ตอนที่ 206 การคาดเดาของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
กู้ชางป๋อถูกนำตัวไปนอกประตูอู่เหมินโบยแปดสิบไม้!
ทั่วไปโบยสามสิบห้าสิบก็ไม่น้อยแล้ว โบยแปดสิบไม้หมายถึงมุ่งหมายเอาชีวิต
ตอนพระสนมซูเฟยได้ข่าวนี้ก็รีบวิ่งอย่างบ้าคลั่งไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
ยามนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลับถึงตำหนักเฉียนชิงกงแล้ว
“ฝ่าบาท พระสนมซูเฟยขอเข้าเฝ้า…”
พระสนมซูเฟยผลักขันทีออกบุกเข้าไป วิ่งล้มทะยานมาจนเผ้าผมกระจาย คุกเข่าลงตรงหน้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ในสภาพน่าอนาถยิ่ง “ฝ่าบาท ขอทรงไว้ชีวิตด้วยเพคะ!”
นางไม่ถามว่าพี่ชายทำความผิดอันใด แต่ยามเร่งด่วน ไม่มีเวลาให้นางทำความเข้าใจกระจ่าง สิ่งที่นางต้องทำก็คือรักษาชีวิตพี่ชายไว้ก่อน จึงจะเจรจาเรื่องอื่นได้
สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “พาพระสนมซูเฟยกลับตำหนักฮั่นตั้นกง”
สองขันทีก้าวเข้ามาประคองพระสนมซูเฟย
“หม่อมฉันไม่ไป!” พระสนมซูเฟยผลักสองขันทีที่เข้ามาประคองนางขึ้นออก คลานเข่าเข้าไปอีกสองสามก้าว “ฝ่าบาท กู้ชางป๋อติดตามพระองค์ออกศึกเหนือใต้ จงรักภักดีอย่างมาก ขอพระองค์ได้โปรดคิดถึงความสัมพันธ์ในวันวาน ไว้ชีวิตเขาสักครั้ง…”
ซุนเหยียนที่รับหน้าที่คุมการลงทัณฑ์ ก็กลับมารายงานว่า “ทูลฝ่าบาท กู้ชางป๋อทนรับการโบยไม่ไหว ได้เสียชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
พระสนมซูเฟยราวกับอสุนีบาตฟาดกลางกระหม่อม แทบทนรับความจริงนี้ไม่ได้ กว่าจะได้สติอีกครั้งก็แผดเสียงร่ำไห้ปิ่มว่าใจจะขาด
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รับสั่งขันทีด้วยสุรเสียงเย็นเยียบ “พาพระสนมซูเฟยกลับตำหนัก”
“ฝ่าบาท แท้จริงเพราะเหตุใด…” พระสนมซูเฟยร่ำไห้น่าอนาถ แต่ที่ได้รับกลับมาก็คือพระพักตร์ดำทะมึนเคร่งขรึมของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ก็พลันเข้าใจกระจ่าง
พอตกตะลึงเช่นนี้ ก็ถูกขันทีประคองพร้อมลากออกจากตำหนักเฉียนชิงกง
พอในห้องเงียบลง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้หลับพระเนตรลงยากบรรยายอารมณ์ยามนี้ออกมาเป็นคำพูดใด
เสียใจกับการตายของฮองเฮา อยากจะสังหารคนที่ปลิดชีวิตภรรยาเขาให้สะใจ ยังมีเรื่องระหว่างเจ้านายกับขุนนางที่เดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ตอนข่าวการตายของกู้ชางป๋อยังไม่ได้แพร่ออกไป ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็เรียกเฮ่อชิงเซียวเข้าวังมากำชับ
“กู้ชางป๋อบอกว่าคนที่บอกร่องรอยของฮองเฮาให้เขาก็คือองครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินชื่อว่าโจวทง เจ้ารู้จักคนผู้นี้หรือไม่”
“โจวทงเดิมประจำอยู่หว่านหยาง ต้นปีที่แล้วย้ายเข้าเมืองหลวง…” เฮ่อชิงเซียวเล่าประวัติของโจวทง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระพักตร์ดำทะมึน “เราคิดไม่ถึง กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเองก็ไว้ใจไม่ได้ ชิงเซียว เจ้าต้องจัดการภายในให้สะอาด อย่าได้มีคนเช่นโจวทงอีก”
ความจริงผู้ที่กำกับดูแลกฎภายในของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็คือสำนักหนานเป่ยเจิ้นฝูสื่อ(สำนักใต้) แต่โจวทงได้ย้ายมาเมืองหลวงก่อนเฮ่อชิงเซียวมาคุมสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ(สำนักเหนือ) เห็นได้ชัดว่าภายในกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมีปัญหาก่อนหน้านี้แล้ว เทียบกับสำนักหนานเป่ยเจิ้นฝูสื่อ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลับไว้วางพระทัยเฮ่อชิงเซียวมากกว่าเล็กน้อย
“ส่วนโจวทง…”
“ทูลฝ่าบาท โจวทงตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์เหี้ยมเกรียม รอเฮ่อชิงเซียวพูดต่อไป
“เดือนแปดปีที่แล้ว โจวทงตายขณะนอนหลับ ภรรยาเขาเศร้าโศกเกินไป ล้มป่วยจากไปในเดือนเดียวกัน”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระเนตรวูบไหว “ชิงเซียวรู้เรื่องโจวทงไม่น้อย”
เฮ่อชิงเซียวตอบด้วยท่าทางสงบนิ่ง “โจวทงปฏิบัติหน้าที่ในสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ กระหม่อมไปงานศพเขา กอปรกับเขาป่วยตายทั้งที่ยังหนุ่ม กระหม่อมจึงต้องสืบเรื่องราวให้กระจ่าง จึงค่อนข้างจดจำได้แม่นยำพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินก็พยักพระพักตร์ “กล่าวเช่นนี้ โจวทงสองสามีภรรยาจากไปแล้ว แล้วพวกเขามีบุตรธิดาไหม”
“ทิ้งบุตรสาวไว้คนหนึ่ง ปีนี้อายุสิบหก ไปพึ่งพาอาศัยบ้านพี่สาวโจวทง…”
ได้ยินเฮ่อชิงเซียวเล่าถึงพี่สาวโจวทง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ระงับจิตสังหารในใจลง
ซินซินตายเพราะโจวทงแอบแพร่งพรายความลับนี้ เขาจะไม่ปล่อยคนตระกูลโจวไป ในเมื่อตระกูลโจวเหลือเพียงบุตรสาวคนเดียว เช่นนั้นก็ปล่อยไว้ในสภาพเช่นนี้ไปก่อน ทุกอย่างรอให้ค้นหาตัวหนุ่มน้อยผู้นั้นพบก่อนค่อยว่ากัน
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กระจ่างพระทัยมาก ไม่ใช่ทุกคนอยากให้หาบุตรชายของเขากับฮองเฮาพบ
“บรรดาคนของจวนกู้ชางป๋อที่ลงใต้ไปให้จับกุมตัวเงียบๆ อย่าให้ข่าวแพร่งพรายออกไป ส่วนทางหุบเขานั่น ให้ส่งคนไปเฝ้าไว้ให้ดี…”
ตรัสเรื่องนี้จบ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสถามเฮ่อชิงเซียว “ชิงเซียว เจ้ารู้สึกว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นยังอยู่หว่านหยางหรือ”
“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” เฮ่อชิงเซียวทูลตอบ
“เรารู้สึกว่าเขาจะมาเมืองหลวง” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เอ่ยถึงการคาดเดาในพระทัย พระเนตรยังคงจับจ้องมองใบหน้าเฮ่อชิงเซียว
แววตาเฮ่อชิงเซียวมีความตกใจเจือความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
“บางที…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พึมพำอยู่นาน ก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า “เขาจะเป็นท่านซงหลิงหรือไม่!”
เฮ่อชิงเซียวสีหน้าตกใจ หลุบตาลงเล็กน้อย
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่สนใจคำตอบจากเฮ่อชิงเซียว วิเคราะห์ต่อไปเองว่า “คุณหนูโค่วเคยกล่าวว่าท่านซงหลิงน่าจะเป็นหนุ่มน้อย อายุใกล้เคียงกับหนุ่มน้อยผู้นี้ ท่านซงหลิงรู้เรื่องราวของฮองเฮามากมาย ด้วยอายุของเขากับความสนิทสนมกับฮองเฮาเช่นนี้ ไม่ใช่หนุ่มน้อยผู้นี้แล้วจะเป็นผู้ใดได้”
เฮ่อชิงเซียวหลุบตาเรียวดาบลงครุ่นคิดไม่เอ่ยอันใดอีก
“ชิงเซียว เรื่องอื่นมอบให้ผู้อื่นที่ไว้ใจได้ไปดำเนินการ เจ้าอยู่เมืองหลวงทุ่มเทสรรพกำลังค้นหาตัวท่านซงหลิง แม้ต้องขุดดินลงไปสามฉื่อค้นหาก็ต้องหาเขามาให้เราให้ได้”
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”
“เดี๋ยวก่อน” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ส่งเสียงเรียกเฮ่อชิงเซียวที่กำลังจะออกไปไว้ “เจ้าไปพบคุณหนูโค่วอีกครั้งดูว่ามีเบาะแสใหม่หรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ยามเจ้านายและขุนนางกำลังคุยความลับกันอยู่นั้น ศพกู้ชางป๋อก็ถูกส่งกลับจวนกู้ชางป๋อ
ฮูหยินกู้ชางป๋อได้รับรายงานว่าในวังส่งคนมา ให้นางไปรับท่านป๋อ นางยังรู้สึกแปลกใจ แต่พอเห็นขันทีสีหน้าเคร่งเครียดกับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจึงได้รู้สึกว่าผิดปกติแล้ว
“ท่านป๋อ เขา…” หรือว่าโดนโบยเพราะเจ๋อเอ๋อร์
ขันทีมองฮูหยินกู้ชางป๋อทีหนึ่ง เล่าสาเหตุที่กู้ชางป๋อโดนโบยละเอียด “กู้ชางป๋อดื่มสุรากับฝ่าบาท ระหว่างดื่มสุราละเมิดธรรมเนียมเอ่ยเรียกพระนามฝ่าบาท โดยลงโทษโบย…กู้ชางป๋อทนโทษโบยไม่ไหว ได้จากไปแล้ว…”
“ท่านป๋อ ท่านป๋อ!” นางโผเข้าไป กระชากมุมผ้าห่มออกก็เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของกู้ชางป๋อ นางแผดเสียงร่ำไห้จนสลบไป
เพราะกู้ชางป๋อจากไปกะทันหันทำให้ทั้งจวนวุ่นวายแตกตื่นกันไปหมด
ไต้เจ๋อถูกบ่าวตามตัวระหว่างกำลังฟังนักเล่านิยายอยู่ในร้านน้ำชา
“ซื่อจื่อ ที่จวนเกิดเรื่องแล้ว รีบกลับไปเร็ว!”
“มีอันใดหรือ ข้ายังฟังไม่จบเลย” ไต้เจ๋อไม่อยากกลับ
เขาหนีมาฟังนักเล่านิยายก็เพราะวันนี้ท่านพ่อถูกเรียกตัวเข้าวัง หลายครั้งก่อนหน้านี้ถูกเรียกตัวเข้าวังไปก็เพราะเขา ครั้งนี้เดาว่าก็คงหนีไม่พ้น
ไต้เจ๋อคิดไปคิดมา ก็คิดไม่ออกว่าระยะนี้ก่อเรื่องอันใดไว้ แต่หลบก่อนดีกว่า
บ่าวปาดน้ำตา “ซื่อจื่อ อย่ามัวชักช้าอีก ท่านป๋อจากไปแล้ว…”
“เจ้าว่าอันใดนะ” ไต้เจ๋อกระชากบ่าวมาตบหน้าไปฉาดหนึ่ง “เจ้าตัวบัดซบ พูดจาไม่เป็นหรือ อะไรคือจากไปแล้ว…”
“ซื่อจื่อ ไม่มีท่านป๋อแล้ว ทนโทษโบยในวังไม่ไหว ไม่มีแล้ว!” บ่าวร่ำไห้
ไต้เจ๋อนิ่งอึ้งไปทันที ชักเท้าวิ่งกลับไปทันที
ในร้านน้ำชา ยังคงมีเสียงนักเล่านิยายดังแว่วมา “ราชาวานรนั้น…”
“ท่านพ่อ!” ไต้เจ๋อกระโดดลงจากหลังม้า วิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้าจวน
ภาพตรงหน้าก็คือมารดาที่กำลังร่ำไห้ปิ่มว่าใจจะขาด กับท่านพ่อที่เปลี่ยนชุดแล้วกำลังนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านฟื้นสิ…” ไต้เจ๋อส่งเสียงร้องไห้โฮดัง
เรื่องกู้ชางป๋อถูกโบยที่นอกประตูอู่เหมิน ไม่อาจปิดบังขุนนางที่เข้าเวร ไม่นานก็แพร่ไปยังทุกกรม
เทียบกันแล้ว ชิ่งอ๋องรู้ช้าอยู่สักหน่อย รู้เพราะจวนกู้ชางป๋อมาส่งข่าว
เขารีบพุ่งไปจวนกู้ชางป๋อ กระชากไต้เจ๋อมาถามขึ้นว่า “น้องพี่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”