บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1345 ราชันเซียนที่ตกตะลึง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1345 ราชันเซียนที่ตกตะลึง

บทที่ 1345 ราชันเซียนที่ตกตะลึง

โอม~

ความผันผวนที่ไร้รูปร่างและคลุมเครือแผ่ขยายออกไปราวกับระลอกคลื่น มันไม่ได้รุนแรงนัก แต่เมื่อมันพัดผ่านร่างของสืออวี๋และคนอื่น ๆ ก็ทำให้รู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยในทันที

ด้วยการบ่มเพาะระดับนี้ พวกเขาไม่สามารถต้านทานความผันผวนดังกล่าวได้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมันแวบผ่านร่างกาย ทั้งหมดก็รู้สึกราวกับความลับในใจถูกเปิดเผย!

ความรู้สึกเช่นนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตราย แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวอย่างยิ่ง มันทำให้ราชันเซียนเหล่านี้อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าเคร่งเครียด และระมัดระวังจนถึงที่สุด

พวกเขาจ้องมองไปที่เฉินซีเป็นตาเดียว

เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่า ความผันผวนนี้แผ่ขยายออกมาจากร่างของเฉินซี!

เกิดอันใดขึ้น?

หรือว่าเฉินซีจะบาดเจ็บ?

ในขณะนี้ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเฉินซีกลับนิ่งสงบ ดวงตากระจ่างและลุ่มลึก ร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยความผันผวนคลุมเครือ ทำให้คนอื่นรู้สึกราวกับว่าคนผู้นี้เป็นเหวที่น่าสะพรึงและไม่อาจหยั่งรู้ได้

ราวกับกลายเป็นคนละคนในทันที กลิ่นอายที่ปกคลุมร่าง ก็ทำให้สืออวี๋และคนอื่น ๆ รู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ได้

ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ร่างของเฉินซีก็ขยับเล็กน้อย และก้าวเดินต่อไปหมายตั้งใจเข้าสู่ข้อกำจัดของทวยเทพครั้งต่อไป

สิ่งนี้ทำให้เตียนเตี้ยนตกตะลึง และตั้งใจคว้าตัวเขาไว้

เพราะนางตระหนักดีว่า การเข้าสู่ข้อจำกัดของทวยเทพเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ สืออวี๋และคนอื่น ๆ ยังต้องพึ่งพาศิลาเบญจรงค์ที่อยู่ในความครอบครองของสืออวี๋ เพื่อต้านการโจมตีที่น่าหวาดหวั่นภายในข้อจำกัดอันศักดิ์สิทธิ์

แล้วเฉินซีก็อยู่ในขอบเขตเซียนทองคำเท่านั้น ดังนั้นหากสัมผัสพลังแห่งข้อจำกัดศักดิ์สิทธิ์แม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นเถ้าถ่านและพินาศทันที!

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เตียนเตี้ยนจะเคลื่อนไหว นางก็ถูกหยุดโดยสืออวี๋และเซียงหลิวหลีเสียก่อน

“ช้าก่อน!”

“น้องชายเฉินซีตัวน้อยจะไม่เป็นอะไร!”

ทั้งสองกล่าวพร้อมกัน เพราะจู่ ๆ พวกเขาสังเกตเห็นว่า ในทันทีที่เฉินซีก้าวเข้าสู่ข้อจำกัดลำดับที่เก้า ข้อจำกัดของราชันเต่าก็สำแดงพลังด้วยตัวมันเอง!

ราวกับข้อจำกัดนั่นต้อนรับเฉินซีเข้ามา…

เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดดังกล่าว ทำให้สืออวี๋ เซียงหลิวหลี เตียนเตี้ยน และมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ตกตะลึง ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนในฐานะราชันเซียน พวกเขาก็ไม่อาจเข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้โดยสิ้นเชิง

โอม!

คลื่นความผันผวนดังกึกก้อง ในช่วงเวลาต่อมา ภาพตรงหน้าพวกเขาก็วูบไหว และเข้าสู่ข้อจำกัดราชันเต่าแล้ว

ข้อจำกัดราชันเต่าเป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์จำนวนนับไม่ถ้วน อย่างราชันเต่าเฮอร์คูเลียน

ราชันเต่าจอมพลังอ้างว่าเป็นบรรพบุรุษของ ‘ชือโหยวผู้ป่าเถื่อน’ และทุก ๆ ตัวต่างปกครองพื้นที่สองหมื่นห้าพันลี้ ตามตำนาน พวกมันสามารถเคลื่อนไหวในขณะที่แบกโลกใบใหญ่เอาไว้ ทั้งยังมีความแข็งแกร่งที่ไร้ขอบเขตและดุร้ายอย่างไม่มีใครเทียบได้

มันมีกระทั่งราชันเต่าที่แท้จริง ซึ่งมีสายเลือดของเทพอยู่ด้วย และความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ต่างไปจากเทพที่แท้จริง

ถ้าเป็นเช่นเมื่อก่อน สืออวี๋และคนอื่น ๆ คงไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ดุเดือดได้หลังจากมาถึงที่นี่

บัดนี้ เมื่อมาถึงภายในข้อจำกัดราชันเต่าภายใต้การนำของเฉินซี ก็สังเกตเห็นด้วยความประหลาดใจว่า ก่อนที่พวกเขาจะโจมตี ราชันเต่าจอมพลังทั้งหมดที่อยู่ในทะเลทรายอันไร้ขอบเขตก็ล้มลง ในขณะที่เสียงร้องอันโศกเศร้าดังก้องไปรอบ ๆ และเลือดก็ย้อมท้องฟ้าจนเป็นสีแดงฉาน!

เมื่อมองจากระยะไกล มันก็เหมือนกับมือไร้รูปร่างที่แวบผ่านทะเลทราย และทุกที่ที่มันผ่านไป ไม่มีใครสามารถทนกับพลังอันหนักหน่วงของมันได้!

เหตุการณ์นี้ทำให้สืออวี๋และคนอื่น ๆ ตกตะลึงทันที

แท้จริงแล้ว ด้วยความสามารถในปัจจุบันและดวงจิตแห่งเต๋า พวกเขาได้ประสบกับเหตุการณ์ที่น่าตกใจและอันตรายทุกประเภทในสามภพ แต่เหตุการณ์ตรงหน้ากลับเกินความคาดหมายไปมากนัก

เพราะถึงอย่างไร นี่คือข้อจำกัดของทวยเทพ มันทำให้แม้แต่ราชันเซียนต้องเผชิญกับอันตรายนับไม่ถ้วนเมื่อเข้าไปในนั้น และต้องก้าวเดินอย่างระมัดระวัง เพราะเกรงว่าความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจะนำหายนะมาสู่ตน

แต่ใครจะคาดคิดว่า ข้อจำกัดของเหล่าทวยเทพที่พวกเขามองว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว จะถูกกำจัดออกไปอย่างง่ายดายในเวลานี้

เป็นเพราะความแตกต่างนี้มากเกินไป จนสืออวี๋และคนอื่น ๆ ตกตะลึงและแปลกใจ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ข้าก็ไม่รู้”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าน้องชายเฉินซีตัวน้อยเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ปกปิดความแข็งแกร่งเอาไว้?”

สืออวี๋และคนอื่น ๆ ทั้งประหลาดใจและงุนงง ทั้งสี่พูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา เพราะในขณะนี้ พวกเขาก็ถูกลดสถานะให้กลายเป็นผู้ชมไปแล้ว…

มีเพียงเตียนเตี้ยนเท่านั้นที่เม้มริมฝีปากและนิ่งเงียบ ดวงตาสุกใสและงดงามจ้องมองเฉินซี ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง

นางเดาได้ราง ๆ ว่าบางทีนี่อาจเป็นการเตรียมการของหลียาง ศิษย์น้องหญิงคนเล็กของเขาเทพพยากรณ์ หรือบางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนั้น…

โอม!

คลื่นความผันผวนอันแปลกประหลาดดังก้องกังวาน ก่อนที่สืออวี๋และคนอื่น ๆ จะได้ข้อสรุปจากการสนทนา พวกเขาก็ออกจากข้อจำกัดของราชันเต่าและกลับมาสู่ทางเดินหินแล้ว

คราวนี้ เฉินซีเดินต่อไปยังข้อจำกัดของทวยเทพถัดไปทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวบนทางเดินหิน…

ดังนั้นในช่วงเวลาต่อมา สืออวี๋และคนอื่น ๆ พลันรู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง พวกเขาผ่านข้อจำกัดครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างง่ายดายภายใต้การนำของเฉินซี ง่ายยิ่งกว่าการเป่าฝุ่นเสียด้วยซ้ำ

ในระหว่างนี้ สายตาของสืออวี๋และคนอื่น ๆ ที่จ้องไปที่เฉินซี ก็เริ่มพิกลมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ใช่เพราะเกรงจะเป็นการรบกวน พวกเขาคงจับคนผู้นี้มาซักถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว

แน่นอนว่า เมื่อเทียบกับความสงสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ความสุขและความตื่นเต้นอันไร้ขอบเขตก็พลุ่งพล่านอยู่ในหัวใจของพวกเขาทั้งหมด

“เดิมทีข้ากังวลว่า เราจะล่าช้ากว่ากลุ่มของซุ่ยเหรินถิงไปหนึ่งก้าว พวกมันอาจได้รับวิธีการกลายเป็นเทพจากเทวาคารบรรลุเทพก่อนเรา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความกังวลของข้าจะไม่จำเป็นอีกต่อไป” สืออวี๋หัวเราะลั่น

“ถูกต้องแล้ว ก่อนหน้านี้หลังจากที่เราเข้าสู่ภูมิภาคบรรลุเทพ เราก็มองข้ามการดำรงอยู่ของน้องชายเฉินซีตัวน้อยไป เรามุ่งเน้นไปที่การจัดการกับอันตรายต่าง ๆ ตอนนี้บทบาทได้เปลี่ยนไปแล้ว เขากลายเป็นผู้นำ และเรากลายเป็นผู้ชมที่ไม่มีอะไรให้ทำ”

เซียงหลิวหลียิ้มบาง ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แต่คำกล่าวนี้เผยให้เห็นความประหลาดใจ ความชื่นชม และความสุขอย่างไร้ขอบเขต

“มันไม่ใช่แค่พวกเจ้าหรอกนะ แค่ที่เด็กคนนี้กล้าบุกตะลุยจนมาถึงภูมิภาคบรรลุเทพ มันทำให้ข้าตกใจมากจริง ๆ และข้าก็กำลังคิดว่าจะพาเขาออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร แต่กลายเป็นว่าเด็กคนนี้กลับช่วยพวกเราได้มากจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ! เรื่องราวในโลกนี้เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริง ๆ”

มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์หัวเราะเสียงดังสะเทือนฟ้าดิน จะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อข้อจำกัดภายในตำหนักบรรลุเทพไม่อาจคุกคามเขาได้แม้แต่น้อย?

“อย่าลืมสิ ว่าเฉินซีเคยใช้กระบี่เต๋าวิบัติเพื่อช่วยเราเมื่อครั้งที่ติดอยู่ในค่ายกลศักดิ์สิทธิ์พินาศเต๋าแห่งเก้าวิบัติสวรรค์ในวันนั้น” เตียนเตี้ยนแย้มยิ้ม รู้สึกภูมิใจกับผลงานของเฉินซียิ่งนัก

“โอ้? มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริงหรือ?” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ไม่ทราบเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงประหลาดใจอย่างยิ่ง

สืออวี๋เล่าสถานการณ์ในเวลานั้นทันที และทำให้มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์อุทานอย่างไม่สิ้นสุด สายตาที่จ้องมองเฉินซีก็เปลี่ยนไป

ขณะที่พูดคุยกัน พวกเขาก็ผ่านข้อจำกัดมากมายภายใต้การนำของเฉินซี ยิ่งไปได้ไกลเท่าใดก็ยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น ตอนนี้พวกเขาเหมือนเป็นเพียงกลุ่มนักเดินทางที่มาเที่ยวชมอุทยานก็ไม่ปาน สายตาสอดส่องมองดูทิวทัศน์ระหว่างการสนทนา

หากราชันเซียนคนอื่น ๆ เห็นเหตุการณ์นี้ ก็คงจะโกรธจนแทบกระอักเลือดอย่างแน่นอน เพราะข้อจำกัดของทวยเทพที่คนเหล่านั้นรู้สึกว่าน่ากลัวราวกับหุบเหว แท้จริงพวกเขากลับผ่านไปอย่างง่ายดาย

“จริงสิ แม่นางรัตติกาล หรือที่เจ้าพาน้องเฉินซีมาด้วย เป็นเพราะเจ้าคาดการณ์เรื่องทั้งหมดนี้ไว้แล้ว”

สืออวี๋เอ่ยถามขึ้นมาทันที และเป็นครั้งที่สองแล้วที่ถามคำถามเช่นนี้ ครั้งแรกเป็นตอนที่เฉินซีใช้กระบี่เต๋าวิบัติทำลายค่ายกลศักดิ์สิทธิ์พินาศเต๋าแห่งเก้าวิบัติสวรรค์

แต่ตอนนี้ เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่า กลิ่นอายที่คลุมเครือที่ห่อหุ้มเฉินซีอยู่นั่น ไม่ใช่พลังของกระบี่เต๋าวิบัติ แต่มันมหัศจรรย์ยิ่งกว่านั้น ราวกับเกิดมาเพื่อต่อต้านข้อจำกัดของทวยเทพ!

สิ่งนี้ทำให้สืออวี๋สงสัยว่า เฉินซีได้เตรียมตัวมา เพื่อจัดการกับสถานที่อันตรายนี้โดยเฉพาะ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียงหลิวหลีและมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ต่างมองเตียนเตี้ยนเป็นตาเดียว

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เตียนเตี้ยนตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า นางไม่สามารถปกปิดสิ่งใดได้อีกต่อไป จึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้จักเฉินซีมากนัก และเหตุผลที่ข้าพาเขามาด้วย เป็นเพราะสหายคนหนึ่งขอมา”

“ใครหรือ?” จิตใจของสืออวี๋ และคนอื่น ๆ รู้สึกกระชุ่มกระชวยทันที และเผยสีหน้าใคร่รู้ออกมา

“หลียาง ศิษย์น้องหญิงคนเล็กของเขาเทพพยากรณ์” เตียนเตี้ยนตอบอย่างง่ายดาย

หลียางแห่งเขาเทพพยากรณ์!

ทันใดนั้น สืออวี๋ก็เข้าใจทุกสิ่งทันที หากเป็นเช่นนี้ นี่ก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้แล้ว

“หรือเฉินซีจะเป็นศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์?” เซียงหลิวหลีไม่ทราบตัวตนของเฉินซี ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะถาม

สืออวี๋อธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสมรภูมินอกพิภพให้เซียงหลิวหลีฟังทันที “ไม่น่าแปลกใจที่ท่านอาจารย์มักกล่าวเสมอว่า หากในแง่ของความเข้าใจที่ลึกซึ้งที่สุดเกี่ยวกับสวรรค์ เขาเทพพยากรณ์ย่อมเป็นอันดับหนึ่งในสามภพ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาเทพพยากรณ์จะคู่ควรกับชื่อเสียงนี้จริง ๆ”

คนอื่น ๆ ถอนหายใจอย่างไม่มีสิ้นสุดเช่นกัน

ในบรรดาสามนิกายสูงสุดนั้น เขาเทพพยากรณ์มีศิษย์น้อยที่สุด แต่ทุกคนมีความแข็งแกร่งที่ลึกลับและน่าเกรงขามที่สุด ทั้งเป็นเรื่องยากที่จะพบร่องรอยของพวกเขาในโลก

ในขณะที่ตำหนักเต๋าหนี่หวามีชื่อเสียงในด้าน ‘เคล็ดวิชาเต๋า’ ว่ากันว่ามีเคล็ดวิชาที่หายากและลึกซึ้งมากมายมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลจนถึงปัจจุบัน

สำหรับนิกายอำนาจเทวะก็ชัดเจน พวกเขาไล่ตามเต๋าแห่งไร้ความรู้สึก ตัดอารมณ์และความปรารถนาทั้งหมด ทั้งยังเป็นหนึ่งในสามนิกายสูงสุดที่มีศิษย์มากที่สุด

ทันใดนั้น เฉินซีก็หยุดเคลื่อนไหวฉับพลัน

เพราะพวกเขามาถึงเบื้องหน้าข้อจำกัดลำดับที่สามสิบหกภายในตำหนักบรรลุเทพโดยไม่รู้ตัว และมันเป็นข้อจำกัดสุดท้ายในตำหนักบรรลุเทพ!

ตราบใดที่สามารถผ่านมันไป พวกเขาก็จะไปถึงเทวาคารบรรลุเทพ!

สืออวี๋และคนอื่น ๆ เงียบเสียงลง ความสนใจถูกย้ายไปที่เฉินซีที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

“อย่างนี้นี่เอง มีคนอยู่ในข้อจำกัดลำดับที่สามสิบหกสินะ” เซียงหลิวหลีสามารถคาดเดาถึงสาเหตุที่เฉินซียืนนิ่งได้ราง ๆ จากนั้นความแค้นและความเป็นปฏิปักษ์ในตัวก็แล่นสู่หัวใจของนาง “อาจเป็นกลุ่มของนิกายอำนาจเทวะ!”

ทันทีที่สิ้นคำ แววตาของสืออวี๋ เตียนเตี้ยน และมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันใด จิตสังหารพวยพุ่งอย่างไม่คิดปิดบัง!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท