ตอนที่ 766 ประกาศหาคู่
อิงอิงคอยปรนนิบัติล้างหน้าให้โจวเจ๋อ จากนั้นช่วยจัดอาหารบนโต๊ะตัวเล็กให้โจวเจ๋อ เธอตั้งใจซื้อหัวหมู เต้าหู้รมควัน ข้าวลวกจีนมาจากชุยจี้เมืองซิงเหริน และเต้าหู้ยี้มาจากซิงตงโดยเฉพาะ เป็นกับข้าวที่เรียบง่าย ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นอาหารมื้อดึก เลี่ยนมากไปก็ไม่ดี ส่วนที่อยู่ข้างล่าง อืม เดิมทีไม่ได้ทำให้เถ้าแก่กินอยู่แล้ว!
“เถ้าแก่ ชายชราที่อยู่ข้างล่าง เป็นใครเจ้าคะ”
“อ้อ เขาเหรอ เป็นปู่ของเหล่าจาง อ้อไม่ใช่ เป็นปู่ทวด”
“เป็นยมทูตเหมือนกันหรือเจ้าคะ”
“ผู้ตรวจสอบ”
“เหมือนทนายอัน?”
“อืม จะว่าแบบนั้นก็ได้”
“อ้อ คิดไม่ถึงจริงๆ เหล่าจางก็เป็นผีรุ่นที่สอง”
‘พรืด!’ โจวเจ๋อพ่นน้ำซุปออกมา ผีรุ่นที่สอง มีวิธีการพูดเช่นนี้ด้วยเหรอ
“อ้อใช่ เถ้าแก่ นักพรตเฒ่าได้รับสายด่วนเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนแล้วรีบออกไปเจ้าค่ะ”
“อืม ผมรู้แล้ว” โจวเจ๋อเงียบสงบเป็นอย่างมาก เพราะนักพรตเฒ่าต่อให้เกิดเรื่อง ก็สามารถรอจนกระทั่งเขาและคนอื่นๆ ไปช่วยถึงจะถูกต้อง
เขากินข้าวมื้อเรียบง่ายอีกสองสามคำ เพราะเดิมทีก็มองว่าเป็นอาหารมื้อดึกกะจะกินแค่นิดหน่อยอยู่แล้ว หลังจากกินเสร็จ โจวเจ๋อจึงลุกขึ้นเดินไปสูบบุหรี่ที่ริมหน้าต่าง
ทนายอันส่งข้อความวีแชตมา บอกว่าพวกเขาต้องใช้เวลาเก็บงานช่วงสุดท้ายอีกพักหนึ่ง อย่างน้อยที่สุด ต้องพาสิงโตตัวนั้นกลับมา
โจวเจ๋อตอบกลับว่า ‘รับทราบ’ แล้วยื่นมือเขี่ยบุหรี่ที่ริมหน้าต่าง เมื่อสูบบุหรี่เสร็จแล้ว โจวเจ๋อจึงเดินลงไปข้างล่างเห็นเหล่าจางกับชายชราคนนั้นนั่งอยู่บนโซฟา มีน้ำชาวางอยู่ข้างหน้า
ชายชราลุกขึ้นยืน ค้อมตัวให้โจวเจ๋อเล็กน้อย ท่าทางนอบน้อมเป็นอย่างมาก โจวเจ๋อจึงพยักหน้าให้เขา หลังจากรินน้ำให้ตัวเองพร้อมกับใส่น้ำแข็งสองสามก้อน ก็เดินเข้ามานั่งลงบนโซฟาเช่นกัน
อันที่จริง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับโจวเจ๋อ ในใจของชายชรารู้สึกไม่ค่อยยินยอมอยู่เล็กน้อย คนอย่างเขาดูโหงวเฮ้งเป็น เมื่อตอนมีชีวิตก็ชอบศึกษาสิ่งนี้ หลังจากตายแล้ว จึงศึกษาเยอะขึ้น ทั้งยังมีความรอบรู้ชำนาญเรื่องค่ายกลไม่ด้อยไปกว่าสวี่ชิงหล่าง แถมสายตาและความรู้ความอ่านในด้านนี้ ยังอยู่เหนือกว่าเหล่าสวี่ไม่น้อย
เขามั่นใจว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้รับเหลนชายของเขามาอยู่ข้างกาย ไม่ว่าจะด้วยเจตนาหรือไร้เจตนา จะต้องมองคนรุ่นที่สี่ผู้กล้าแกร่งของสายเลือดเขาเป็นเกราะกำบังแน่นอน!
จริงๆ แล้ว ช่วงนี้โจวเจ๋อมีความรู้สึกเช่นนี้ ตอนแรกเยวี่ยหยาบอกว่า เหล่าจางแค่รับผิดชอบด้าน ‘ความสวยงามราวดอกไม้’ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นความถูกต้องทางการเมืองของร้านหนังสือ ในที่แห่งหนึ่ง จะมีแต่คนเห็นแก่ตัวไม่ได้ อย่างไรก็ต้องนำเสนอ ‘บุคคลที่ยอดเยี่ยม’ หรือ ‘หน่วยงานขั้นสูง’ ออกมา แบบนี้เรียกว่าอะไรนะ อ้อใช่ หนึ่งขาวปิดได้ร้อยอัปลักษณ์
ทว่าชายชราไม่สามารถเอาเรื่องนี้มาเรียกราคา หนึ่ง เขาคิดว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ตอนแรกที่รับเหลนชายของเขาเป็นยมทูต น่าจะไม่ได้คิดอะไรมาก
สอง ความกล้าแกร่งของคนรุ่นที่สี่ของครอบครัวเขามีมูลค่ามากนักเหรอ คนเขาเป็นถึงเจ้าทะเลแห่งความตาย และยังมีภูเขาไท่ซานอีกไม่ใช่เหรอ
“เกือบครึ่งปีที่แล้ว ตอนนั้นนรกเกิดเรื่องใหญ่ จู่ๆ ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งก็ฟื้นขึ้นมา ก่อกวนความสงบของนรกจนเกิดความโกลาหล ถึงแม้สุดท้ายผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นจะถูกปราบโดยยมโลกแล้ว แต่ยมโลกได้สูญเสียผู้พิพากษาและผู้ตรวจสอบไปไม่น้อยด้วยเหตุนี้ เรื่องที่เดิมทีควรมีคนจัดการ จึงไม่มีใครทำ ตัวฉันนั้น เดิมทีถูกกักบริเวณอยู่ จากนั้นก็ถูกถีบออกมาให้มาทำงาน ก่อนหน้านี้สาเหตุที่โดนกักขังบริเวณ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอันปู้ฉี่เป็นหลัก ฉันรับผิดชอบเฝ้านรกชั้นที่สิบเก้า ตอนนั้นอันปู้ฉี่แอบนำกำลังคนเข้าไป แอบเปิดกรงขังเหล่านั้น หลังจากนั้น ฉันจึงถูกทำโทษเพราะบกพร่องในหน้าที่”
เหล่าจางก้มหน้า ไม่อยากมองหน้าเถ้าแก่ของตัวเอง โจวเจ๋อหัวเราะพลางพยักหน้าเล็กน้อย
ชายชราคอยจ้องมองสีหน้าของโจวเจ๋อตลอดเวลา แต่มองอะไรไม่ออกจริงๆ จึงได้แต่พูดว่า “รายละเอียดของเรื่อง ฉันจะไปพูดกับอันปู้ฉี่เอง”
“ครับ” โจวเจ๋อยินดีและสบายใจอย่างยิ่ง
“เหลนชายของฉันคนนี้ ต้องรบกวนคุณช่วยดูแลมากๆ หน่อย”
เหล่าจางนั่งอย่างทรมาน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กไม่รู้ความนั่งน้ำมูกไหล
“แน่นอนครับ แน่นอนครับ เสี่ยวจางเป็นเด็กที่เชื่อฟังมากครับ”
“…” เหล่าจาง
“ฉันมีธุระนิดหน่อย ต้องไปจัดการ วันพรุ่งนี้ฉันค่อยมาหาอันปู้ฉี่ คุณวางใจได้ เหลนชายคนโตของฉันคนนี้อยู่กับคุณ”
โจวเจ๋อพยักหน้า “อันปู้ฉี่บอกว่าเชื่อในตัวคุณ ผมจึงเชื่อใจ”
“นิสัยคนเราเชื่อไม่ได้ สิ่งที่สามารถเชื่อได้คือความสามารถ” ชายชราจมูกแดงกลับพูดเสียงดังอย่างเปิดเผย “ตอนนั้นที่ต่อสู้กับชาวต่างชาติที่จินเหมิน ฉันก็เข้าใจหลักการนี้แล้ว”
ชายชราออกไปแล้ว เหล่าจางพาเขาออกไปด้วยกัน บอกว่าจะไปเยี่ยมลูกชายกับหลานๆ เหลนๆ โจวเจ๋อนั่งบนโซฟาข้างล่างสักพักหนึ่ง เห็นว่านักพรตเฒ่ายังไม่กลับมา จึงอาบน้ำแล้วขึ้นไปนอน
ค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบงัน จนกระทั่งตอนกลางวันวันที่สอง โจวเจ๋อถึงตื่นขึ้นมา จริงๆ แล้วเมื่อวานไม่ได้บาดเจ็บเท่าไร แต่ตอนที่รับมือกับสิงโตตัวนั้น เสียพลังจิตไปเยอะมาก ดังนั้นจึงนอนหลับนานอยู่บ้าง อิงอิงนอนข้างโจวเจ๋อ หันหลังให้โจวเจ๋อ ใส่ชุดนอนสีฟ้าอ่อน
โจวเจ๋อกลืนน้ำลาย รู้สึกกระหายน้ำเล็กน้อย เขาลุกจากเตียงไปอาบน้ำ แล้วเดินไปที่นอนที่โซฟาตรงนั้น
เหล่าสวี่กับทนายอันพวกเขากลับมาแล้ว มุมหนึ่งในชั้นหนึ่งของร้านหนังสือถูกวางด้วยสิงโตตัวนั้น มียันต์กระดาษสองสามใบแปะอยู่ข้างบน
“อีกสักพักกินข้าวกลางวันเลยนะ ผมจะทำกับข้าวง่ายๆ สองสามอย่าง” สวี่ชิงหล่างใส่ผ้ากันเปื้อนเดินออกมา เขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาตอนเช้าเช่นกัน
“อืม” โจวเจ๋อพยักหน้า ถือว่าเป็นการทักทายกัน อาศัยช่วงที่อิงอิงไปรีดหนังสือพิมพ์ โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดเวยป๋อ โฆษณาบนหน้าจอ ไม่มีหนุ่มหน้าละอ่อนหรือกิจกรรมของเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรอีก แต่กลับเป็นโฆษณา ‘ประกาศหาคู่’ ตัวเบ้อเริ่ม
รูปภาพเงาหลังของชายชราลึกลับคนหนึ่ง บนนั้นเขียนอธิบายว่า
ชื่อ: ลู่ฟ่างเวิง
เพศ: ชาย
อายุ: เจ็ดสิบเอ็ดปี
อาชีพ: นักการศึกษา นักคิด นักศาสนาศาสตร์ นักการกุศล (ยอดบริจาคเงินสะสมนับร้อยล้าน!)
ความสัมพันธ์ทางครอบครัว: ไม่มีญาติพี่น้อง
งานอดิเรก: เลี้ยงสัตว์
คำแสดงความรู้สึกประกาศหาคู่: ต้องการหาเธอ คุณที่อยู่เป็นเพื่อนผมในช่วงบั้นปลายชีวิต ผมจะมอบสิ่งที่มหัศจรรย์ดั่งน้ำค้างยามเช้าให้กับคุณ คู่สมรสทองคำที่มีศักยภาพมากที่สุดในยุคที่สุดแสนจะสวยงามของปี 2019 คุณห้ามพลาดโอกาสที่งดงามนี้เด็ดขาด!
โจวเจ๋อแอบแอดไอดีคิวคิวลงในโทรศัพท์ โอเค เป็นนักพรตเฒ่าจริงๆ ด้วย
“ฮ่าๆๆๆ เห็นแล้วใช่ไหม!”
เวลานี้ทนายอันเพิ่งเดินออกมาหลังจากล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ เมื่อเห็นโจวเจ๋อกำลังถือโทรศัพท์อยู่ในมือจึงหัวเราะแล้วพูดขึ้นทันที
“แบบนี้คุณก็ยอมจ่าย” โจวเจ๋อพูดอย่างปลงอนิจจัง การประกาศหาคู่นี้ ต้องจ่ายเงินจำนวนเท่าไร แต่ในอีกแง่หนึ่งเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า ตัวเขาไม่ให้เงินเดือนพนักงาน เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
พวกเขามีเงินเยอะแยะ ถ้าให้เงินเดือนอีก ก็เท่ากับจะไม่มีความตระหนักรู้ถึงวิกฤตเลยสักนิดจริงๆ ใช่ไหมล่ะ แล้วจะมีความก้าวหน้าได้อย่างไร
“เงินมันเฮงซวย ไม่ใช้ก็เป็นกระดาษเสีย พวกเราเป็นคนที่ตายมากว่าสิบปีแล้ว ยังมีอะไรปล่อยวางไม่ได้อีก แถมเงินในโลกมนุษย์กับเงินกระดาษในเมืองผีก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกันโดยตรงได้” ทนายอันกลับไม่แคร์ แล้วพูดติดตลกว่า ถ้าหากรู้ว่าสามารถใช้เงินบนโลกมนุษย์ซื้อน้ำใจและความโปรดปรานของไท่ซานฝู่จวินได้ จะมีคนยอมแลกโดยไม่สนใจความถูกต้องอีกเท่าไร!
โจวเจ๋อขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “นักพรตเฒ่าอาจจะไม่ชอบ”
“หลายปีที่ผ่านมา การมอบของขวัญนั้นเป็นน้ำใจ บ้านไหนบ้างที่ขาดของกินของดื่มอย่างแท้จริง สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่ความชอบของเขา แต่อยากให้เขาจดจำน้ำใจนี้ไว้ก็พอ” ทนายอันไม่อยากพูดมากเกินไป จึงเคาะโต๊ะ กล่าวว่า “เถ้าแก่ อีกประเดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอก ต้องไปเจอไอ้แก่นั่น ไอ้หมอนั่น ควรค่าที่จะรับมาอยู่ด้วย ทางเฝิงซื่อเอ๋อร์ ไม่ปลอดภัย ถ้ามีเขาอยู่ด้วย แบบนี้พวกเราก็ถือว่ามีดวงตาเพิ่มข้างหนึ่งในระดับกลางของยมโลก”
“คุณจัดการเลย”
“ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ เหล่าสวี่ ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อผมนะ อ้อใช่ ขอยืมรถของคุณหน่อย รถของผมแจ้งเสียไปเมื่อวานแล้ว” เมื่อหยิบกุญแจรถแล้ว ทนายอันจึงเอ่ยลา
“เถ้าแก่ กาแฟกับหนังสือพิมพ์เจ้าค่ะ” หลังจากอิงอิงนำของมาให้แล้วก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องครัว เพื่อเป็นลูกมือของสวี่ชิงหล่าง
เธอตั้งใจเรียนจริงๆ สวี่ชิงหล่างจึงยอมสอน
ในสายตาของเหล่าสวี่ ผีดิบสาวทำกับข้าวเป็น ตัวเองจะได้สบายขึ้นหน่อย
ในสายตาของอิงอิง อย่างตัวเธอนั้นเรียกว่าเรียนรู้วิชาจากคนที่เหนือกว่าเพื่อเอาชนะเขาอีกที!
ตอนที่โจวเจ๋อหยิบกาแฟขึ้นมาดื่มไปหนึ่งคำ ก็ได้ยินเสียงร้อง ‘เจี๊ยกๆๆ’ ดังอยู่เหนือศีรษะ เจ้าลิงน้อยร่วงมาบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามโจวเจ๋ออย่างมั่นคง ถือสมุดหยินหยางอยู่ในมือ บนสมุดหยินหยางนั้น ยังมีสัตว์วงศ์เสือและแมวสองตัว
“มีอะไร”
“เจี๊ยกๆๆๆ!!!!!” เจ้าลิงน้อยตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด พลางส่ายโทรศัพท์ไปมา จากนั้นโบกมือ
“นักพรตเฒ่าไม่ได้กลับมาเมื่อวาน?” โจวเจ๋อแปลกใจอยู่บ้าง หันตัวตะโกนเข้าไปในห้องครัว “เฮ้ นักพรตเฒ่ายังไม่กลับมาเหรอ”
“ยังเลย” สวี่ชิงหล่างเดินออกมาจากห้องครัว “เมื่อกี้ผมก็ว่าจะบอกคุณอยู่พอดี”
“แปลกจัง” โจวเจ๋อส่ายหน้า เมื่อวานอิงอิงบอกว่านักพรตเฒ่ารับสายโทรศัพท์แล้วรีบออกไป ทำไมยุ่งจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่กลับมา โจวเจ๋อจึงลองโทรศัพท์ แต่ได้รับแจ้งว่าหมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้
“ไม่ได้ไปนัดบอดจริงๆ ใช่ไหม”
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว ตัวของโจวเจ๋อยังอยากหัวเราะเอง และในเวลานี้ โทรศัพท์ของโจวเจ๋อดังขึ้น เป็นเบอร์แปลก
“ฮัลโหล สวัสดีครับ“
“ฮัลโหล ไม่ทราบว่าคุณคือคุณสวี สวีเล่อ ใช่ไหมครับ”
“ครับ ผมเองครับ”
“สวัสดีครับ พวกเราคือสถานีตำรวจสาขาย่อยฉงชวน พ่อของคุณตอนนี้อยู่กับพวกเราที่นี่ครับ เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ พวกเราพยายามสื่อสารแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง หวังว่าตัวคุณจะรีบมาที่นี่ตอนนี้ครับ”
พ่อของคุณ? แต่โจวเจ๋อนึกถึงคนคนหนึ่งทันที สูดลมหายใจเข้าลึกๆ สายตาตั้งใจมองไปที่ไม้กวาดและที่ตักผงซึ่งวางอยู่ตรงมุมฝั่งตรงข้ามเป็นพิเศษ พลางเอ่ยว่า “ครับ ผมจะไปรับคนเดี๋ยวนี้”
…
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป โจวเจ๋อเข้าไปยังสถานีตำรวจสาขาย่อยเขตฉงชวน เดิมทีเขาคิดว่านักพรตเฒ่าไปหาผู้หญิงขายบริการแล้วโดนจับ ตำรวจจึงแจ้งตัวเองให้มาเสียค่าปรับและรับคน
นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ไม่ว่าอย่างไรช่วงนี้กระแสของการไกล่เกลี่ยโดยไม่สนใจหลักการมีความรุนแรงมาก โดยเฉพาะคนที่อายุมากเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการฉ้อฉลหลอกลวงหรือว่าอะไร ก็เป็นส่วนช่วยให้ชื่อเสียงของคนแก่ไม่ได้รับความเคารพอยู่ไม่น้อย
ทว่าสิ่งที่โจวเจ๋อแปลกใจคือ เขาไม่เห็นนักพรตเฒ่าถูกใส่กุญแจมือ เห็นเพียงนักพรตเฒ่านั่งขดตัวหลบอยู่ในมุมหนึ่ง สายตาเหม่อลอย ท่าทางทึ่มทื่อไม่รู้เรื่องรู้ราว ในมือถือเสื้อไหมพรมสีแดงที่ถักได้ครึ่งหนึ่ง
……………………………………………………………………….