ตอนที่ 1469 สู้รบ
เจียงไหวเซิงคำนวณเวลาและความเร็วของเรือไว้หมดแล้ว หากพวกเขาออกเดินทางตอนนี้พวกเขาจะเผชิญหน้ากับเรือของตงอี๋ช่วงกลางดึกพอดี พวกเขาจะลอบขึ้นไปบนเรือของตงอี๋โดยใช้ความมืดในการอำพรางตัว จากนั้นสังหารแม่ทัพใหญ่ของตงอี๋เสีย
ต่อมาหลิวซูเฉิงจะสั่งให้ทหารแย่งเรือรบของตงอี๋มา จากนั้นล่อเรือรบของตงอี๋ไปยังจุดดักโจมตีบนเกาะยาวที่หลิวซูเฉิงพาชาวประมงไปสำรวจก่อนหน้านี้ ให้เรือรบของตงอี๋พุ่งชนโขดหินของที่นั่นจนขยับไปที่ใดไม่ได้ ถึงเวลานั้น…ทหารเรือของต้าโจวจะแสดงพลังการรบของตัวอย่างเต็มที่
สหายของหลิวซูเฉิงวิ่งไปหาหลิวซูเฉิงทันทีที่ได้รับรายงาน ทว่า หลิวซูเฉิงนั่งเรือเล็กออกไปแล้วเขาจึงได้แต่ตะโกนอยู่บนหัวเรือเสียงดังลั่น “แม่ทัพหลิว! กลับมาให้ได้นะ!”
หลิวซูเฉิงหันกลับไปมองทางต้นเสียง แสงสีแดงของดวงอาทิตย์ยามอัสดงส่องกระทบร่างของหลิวซูเฉิง เขายืนโค้งกายคำนับสหายของตัวเองอยู่บนเรือเล็กด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
หากเขาไม่ตาย…เขาจะพาทหารเรือยอดฝีมือที่เป็นลูกของแม่และบิดาของคนอื่นเหล่านี้กลับไปให้ได้
เรือเล็กของต้าโจวพบกับเรือรบของตงอี๋กลางทะเลที่เงียบสงัดในช่วงกลางดึกอย่างที่คาดการณ์ไว้จริงๆ หลิวซูเฉิงสั่งให้ทหารเรือทุกคนดำลงไปใต้น้ำ จากนั้นว่ายไปยังเรือรบของตงอี๋อย่างระมัดระวัง
ทหารเรือยอดฝีมือของต้าโจวคือทหารเรือที่เก่งกาจที่สุดของกองทัพเรือ พวกเขาทำตามคำสั่งของหลิวซูเฉิงอย่างรวดเร็ว พวกเขาแบ่งเป็นกลุ่มละสิบคนได้ทั้งหมดสิบกลุ่ม จากนั้นว่ายกระจายไปยังเรือรบทั้งสี่ลำของตงอี๋ กลุ่มของหลิวซูเฉิงว่ายไปยังเรือรบหลักของตงอี๋
ทหารเรือกลุ่มหนึ่งของต้าโจวรออยู่ที่เดิม เมื่อสังหารแม่ทัพใหญ่ เผาและแย่งเรือรบหลักของตงอี๋มาได้สำเร็จ พวกเขาจะขึ้นไปบนเรือลำนั้นเพื่อหลอกล่อเรือรบลำอื่นของตงอี๋ไปยังจุดดักซุ่มโจมตีที่เกาะยาว หากทหารเรือยอดฝีมือแย่งเรือมาได้ไม่สำเร็จ ทหารกลุ่มที่รออยู่ที่เดิมจะปรากฏตัวให้ทหารเรือของตงอี๋เห็นและล่อพวกเขาไปยังสถานที่ดักซุ่มโจมตี
หลิวซูเฉิงสั่งการพวกเขาก่อนจากไปว่าไม่จำเป็นต้องรอทหารเรือที่เหลือ เมื่อทหารเรือตงอี๋เห็นพวกเขาให้พวกเขารีบหลอกล่อเรือของตงอี๋ไปยังจุดดักซุ่มโจมตีโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นหากทหารเรือยอดฝีมือกลุ่มอื่นแย่งเรือมาไม่สำเร็จทุกคนอาจจบชีวิตอยู่ที่นี่ทั้งหมด
ทหารเรือยอดฝีมือของต้าโจวสวมชุดสีดำที่ระบายน้ำได้ดี พวกเขาใช้อุปกรณ์พิเศษผูกติดไว้กับเรือ จากนั้นค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนเรือทีละคนและแนบตัวเองเข้าไปเรือ
น้ำทะเลในตอนกลางคืนหนาวเย็นมาก เมื่อกลุ่มของหลิวซูเฉิงโผล่ขึ้นเหนือน้ำ พวกเขาก็รีบปีนขึ้นเรืออย่างรวดเร็วราวกับเสือปีนภูผา แววตาของหลิวซูเฉิงเด็ดเดี่ยวและมั่นคง เขาพาทหารอีกห้าคนก้าวขึ้นไปบนเรือ
หลิวซูเฉิงวางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยหมดแล้ว แม้พวกเขาจะเป็นทหารหน่วยกล้าตาย ทว่า พวกเขาไม่ได้มาตาย นอกจากกลุ่มทหารที่ส่งไปแย่งเรือรบแล้ว เขายังแบ่งทหารแต่ละกลุ่มไปแย่งเรือกู้ภัยเล็กบนเรือรบด้วย หากพวกเขาแย่งเรือรบมาไม่ได้ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีเรือกู้ภัยเล็กให้หลบหนี เช่นนี้โอกาสรอดของพวกเขาก็จะยิ่งมากขึ้น
ทหารอีกห้าคนแนบตัวอยู่ข้างลำเรือนิ่งเพื่อรอฟังคำสั่งต่อไปจากหลิวซูเฉิง
พวกเขาทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองดีว่าพวกเขามาทำภารกิจนี้เพื่อให้ต้าโจวสูญเสียน้อยที่สุด ต่อให้พวกเขาต้องตายพวกเขาก็จะทำภารกิจให้สำเร็จให้ได้
แม่ทัพเจียงไหวเซิงกล่าวว่าพวกเขาล้วนเป็นลูกของแม่ เป็นบิดาของเด็กคนอื่น การที่พวกเขายินดีใช้ความสามารถทั้งหมดที่ตัวเองมีเสี่ยงตายเป็นด่านหน้าเช่นนี้จะทำให้แม่และเด็กของต้าโจวเหล่านั้นสูญเสียลูกและบิดาของตัวเองน้อยลง
การเสียสละของพวกเขาจะทำให้ต้าโจวแข็งแกร่งกว่าเดิม จะทำให้ต้าโจวเป็นแคว้นที่ศัตรูไม่กล้ารุกรานอีกต่อไป เมื่อทำลายล้างตงอี๋ได้สำเร็จ ชาวบ้านของต้าโจวจะมีชีวิตอยู่ในใต้หล้าที่สงบสุข
แม่ทัพเจียงไหวเซิงกล่าวว่าการเสียสละของพวกเขามีความหมายมาก การเสียสละของพวกเขาจะทำให้ลูกๆ ของพวกเขาไม่ต้องเสียสละอีกในวันข้างหน้า ลูกๆ ของพวกเขาจะไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในยุคที่มีแต่สงครามเช่นนี้อีก
ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงไม่คิดที่จะรอดกลับไป พวกเขาคิดเพียงว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จก่อนตายเท่านั้น
พวกเขาอาจต้องจากพ่อแม่ของตัวเองไปก่อนอย่างอกตัญญู ทว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนคุ้มค่าที่จะเสียสละ
บนเรือของตงอี๋ในเวลานี้มีเพียงทหารเรือที่อยู่เวรของตงอี๋เท่านั้น ทหารเรือคนอื่นต่างนอนพักเอาแรงกันหมด เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การลอบโจมตียิ่งนัก
เมื่อได้ยินเสียงผิวปากจากบนเรือ ทหารอีกห้าคนที่แนบตัวอยู่ข้างลำเรือรีบปีนขึ้นไปบนเรือทันที พวกเขารีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดทหารเรือของตงอี๋ที่ถูกสังหาร จากนั้นโยนศพของทหารเหล่านั้นลงไปในทะเล
ทว่า พวกเขาไม่สามารถปกปิดผมที่เปียกโชกของตัวเองได้จึงได้แต่หลบซ่อนตัวจากทหารเรือตงอี๋เท่านั้น
หลิวซูเฉิงมองทหารเรือคนอื่นจากนั้นกล่าวขึ้น “แยกย้ายไปทำตามแผนการ เมื่อภารกิจสำเร็จอย่าคะนองศึกเด็ดขาด รีบถอนตัวทันที! ทุกคน…ต้องรอดกลับมานะ!”
“ท่านแม่ทัพไม่ต้องเป็นห่วง หากชาตินี้เราไม่ได้พบหน้ากันอีก ชาติหน้าข้าจะขอเกิดมาติดตามท่านแม่ทัพอีกขอรับ!” ทหารเรือโค้งกายคำนับหลิวซูเฉิง
ขอบตาของหลิวซูเฉิงร้อนผ่าว เขาตบไหล่ลูกน้องของตัวเองเบาๆ “แยกย้ายไปทำตามหน้าที่ได้”
ไม่นานทั้งสิบคนจึงแยกย้ายกันไปทำตามแผนการของตัวเองบนเรือรบของตงอี๋
หลิวซูเฉิงสวมหมวกเกราะ จากนั้นพาทหารเรืออีกสามนายวิ่งเข้าไปในตัวเรืออย่างรวดเร็ว หน้าที่ของพวกเขาคือสังหารแม่ทัพใหญ่ของตงอี๋ หลิวซูเฉิงที่พอรู้โครงสร้างของเรือรบของตงอี๋มาบ้างเดินหาตำแหน่งห้องของแม่ทัพใหญ่ตามความทรงจำของตัวเอง
ทว่า หลิวซูเฉิงยังหาคนไม่พบ ไม่รู้ว่าทหารเรือยอดฝีมือคนใดของพวกเขาถูกทหารบนเรือรบอีกลำจับได้ ตอนนี้เกิดเสียงสู้รบขึ้นแล้ว…
เสียงแตรและกลองศึกดังสนั่นกลางทะเลบริเวณนั้น
“รายงาน…” ทหารเรือตงอี๋วิ่งไปรายงานตามห้องพักต่างๆ
หลิวซูเฉิงและทหารเรืออีกสามนายหลีกทางให้ทหารส่งสาร พวกเขาก้มหน้าซ่อนใบหน้าของตัวเองเอาไว้ เมื่อเห็นทหารผู้นั้นวิ่งเข้าไปด้านในหลิวซูเฉิงจึงส่งสัญญาณให้คนที่เหลือลอบตามไปห่างๆ
ทหารเรือที่นอนพักอยู่ในห้องต่างวิ่งหยิบดาบและธนูของตัวเองออกไปนอกตัวเรือทันทีที่ได้ยินเสียงแตรศึก ทว่า พวกเขาเห็นคนสี่คนวิ่งเข้าไปในตัวเรือ
“พวกเจ้าสี่คน…” นายร้อยตะโกนออกมาเป็นภาษาตงอี๋ “จะไปที่ใด พวกเจ้าคิดหนีสงครามอย่างนั้นหรือ!”
หลิวซูเฉิงพอฟังภาษาตงอี๋รู้เรื่องเล็กน้อย ทว่า เขากล่าวภาษาตงอี๋ไม่เป็น ทหารเรืออีกสี่นายที่อยู่ด้านหลังหลิวซูเฉิงยิ่งไม่ต้องกล่าว หลิวซูเฉิงตัดสินใจในทันที “ไป…”
“นี่! พวกเจ้าอยู่หน่วยใดกัน พวกเจ้าสี่คนที่วิ่งไปด้านในน่ะ!” นายร้อยกำดาบที่เอวแน่นพลางเดินตามไป “หากไม่หยุดข้าจะสังหารพวกเจ้า!”
ทว่า ทั้งสี่คนก็ยังไม่หยุดอยู่ดี นายร้อยเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล เขาชักดาบออกมาพลางตะโกนลั่น “จับสี่คนนั้นไว้ให้ได้!”
ทหารเรือที่กำลังวิ่งไปด้านนอกได้ยินคำสั่งจึงรีบหันไปทางพวกของหลิวซูเฉิงทันที
หลิวซูเฉิงรีบวิ่งเข้าไปด้านใน จากนั้นจึงเห็นทหารส่งสารคนเมื่อครู่…