บทที่ 1418 ยกทุกอย่างให้เจ้า
บทที่ 1418 ยกทุกอย่างให้เจ้า
เขาคือฉินเย่จือ
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเสียงจากในห้อง นางก็คลี่ยิ้มแล้วรีบเปิดประตูเดินเข้าไป “พี่เย่จือ”
ช่วงนี้ฉินเย่จือไม่ได้อยู่ที่สวนชิง กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าเขายุ่งมาก คิดว่าเขายุ่งกับเรื่องร้านที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้เขาดูแลจึงไม่ได้ถามอะไรมาก แต่คิดไม่ถึงว่าคืนนี้เขาจะกลับมาแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงดีใจมาก
หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องอย่างช้า ๆ ทีละก้าว และเห็นไข่มุกราตรีอยู่ข้างใน มันส่องสว่างไปทั่วห้องเหมือนเวลากลางวัน ชายในชุดดำที่ปล่อยผมยาวสลวยยืนอยู่กลางห้องโดยหันหลังให้นางอยู่
เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวของกู้เสี่ยวหวาน เขาจึงหันมามองผู้หญิงที่โฉบเข้ามาอย่างน่าหลงใหล เขาอ้าแขนและสวมกอดนางด้วยความรักอย่างเต็มอ้อมแขน “หวานเอ๋อร์”
กู้เสี่ยวหวานถูกกอดอยู่ในอ้อมแขน ลมหายใจที่คุ้นเคยก็พัดผ่านหน้า ทำให้นางรู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก ก่อนเขย่งปลายเท้าและยื่นริมฝีปากสีดอกกุหลาบไป “พี่เย่จือ”
ริมฝีปากสีดอกกุหลาบอันอวบอิ่ม เหมือนน้ำผึ้งหยดเดียวในท่ามกลางผู้คน ทำให้เขาหยุดไม่ได้
เป็ดยวนยางเล่นน้ำอาลัยรักที่ฝั่งตรงข้าม กินน้ำผึ้งเพลินจนลืมกลับบ้าน มันหวานเหมือนน้ำตาล เขาดูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่าในใจและความเหงานั้น
หลายวันแล้วที่ไม่ได้มาหาลูกแมวน้อย กลิ่นของลูกแมวตัวนี้ทำให้เขารู้สึกหลงใหลอีกครั้ง
ไม่ง่ายเลยกว่าจะปล่อยริมฝีปากของลูกแมวน้อยนี้ ฉินเย่จือยังคงแตะริมฝีปากของนางเป็นครั้งคราว “หวานเอ๋อร์ เจ้าช่างหวานเหลือเกิน”
คำพูดหวาน ๆ ที่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน กู้เสี่ยวหวานก็หน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะความเขิน
“พี่เย่จือ”
ไม่ง่ายเลยกว่าทั้งสองจะยอมผละออกจากกัน
เมื่อสักครู่ฉินเย่จือฟุ้งซ่านมากจนเกือบลืมความตั้งใจที่มาที่นี่ จึงรีบพูดกับกู้เสี่ยวหวาน “หวานเอ๋อร์ เจ้ามานี่สิ”
หวานเอ๋อร์งงกับท่าทางของเขา จากนั้นก็เห็นกล่องหลายใบตั้งอยู่ด้านหน้า กู้เสี่ยวหวานแปลกใจ “นี่คืออะไร”
“ของขวัญงานหมั้น” สายตาของฉินเย่จือสว่างไสวขึ้นเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน มันช่างสดใสและอ่อนโยนยิ่งนัก
“ของขวัญงานหมั้น?” กู้เสี่ยวหวานแปลกใจ “ท่านให้ของขวัญงานหมั้นแล้วไม่ใช่หรือ”
ถึงแม้จะเป็นเพียงกล่องเล็ก ๆ แต่ว่าของที่อยู่ข้างในเป็นสมบัติล้ำค่า
โฉนดบ้าน โฉนดที่ดิน เงิน และยังมีไข่มุกราตรีที่ล้ำค่า
ลองคิดดู แต่งงานกับองค์หญิงคนหนึ่ง เกรงว่าของพวกนี้ก็เพียงพอแล้ว
ทำไมถึงยังมีของขวัญงานหมั้นอีก
“ครั้งก่อนข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ หนทางยาวไกลไม่สะดวกที่นำของมา รอให้ถึงเมืองหลวงก่อนแล้วข้าจะชดเชยทุกอย่างให้เจ้า นี่เป็นของส่วนหนึ่ง ต่อไปทุกครั้งที่ข้ากลับมา ข้าจะเอาของขวัญมาให้เจ้า”
กู้เสี่ยวหวานเปิดกล่องใบหนึ่ง ทั้งกล่องเต็มไปด้วยทองคำ เงิน เครื่องประดับและหยก
เครื่องประดับบนศีรษะทำมาจากทองคำ เงิน และหยก ล้วนเป็นรูปแบบที่ทันสมัย ถ้าหากนำออกมาตามอำเภอใจ เกรงว่ามันจะหายได้
กล่องต่อไปไม่ใช่เพียงแค่เงิน แต่เป็นทองคำและเงินที่ส่องแสงเปล่งประกาย ยังมีกล่องเล็ก ๆ อีกหนึ่งใบที่เต็มไปด้วยเศษเงิน
ฉินเย่จือพูดอย่างเอาอกเอาใจ “เมื่อถึงเมืองหลวงแล้วย่อมมีเรื่องมากมายให้จัดการ เงินพวกนี้เจ้าพกติดตัวไว้ บางทีมันจำเป็นต้องใช้”
กู้เสี่ยวหวานอยากจะต่อว่าเขาไม่หยุด
ผู้ชายที่อบอุ่นแบบนี้ ทำให้คนแทบอยากเป็นเจ้าทึ่ม
ให้ทุกสิ่งที่นางต้องการ บางครั้งนางก็คิดว่าชาติที่แล้วนางทำสิ่งดี ๆ อะไรไว้ หรือช่วยทางช้างเผือกเพื่อแลกกับการที่ให้นางทะลุมาเกิดใหม่อีกครั้ง อีกทั้งยังให้นางได้มาพบกับชายหนุ่มที่รูปงามเช่นนี้ได้
เอาอกเอาใจ ละเอียดอ่อน เป็นห่วงเป็นใย
ราวกับว่าเรื่องโชคดีในโลกนี้ถูกนางหาพบแล้ว
กู้เสี่ยวหวานมองดูกล่องพวกนั้นที่เต็มไปด้วยสิ่งของอยู่สักพักและไม่ได้พูดอะไร ฉินเย่จือนึกว่าตนเองทำให้นางตกใจจึงรีบพูดขึ้น “เจ้าวางใจได้ หวานเอ๋อร์ ของพวกนี้ล้วนเป็นของที่สะอาดและบริสุทธิ์ เจ้าสบายใจได้”
“พี่เย่จือ ท่านไปเอาของมากมายขนาดนี้มาจากที่ใด”
เงินทองและของขวัญงานหมั้นครั้งที่แล้วเป็นกอง ๆ ครั้งนี้เป็นทองคำกับเงินเป็นกล่อง ๆ ต้องมีทรัพย์สินในบ้านมากมายขนาดไหนกันถึงจะซื้อของมากมายได้เช่นนี้
อีกทั้ง…
“พี่เย่จือ ท่านไม่อยากเก็บอะไรไว้หรือ ท่านยกให้ข้าหมด แล้วเมื่อถึงเวลาท่านจะทำอย่างไรกับสินสอดที่ให้ข้าล่ะ”
กู้เสี่ยวหวานถามอย่างกังวล ถามอย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้
เมื่อฉินเย่จือได้ยินก็ยิ้มเบา ๆ และพูดหยอกล้อ “หวานเอ๋อร์กำลังกังวลว่าข้าจะแต่งกับเจ้าไม่ได้หรือ”
“ท่านทำให้ข้าอยากอาหารได้มากขนาดนี้ ของขวัญยาวสิบลี้เป็นของขวัญที่ประเมินค่าไม่ได้ เมื่อถึงเวลา ท่านจะให้สินสอดแบบไหน ข้าก็ชอบทั้งนั้น” กู้เสี่ยวหวานแสร้งเป็นลำบากใจแล้วพูดว่า “ถ้าข้าไม่พอใจกับสิ่งที่ท่านให้ ข้าก็จะไม่แต่งกับท่าน”
“หวานเอ๋อร์ของข้าอยากได้สินสอดแบบไหน ขอเพียงหวานเอ๋อร์ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นดวงดาวบนท้องฟ้า ข้าก็จะไปเอามาให้เจ้า” เมื่อฉินเย่จือได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่แต่งกับเขา ในใจก็รู้สึกดำดิ่งไปชั่วขณะ เขารีบดึงกู้เสี่ยวหวานเข้ามากอดแล้วพูดอย่างร้อนใจ
เมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นตระหนกของฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มเบา ๆ “ข้าไม่ได้ต้องการดวงดาวบนท้องฟ้า”
“แล้วหวานเอ๋อร์ต้องการอะไร” ฉินเย่จือถามอย่างกังวล
“อืม ไกลสุดขอบฟ้า ใกล้อยู่แค่ตา” พูดจบกู้เสี่ยวหวานก็หน้าแดงและรีบเข้าไปใกล้อ้อมแขนที่แข็งแรงของฉินเย่จือ พลางฟังเสียงหัวใจของเขา “ข้าไม่เอาอะไรทั้งนั้น ขอแค่ชั่วชีวิตนี้ท่านดีกับข้าก็ถือว่าเป็นของขวัญสินสอดที่ดีที่สุดแล้ว”
ฉินเย่จือได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกวางใจมากขึ้น
หลังจากวางใจ ก็ต้องตกใจอีกครั้ง
“หวานเอ๋อร์ ขอเพียงเป็นสิ่งที่ข้าหามาให้เจ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์วิมาน แม่น้ำ เป็นคู่รักชั่วชีวิต หรือความรักที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าทองคำ ข้าก็จะให้เจ้า ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง เครื่องประดับหรือเสื้อผ้าอาหาร ทุกอย่างที่ข้ามี ข้าก็จะให้เจ้า” ฉินเย่จือพูดอย่างหนักแน่น
“ข้ามอบทุกอย่างที่ข้ามีให้เจ้า เพียงเพื่อแลกกับที่ได้เจ้ามาหนึ่งคน หวานเอ๋อร์ เจ้าเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดหรือไม่”
ข้ามอบทุกอย่างให้เจ้าเพื่อให้เจ้าแต่งกับข้า ให้เจ้าแน่ใจและรู้สึกว่าเจ้าเลือกคนไม่ผิด
ข้ามอบทุกอย่างให้เจ้า เพื่อที่หลังจากเจ้าแต่งกับข้าแล้ว ให้เจ้ารู้สึกว่าเลือกแต่งถูกคน รักถูกคน ในตอนที่เจ้าโกรธข้า เจ้าสามารถไล่ข้าออกจากบ้านได้ ไม่ใช่นั่งร้องไห้เช็ดน้ำตาคนเดียว ไม่ใช่ให้เจ้าคิดว่าแต่งผิดคนและรักผิดคน