ตอนที่ 676 เจอกันอีกแล้วเทพเจ้าน้ำเฟิงปั๋ว
จู่ๆ เฉวียนจิ่งก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด ทำเอาเฉวียนอันตกใจจนขาอ่อนแรงไปหมด รีบไปเรียกฉินหลิวซีมา ซักถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “พึ่งจะกินผลไม้ล้ำค่านี้ไป นายน้อยก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด นี่เป็นผลไม้พิษหรือ”
สายตาที่เขาจ้องมองฉินหลิวซีแฝงไว้ด้วยความอาฆาต
“เฉวียนอัน อย่าเสียมารยาท” เฉวียนจิ่งเช็ดเลือดที่มุมปาก จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซี พลางเอ่ย “ไม่เป็นไร จู่ๆ ก็รู้สึกไม่สบายท้องเล็กน้อย จึงอาเจียนออกมา”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเลือดสีดำบนพื้น จับข้อมือของเขามาจับชีพจร เลิกคิ้ว “ยังอยากอาเจียนอยู่หรือไม่ อาเจียนออกมาอีกสักหน่อยดีหรือไม่”
ทันใดนี้นเฉวียนอันก็สีหน้ามืดครึ้ม
เฉวียนจิ่งกลับมองดูเลือดสีดำบนพื้นอย่างครุ่นคิด เอ่ย “พออาเจียนเลือดออกมา กลับทำให้ข้าดีขึ้นเล็กน้อย”
“คุณชาย ท่านหมายความว่าอย่างไร”
เฉวียนจิ่งเอ่ยตอบ “หลังจากที่อาเจียนเลือดออกมา ร่างกายของข้ากลับรู้สึกสบายตัวขึ้นเล็กน้อย เป็นผลมาจากผลไม้นี่หรือ”
ฉินหลิวซียิ้มนิ่งๆ พลางเหลือบมองเฉวียนอัน เอ่ย “ข้าบอกแล้วว่าคุณค่าของผลไม้นี้คือชะล้างไขกระดูก ไม่ได้ล้อเล่น”
เฉวียนอันหน้าแดง รีบหยิบกล่องหยกออกมาแล้วยื่นให้ เอ่ยว่า “คุณชาย กินอีกสักสองสามผลแล้วอาเจียนออกมาอีกสักหน่อยเถิด บางทีอาจจะอาเจียนพิษออกมาได้”
เฉวียนจิ่ง “!”
เจ้าตระหนี่ต่อไปจะดีกว่า
ฉินหลิวซีกดกล่องหยก เอ่ย “กินวันละหนึ่งถึงสองผลก็พอแล้ว หากกินมากก็จะเป็นเช่นนี้ อีกอย่างต่อให้เจ้าทานเป็นกระบุง เจ้าก็ไม่สามารถอาเจียนพิษออกมาได้หมด มิเช่นนั้นข้าจะลำบากลำบนไปหาศัตรูมาปราบมดคันไฟถอนพิษให้เจ้าทำไม หากง่ายเช่นนั้นก็คงดี”
เฉวียนจิ่งก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น หากง่ายเพียงนั้น เช่นนั้นเขาก็คงโชคดีมากจริงๆ กินผลไม้สักสองสามผล อาเจียนออกมาเป็นเลือดหลายรอบก็สามารถถอนพิษได้ จะสบายเกินไปแล้ว “ผลไม้นี้สามารถควบแน่นชี่และบำรุงร่างกาย ทำให้ร่างกายของเจ้าไม่อ่อนแอมากนัก การที่อาเจียนสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกมาได้ นับว่าเป็นความน่ายินดีที่ไม่คาดคิด” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อว่า “เงินนี้ใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่า กินเป็นอาหารบำรุงเถิด”
“ไม่มีแล้ว” ฉินหลิวซีแบมือ “เขาไปแล้ว ข้าบอกไปแล้วว่าหากพลาดไปจะไม่มีอีกแล้ว”
เฉวียนอันตาโต ไปเร็วขนาดนี้เชียวหรือ
เขาอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างอีก แต่เฉวียนจิ่งยกมือขึ้น เอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “ไม่เป็นไร หากยังมีอีก ขอท่านเจ้าอาวาสน้อยช่วยเหลือไว้ให้ข้าด้วยสักหน่อยเถิด”
“ไม่คิดว่าแพงไปหรือ”
“ไม่ได้ขาดแคลนเงินเล็กน้อยแค่นี้!”
ฉินหลิวซียกนิ้วโป้ง “สมแล้วที่เป็นคุณชายคนโตของตระกูลเฉวียน ใจใหญ่จริงๆ!”
เฉวียนจิ่ง “?”
กำลังแซะข้าอยู่กระมัง
เฉวียนจิ่งมองไปยังเลือดสีดำบนพื้น เอ่ยกับเฉวียนอันว่า “รีบไปเอาน้ำมา จัดการสิ่งสกปรกเหล่านี้ให้สะอาด”
ห้องเต๋านี้เรียบหรูและสบาย ไม่ควรมีสิ่งสกปรกเลยจริงๆ
“ไม่ต้องหรอก” ฉินหลิวซีท่องคาถาวิชาชำระสิ่งสกปรก กองเลือดนั่นหายไปในชั่วพริบตา สะอาดขึ้นมาทันที
นายบ่าวสองคนตกตะลึงพูดไม่ออก จ้องมองพื้นราวกับคนโง่
เฉวียนจิ่งเอื้อมมือไปสัมผัสโดยไม่รู้ตัว ไม่เหลือแล้วแม้แต่น้อย สะอาดจนไม่มีแม้แต่ฝุ่น มองไปยังฉินหลิวซี นางทำสิ่งนี้ได้อย่างไร
เฉวียนอันเหม่อลอย เขาบอกแล้วว่าเห็นผี
“เพียงวิชาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก”
กำลังโอ้อวดอยู่แน่ๆ เหมือนกับมุกที่บอกว่าเกลื่อนกลาดเต็มถนนนั่น
เฉวียนจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ศาสตร์ทั้งห้าของเสวียนเหมิน ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
ฉินหลิวซียิ้ม ชี้ไปยังพระสูตรบนกำแพง “ปฏิบัติเต๋าเถิด สงบจิตใจ”
เฉวียนจิ่งพยักหน้า หลังจากที่ฉินหลิวซีออกไปแล้ว จึงมองไปยังเฉวียนอันพลางเอ่ย “ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่อนุญาตให้สงสัยท่านเจ้าอาวาสน้อย อย่าว่าแต่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเลย แม้ว่าจะสูญเสียชีวิต มันก็เป็นชะตากรรมของข้า ไม่เกี่ยวกับคนอื่น”
เฉวียนอันตัวสั่น “คุณชาย…”
“เดิมทีชีวิตข้าใช้ชีวิตวันต่อวัน ในเมื่อได้พบเจ้าอาวาสน้อย และนางก็ได้รับเรื่องของข้าแล้ว ข้าย่อมเชื่อในตัวนางอย่างหมดจด” เฉวียนจิ่งเอ่ยต่อ “อีกอย่างโอกาสรอดชีวิตของข้าได้ปรากฏขึ้นแล้ว เจ้าเห็นแล้วหรือไม่”
เขาชี้ไปยังตำแหน่งที่พึ่งอาเจียนออกมาเป็นเลือด
การอาเจียนเป็นเลือดสามารถขับพิษที่เจือปนอยู่ออกมาได้บ้าง ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีไม่ใช่หรือ
ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ที่มีความสามารถ และได้ค้นพบศัตรูปราบมดคันไฟแล้ว การฟื้นตัวอยู่ใกล้แค่เอื้อม
เฉวียนอันเงียบอยู่นานก่อนจะเอ่ย “ผลไม้นี้อย่างเดียวราคาหมื่นตำลึง หากรักษาหายได้จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าใด จะต้องไปตรวจสอบจำนวนเงินที่ฝากไว้ที่ร้านรับฝากเงินสักหน่อย หากไม่พอก็ต้องส่งข้อความกลับไปให้ท่านแม่ทัพผู้เฒ่าส่งเงินมาให้”
เฉวียนจิ่ง “…”
ปฏิบัติเต๋าอย่างจริงใจจะดีกว่า
ฉินหลิวซีให้เถิงเจานำกล่องหยกที่มีผลไม้ห้าผลไปส่งให้ทางด้านของตู้เหมี่ยน ในขณะที่ตัวเองไปหารังเก่าสองรังที่ได้มาจากการค้นวิญญาณซาหยวนจื่อ
ที่แรก หุบเขาที่มีควันหลงเหลืออยู่ บ้านและหญ้าโดยรอบถูกเผาจนหมดสิ้น ไม่เหลืออะไรเลย สะอาดหมดจด ราวกับฟ้าผ่าลงมาที่นี่ ไม่เหลือกลิ่นอายอะไรเลย
ส่วนอีกที่หนึ่ง กลับเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ไม่ได้ถูกเผา แต่ข้างในนอกจากข้าวของเครื่องใช้ของเกษตรกรก็ไม่มีอย่างอื่นอีก ตามที่คนในหมู่บ้านบอก อาจารย์ศิษย์คู่นั้นไม่ค่อยปรากฏตัว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลับมาครั้งสุดท้ายเมื่อหลายปีก่อน
ฉินหลิวซีพบเพียงพระสูตรสองเล่ม แล้วก็ได้หวีมาจากโต๊ะเครื่องแป้ง ดึงผมหนึ่งเส้นออกมาจากหวี แล้วใช้วิชาดึงดูดวิญญาณในทันที
จากนั้น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในสถานการณ์เช่นนี้หากไม่ใช่เพราะไม่มีดวงวิญญาณแล้วก็คงถูกจองจำ แต่ดวงวิญญาณของชื่อเจินจื่อยังอยู่ แต่กลับไม่ตรงกับเส้นผมและดวงวิญญาณของร่างที่ถูกขโมย ดังนั้นจึงดึงดูดมาไม่ได้
นางไม่ได้คิดว่านี่เป็นเส้นผมของซาหยวนจื่อ เพราะเขาอยู่ที่อารามเต๋า หากนี่เป็นเส้นผมของเขาก็ต้องดึงดูดมาได้แล้ว
ดังนั้นจึงเป็นได้เพียงเส้นผมของร่างที่ชื่อเจินจื่อทอดทิ้งไว้
หนีไปเร็วเสียจริง
หรือบางทีพลังงานของกระดูกพุทธะนั้นผันผวน จึงได้ดึงดูดซื่อหลัวมาแล้วหรือไม่
หากเป็นเช่นนั้น แล้วชื่อเจินจื่อถูกเขาเก็บไว้ใช้งานหรือฉีกเป็นชิ้นๆ เล่า
ปวดหัวเล็กน้อย
เมื่อฉินหลิวซีนึกถึงสองคนนี้ ก็รู้สึกว่าท้ายทอยปูดบวม มีความรู้สึกกระสับกระส่ายที่ต้องการจะทำลายล้างโลก
หลังจากท่องคาถาสงบใจอย่างเงียบๆ นางก็มองไปรอบๆ ห้อง ไม่พบอะไรอื่นอีก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยืมเส้นทางหยินไปที่ทะเลสาบลวี่หูในอวี๋หัง เดินอย่างสบายๆ ไปที่ศาลเทพเจ้าน้ำ
เวลานี้ใกล้จะภพค่ำแล้ว ด้านหน้าศาลเทพเจ้าน้ำได้รับการซ่อมแซมอย่างเห็นได้ชัด ยังคงมีคนมาสักการะอยู่ ฉินหลิวซีมองไปรอบๆ พลางเลิกคิ้วเล็กน้อย
ตระกูลเหยียนช่างรู้จักจัดการเสียจริง ตั้งแผงขายของเล็กๆ ไว้ข้างศาลเทพเจ้าน้ำ ขายพวกธูปเทียนที่ใช้สำหรับสักการะ เพียงแต่พ่อค้ากลับดูกำยำ รูปร่างสูงใหญ่ ช่องว่างระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้มีรอยหยาบกร้าน ส่วนล่างมั่นคง ดูก็รู้ว่าเป็นวรยุทธ์
ไม่ใส่ใจในการปลอมตัวเอาเสียเลย อย่างน้อยก็ไปหาปัญญาชน ขายธูปเทียนเหล่านี้พลางช่วยคนเขียนจดหมายไปด้วย ล้วนดีกว่าคนผู้นี้ที่มองดูก็รู้ว่าเป็นวรยุทธ์กระมัง
หากมีคนคิดจะตรวจสอบ เกรงว่าจะตรวจสอบพบว่าตระกูลเหยียนได้จัดเตรียมให้คนผู้นี้มาเฝ้าอยู่ที่หน้าศาลเทพเจ้าน้ำ ตั้งใจจะทำอะไรกัน
ฉินหลิวซีเดินเข้าไป ซื้อธูปหนึ่งกำมือ เดินไปที่หน้าศาลเทพเจ้าน้ำอย่างช้าๆ ท่าทางสบายใจภายใต้สายตาเพ่งพินิจของพ่อค้าผู้นั้น จุดธูปแล้วปักลงบนกระถางธูปบนพื้นซึ่งล้อมรอบด้วยก้อนกรวดที่เรียงเป็นทรงสี่เหลี่ยม
“ท่านเจ้าอาวาสน้อย ไยท่านจึงมีเวลามาที่นี่” เทพเจ้าน้ำเฟิงปั๋วปรากฏร่างที่แท้จริงออกมาจากรูปปั้นดิน มีความยินดีเป็นอย่างมาก