บทที่ 500 ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ?
บทที่ 500 ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ?
คำพูดของอู๋ฝานทำให้ขุนพลหน้าเปลี่ยนสี พฤติกรรมของพวกเขาในเวลานี้ถือว่าทำเกินไปจริง ๆ เหตุผลก็เพราะฝ่ายทหารและฝ่ายขุนนางมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมานาน ขณะนี้เมื่อเห็นโอกาสจึงถือโอกาสเอาเปรียบ
“แค่ก! พวกเจ้าทำงานให้ระมัดระวังกว่านี้ด้วย” ขุนพลที่นำหน่วยค้นหาหันไปบอกกับคนของตนเอง
เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ยอมทิ้งความคิดค้นหาในศาลาพักม้า
หลังบอก ขุนพลก็มองอู๋ฝานอีกครั้งหนึ่ง “ถอยออกไปด้วย อย่าได้ขัดขวางการค้นหา”
อู๋ฝานขมวดคิ้ว เนื่องจากไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรับมือด้วยยากขนาดนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายทำการค้นหา เพราะทราบดีอยู่แก่ใจว่าอูหย่าอยู่ในห้องของตนเอง หากคนเหล่านี้เข้าไป ไม่ว่าจะเขาหรือนางก็จบสิ้นไปพร้อมกัน
ดังนั้นเขาจึงเตรียมหาเหตุผลเล่นงานทหารเหล่านี้ หากพูดถึงฝีมือ ถ้าเขาคิดจัดการคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แม้ในภายหลังจักรพรรดิอาจจะตำหนิต่อว่าไปบ้าง แต่ขอเพียงไม่ใช่โทษของการเจอตัวอูหย่าในห้องของตนเอง ก็ถือว่าภารกิจพิเศษยังสามารถดำเนินต่อไปได้ และโทษที่ต้องรับก็คงไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากนัก
แน่นอนว่าการหาเรื่องขุนพลตรงหน้าหรือหน่วยพิทักษ์เมืองที่อยู่เบื้องหลังอาจทำให้จักรพรรดิมองเขาเปลี่ยนไป แต่เขาไม่อาจสนใจเรื่องเหล่านั้นจนเกินไปได้อีกต่อไปแล้ว เพราะหากเทียบกับการถูกพบอูหย่าจนทำให้ภารกิจพิเศษล้มเหลว สำหรับอู๋ฝานความสูญเสียด้านจักรพรรดิยังเป็นเรื่องที่ยอมรับได้มากกว่า
“เดี๋ยวก่อน!”
ขณะอู๋ฝานกำลังจะหาเหตุผลที่จะใช้ลงมือ เสียงอันคุ้นเคยก็ดังออกมาจากทางลานบ้าน
จากนั้นเขาก็ได้เห็นหลี่จื่อหยางที่เดินเข้ามาจากภายนอก
“ใต้เท้าหลี่” ขุนพลที่นำกำลังคนมารู้จักหลี่จื่อหยาง ยามนี้เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาจึงเอ่ยทักทาย
“ขุนพลอวี่” หลี่จื่อหยางประสานมือตอบกลับอีกฝ่าย
“ใต้เท้าหลี่มีเรื่องอะไรที่นี่งั้นหรือ?” ขุนพลนามอวี่เอ่ยคำถาม
“ข้ามาพบใต้เท้าอู๋”หลังหลี่จื่อหยางเอ่ยจบก็หันไปมองอู๋ฝาน “ใต้เท้าอู๋ เมื่อวานเกิดเรื่องวุ่นวายคงไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่ขอรับ พอได้ทราบว่าหลังท่านถูกองค์เหนือหัวเรียกตัวเข้าเฝ้าข้าจึงมาเยี่ยมเยือนพูดคุยเสียหน่อย“
“ข้าสบายดี” อู๋ฝานส่ายหน้าตอบกลับ “มือสังหารนั่นไม่อาจทำอะไรข้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อปกป้ององค์เหนือหัวแล้ว ต่อให้ต้องตายโดยมือสังหารนั่นข้าก็ไม่นึกเสียดาย”
“ถุย!” อูหย่าที่ซ่อนตัวอยู่อีกด้าน พอได้ฟังถึงกับต้องถ่มน้ำลายออกมา
“เรื่องอะไรกัน?” ขุนพลอวี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คนผู้นี้คือใต้เท้าอู๋ เป็นคนที่พร้อมสละชีวิตเข้าช่วยเหลือองค์เหนือหัวเอาไว้จากเหตุการณ์เมื่อวาน หากไม่ใช่เพราะเขา องค์เหนือหัวก็คงถูกมือสังหารนั่นลอบปลงพระชนม์ไปแล้ว ขณะนี้พวกท่านกำลังสงสัยว่าเขาซ่อนตัวมือสังหารจนต้องตรวจค้นสถานที่ หากองค์เหนือหัวได้ทราบว่าท่านทำพฤติกรรมเช่นนี้ต่อใต้เท้าอู๋คงพิโรธเป็นแน่” หลี่จื่อหยางบอกกับขุนพลอวี่ด้วยสีหน้าท่าทีเคร่งเครียด
อู๋ฝานคิดอยากยกนิ้วโป้งให้หลี่จื่อหยางขึ้นมา แต่สีหน้าในเวลานี้ยังคงสงบนิ่ง ”ใต้เท้าหลี่ไม่ควรกล่าวเช่นนั้น ขุนพลอวี่สืบหามือสังหารตามคำสั่งขององค์เหนือหัว ในฐานะที่ต่างก็รับใช้นายผู้เดียวกัน ข้าควรให้ความร่วมมือ ดังนั้นขอเชิญขุนพลอวี่เข้ามาตรวจสอบเถอะ“
“นี่…” เมื่อเห็นอู๋ฝานเป็นฝ่ายเชื้อเชิญเสียเอง ขุนพลอวี่ถึงกับลังเล
งานเลี้ยงเมื่อวานนี้เขาไม่มีคุณสมบัติพอจะได้เข้าร่วม แต่ก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นมาบ้างแล้ว และทราบว่ามีคนผู้หนึ่งพร้อมสละชีวิตลงมือเข้าช่วยเหลือองค์เหนือหัวเอาไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วเวลานี้อาณาจักรเหยียนเฟิงคงต้องผลัดเปลี่ยนแผ่นฟ้า
แต่ขุนพลอวี่ไม่คิดว่าคนที่เสียสละช่วยเหลือจักรพรรดิจะเป็นอู๋ฝาน อีกฝ่ายทำความดีความชอบครั้งยิ่งใหญ่ ดังนั้นจักรพรรดิย่อมต้องตกรางวัลให้อย่างงาม ขณะนี้เขากำลังจะนำคนของตนเองเข้าตรวจสอบที่พักของผู้ซึ่งมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตจักรพรรดิ ต่อให้ชายหนุ่มไม่ใส่ใจเรื่องราว แต่หากจักรพรรดิทราบเรื่องขึ้นมาพวกเขาคงไม่อาจได้รับการอภัยโทษ
เขาได้รับคำสั่งให้ค้นหามือสังหาร ไม่ใช่มาสร้างปัญหาแก่ผู้มีบุญคุณ
ยามนึกถึงท่าทีของอู๋ฝานก่อนหน้าที่ไม่ต้อนรับ แต่ขณะนี้เป็นฝ่ายเชิญให้เข้าไป บางทีหากเข้าไปแล้ว และองค์เหนือหัวได้ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น สุดท้ายไม่เพียงพวกเขาจะมีปัญหา แต่อาจถึงขั้นลุกลามถึงผู้บังคับบัญชาในกองทัพที่อยู่เบื้องหลัง
มันจะต้องเป็นแผนการแน่! ไม่เช่นนั้นแล้วอู๋ฝานคงไม่มีทางเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหันถึงเพียงนี้
ขุนพลอวี่ที่คิดได้ดังนั้นจึงราวกับรู้แจ้ง ในพริบตาก็เผยสีหน้ายิ้มแย้มเอ่ยขออภัย “ใต้เท้าอู๋พูดอะไรเช่นนั้น? ท่านสละชีวิตช่วยฝ่าบาท พวกเราย่อมไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของท่านอยู่แล้ว ซุกซ่อนมือสังหารอันใดกัน ข้าเชื่อในตัวใต้เท้าอู๋ ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบแต่ประการใด”
“ไม่ตรวจสอบ? บางทีตอนนี้มือสังหารอาจรออยู่ด้านในแล้วก็เป็นได้กระมัง” อู๋ฝานเผยยิ้มบาง ๆ
อูหย่าที่ซ่อนตัวในห้องนอนถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปและกระชับมีดในมือแน่น แต่ไม่นานก็ราวกับคิดอะไรขึ้นได้จนผ่อนคลายลงก่อนจะกระซิบกับตัวเอง “สารเลวผู้นี้หลอกล่อข่มขู่ผู้อื่นได้น่าสะพรึงกลัวนัก!”
“ไม่เห็นจำเป็นต้องตรวจสอบอันใด ทั่วทั้งเมืองหลวงแห่งนี้คงมีเพียงใต้เท้าอู๋ที่ควรค่าแก่การไว้เนื้อเชื่อใจ” ขุนพลอวี่ตอบกลับ
สิ้นคำกล่าว ขุนพลอวี่จึงหันไปบอกกับคนของตนเอง “รวมพล อย่าได้รบกวนการพักผ่อนของใต้เท้าอู๋!”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเตรียมนำกำลังคนออกไปจากสถานที่
เมื่อเห็นเรื่องราวเป็นเช่นนั้น อู๋ฝานถึงกับต้องลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะกลัวว่ากลุ่มคนจะบุกเข้าไปจริง ๆ หากเป็นเช่นนั้นตัวเขาก็คงเผชิญปัญหาครั้งใหญ่ โชคดีที่กลยุทธ์จิตวิทยาหลอกให้คนเหล่านี้กลัวจนเลือกถอยไปเองได้
“ใต้เท้าอู๋เป็นไรหรือไม่? อาการคล้ายดูไม่ดีเลยขอรับ” หลี่จื่อหยางที่ยืนข้าง ๆ เร่งเข้ามาสอบถาม
“สบายดีขอรับ แต่เมื่อคืนหลับไม่ค่อยสนิทสักเท่าใด” อู๋ฝานตอบกลับ
ตอนนี้เองที่ลั่วเยวี่ยรีบเดินเข้ามาจากภายนอก ก่อนจะสวนทางกับพวกขุนพลอวี่ ทางด้านขุนพลอวี่มองนางด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้คิดอะไรอื่น เพียงแค่มองลั่วเยวี่ยเป็นข้ารับใช้ในจวนของอู๋ฝาน
“นายท่าน ข้านำของกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ลั่วเยวี่ยเดินเข้าไปหาอู๋ฝานก่อนจะมองหลี่จื่อหยางที่อยู่ข้างกาย สุดท้ายจึงกระซิบบอก
ยาในมือลั่วเยวี่ยถูกห่อเอาไว้อย่างมิดชิดดี ดังนั้นภายนอกจึงไม่อาจพบเห็น เพราะหลี่จื่อหยางอยู่ด้วยนางจึงเลี่ยงการบอกว่านำสิ่งใดมา
อู๋ฝานพยักหน้าตอบ “นำไปเก็บไว้ก่อน”
ยาที่เพิ่งนำมาเหล่านี้ต้องผ่านการต้มสักเล็กน้อย แต่เพราะหลี่จื่อหยางอยู่ด้วยจึงไม่สะดวกจะลงมือทำอะไร มีแต่ต้องรออีกฝ่ายกลับไปจึงค่อยว่ากล่าวอีกทีหนึ่ง
“เจ้าค่ะนายท่าน” ลั่วเยวี่ยตอบรับก่อนจะเดินแยกไป
อู๋ฝานอยู่พูดคุยกับหลี่จื่อหยางหลายประโยคก่อนจะส่งอีกฝ่ายเดินทางกลับ แต่ในขณะนี้เองที่เสียงฝีเท้าวุ่นวายดังมาจากภายนอก ตามมาพร้อมกับทหารกลุ่มใหญ่ที่แห่กันเข้ามา และผู้ที่ตามเหล่าทหารมานั้นคือจ้าวอิ๋งเฟิง
กลุ่มทหารเข้ามาในลานและมองหา สุดท้ายจ้าวอิ๋งเฟิงจึงชี้มือไปทางลั่วเยวี่ยพร้อมตะโกน “เป็นนาง!”