ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 221 นางเป็นคนเอาแต่ใจเช่นนี้!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 221 นางเป็นคนเอาแต่ใจเช่นนี้!

บทที่ 221 นางเป็นคนเอาแต่ใจเช่นนี้!

หลิงเยว่ที่ถูกเหน็บแนมกำลังจะเอ่ยปาก บังเอิญนางเหลือบไปเห็นว่าศิษย์ที่ตะโกนโหวกเหวกโดนกำปั้นของใครบางคนกระแทกจนลอยกลายเป็นดาวตกพุ่งออกนอกประตูสำนักไปแล้ว

“เจ้าคิดตนเองเป็นใคร มีความสามารถนักหรือ ถึงกล้ามาเรียนสุราปราบมารของอาจารย์หลิง?”

ซีชางเหลือบตามองพร้อมกับเอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไป กระดูกซี่โครงของคนผู้นั้นก็ดังลั่น คาดว่ากระดูกคงหักไปแล้วเป็นแน่!

เสียงกรีดร้องนั้นทำให้เหล่าศิษย์ขนหัวลุกไปตาม ๆ กัน ศิษย์หลายคนที่รวมกลุ่มกันอยู่พลันกระจายหนีไป

“พวกโง่เง่า! แม้แต่โอสถทั่วไปยังกลั่นยากเย็นแสนเข็ญ คิดอยากจะเรียนสุราปราบมารอย่างนั้นหรือ?” หญิงสาวในชุดสีชมพูเหลือบตามองซีชางอย่างมีนัย แล้วตบหน้าลูกศิษย์ที่วิ่งผ่านนางไปอย่างแรงด้วยมือข้างหนึ่ง นางคว้าคอเสื้อของเขาไว้และตบหน้าที่บวมปูดของเขาด้วยมืออีกข้าง พูดจาเสียงดังลั่นด้วยน้ำเสียงเสียดสีว่า “เจ้ามันไม่คู่ควร!”

คำเสียดสีของหญิงสาวทำให้ซีชางเกือบจะระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่ยังอดกลั้นไว้ได้

ในที่สุดก็มีโอกาสได้แสดงฝีมือแล้ว จะให้หญิงสาวคนนี้มาทำลายโอกาสไม่ได้เด็ดขาด!

“ท่านอาจารย์ช่วยข้าด้วย มีผู้ใดไม่รู้กำลังฆ่าคน!” ลูกศิษย์ที่เหน็บแนมหลิงเยว่เมื่อครู่ถูกลากออกมาซ้อมทีละคน สภาพที่น่าเวทนาทำให้เหล่าลูกศิษย์ที่เป็นผู้ชมอยู่นั้นต่างหวาดกลัว…

พวกไร้ประโยชน์พึ่งพาชื่อเสียงในตระกูลก่อความวุ่นวายในสำนัก สมควรแล้วที่แม้แต่โอสถทั่วไปก็ยังกลั่นไม่ได้ ช่างน่าอับอายเสียจริง!

ศิษย์ที่กล้าด่าเพียงในใจ พอเห็นซีชางพาคนเดินมาทางนี้ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วสลายตัวไปทันที

“พอแล้ว ๆ อย่าต่อยตีกันเลย” เมื่อครู่หลิงเยว่ได้ยินเรื่องราวพวกนั้นแล้วค่อนข้างโกรธ สุราสร้างรากฐานและอาหารวิญญาณพิเศษเป็นสิ่งของของนาง ดังนั้นแล้ว หากนางอยากจะสอนผู้ใดก็ย่อมได้ พวกเขาจะยุ่งอะไรด้วย?

แม้ว่าพวกเขาจะกลั่นสุราปราบมารได้จริง แต่ถ้าปราศจากสมุนไพรวิญญาณพิเศษที่นางหามาให้ แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรได้เล่า?

หลิงเยว่ไม่พอใจยิ่งนัก นางจึงไม่อยากรับศิษย์เพิ่มอีกแล้ว แต่ก่อนจะไปนางยังไม่ลืมให้คำแนะนำกับซีชางอีกสองสามประโยค เสร็จแล้วจึงพาหัวหน้าตะขาบมรกตหนีไป

นางเป็นคนเอาแต่ใจเช่นนี้!

“ความจริงถ้าจะให้พูด ข้าว่าไม่จำเป็นต้องมองหาเพียงศิษย์พวกนั้น” เถาวั่งขวางทางหลิงเยว่ แต่นางกลับไม่ได้สะทกสะท้าน “จริงอยู่ที่ศิษย์หนุ่มสาวนั้นมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ว่าอาจารย์ยังไม่ได้แก่จนเลอะเลือน และไม่ได้หัวโบราณนัก เจ้ายังพอพิจารณาพวกเขาได้”

หลิงเยว่ถึงกับหัวเราะออกมา นั่นสิ! นางคิดไม่ถึงได้อย่างไรกัน?

เมื่อเทียบกับลูกศิษย์ที่นางไม่รู้จักมักคุ้นกับเหล่าอาจารย์ในสำนักที่คอยปกป้องนางอย่างสุดความสามารถแล้ว แน่นอนว่าอาจารย์เหล่านั้นย่อมน่าเชื่อถือมากกว่า

เมื่ออาจารย์ได้รับความรู้แล้ว ท่านจะสอนลูกศิษย์หรือไม่ย่อมไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป นางแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ

“พวกท่านอยากเรียนจริงหรือ?” แน่นอนว่าหลิงเยว่มองออก ผู้อาวุโสเถาวั่งกับบรรดาอาจารย์ที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองฮั่วหยางต่างแสดงความสนใจในอาหารวิญญาณพิเศษ ทว่าอาจารย์ท่านอื่นดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจนัก

เมื่อก่อนตอนที่นางสอน มีเพียงไม่กี่วันที่เหล่าอาจารย์มาเฝ้าดูการปฏิบัติของนาง แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่มาอีกเลย

“ข้าเป็นตัวแทนมาเจรจากับเจ้า” เถาวั่งพูดจบก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา มีชื่อของอาจารย์ต่าง ๆ เขียนอยู่ โดยอันดับที่หนึ่งคือ… จานโจว นี่มันไม่ใช่ชื่อจริงของท่านอาจารย์ใหญ่หรอกหรือ?

ในรายชื่อไม่เพียงแต่จะมีชื่ออาจารย์ อายุ และขอบเขตการบำเพ็ญ แต่ยังมีภูมิหลังของตระกูลระบุไว้อย่างชัดเจน และที่ข้าง ๆ ยังมีรูปวาดลักษณะของแต่ละคนเอาไว้ หลิงเยว่ถึงกับกระตุกมุมปาก

ในไม่ช้า นางจะได้ลูกศิษย์คนใหม่เป็นนักกลั่นโอสถขั้นกลาง ขั้นสูง และระดับที่ใกล้เคียงกับปรมาจารย์แห่งการกลั่นโอสถอีกเป็นร้อยคน ชั่วขณะนั้นในใจของหลิงเยว่กำลังสับสน แต่เพราะอาจารย์เหล่านี้ยอมวางตัวว่าเป็นลูกศิษย์ให้กับนางซึ่งเป็นนักกลั่นโอสถพิเศษขั้นที่หนึ่ง นางจะต้องสอนให้ดีที่สุด!

แต่ตอนนี้สมุนไพรวิญญาณของนางยังไม่ได้เพาะปลูก ถึงแม้ว่ามันจะโตเต็มที่แล้วก็ยังไม่สามารถอธิบายที่มาของสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ได้ หากสมุนไพรวิญญาณของนางสามารถดัดแปลงเป็นสมุนไพรธรรมดาและซ่อนคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นเมื่อกลั่นได้ เพื่อลวงสายตา กลิ่น และความรู้สึกของนักกลั่นโอสถก็เพียงพอแล้ว

“ระบบ เจ้ามีหนทางหรือไม่?!”

ระบบผู้ยิ่งใหญ่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้หรือไม่?

[เคล็ดวิชาหมื่นชีวางอกเงย มีวิชาพรางตัวในหมวดหมู่สมุนไพรสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่เจ้าต้องการได้]

“!!!”

หลิงเยว่รีบพลิกเปิดเคล็ดวิชาดูทันที และพบวิชาพรางตัวอยู่ท่ามกลางสุดยอดของวิชาต่าง ๆ

วิชาพรางตัวขั้นต้น จะช่วยให้สมุนไพรวิญญาณพิเศษสามารถพรางตัวเป็นสมุนไพรวิญญาณชนิดอื่นที่มีขั้นต่ำกว่าได้ วิชาพรางตัวขั้นกลาง ช่วยให้สมุนไพรวิญญาณพิเศษสามารถพรางตัวเป็นสัตว์อสูร ส่วนวิชาพรางตัวขั้นสูงนั้น ยิ่งเก่งกาจเพราะสามารถพรางตัวเป็นสรรพสิ่งในโลกนี้ได้ทั้งหมด รวมถึง… มนุษย์ด้วย และเมื่อพรางตัวเป็นสิ่งใดก็ตาม สมุนไพรวิญญาณพิเศษขั้นสูงนั้นก็จะได้รับพลังบางส่วนของสิ่งนั้นมาด้วย

ช่างยอดเยี่ยมนัก!

หลิงเยว่มุ่งเน้นแต่การฝึกวิชาเร่งการเจริญเติบโตและวิชาปรสิต จนลืมวิชาอื่น ๆ ในเคล็ดวิชาไปเสียสนิท

“วิชาพรางตัวขั้นต้น จะหลอกท่านอาจารย์ใหญ่ได้หรือไม่?”

[ไม่ได้]

[แต่หลอกลูกศิษย์ของเจ้าได้]

หลิงเยว่นิ่งไปชั่วขณะ หากรู้ล่วงหน้าคงไม่รับอาจารย์เป็นศิษย์ การหลอกลวงย่อมยากเป็นธรรมดา นางจึงต้องคิดหาวิธีอื่นต่อไป

หลังจากกล่าวลาผู้อาวุโสเถา หลิงเยว่ก็กลับไปที่มิติของหัวหน้าตะขาบมรกต จากนั้นจึงเริ่มต้นภารกิจการเพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณทันที ถุงเมล็ดพันธุ์สมุนไพรวิญญาณมากมายกองเป็นภูเขา เหล่าฝูงตะขาบรกตต่างเข้ามาเฝ้าดูด้วยด้วยความประหลาดใจ บางตัวถึงกับอ้าปากค้าง

“พวกเจ้าอย่าคิดจะแตะต้องมันนะ!”

หลิงเยว่ช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์สมุนไพรวิญญาณราคาแพงราวกับไล่ต้อนแมลงวัน จากนั้นก็ยืนอยู่ท่ามกลางผืนดินธาตุน้ำแข็ง โปรยเมล็ดพันธุ์ไปทั่วผืนดินสีขาวที่ยังมีไอเย็นจับอยู่ ในขณะที่เมล็ดพันธุ์ตกลงบนผืนดิน สองมือพลางร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว

แล้วเมล็ดพันธุ์ก็งอกเงยขึ้นมา

สิ่งนั้นทำให้ฝูงตะขาบมรกตรู้สึกตื่นตาตื่นใจ พวกมันเก็บปีกแล้วตกลงสู่พื้น เดินเข้าใกล้ต้นอ่อนสมุนไพรอย่างลังเลและมีความสงสัยฉาบอยู่ในดวงตา

แปลกจริง พวกมันเคยกินสมุนไพรมานับไม่ถ้วน กินจากต้นที่เกิดจากดินธาตุน้ำแข็งก็ไม่น้อย ทว่าสมุนไพรเหล่านี้กลับมีเพียงต้นอ่อนที่มีใบเล็ก ๆ สองใบเท่านั้น ใบหนึ่งเป็นธาตุน้ำแข็งสีขาว อีกใบกลับเป็นธาตุไฟสีแดง แต่เส้นใบกลับเป็นธาตุไม้!

หัวเล็ก ๆ ของตะขาบมรกตปรากฏเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ขึ้นมาทันที

“ท่านหัวหน้า! รีบมาดูเถิด สิ่งเหล่านี้คือสมุนไพรวิญญาณชนิดใดกัน พวกข้าไม่เคยกินเลย!”

พวกมันจะไม่เคยกินได้อย่างไรกัน!

เมื่อได้รับเสียงเรียก หัวหน้าตะขาบมรกตจึงล่องลอยมาที่มิติเล็ก ๆ แห่งนี้ทันที สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคือต้นอ่อนของสมุนไพรวิญญาณที่มีธาตุแปลกประหลาด เขามีชีวิตมานับหมื่นปีแล้ว แต่ไม่เคยพบเห็นหรือเคยกินมาก่อน!

อาจจะเป็นไปได้ว่าบรรพบุรุษของตะขาบมรกตเคยกิน และมันอาจจะหลงเหลืออยู่ในส่วนที่สูญหายของมรดกตกทอด?

หัวหน้าตะขาบรกตได้กลิ่นที่เย็นเฉียบ จึงพยายามระงับความอยากกินเอาไว้

พวกนี้คงเป็นต้นอ่อนของสมุนไพรวิญญาณที่เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยใช้หมักสุรา หากขโมยมากินจนหมด นางคงโกรธเป็นแน่

หากนางโกรธขึ้นมาแล้วไม่ให้โอสถแปลงกายจะทำอย่างไรเล่า?

เมื่อคิดได้ดังนั้น หัวหน้าตะขาบมรกตจึงเตรียมถอนจิตวิญญาณออกไป แต่หางตาก็เหลือบเห็นพวกตะขาบมรกตมรกตตัวน้อยสองสามตัวกำลังแอบย่องเข้าใกล้ต้นสมุนไพรกลายพันธุ์ และยังอ้าปากอีกด้วย

หัวหน้าตะขาบมรกตจึงฟาดพวกมันด้วยปากที่ใหญ่โตและตักเตือนอย่างเฉียบขาดว่า “ห้ามขโมยกินเด็ดขาด! สมุนไพรพวกนี้มีความสำคัญต่อการแปลงกายของพวกเจ้าในภายหน้า!”

บรรดาตะขาบมรกตตัวน้อยที่ไม่พอใจก่อนหน้านี้ พอได้ยินดังนั้นจึงสงบลงทันที

ฝูงตะขาบมรกตบินวนเวียนอยู่รอบ ๆ สมุนไพรวิญญาณอย่างตื่นเต้น ราวกับได้รับภารกิจใหม่ นั่นคือการปกป้องสมุนไพรวิญญาณและเจ้ามนุษย์เปราะบางผู้นี้

ผู้ใดก็ห้ามขัดขวางแผนการแปลงกายของมัน แม้กระทั่งพวกเดียวกันก็ตาม!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท