บทที่ 513 ยกระดับ (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

 

บทที่ 513 ยกระดับ (1)

 

อินเตอร์เฟซสีฟ้าของดีปบลูพลันโผล่ขึ้นมาตรงหน้าลู่เซิ่ง

 

‘ยกระดับวิชาดาบเจอเรลโล’

 

ชิ้ง

 

ฉับพลันนั้นอินเตอร์เฟซพลันพร่ามัวลง

 

ลู่เซิ่งปรับลมหายใจให้สงบ แสดงให้เห็นว่าฤทธิ์ยาจำนวนมากกำลังเดือดพล่านอย่างรุนแรง ผิวเริ่มร้อนขึ้น รูขุมขนเหมือนกับมีหนามแหลมเล็กๆ จำนวนมากทิ่มแทงอวัยวะภายในผ่านผิวหนังด้านนอก

 

หนามแหลมเหล่านี้ค่อยๆ มุดเข้าไปหาอวัยวะภายในและหัวใจของเขาเหมือนกับหนวด จนกระทั่งถูกร่างหลักที่ขดตัวอยู่ป้องกันเอาไว้ มันจึงค่อยๆ หยุดลง

 

‘อือ…ยาชนิดนี้…น่าสนใจอยู่บ้าง…’ ลู่เซิ่งยกแขนขึ้นมาดู

 

ผิวบนแขนเริ่มมีเลือดสีแดงเล็กๆ จำนวนมากหยดออกมา กล้ามเนื้อกำลังบวมและบิดเบี้ยวเหมือนกับถูกมือใหญ่สองข้างบิดไปบิดมา

 

ลู่เซิ่งมองดูแขนของตัวเองค่อยๆ ขยายขึ้นจากขนาดเท่าคนธรรมดาในตอนแรก ฤทธิ์ยาจำนวนมากกลายเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเปิดสวิตช์ในร่างกายต่อ อีกส่วนหนึ่งซึมเข้าไปในเซลล์กล้ามเนื้อด้วยความเร็วสูง เพื่อหล่อเลี้ยงและเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่โครงสร้างภายใน

 

ลู่เซิ่งใช้จิตวิญญาณควบคุมการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของร่างกาย ไม่นานก็เข้าใจว่า เหตุใดโรดี้ถึงได้บอกว่าการยกระดับด้วยการกินยามีขีดจำกัด

 

‘ยาพวกนี้ใช้กระตุ้นร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีผลต่ออวัยวะภายในมากนัก ขณะที่ปัจจัยด้านพละกำลังของร่างกายดีขึ้น อวัยวะภายในกลับไม่ได้รับการยกระดับตามไปด้วย เลยมอบพลังงานให้ไม่ทัน บวกกับมีการสั่งสมพิษจากยา ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าเดิม มิน่าถึงได้มีขีดจำกัด…’

 

ตอนนี้อินเตอร์เฟซของเครื่องมือปรับเปลี่ยนโผล่มาอีกครั้ง

 

ลู่เซิ่งเพ่งตามองไป

 

[วิชาดาบเจอเรลโล: ปรมาจารย์ (คุณสมบัติร่างกาย: วิชาดาบสมบูรณ์ เพิ่มพละกำลังขึ้นสามระดับ เพิ่มคุณสมบัติร่างกายขึ้นสามระดับ เพิ่มความเร็วขึ้นสามระดับ)]

 

‘สรรพคุณของยายังเหลืออีกนิดหน่อย แต่ไม่มากพอให้ใช้ยกระดับต่อไปได้แล้ว’ ลู่เซิ่งสัมผัสคุณสมบัติของยาในร่างกายอย่างละเอียด

 

เขาลุกขึ้นจากพื้นแล้วยืดเหยียดร่างกายเล็กน้อย โครงสร้างร่างกายกลายเป็นคนหนุ่มร่างล่ำสันเรียบร้อยแล้ว

 

‘พละกำลังยกระดับขึ้นจริงๆ ถ้าหากดูจากพละกำลังคนธรรมดาของโรแซงเมื่อก่อนหน้า ก็เทียบได้กับผู้ใหญ่สองถึงสามคนแล้ว คุณสมบัติร่างกายเหมือนกับสวมเกราะหนักหนา เวลาเกร็งกล้ามเนื้อจะต้านทานการใช้อาวุธเย็นฟันด้วยพละกำลังเบาๆ ได้ แต่การแทงยังคงไม่ไหว ส่วนความเร็ว…’

 

ลู่เซิ่งต่อยไปด้านหน้า

 

เปรี้ยง!

 

กิ่งไม้แห้งด้านหน้ากลุ่มหนึ่งถูกหมัดเขาต่อยกลายเป็นเศษผงกระจัดกระจาย

 

‘มีราวๆ สามเท่าของขีดจำกัดของผู้ใหญ่ทั่วไป’

 

กล่าวตามจริง ลู่เซิ่งยังไม่พอใจกับขีดจำกัดแบบนี้มากนัก

 

‘ดูเหมือนต้องตั้งใจหาวิธีการซะแล้ว…’ ลู่เซิ่งเก็บกวาดรอบๆ แล้วรีบกลับคฤหาสน์ เขาไม่ได้ไปไหน หากตรงดิ่งไปยังสถานที่สองสามแห่งที่โรดี้ใช้ทำกิจกรรมในยามปกติ

 

ห้องนอน ห้องสมุด และลานฝึกฝน

 

ลานฝึกฝนไม่มีอะไรน่าดู เพียงแค่จัดวางเครื่องป้องกันกับอาวุธพื้นฐานไว้ส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนในห้องนอน ลู่เซิ่งค้นหาอยู่พักหนึ่ง กลับไม่พบอะไรที่ตนต้องการ จึงไปห้องสมุดต่อ

 

หลังตั้งใจหาสักพัก ไม่นานเขาก็เจอช่องลับที่ซ่อนไว้ดีมากช่องหนึ่งบนกำแพงใต้โต๊ะหนังสือ

 

ในช่องลับมีจดหมายฉบับหนึ่งและขวดยาสีแดงเข้มขวดหนึ่งวางอยู่

 

ลู่เซิ่งอ่านเนื้อหาในจดหมายที่พบใหม่คร่าวๆ เป็นสิ่งที่โรดี้เขียนให้โรแซง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเดาออกอยู่แล้วว่าโรแซงจะหาที่นี่เจอ และยังพูดถึงตลาดกับสถานที่พิเศษสองสามแห่งในจดหมายด้วย

 

เนื้อหาหลักบนจดหมายบอกว่า ถ้าหากเขาจากไปอย่างคาดไม่ถึง แล้วโรแซงเจอช่องลับนี้ หากต้องการแก้แค้น อย่างนั้นก็ให้ไปหาสหายของเขาจากสถานที่เหล่านี้ พวกเขาจะจัดการทุกอย่างให้เอง

 

แน่นอนว่าความนัยอีกอย่างก็คือ ถ้าหากโรแซงไม่มีใจจะแก้แค้น เช่นนั่นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเจอช่องลับนี้ บนจดหมายมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่เตรียมให้กับคนนอกที่ไม่ใช่โรแซง เพื่อป้องกันไม่ให้จดหมายถูกคนอื่นๆ เอาไปหลังโรแซงยอมแพ้

 

ลู่เซิ่งตัดการจัดการในส่วนหลังที่ไร้สาระทิ้งไป แล้วหยิบส่วนที่มีประโยชน์ต่อตัวเองออกมาเท่านั้น

 

อย่างเช่นวิธีใช้ ปริมาณการใช้ รวมถึงวิธีการปรุงและสัดส่วนของยา

 

เขาได้รู้จักยาที่ตนกินไปก่อนหน้านี้ผ่านจดหมาย มันมีชื่อว่าเข็มดำ เป็นยามาตรฐานที่สำนักวิชาดาบเจอเรลโลสืบทอดมาหลายปี สมาชิกแทบทุกคนสามารถใช้ยาชนิดนี้ยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเองได้

 

ลู่เซิ่งกังวลว่าจะไม่เจอยาใหม่ๆ จึงบันทึกตำรับยาชนิดนี้เอาไว้อย่างละเอียด

 

ในช่องลับยังมีของอีกอย่างหนึ่ง เป็นขวดยาสีแดงเข้มขวดนั้น

 

โรดี้พูดถึงในจดหมายว่า ยาขวดนี้เป็นน้ำยาเข็มดำที่มีความเข้มข้นสูงสุดขีด มีความเข้มข้นกับความเป็นพิษมากกว่าร้อยเท่าของยาเม็ดเมื่อก่อนหน้า เป็นตัวยาตั้งต้นที่ใช้ตอนปรุงยาเม็ด ใช้แค่หยดเดียวจะปรุงออกมาได้ขวดหนึ่ง

 

‘งั้นเราก็ไม่ต้องปรุงยาเองแล้ว สามารถใช้ตรงนี้ก่อนได้ จากนั้นค่อยทดลองปรุงยาดู แม้ปริมาณยาตรงนี้จะมีมาก แต่ไม่แน่ว่าจะทำให้เราแข็งแกร่งได้มากพอ’

 

ลู่เซิ่งคิดคำนวณในใจ

 

สิ่งสำคัญที่จำกัดการยกระดับตัวเองของสมาชิกสำนักวิชาดาบเจอเรลโลคือ อวัยวะภายในทนรับพิษหลงเหลือจากตัวยาที่สั่งสมมาแรมเดือนแรมปีไม่ได้ ต่อให้เป็นวิธีการฝึกฝนที่ถ่ายทอดมา ก็เกิดผลแค่ส่วนเดียวเท่านั้น

 

แต่สำหรับลู่เซิ่ง เขาสามารถแก้ไขปัญหาพิษหลงเหลือจากสรรพคุณยาได้โดยสิ้นเชิงผ่านการพัฒนาวิธีการฝึกฝน

 

‘วิธีการฝึกฝนเป็นกระบวนการที่ใช้การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ขอแค่ไปถึงเป้าหมายได้ ก็จะขจัดพิษได้โดยสมบูรณ์’ ลู่เซิ่งนึกทบทวนทักษะไปพลาง หมุนดูขวดยาไปพลาง เห็นด้านในมีแต่ของเหลวที่ข้นเหมือนกับเลือดเต็มไปหมด กลิ่นที่ฉุนจมูกเหมือนกับน้ำยาฆ่าเชื้อฟุ้งออกมาจนทำให้เขาอดหยีตาไม่ได้

 

‘แทนที่จะบอกว่าวิธีฝึกฝนเป็นวิธีการ ควรบอกว่าวิธีการฝึกฝนในแต่ละช่วงเป็นวิชาอย่างหนึ่งมากกว่า ขอแค่ฝึกฝนวิชานี้สำเร็จ ก็จะขจัดพิษได้โดยสมบูรณ์ ถึงอย่างไรวิธีการฝึกฝนในแต่ละระดับก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว หากคนปกติอยากจะฝึกฝนวิชาให้สำเร็จเพื่อขจัดพิษ อย่างน้อยต้องพยายามฝึกฝนโดยใช้เวลาหนึ่งปีเป็นอย่างน้อย ถึงขั้นแม้แต่ฝึกฝนจนได้ระดับปรมาจารย์แล้ว ก็ไม่อาจทำให้เป้าหมายสำเร็จลงได้ทั้งหมด เพียงทำสำเร็จได้แค่ห้าส่วนหกส่วนเท่านั้น แต่ว่าพลังอาวรณ์ของเราลดกระบวนการฝึกฝนได้อย่างใหญ่หลวง และทำให้วิธีการฝึกฝนสำเร็จได้โดยสมบูรณ์’

 

ลู่เซิ่งเงยหน้า จิบน้ำยาเข้าไปเล็กน้อย

 

ตอนที่ดมมีกลิ่นที่แย่มาก แต่ตอนดื่มเข้าไปรสชาติกลับไม่เลวยิ่ง เหมือนกับน้ำมินท์ที่มีรสสตอเบอร์รี่ ความเย็นชุ่มฉ่ำสายหนึ่งค่อยๆ ไหลจากลำคอไปถึงส่วนกระเพาะ

 

ปริมาณที่มีมากกว่าตัวยาก่อนหน้านี้หลายเท่ากระเพื่อมในร่างกายลู่เซิ่งอย่างต่อเนื่อง

 

‘ดีปบลู’ เขาเรียกเครื่องมือปรับเปลี่ยนออกมา

 

‘ยกระดับวิชาดาบเจอเรลโล’

 

ซู่ว…

 

อินเตอร์เฟซพลันพร่ามัว

 

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะเป็นเวลาก้าวข้ามขีดจำกัดอย่างแท้จริง สำหรับลู่เซิ่ง การขจัดพิษยาเป็นกุญแจสำคัญ ส่วนความแข็งแกร่งของอวัยวะภายใน เขามีวิธีการยกระดับอยู่แล้ว

 

 

เวลาเลื่อนไหล พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองเดือนกว่าๆ

 

เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเปลี่ยนจากแสงอาทิตย์เจิดจ้าในยามเที่ยง เป็นอาทิตย์อัสดงตกดิน และจันทร์เสี้ยวลอยขึ้นมา

 

ภายในคฤหาสน์ใต้ม่านวิกาลอันเงียบสงบ

 

หลังจากเหล่าป้าๆ ในคฤหาสน์ทำงานประจำวันของตัวเองจบลง ก็กลับไปพักผ่อนที่บ้าน พวกข้ารับใช้เริ่มทำความสะอาดและเช็ดถูเครื่องเรือน

 

ใต้ซุ้มองุ่นมีข้ารับใช้ของคฤหาสน์กำลังตัดแต่งกิ่งใบอย่างตั้งใจ

 

ซ่า

 

น้ำเย็นถังหนึ่งชโลมศีรษะถึงเท้าของลู่เซิ่งจนเปียกโชก

 

เขาวางถังน้ำลง แล้วยืนสะบัดผมอยู่ในตัวลาน

 

หลังฝึกฝนเป็นเวลาสองเดือนกว่าๆ โรแซงในเวลานี้ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

 

กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งปานสิงโตเกร็งเล็กน้อย ผมสั้นสีดำยาวขึ้นค่อนข้างมาก แนบติดศีรษะอย่างยุ่งเหยิง

 

เทียบกับโรแซงเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว แขนข้างหนึ่งของเขาในเวลานี้หนาเท่ากับขาของตัวเองเมื่อก่อนหน้า

 

แผงอกหนาสีดำขยับไหวตามลม ถูกเขาขยี้เล็กน้อยแล้วตักน้ำราดใส่

 

‘กินยาหมดเรียบร้อยแล้ว’ ในเวลาสองเดือนนี้ลู่เซิ่งจัดการยาความเข้มข้นสูงที่โรดี้ทิ้งไว้ให้จนหมดแล้ว

 

ตอนนี้สายตาเขาอยู่บนอินเตอร์เฟซสีฟ้าด้านหน้า

 

‘ระดับยังไม่เปลี่ยนแปลง…ขนาดกินยาไปตั้งเยอะนะเนี่ย’

 

[วิชาดาบเจอเรลโล: ปรมาจารย์ (คุณสมบัติร่างกาย: วิชาดาบสมบูรณ์ เพิ่มพละกำลังขึ้นเก้าสิบเก้าระดับ เพิ่มคุณสมบัติร่างกายขึ้นเก้าสิบเก้าระดับ เพิ่มความเร็วขึ้นเก้าสิบเก้าระดับ)]

 

‘แต่ว่ายาก็กระตุ้นร่างกายถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ’ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเทียบกับยอดฝีมือของโลกใบนี้แล้วจะเป็นระดับไหน ลู่เซิ่งก้มลงโยนถังน้ำเข้าไปในบ่อน้ำ ก่อนจะเหยียบใส่คันชักรอก

 

เปรี้ยง

 

ครืดๆๆ

 

คันชักรอกหมุนติ้วๆ เหมือนกับคนเป็นโรคประสาท ถังน้ำที่เพิ่งโยนลงไปถูกดึงกลับขึ้นมาใหม่ในหนึ่งวินาที

 

ลู่เซิ่งยกถังน้ำขึ้นมาเทใส่ศีรษะของตัวเองอีกรอบ

 

การอาบน้ำแบบนี้หลังจากการฝึกฝนกลางอากาศร้อนๆ เป็นเวลาหนึ่งวันถือว่าไม่เลว

 

หลังจากอาบน้ำไปหลายถัง ลู่เซิ่งที่กำลังเปลือยเปล่า ใช้แค่ผ้าขนหนูผืนหนึ่งปิดท่อนล่าง จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องนอน

 

ภายในห้องมีคลื่นความร้อนแผ่กระจาย ข้ารับใช้สองคนกำลังต้มน้ำถังใหญ่ที่กำลังเดือดพล่านด้วยเหงื่อที่แตกเต็มศีรษะ

 

ถังทำจากเหล็ก ก้นถังถูกเผาจนกลายเป็นสีดำ น้ำด้านในส่งควันหนาออกมา

 

“พอแล้ว พวกเจ้าออกไปเถอะ”

 

ลู่เซิ่งสั่ง

 

ข้ารับใช้ทั้งสองคนเป็นชายฉกรรจ์ทั้งคู่ มีรูปร่างอย่างผู้ใหญ่ทั่วไป สูงราวหนึ่งจุดเจ็ดเมตร บนร่างกายมีกล้ามเนื้อเล็กน้อย

 

แต่ว่าเทียบกับลู่เซิ่งในเวลานี้แล้ว กลับอ่อนแอไม่ต่างจากเด็กที่ยืนอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่

 

“ขอรับนายท่าน” ทั้งสองคนรีบลุกขึ้นออกจากห้องเหมือนได้รับอภัยโทษ

 

ในวันเวลาเมื่อไม่นานมานี้ คนเก่าแก่ในคฤหาสน์อย่างพวกเขาได้เห็นนายน้อยโรแซงฝึกฝนอย่างสุดชีวิต จนเปลี่ยนจากคนหนุ่มธรรมดาๆ ถึงขั้นอ่อนแอเป็นชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ตรงหน้า

 

แถมนิสัยของนายน้อยก็เปลี่ยนจากขี้ขลาดกลายเป็นเด็ดเดี่ยวเยือกเย็น และมีความน่าเกรงขาม

 

รอข้ารับใช้สองคนออกจากห้องแล้ว ลู่เซิ่งค่อยปิดประตู ดับไฟ จากนั้นก็พลิกตัวกระโดดเข้าไปในถังน้ำ อาศัยความร้อนชำระล้างร่างกายอย่างผ่อนคลาย

 

หลังจากใช้ยาเข็มดำ ปัจจุบันเขาก็แข็งแกร่งถึงขั้นที่ไม่อาจแข็งแกร่งไปมากกว่านี้ได้อีก ยาเข็มดำไม่มีประโยชน์อีกแล้วเพราะร่างกายเกิดสภาพดื้อยา เขาเลยจำเป็นต้องหาวิธีการเพิ่มความแข็งแกร่งที่ดีกว่าเดิม

 

“หมายความว่าเราควรออกเดินทางสักที…การอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ส่งผลดีต่อการพัฒนาต่อจากนี้ของเรา ระบบพลังของโลกใบอื่นๆ มีผลแค่ครึ่งเดียว หลังทดลองแล้วยังไม่คุ้มเท่าการกินยา ดูเหมือนกระแสหลักของโลกใบนี้จะเป็นการกินยาสินะ นอกจากนี้ สถานที่ที่โรดี้พูดถึงในจดหมายอาจจะใช้เป็นที่หายาใหม่ๆ ได้ด้วย” ลู่เซิ่งอาบน้ำไปพลาง ใคร่ครวญไปพลาง

 

หลังอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินออกจากอ่างอาบน้ำ ทั่วร่างร้อนลวก ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าเช็ดตัว เพียงสะบัดตัวเล็กน้อย อุณหภูมิร้อนลวกบนร่างก็ทำให้น้ำระเหยหายไปหมดได้อย่างรวดเร็ว

 

ลู่เซิ่งสวมใส่ชุดใหม่ เปลี่ยนเป็นเสื้อติดหูกระต่าย บวกกับกางเกงยาวสั่งตัดสีดำ และรองเท้าหนังแบบสั้นสีน้ำตาล

 

พอหวีผมอีกเล็กน้อย พริบตาเดียวเขาก็กลายเป็นชายหนุ่มสูงศักดิ์ร่างแข็งแกร่งที่ค่อนข้างมีมาดคนหนึ่ง

 

……………………………………….

 

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท