บทที่ 508 ชิงวิญญาณ (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

 

บทที่ 508 ชิงวิญญาณ (2)

 

ฮ่า!

 

โรแซงผุดลุกขึ้นบนเตียงด้วยร่างโชกเหงื่อ ดวงตาฉายแววหวาดกลัว สองมือสั่นระริกขณะลูบใบหน้าของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว

 

“บ้าเอ้ย! ฝันนี้อีกแล้ว!” เขาอดด่าเบาๆ ไม่ได้ ถึงแม้ว่าในฝันจะไม่มีคลื่นอารมณ์ แต่หลังจากตื่นมา ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงถึงขีดสุดนั้นก็ทำให้เขาตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวอยู่ดี

 

เขาลูบใบหน้าอย่างแรง ก่อนจะกดเบ้าตาไว้ พยายามทำให้ตัวเองสงบนิ่งเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรหัวใจที่เต้นเร็วก็ไม่อาจช้าลง เหงื่อกาฬซึมออกจากหน้าผากเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะทำให้เสื้อเปียกโชก และไหลผ่านแก้ม คาง คอ ถึงขั้นไหลลงไปถึงแผ่นหลัง

 

‘ยา…ยา…’ เขารีบร้อนคลานจากเตียงด้วยร่างสั่นระริก มือที่สั่นเทาควานเจอยาน้ำที่ช่วยลดความเร็วการเต้นของหัวใจได้จากในตู้บนหัวเตียง

 

เขามีชื่อว่าโรแซง เป็นลูกของเจ้าของที่ดินธรรมดาทั่วไป ถ้าหากไม่มีอุบัติเหตุ เขาจะได้รับที่ดินต่อจากโรดี้ผู้เป็นบิดา และใช้ชีวิตที่ราบเรียบไร้ความพิเศษอย่างปลอดภัยไปจนกระทั่งแก่ตาย

 

ชีวิตแบบนี้มีอยู่นับไม่หวาดไม่ไหวในประเทศที่สงบสุขในปัจจุบัน

 

จักรวรรดิอีสพีซที่เขาอยู่นั้นยิ่งใหญ่ไพศาล แม้จะเน่าเฟะ แต่ก็ยังคงมั่นคงดุจขุนเขา ตระกูลสูงศักดิ์และมหาเศรษฐีควบคุมอำนาจระดับบนของจักรวรรดิ แต่ไม่บีบคั้นคนระดับล่าง จักรวรรดิอยู่ในช่วงที่กำลังผ่านห้วงเวลารุ่งโรจน์ และกำลังค่อยๆ ตกต่ำลง

 

เป็นเพราะความมั่นคง คนระดับบนจึงเสาะแสวงหาการเสพสุขทางวัตถุที่มากกว่าเดิม ทำให้พ่อค้าจำนวนมากเริ่มติดต่อค้าขายกับจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เหมือนกันทางตะวันออกอย่างบ้าคลั่ง ชายแดนปรากฏที่ดินที่บุกเบิกขึ้นใหม่ ตะวันออกตะวันตกร่วมมือกันกลายเป็นดินแดนพิเศษที่มีเพียงแห่งเดียว

 

ยี่สิบปีก่อน โรดี้บิดาของโรแซงได้สร้างหมู่บ้านขนาดใหญ่ของตัวเองขึ้นที่นี่

 

และปัจจุบัน ที่นี่ก็ได้กลายเป็นดินแดนรุ่งเรืองที่มีชื่อว่าเขตตะวันตกดิน

 

โรแซงหยิบยาน้ำพิเศษที่บรรจุไว้ในขวดสีเงินคอขวดแคบเล็กจากตู้บนหัวเตียงอย่างงกๆ เงิ่นๆ จากนั้นก็เขย่ายาน้ำก่อน ไม่ได้เปิดดื่มในทันที

 

ช่วงนี้ ฝันร้ายปรากฏถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เขาใกล้เสียสติเต็มทีแล้ว

 

‘ทุกๆ คืนต้องฝันน่ากลัวแบบนี้ บางครั้งแม้แต่ตอนนอนตอนกลางวันก็ยังฝันร้ายอีก…ข้าทนวันเวลาแบบนี้ไม่ไหวแล้ว!’

 

เขาเกิดความโกรธที่บรรยายไม่ได้ขึ้นในส่วนลึกของจิตใจ พลังงานสายหนึ่งมุดออกมาจากร่าง ทำให้เขาโยนขวดยาซึ่งเป็นเครื่องเงินในมือออกไป

 

เปรี้ยง!

 

ขวดสีเงินปะทะกับกำแพงศิลาที่อยู่ไม่ไกลออกไปก่อนจะเด้งกลับมา แล้วกลิ้งหลุนๆ บนพื้นหลายรอบ จุกไม้บนปากขวดถูกกระแทกกระเด็นออก ยาน้ำสีแดงอ่อนไหลออกมา จากนั้นก็ซึมเข้าไปในดินโคลนสีเหลืองอ่อน

 

‘ไปตายซะ! วันเวลาแบบนี้ ตายเสียยังดีกว่า พอตายไปก็จะไม่ฝันร้ายอีกแล้ว พอตายไปจะได้ไม่ต้องกลัวไม่ต้องตกใจอีก ไม่ต้องโดนท่านพ่อบีบคั้นอีกต่อไป’ ความคิดฆ่าตัวตายบังเกิดขึ้นในส่วนลึกของจิตใจอย่างต่อเนื่อง

 

ความเจ็บปวดในใจขยายใหญ่และหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจยิ่งมายิ่งเร่งร้อน

 

โรแซงอดนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ได้

 

บิดาของเขา โรดี้ได้เตรียมตัวมาเป็นเวลายี่สิบปีเพื่อแก้แค้นเมืองเมืองนั้น เขาไม่เคยยอมแพ้ในการกลับไปยังสถานที่ที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงแบบนั้นสักครั้ง

 

เขาลอบเตรียมการทุกอย่าง แต่เพียงคิดจะแบกรับไว้คนเดียว ไม่บอกสิ่งที่ตนเองคิดจะทำกับลูกชาย

 

โรแซงเข้าใจดี

 

เมืองแห่งนั้น สถานที่ที่น่ากลัวและชั่วร้ายแห่งนั้น พวกมันไม่มีทางปล่อยพวกตนไป ผีมารที่ทั้งชั่วร้ายและแข็งแกร่งเหล่านั้นสามารถแยกแยะลายมือของบิดาได้ พวกมันตามหาพวกตนสองพ่อลูกมาโดยตลอด

 

บิดาของเขา โรดี้คิดหาวิธีซ่อนเขากับตัวเองมาโดยตลอด

 

แต่อย่างไรการหลบซ่อนนี้ต้องมีสักวันที่จะถูกเปิดเผย เจ้าพวกชั่วร้ายเหล่านั้นมีวิธีการมากมายในการตามหาร่องรอยที่พวกเขาได้ทิ้งเอาไว้

 

บันทึกประจำวันได้บันทึกขั้นตอนเรียบง่ายของบิดาของเขาโรดี้ที่เคยปะทะปัญญาและปะทะความกล้ากับพวกมันในเวลาหลายปีมานี้ เพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าพวกนั้น โรดี้ได้พยายามสร้างตัวแทนสิบกว่าคนขึ้นมาใช้หลอกตา และทั้งหมดก็ถูกสังหารไปแล้ว

 

และตอนนี้ก็ควรถึงรอบพวกเขาแล้ว

 

ตั้งแต่วันที่ค้นพบบันทึก โรแซงก็ทยอยยืนยันได้ว่าการกระทำอย่างลับๆ ของบิดามีอยู่จริงๆ อีกทั้งตัวเขาก็เริ่มฝันร้ายบ่อยขึ้นเรื่อยๆ แถมยังเป็นฝันร้ายฝันเดิม

 

เขารู้ว่าทุกอย่างเป็นสิ่งที่หลบเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาซ่อนตัวมายี่สิบปีแล้ว อย่างไรก็ต้องเผชิญกับบทสรุปของชีวิตที่ถูกกำหนดไว้แล้วนี้

 

เขาจินตนาการไม่ออกว่าบิดาของตนจะใช้สิ่งใดไปสู้กับเมืองอันชั่วร้ายเมืองนั้น

 

หน้าไม้? คบเพลิง? หรือว่ายาพิษ? หลายปีมานี้บิดาได้ทดลองวิธีการมามากมายแล้ว

 

ไฟเผาไม่ตาย หากใช้กระบี่ใช้ดาบ แม้แต่โอกาสเข้าใกล้ยังไม่มี แม้ใช้หน้าไม้ยิงโดนก็ไม่มีผลแม้แต่น้อย ส่วนยาพิษมีผลเพียงนิดหน่อยเท่านั้น สัตว์ประหลาดเหล่านั้นแข็งแกร่งเกินไป ยาพิษที่ทำให้คนตายได้ สำหรับพวกมัน เพียงแค่ลดปฏิกิริยาการตอบสนองลงก็เท่านั้น

 

‘บางทีตายไปแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน…’

 

โรแซงกระโดดลงจากเตียง มือกุมหน้าอก จิตใจค่อยๆ เข้าสู่ความสงบและการหลุดพ้น

 

ถ้าหากให้เขาเลือก เขาสามารถตายเพราะโรคหัวใจได้ง่ายๆ แบบนี้ ไม่ใช่ตายด้วยมือสัตว์ประหลาดเหล่านั้น

 

แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ส่องต้องแก้มอันซีดขาวของโรแซง

 

คนหนุ่มผอมแห้งและทุกข์ทรมานผู้นี้ควรจะเจ็บปวดหวาดกลัวเพราะโรคหัวใจกำเริบ แต่ตอนนี้กลับปรากฏความสงบเยือกเย็นอย่างอธิบายไม่ได้

 

ซู่…

 

อยู่ๆ รอยแตกสีเทาเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นด้านหลังท้ายทอยของโรแซง จุดแสงสีแดงสายหนึ่งบินออกมาจากในจุดแตก แล้วหายเข้าไปในท้ายทอยของเขา

 

ดวงตาที่หยีอยู่ในตอนแรกของโรแซงพลันเบิกกว้าง ม่านตาสีฟ้าหดตัวเล็กน้อย จากนั้นก็ขยายขึ้น เส้นเลือดสีแดงมากมายเริ่มขยายตามม่านตาจนไปถึงตาขาว

 

ความเร็วในการขยายไม่นับว่าสูง ใช้เวลาอยู่หลายนาทีจึงค่อยยึดครองดวงตาทั้งหมดไว้ได้

 

ฮ่า!

 

เขาพลันก้มลงด้านล่าง ก่อนจะเด้งตัวกลับมาอยู่ในสภาพเดิม

 

“อือ…” โรแซงกระพริบตา พร้อมกับค่อยๆ ชักมือที่กุมหน้าอกกลับมา

 

‘ร่างนี้…พิลึกอยู่บ้าง’ โรแซงหรือควรบอกว่าลู่เซิ่งในตอนนี้ นวดผิวของหัวใจด้วยสีหน้าแปลกพิกล

 

ความเจ็บปวดที่เหมือนกระแสน้ำ หลั่งไหลจากตรงนั้นไปทั่วร่าง

 

‘กล้ามเนื้อหัวใจกระตุก อาการช็อกชั่วคราวหรือ น่าจะเป็นปัญหาทางจิต ปรับจิตใจสักเล็กน้อยก็จะดีขึ้น’ ลู่เซิ่งปล่อยจิตวิญญาณออกมาทำให้กล้ามเนื้อหัวใจที่กำลังชักกระตุกผ่อนคลาย

 

อาการเจ็บหัวใจค่อยๆ ทุเลาลงจนหายไป

 

สำหรับจิตวิญญาณระดับอริยะเจ้าที่หลอกความเป็นจริงได้แล้ว การสร้างสัญญาณทางประสาทส่วนหนึ่งไม่นับเป็นอะไร

 

ลู่เซิ่งยืดตัวขึ้น แล้วเริ่มหลับตาดูดซับความทรงจำที่ซ่อนอยู่ในร่างนี้

 

‘โรแซง เมือง ผู้แก้แค้นหรือ’ ฉากพิสดารมากมายเล่นย้อนกลับในห้วงสมองของเขาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของลู่เซิ่งประหลาดขึ้นเรื่อยๆ ตามการรำลึกอดีต

 

‘น่าสนใจแฮะ…สถานที่แห่งนี้…’ เขาสัมผัสได้ว่าร่างหลักของตัวเองขดตัวอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ ถูกพลังงานกฎเกณฑ์ที่ซับซ้อนและยิ่งใหญ่สุดเปรียบปานสะกดเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถออกจากกายเนื้อนี้ได้

 

เขาพลันค้นพบหลังจากตรวจสอบพลังงานสะกดอย่างละเอียดว่า กฎเกณฑ์ของที่นี่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับต้าอิน และโลกใบที่เหลือ

 

‘โดนสะกดไปเยอะทีเดียว…ไม่เป็นไร ขอแค่ปรับตัวสักระยะก็ใช้ได้แล้ว เล่นแผนเดิม ถ้าไม่จำเป็น ก็พยายามอย่าใช้ร่างหลัก มาดูกรรมของโรแซงก่อนดีกว่า…’ ลู่เซิ่งหลับตาอีกรอบ

 

ห้องนอนเงียบสงัดลงทันตา

 

ผ่านไปสิบกว่าอึดใจ เขาจึงค่อยลืมตาใหม่

 

‘ไม่ต้องการให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นอีกหรือ แล้วทำลายเมืองนั้น…’ กรรมสองกรรมนี้เป็นเป้าหมายสูงสุดในการมาของลู่เซิ่ง

 

‘ขอจัดระเบียบหน่อย…’ลู่เซิ่งผุดลุกขึ้น ก่อนจะเดินไปผลักหน้าต่าง ด้านนอกมีความชื้นเล็กน้อย อากาศที่เย็นเยียบไหลเข้ามา

 

พออากาศหนาวเหน็บปะทะใส่หน้า ก็พลันทำให้เขากระฉับกระเฉงขึ้น

 

‘เมื่อยี่สิบปีก่อน โรดี้กับโรแซงสองพ่อลูกต้องหนีออกจากเมืองเพราะโดนทำร้าย แม่ของโรแซงตายในเมือง ปู่ย่าตายายตายในเมืองเช่นกัน ต่อให้สองพ่อลูกคู่นี้จะหลบหนีสำเร็จ แต่ก็ยังหลงเหลือผลกระทบจากเมืองนั้นในระดับที่แตกต่างกันอยู่บนร่าง ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่งจะมีสัตว์ประหลาดจากเมืองลึกลับเมืองนั้นมาล่าทั้งสองคน หลายปีมานี้อาศัยโรดี้พ่อของโรแซง ใช้ความสามารถต่างๆ เคลื่อนที่หลบซ่อน ตามบันทึกของโรดี้ที่โรแซงได้อ่าน คล้ายกับว่าโลกใบนี้ไม่มีใครสู้กับสัตว์ประหลาดในเมืองได้ ดังนั้นคำถามก็คือ สัตว์ประหลาดในเมืองเหล่านั้นคือสิ่งใดกันแน่’

 

จากความทรงจำของโรแซง โลกใบนี้เป็นโลกที่ใช้แต่อาวุธเย็น อาวุธที่มีอานุภาพมากที่สุดที่ผู้คนทราบก็คือหน้าไม้ แต่ว่าหน้าไม้เป็นของจำกัดในหมู่ชาวบ้าน นอกจากใช้ในกองทัพแล้ว คนอื่นๆ ใครใช้ผู้นั้นต้องตาย

 

โรดี้บิดาของโรแซงแอบหาหน้าไม้ยิงต่อเนื่องหลายชิ้นมาใช้สู้กับสัตว์ประหลาดในที่ลับ หากว่าเล่าลือออกไป ต้องถูกบั่นหัวอย่างแน่นอน

 

ลู่เซิ่งเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเสื้อคลุมสีเทาติดหมวกออกมาชุดหนึ่ง มีความคล้ายกับเสื้อกันลม ตรงเอวมัดเชือกผ้าหนาเอาไว้เส้นหนึ่งแทนเข็มขัด

 

หลังสวมเสร็จแล้ว เขาก็ดึงประตูออกพร้อมกับเดินออกไป

 

ด้านนอกประตูเป็นที่ว่างของเรือนเล็กอันกว้างขวางทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส สตรีวัยกลางคนเอวหนาสะโพกอวบสองคนกำลังนั่งปลอกเปลือกมันฝรั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก พลางพูดคุยกันเบาๆ

 

พวกนางสวมกระโปรงตัวใหญ่สีเทา มัดผ้าโพกหัวสีขาว คุยกันจนน้ำลายฟุ้ง แต่กลับใช้มีดในมือปลอกเปลือกมันฝรั่งได้เรื่อยๆ

 

หลังจากลู่เซิ่งออกมา คุณป้าทั้งสองคนก็โบกมือให้เขา

 

“เจ้าหนูโรแซงตื่นแล้วหรือ”

 

“มันฝรั่งบดอบเนยทำเรียบร้อยแล้ว วางอยู่บนโต๊ะในโถงเล็ก ไปกินเองได้เลยนะ”

 

ลู่เซิ่งพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินไปยังโถงเล็กตามความทรงจำ

 

ตอนที่กำลังเดินอยู่ เขาก็เริ่มลองรวบรวมปราณวิญญาณในอากาศ น่าเสียดายที่ไม่ได้รับอะไร ในอากาศคล้ายมีแต่ควันธาตุบริสุทธิ์เท่านั้น ไม่มีพลังงานพิเศษ

 

จากนั้นลู่เซิ่งก็เปลี่ยนไปลองดึงสารกายในร่างออกมาดู นี่เป็นวิธีการของต้าอิน

 

ครั้งนี้ได้ผลเล็กน้อย แต่ไม่ได้ชัดเจนมาก ยังคงหน่วงช้า ประสิทธิภาพไม่สูงนัก

 

วิธีที่สามเป็นการใช้พลังวิญญาณ สรรพสิ่งล้วนมีวิญญาณ ลู่เซิ่งทดลองดึงวิญญาณจำนวนเล็กน้อยออกมาจากในพลังชีวิต มีผลเช่นกัน แต่ประสิทธิภาพไม่สูงเท่าโลกพลังวิญญาณ ถึงขั้นสู้โลกของมู่อวิ๋นไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

ขณะอยู่ในกระบวนการทดลอง ลู่เซิ่งก็เดินตามสัญชาตญาณมาถึงในเรือนที่ปลูกหญ้าสีม่วงซึ่งเหมือนกับดอกไม้ไว้มากมาย

 

โรดี้ บิดาของร่างนี้สวมใส่ชุดทะมัดทะแมงสีดำ ยืนอยู่กลางเรือน กำลังฝึกวิชาดาบพื้นฐานอยู่

 

สิ่งที่เขาใช้คือดาบฟันฟืนสีเงินที่ยาวเท่าแขนท่อนปลาย วิชาดาบไม่มีรูปแบบ แต่ละกระบวนท่าทะลุทะลวง ทรงพลัง ดุร้าย ทั้งยังแทรกความโหดเหี้ยมอำมหิตเอาไว้ด้วย

 

“โรแซง ตื่นแล้วหรือ ลุกเช้าแบบนี้หายากนะเนี่ย” บุรุษร่างกำยำฝึกฝนวิชาดาบจบอย่างรวดเร็ว หลังเก็บสภาวะแล้ว ก็สังเกตเห็นลู่เซิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ พลันกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

……………………………………….

 

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท