บทที่ 1417 สงสัย
บทที่ 1417 สงสัย
“นายน้อยมาตั้งนานแล้ว” เป็นไปได้ไหมว่าซ่อนตัวอยู่ข้างนอกแล้วไม่ยอมเข้ามา ท่านอาจารย์เลี่ยวมองซ้ายมองขวา เมื่อครู่ตอนที่เขาส่งแม่นางสองคนนั้นกลับไป ก็ไม่เห็นรถม้าของนายน้อย
“เกิดอะไรขึ้น” เสิ่นเหวินเจวี้ยนไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านอาจารย์เลี่ยวพูด
ท่านอาจารย์เลี่ยวและฉางกุ้ยมองหน้ากัน สายตาของทั้งสองคนมีความประหลาดใจอย่างไม่น่าเชื่อ
“นายน้อย เมื่อครู่ลูกค้าที่มาซื้อของ ก่อนจากไปนางก็พูดเหมือนกับนายน้อย ไม่ต่างกันแม้แต่คำเดียวเลย” เมื่อฉางกุ้ยได้ยินเสิ่นเหวินเจวี้ยนพูดก็ประหลาดใจมาก
เสิ่นเหวินเจวี้ยนฟังแล้วก็มองท่านอาจารย์เลี่ยวที่พยักหน้า ในใจรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที “โอ้ จริงหรือ”
ท่านอาจารย์เลี่ยวพยักหน้า “ถูก นางพูดเหมือนกับที่นายน้อยพูดจริง ๆ”
“นายน้อย ท่านรู้หรือไม่ว่าลูกค้าคนนั้นยังเป็นแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ท่าทางอายุประมาณสิบสองสิบสามปี แต่อย่ามองว่านางอายุน้อย แต่ละคำที่พูดออกมาล้วนจริงใจยิ่งนัก” ฉางกุ้ยพูดพลางถอนหายใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เสิ่นเหวินเจวี้ยนก็แปลกใจมาก หญิงสาวอายุเท่านี้ แต่ชอบผ้าสีเทาผืนนั้น
“นางซื้อกลับไปให้ผู้อาวุโสที่บ้านหรือ” เสิ่นเหวินเจวี้ยนถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ใช่ ได้ยินว่านางซื้อกลับไปทำเสื้อผ้าให้พี่สาว และบังเอิญว่าพี่สาวของนางก็อยู่ที่นี่ด้วย พี่สาวของนางอายุประมาณสิบกหกสิบเจ็ด” อาจารย์เลี่ยวพูด
แม่นางสองคนนี้ทำให้เขาประหลาดใจมากจริง ๆ
อย่ามองว่าอายุน้อย แต่กลับมีความคิดเป็นของตนเอง นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าจะใส่เสื้อผ้าธรรมดา แต่มีนิสัยใจคอที่ไม่สามารถทำให้คนมาดูหมิ่นได้
เมื่อเสิ่นเหวินเจวี้ยนได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับเด็กหญิงอายุเพียงสิบสามปี แต่กลับมีสายตาเฉียบแหลมเช่นนั้น “รู้ไหมว่าเป็นคนตระกูลไหน”
ท่านอาจารย์เลี่ยวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “ไม่รู้สิ พวกนางดูเหมือนไม่ใช่คนในเมืองหลวง นางบอกว่าของที่ท่านเก็บไว้เป็นสมบัติล้ำค่าของเมือง ต้องเอาไปปักสักหน่อย ข้าคิดว่าเป็นไปไม่ค่อยได้ เลยไม่ได้พูดอะไร”
“ผ้าผืนนั้นบางเหมือนปีกจักจั่น” เสิ่นเหวินเจวี้ยนชี้ไปที่ผ้าผืนนั้นแล้วพูด
ฉางกุ้ยพยักหน้า “ใช่ ผืนนั้นแหละ ครั้งที่แล้วข้ายังบอกว่าแม่นางคนนั้นพูดจาไร้สาระ ผ้าบางขนาดนั้นจะปักลวดลายลงไปได้อย่างไร”
เสิ่นเหวินเจวี้ยนพยักหน้า เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มได้จึงพูดว่า “ได้ ถ้าหากแม่นางน้อยคนนั้นมาอีกครั้ง ต้องรั้งไว้ให้ดี ๆ แม่นางผู้นั้นสายตามีแวว ข้าอยากพบนางจริง ๆ”
เด็กขนาดนั้น แต่กลับมีสายาตาเฉียบแหลมยิ่งนัก หาได้ยากจริง ๆ
อยากจะพบนางจริง ๆ
ท่านอาจารย์เลี่ยวเห็นว่าเสิ่นเหวินเจวี้ยนสนใจขนาดนั้นก็พยักหน้าตอบตกลง รอให้พวกนางกลับมาอีกครั้ง ต้องถามให้รู้ว่าพวกนางมาจากตระกูลใด
ฉางเซิงนำผ้าออกมาจำนวนไม่น้อยเลย เสิ่นเหวินเจวี้ยนและท่านอาจารย์เลี่ยวตรวจสอบของเสร็จ จากนั้นก็เอาของไปเก็บในโกดังก่อนที่จะออกจากร้านขายผ้าจิ่นซิ่วไป
…
เมื่อกู้เสี่ยวหวานมาถึงสวนชิง ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
กู้เสี่ยวอี้เอาผ้าผืนนั้นมากอดไว้ในอ้อมแขนเหมือนสมบัติล้ำค่าโดยไม่ยอมให้ใครแตะต้องมัน นางกอดผ้าผืนนั้นไว้แล้วเดินเข้าไปในสวนชิง
เมื่อกู้ฟางสี่เห็นท่าทางของกู้เสี่ยวอี้ที่กอดผ้าผืนนั้นอย่างดีอกดีใจ ในใจก็รู้สึกงงเล็กน้อย “หญิงสาวตระกูลอื่นล้วนชอบผ้าสีแดง สีเขียว สีเหลืองพวกนั้น ทำไมเจ้าถึงซื้อผ้าสีเทาแบบนี้มาล่ะ น่ากลุ้มใจจริง ๆ เลย”
กู้เสี่ยวอี้พูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านอา ท่านอย่างทิ้งผ้าผืนนี้เชียวนะ รอข้าตัดชุดออกมาให้ท่านพี่เสร็จสักชุดก่อน แล้วจะเก็บไว้ให้ท่านดูว่าชุดนี้มันงดงามมากแค่ไหน”
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวอี้มั่นใจมาก กู้ฟางสี่และกู้เสี่ยวหวานจึงปล่อยนางไป
หลังจากเข้ามาในสวนชิง ทุกคนทำความสะอาดมือและกินข้าวจนเสร็จ กู้เสี่ยวอี้ก็กอดผ้าสีเทาผืนนั้นไว้แล้วเดินเข้าไปในห้อง
กู้เสี่ยวหวานจึงตามนางเข้าไปในห้อง
ภาพร้อยโชคถูกวางไว้ในห้อง และส่วนใหญ่ถูกปักเรียบร้อยแล้ว
ผ้าไหมมีความนุ่มและละเอียดอ่อน ทุกฝีเข็มและด้ายทุกเส้นที่ปักไว้บนนั้น มันจะดึงและทำให้ผ้าไหมเปลี่ยนรูป ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วจะไม่ปักบนผ้าไหมที่มีพื้นที่กว้างมากนัก
แต่ผ้าไหมนั้นบางเหมือนปีกจักจั่น ผ้าไหมที่ไม่ได้ย้อมสีเช่นนั้นมีความโปร่งใส สิ่งที่ปักอยู่บนนั้นดูเหมือนจะลอยอยู่ในอากาศราวกับไม่มีผ้ารองอยู่
กู้เสี่ยวหวานตั้งใจดูภาพร้อยโชคนั้น กู้เสี่ยวอี้ตั้งใจปักทุกจุดอย่างละเอียด ทุกจุดมีความแข็งแรงเท่ากัน ผ้าทุกจุดไม่มีรอยยับ ทุกฝีเข็มเรียบเหมือนโปร่งใส ไม่มีรอยยับย่นสักจุดเลย
นี่คือการทดสอบทักษะการปักผ้าของหญิงสาว
งานปักของกู้เสี่ยวอี้นั้นยอดเยี่ยมมาก กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขมากที่ได้เห็นมัน
“เสี่ยวอี้ ภาพร้อยโชคนี้เจ้าปักได้งามมาก แม้ว่าจะปักตัวอักษร แต่พื้นผิวของผ้าก็ยังคงเรียบและเป็นระเบียบ”
กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจ
น้องสาวคนนี้มีพรสวรรค์ในด้านเย็บปักถักร้อยจริง ๆ โชคดีที่ตอนนั้นให้นางได้เรียนรู้การเย็บปักถักร้อยจากพี่สะใภ้ฝูและเยว่เหนียง มิฉะนั้นคงจะน่าเสียดายมากที่สูญเสียต้นกล้าที่ดีเช่นนี้ไป
“ท่านพี่ ปักภาพร้อยโชคนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลาและแรงมาก ไม่สามารถทำเร็วได้ และทำได้แค่ค่อย ๆ ปัก แต่ว่าท่านพี่ ข้าต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อที่จะทำชุดนี้ออกมาให้ท่าน ข้ารอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นว่าถ้าท่านพี่ใส่ชุดนี้แล้วจะเป็นอย่างไร” กู้เสี่ยวอี้ยิ้มหวาน
กู้เสี่ยวหวานสงสัยและอดไม่ได้ที่จะถาม “เสี่ยวอี้ เจ้าชอบเสื้อสีเทามากขนาดนี้ เจ้าคิดว่าถ้าข้าใส่แล้วจะงามหรือ”
กู้เสี่ยวอี้พยักหน้า “ท่านพี่เชื่อข้าเถอะนะ ข้าแค่คิดก็รู้แล้วว่ามันต้องงดงามแน่นอน ถึงตอนนั้นพี่ใหญ่ฉินต้องมองจนตาค้างแน่ ๆ”
กู้เสี่ยวอี้ยิ้มกว้างจนมุมปากถึงหู กู้เสี่ยวหวานก็ฟังที่นางพูดและยอมให้นางวัดตัวเพื่อตัดเสื้อ
หลังจากที่วัดตัวเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวอี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ กู้เสี่ยวหวานจึงกำชับนางว่าอย่าหักโหมเกินไปจนร่างกายรับไม่ไหว จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็กลับห้องของตัวเองไป
พอกลับถึงห้องก็ได้พบกับคนผู้หนึ่งที่ไม่ได้เจอกันมาหลายวัน
พอเปิดประตู โคมไฟในห้องก็ถูกเปิด ทำให้ห้องสว่างขึ้นมา ตอนที่กู้เสี่ยวหวานเข้าไปก็เห็นอาจั่วยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าแปลก ๆ
กู้เสี่ยวหวานมองนาง จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไป และทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากในห้อง “หวานเอ๋อร์ เข้ามาสิ”