริงที่อธิบายไม่ได้

 

เขาหมุนตัวสาวเท้าเดินเข้าห้อง นั่งลงด้านข้างเฉินอวิ๋นซีที่สงบลงแล้วก่อนจะกุมมือนางเบาๆ

 

“ลำบากแล้ว อวิ๋นซี”

 

เฉินอวิ๋นซีพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้าอย่างอ่อนแรง

 

“หลับพักผ่อนเถอะ” ลู่เซิ่งลูบเปลือกตาของนาง พลันทำให้เฉินอวิ๋นซีหลับไหลไป

 

ต่อมาในตระกูลและในสำนักต่างพากันเฉลิมฉลอง จากนั้นยอดฝีมือที่มีความสัมพันธ์อันดีซึ่งอยู่ใกล้ๆ ก็พากันส่งของขวัญและคำอวยพรมา ถึงขั้นที่แม้แต่สำนักพันอาทิตย์ในจังหวัดไร้เหมันต์ซึ่งเกิดความขัดแย้งกับลู่เซิ่ง ก็ยังส่งคนมามอบของขวัญให้ด้วย

 

เขตจันทราสารททั้งเขตจัดงานเลี้ยงสุราเก้าวัน สิ้นเปลืองทรัพยากรนับไม่ถ้วน ต่อมาลู่เซิ่งส่งเลือดหยดหนึ่งของลู่หนิงไปให้หยวนกวงย่วนตรวจสอบสายเลือด จากนั้นก็ได้รับความสำคัญจากตระกูลหยวนกวงอย่างรวดเร็ว สายเลือดของเด็กน้อยเข้มข้นกว่าลู่เซิ่งมาก นี่คือผู้สันดาปที่มีคุณสมบัติไม่เลวถึงขีดสุด

 

ไม่นานตระกูลหยวนกวงก็ส่งคนมาเพื่อนำตัวลู่หนิงไป ทว่าถูกลู่เซิ่งหยุดไว้ หลังจากทั้งสองฝ่ายปรึกษาเนื้อหาการร่วมมือกันอย่างละเอียด ตระกูลหยวนกวงจึงยอมถอยไป

 

ส่วนลู่เซิ่ง ในที่สุดก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อย จึงมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ประตูมายาตั้งอยู่ ซึ่งเขาจำเป็นต้องคุ้มครอง

 

 

สามปีต่อมา…ทะเลบูรพา

 

เกาะมายา

 

กลางเกาะเขียวชอุ่ม มีกลุ่มหอโบราณงดงามมากมาย ล้วนเป็นสิ่งก่อสร้างทำจากอิฐแดง กระเบื้องขาว และหินเขียว

 

ลู่เซิ่งหลับตาปรับลมหายใจอยู่ในห้องนอน เขาใส่เสื้อคลุมสีเทา สวมกวนทรงสูงสีดำ กลางกวนฝังอัญมณีสีเทาเม็ดหนึ่ง

 

เขามาถึงเกาะมายาได้สองปีกว่าๆ แล้ว หลังจากเขามาถึงที่นี่ จึงค่อยพบว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้องเล็กน้อย

 

ที่นี่ไม่เพียงแค่เป็นสถานที่ที่ใช้คุ้มครองประตูมายาเท่านั้น ใต้ดินของเกาะมายาแห่งนี้ยังมีตัวตนอันแข็งแกร่งที่กล่าวได้ว่าน่ากลัวหาใดเปรียบคุ้มครองอยู่ด้วย

 

อริยะเจ้าสี่คนที่รวมตัวเขาด้วยเป็นผู้คุ้มครองเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่ ไม่มีบริวาร ไม่มีข้ารับใช้ มีแต่พวกเขาสี่คน

 

คนเป็นๆ รวมถึงมารทั้งหมดนอกจากคนทั้งสี่ ล้วนไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ที่นี่ได้

 

นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ลู่เซิ่งเป็นห่วงมากที่สุดก็คือ สภาพของประตูมายาไม่เสถียรเป็นอย่างมาก เขาเพิ่งคุ้มครองมาสองปีกว่าๆ ก็พบว่าอาณาเขตความปรวนแปรของประตูมายาขยายใหญ่ขึ้นหนึ่งเท่ากว่าๆ หนำซ้ำตัวประตูคล้ายเชื่อมต่อกับตัวประตูบานอื่นด้วย

 

พรึ่บ…

 

ลืมตาขึ้น ลู่เซิ่งค่อยๆ ลงจากเตียงแล้วลุกขึ้นยืน เขามองดูจานเวลาที่แขวนอยู่บนผนัง พลางคำนวณเวลาในใจ ก่อนจะลงเตียงอย่างเงียบๆ มาจัดแจงเสื้อคลุม แล้วเปิดประตูเดินออกไป

 

ด้านนอกประตูคือป่าดึกดำบรรพ์สีเขียวขจีและบริสุทธิ์ เมล็ดพันธุ์เม็ดเล็กๆ ลอยอยู่กลางอากาศ แต่ว่าไม่มีเสียงนกหรือเสียงแมลง

 

ลู่เซิ่งเดินไปตามระเบียงด้านนอกอย่างคุ้นชินทาง หลังเดินมากว่าร้อยก้าว และเลี้ยวโค้งครั้งหนึ่ง ก็มาถึงข้างลานกว้างโปร่งโล่งแห่งหนึ่ง

 

กลางลานกว้างมีบ่อน้ำอันประณีตทรงหกเหลี่ยมตั้งอยู่ ในบ่อน้ำเต็มไปด้วยลำธารสีฟ้า ตอนนี้ลำธารเหล่านี้กำลังไหลอย่างช้าๆ และไร้เสียง ตรงกลางสุดเผยให้เห็นช่องวังวนดำสนิทที่ลึกล้ำ

 

“ท่านมาแล้วหรือ” ข้างบ่อน้ำมีคนประหลาดที่แต่งตัวเหมือนลู่เซิ่งยืนอยู่ ล้วนใส่ชุดคลุมสีเทาและสวมกวนทรงสูง

 

ลู่เซิ่งเดินเข้าไปยืนกับคนสามคน พร้อมกับมองดูลำธารที่ไหลเวียนอย่างช้าๆ ในบ่อน้ำข้างใต้

 

“ร่องแยกเปิดออกอีกแล้วหรือ” ลู่เซิ่งถามเบาๆ

 

เปิดมาสักพักแล้ว สิ่งชั่วร้ายสองตัวที่โผล่มาถูกข้ากับหางอวิ๋นจัดการแล้ว“ สตรีเสื้อคลุมสีเทาตอบเบาๆ”

 

“สองตัวหรือ” ลู่เซิ่งขมวดคิ้วน้อยๆ มองออกว่าสหายทั้งสามรู้สึกกินแรงอยู่บ้าง เหมือนกับมีคนได้รับบาดเจ็บแล้ว

 

เขาเคยเห็นสิ่งชั่วร้ายที่โผล่มาจากตรงนี้ พวกมันมีพลังน่ากลัวถึงขีดสุด พวกเขาไม่อาจใช้การโจมตีทางจิตวิญญาณของอริยะเจ้าตอบโต้แม้แต่น้อย ได้แต่ใช้การโจมตีทางกายภาพเข้าสู้

 

บนตัวสิ่งชั่วร้ายกลุ่มนี้มีเกราะที่แข็งแกร่งเหมือนกับเยื่อดำซึ่งถึงขั้นแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย แถมยังมีกรงเล็บซ่อนเร้นที่ยุ่งยากถึงขีดสุดอยู่ด้วย

 

กรงเล็บซ่อนเร้นเป็นชื่อที่พวกอริยะเจ้าที่อยู่ที่นี่ตั้งให้กับท่าสังหารของวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้

 

นี่เป็นอาวุธที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่ทำลายเลือดเนื้อและพลังชีวิตที่สัมผัสโดนได้โดยสมบูรณ์

 

“จะมาแล้ว!” หลิวหางอวิ๋นซึ่งเป็นหนึ่งในสี่อริยะเจ้าเตือนเสียงทุ้ม

 

ลู่เซิ่งปลุกปลอบจิตใจ เพ่งสมาธิจ้องมองวังวนในบ่อด้านหน้า

 

ฟิ้ว!

 

ทันใดนั้นมีเงาคนสีน้ำเงินแกมดำสายหนึ่งพุ่งออกมาจากช่องสีดำใจกลางวังวน แล้วทะยานสู่ท้องฟ้า หมายจะหนีห่างจากคนทั้งสี่ที่เฝ้าอยู่

 

“ข้าเอง!” ชีซิ่วอริยะเจ้าหญิงเพียงคนเดียวยื่นมือขวาออกไป สัญลักษณ์สามเหลี่ยมที่เหมือนกับดอกเหมยปรากฏขึ้นบนฝ่ามือสีขาวหยก ขวางอยู่ด้านหน้าสิ่งชั่วร้ายอย่างดุดัน

 

ติ้ง!

 

กระแทกเข้ากับแขนสิ่งชั่วร้าย เกิดเสียงโลหะไพเราะเสนาะหู คลื่นสีขาวหยกกลุ่มหนึ่งระเบิดออกระหว่างคนทั้งสอง ในคลื่นปรากฏรูปดอกเหมยเลือนราง

 

สิ่งชั่วร้ายถูกขวางซึ่งหน้า เป็นเหตุให้ร่างเอียงตกลงมาด้านข้างเรือน หลังโดนการโจมตีของอริยะเจ้าไปครั้งหนึ่ง ถึงกับไม่มีการหยุดชะงักแม้แต่น้อย เพิ่งหล่นลงพื้นก็หมุนตัวพุ่งเข้าหาอริยะเจ้าอีกคนทันที

 

ฟิ้วๆๆ แก่นจริงแท้ที่เหมือนกับแสงสีแดงถูกยิงออกไปหลายสาย โดนตำแหน่งที่คล้ายกับศีรษะของสิ่งชั่วร้ายอย่างแม่นยำ จนมันโซเซถอยหลังเกือบจะล้มลงกับพื้น

 

“ฆ่ามัน!”

 

ลู่เซิ่งก้าวขึ้นหน้าออกไปหลายก้าว แขนเปลี่ยนแปลงรูปร่างกลายเป็นกรงเล็บสีดำคมกริบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตะปบใส่สิ่งชั่วร้าย

 

“เข่อตู้ข่าอิ้น” สิ่งชั่วร้ายส่งเสียงคำรามเป็นครั้งสุดท้ายในทันที

 

ตูม!

 

ชั่วพริบตานั้นแสงสีแดงระเบิดออก รังสีแสงความร้อนสูงที่แทรกด้วยสะเก็ดเหมือนเส้นขนนับไม่ถ้วนระเบิดออกอย่างหนักหน่วง

 

ร่างของลู่เซิ่งที่เพิ่งพุ่งขึ้นสู่ฟ้าถูกแรงกระแทกอันมหาศาลชนกระเด็นไปด้านหลัง เขายกสองแขนขึ้นบังไว้ด้านหน้าร่างท่อนบน ผิวหนังของสองแขนเกิดสภาพหลอมละลายอย่างเลือนราง

 

“ไม่เป็นไรกระมังลู่เซิ่ง!?” หลิวหางอวิ๋นเดินเข้ามาหลายก้าว พร้อมกับใช้นิ้วซึ่งวาดอักขระตัวหนึ่งกลางอากาศจนเกิดเงาหลงเหลือ อักขระระเบิดกลายเป็นจุดแสงสีเขียวนับไม่ถ้วนปกคลุมบาดแผลบนแขนของลู่เซิ่ง

 

ทว่าประสิทธิผลที่เกิดขึ้นกลับทำให้หลิวหางอวิ๋นทอดถอนใจ วิชาลับอักขระของเขาวิชานี้ ถ้าหากใช้ในเขตปกติด้านนอก จะทำให้เนื้อและกระดูกขาวของคนตายฟื้นฟูได้ ทว่าเมื่ออยู่ที่นี่…

 

เขามองผิวหนังที่ถูกหลอมละลายบนแขนของลู่เซิ่งดูดซับแสงสีเขียวเพื่อฟื้นฟูด้วยความเร็วที่เชื่องช้าสุดขีด รู้สึกค่อนข้างจนใจ

 

“ครั้งนี้มีแค่ตัวดียว สมควรจัดการได้แล้ว” เขาหันกลับไปมองวังวนต่อ

 

“ห้ามประมาท ก่อนหน้านี้ข้าค้นพบว่าความถี่ในการปรากฏตัวของสิ่งชั่วร้ายสูงขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง” อริยะเจ้าชีซิ่วเตือนเบาๆ

 

“หรือว่าที่อื่นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น” โอวหยางฮั่วมหาปีศาจอริยะเจ้าที่ไม่ได้ลงมือมาโดยตลอดเนื่องจากเป็นไพ่ตายสุดท้ายกล่าวพลางขมวดคิ้ว

 

“พูดยาก” ชีซิ่วไม่เข้าใจเช่นกัน ตามเหตุผล ช่วงนี้ไม่ได้มีข่าวใหญ่อะไรส่งมา ประตูมายาก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงใด

 

ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันเหมือนกันกับตอนที่ประตูบานอื่นๆ ปรากฏการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอดีตไม่มีผิด ทุกๆ ครั้งที่โลกปรากฏความวุ่นวาย ประตูที่เหลือจะเกิดปัญหาขึ้น ประตูมายาจะเกิดปัญหาในเวลาเดียวกัน

 

สิ่งชั่วร้ายพวกนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดา หากปล่อยให้หลุดไปสักตัว พวกมันจะสามารถแบ่งตัวได้เอง ใช้เวลาเพียงสองสามวันก็สามารถให้กำเนิดร่างหลักที่มีพลังเท่ากันหลายร้อยตัวได้แล้ว

 

สิ่งชั่วร้ายเหล่านี้มีกระดองหนาที่ทำให้อริยะเจ้ารู้สึกตึงมือถึงขีดสุด ยังมีความเร็วที่ว่องไว พละกำลังอันน่ากลัว รวมถึงความคลุ้มคลั่งสุดท้ายก่อนตายด้วย

 

ถ้าหากปล่อยไป ยังไม่พูดถึงว่าอริยะเจ้าคนอื่นๆ หยุดได้หรือไม่ ต่อให้สุดท้ายหยุดไว้ได้ อย่างน้อยก็สร้างภัยพิบัตินับไม่ถ้วนแล้ว

 

ทั้งสี่เฝ้าอยู่สักพัก พอพบว่าวังวนเริ่มหดตัวลงและไม่มีสิ่งชั่วร้ายออกมาอีก ก็รู้สึกโล่งอก

 

“ดูเหมือนวันนี้จะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว” หลิวหางอวิ๋นโล่งใจ

 

“จะว่าไป อีกด้านของวังวนนี้เป็นสถานที่ใดกันแน่ สหายร่วมเส้นทางมีใครรู้บ้าง” อริยะเจ้าชีซิ่วถามอย่างสงสัย

 

ลู่เซิ่งส่ายหน้า โอวหยางฮั่วที่อยู่ด้านข้างก็ส่ายหน้าน้อยๆ เช่นกัน

 

หลิวหางอวิ๋นกลับใคร่ครวญ

 

“ไม่นานมานี้ข้าผู้เฒ่าได้ยินข่าวใหม่ว่า ประตูวิญญาณชั่วร้ายที่ค้นพบใหม่เหมือนจะมีการเชื่อมโยงกับประตูมายาและประตูเมฆา อาจจะเป็นดินแดนแห่งใหม่ที่อยู่ด้านหลังโลกแห่งความเจ็บปวด หรืออาจจะเชื่อมต่อกับโลกของพวกเราก็ได้”

 

“ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ความจริงแล้วโลกแห่งความเจ็บปวดเป็นส่วนหนึ่งของดาราแผดเผาของพวกเรา ทว่าสิ่งชั่วร้ายนี้…แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ร่างกายของพวกมันเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตในท้องถิ่นทั้งหมดที่พวกเรารู้จัก แม้แต่มังกรสีชาดของพิภพมารก็ยังไม่แข็งแกร่งขนาดนี้ ปกติแล้วมังกรสีชาดจะอาศัยอยู่ในภูเขาไฟใกล้หุบเหวมารที่มีความทารุณมากที่สุด แม้แต่สิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งที่วิวัฒนาการขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนั้นก็ยังสู้สิ่งชั่วร้ายไม่ได้ เป็นที่ทราบได้ว่า สภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่จะต้องเลวร้ายกว่าพิภพมารมากแน่” ชีซิ่ววิเคราะห์อย่างจริงจัง

 

“ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นการวิวัฒนาการตามธรรมชาติ อาจจะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นก็ได้นี่” ลู่เซิ่งพลันสอดปาก

 

ทั้งสามพลันตกสู่ห้วงความคิดทันที

 

ตัวตนแบบไหนที่สร้างสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวระดับนี้ขึ้นมาได้ พอใคร่ครวญถึงหัวข้อนี้ก็รู้สึกหวาดกลัวสุดขีด อริยะเจ้าสามคนเพียงลองนึกดู ใจก็เต้นระทึกแล้ว

 

เวลานี้วังวนนั้นเล็กลงเรื่อยๆ จนใกล้จะปิดโดยสมบูรณ์แล้ว

 

“เอาล่ะ ไปเถอะ ภารกิจวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว ถ้าหากสหายร่วมเส้นทางสามท่านสนใจ ก็มาเป็นแขกที่หออีกาสวรรค์ของข้าได้ ไม่นานมานี้เก็บของดีมาได้ส่วนหนึ่ง สามารถเอาไปใส่สุราได้พอดี” หลิวหางอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“อย่างนั้นพวกเราไม่ขอปฏิเสธแล้ว” ชีซิ่วตอบรับทันที งานอดิเรกและความสนใจของนางก็คือการกิน สิ่งที่กินได้ทั้งบนฟ้าหรือใต้ดินนางล้วนลิ้มลองมาหมดแล้ว

 

ลู่เซิ่งยิ้ม กำลังจะตอบ อยู่ๆ หางตาเขาก็กวาดไปถึงวังวนตรงกลาง

 

“แย่แล้ว!” เขาพลันเปลี่ยนร่างเข้าสู่สภาพหยินหยางรวมเป็นหนึ่งพร้อมกับหยิบรูปสลักอีกาสีดำออกมา

 

เงาดำขนาดยักษ์ที่ดำสนิทเหมือนกับหมึกกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากวังวนสีน้ำเงินอย่างฉับพลัน เงาดำนั้นเปลี่ยนจากมายาเป็นจริง กลายเป็นแขนน่ากลัวหลายข้างที่ยาวสิบกว่าหมี่ กว้างหลายหมี่ ก่อนจะตะปบลงมาหาคนทั้งสี่

 

แขนกางมือออก กลางฝ่ามือมีอักขระสามเหลี่ยมที่เหมือนกับดวงดาวนับไม่ถ้วนเปล่งแสงระยิบระยับ ทั้งหมดเป็นอักขระอาวุธเทพหลากหลายชนิด!

 

แค่แขนข้างเดียวก็มีอักขระอาวุธเทพหลายหมื่นแล้ว ทั้งหมดเปล่งแสงสีสันต่างๆ นาๆ

 

“เป็นแขนนิล! หนีเร็ว!” หลิวหางอวิ๋นเห็นดังนั้นสีหน้าก็ผกผัน หมุนตัววิ่งหนี ทว่าร่างกายเขาบิดเบี้ยวในพริบตา เหมือนกับมิติรอบๆ ถูกสนามพลังอันยิ่งใหญ่บิดงอ เขาได้แค่พุ่งขึ้นไปบนฟ้าและลอยอยู่สองสามวินาที จากนั้นก็ถูกมือสีดำที่ตามหลังมาติดๆ ตะปบได้จนเกิดเสียงดังโผละ

 

หลังจากเสียงที่เหมือนกับแตงโมแตกดังขึ้น หลิวหางอวิ๋นก็หายสาบสูญไป

 

อีกสองคนก็เป็นเหมือนกัน ถูกมือดำบิดงอมิติ จึงไม่อาจหนีพ้น ได้แต่มองดูมือดำที่อยู่ด้านหลังไล่ตามมา ก่อนจะถูกจับไว้อย่างสิ้นหวัง แล้วหายตัวไป

 

ลู่เซิ่งหนังศีรษะชายิบ เซลล์ทั่วร่างดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง หมายจะดิ้นให้หลุดจากสนามพลังอันเหี้ยมหาญ แต่ก็ไร้ประโยชน์

 

เขาสัมผัสได้ว่ามือดำที่อยู่ด้านหลังกดดันเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะเขามีพละกำลังและกายเนื้อแข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นจึงเป็นคนที่วิ่งหนีได้ไกลที่สุด ทว่าตอนนี้ก็ถูกมือดำไล่ตามมาทันเช่นกัน

 

“ย้าก!” เขาบีบรูปสลักอีกาดำอย่างแรง

 

กร๊อบ

 

……………………………………….

 

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท