ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 767 เสื้อไหมพรมสีแดง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 767 เสื้อไหมพรมสีแดง

ถ้าหากนักพรตเฒ่าร้องไห้โฮ โจวเจ๋ออาจจะถีบหนึ่งครั้ง ด่าหนึ่งประโยคว่า ‘ชอบทำตัวเหลวไหล’ แต่เมื่อเห็นท่าทางของนักพรตเฒ่าในตอนนี้ เถ้าแก่โจวรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง

ควรทราบว่าจิตใจของนักพรตเฒ่าสามารถทนรับความรุนแรงได้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเจ็ดสิบปี ถือว่าเดินทางมาพร้อมกับประเทศจีนใหม่ ผ่านอุปสรรคความลำบากมามากมาย สุดท้ายยังกัดฟันต่อสู้

เมื่อก่อนไม่ว่าเจอเรื่องอะไร นักพรตเฒ่าจะหัวเราะเหอะๆ อย่างน้อยในระดับของจิตใจ เขาเป็นแบบอย่างมาตลอด เป็นคนยิ่งใหญ่ในเรื่องจิตวิญญาณ

แต่ตอนนี้ นักพรตเฒ่ากลับกำเสื้อไหมพรมสีแดงตัวนั้นด้วยความสับสนมึนงง นั่งยองๆ อยู่ตรงนั้น นั่งยองๆเหมือนไม้แกะสลักชิ้นหนึ่ง

โจวเจ๋อเดินเข้าไปนั่งยองๆ ตรงหน้านักพรตเฒ่า “เป็นอะไร”

นักพรตเฒ่าเงยหน้ามองโจวเจ๋อ พยายามโฟกัสการมองเห็น จากนั้นหัวเราะอย่างที่เคยเป็น “เถ้าแก่ เจ้ามาแล้ว”

“ไป พวกเรากลับบ้าน” โจวเจ๋อพูดพลางประคองนักพรตเฒ่าขึ้นมา และไม่ได้ถามว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ทุกคนควรจะล้อเล่นอย่างไรก็ล้อเล่นแบบนั้น แต่ตอนนี้สภาพของนักพรตเฒ่า ไม่ใช่สิ่งที่ต้องพูดในเวลานี้

หญิงสาวตัวดำเคยสรุปนิสัยของโจวเจ๋อคร่าวๆ ว่าเย็นชา ยากที่จะเป็นฝ่ายเริ่มทุ่มเทและเชื่อใจคนอื่นก่อน แต่กับคนที่ตัวเองมั่นใจ กลับปกป้องเป็นอย่างมาก ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงว่านักพรตเฒ่าทำความผิดอะไร ต่อให้ทำผิดจริง โจวเจ๋อก็จะไม่พูดพร่ำทำเพลงพาเขาออกจากที่นี่โดยตรง!

“เฮ้ บันทึกคำให้การก่อน” ตำรวจนายหนึ่งเคาะโต๊ะพูด

โจวเจ๋อไม่สนใจ พานักพรตเฒ่าเดินออกไปเลย ตำรวจนายนั้นก็ส่ายหน้า ไม่พูดอะไร เมื่อขึ้นรถแล้ว โจวเจ๋อสตาร์ทรถ นักพรตเฒ่าที่นั่งตรงเบาะข้างคนขับยังคงกำเสื้อไหมพรมสีแดงตัวนั้นแน่น ไม่ยอมปล่อยเลยสักนิด

“โอเค” โจวเจ๋อพยักหน้า ไม่กลับร้านหนังสือ แต่ขับรถมาที่ถนนตงเหมิน ถนนตงเหมินมีซูเปอร์มาร์เก็ตต้ารุ่นฟาแห่งหนึ่ง แต่เมื่ออ้อมต้ารุ่นนฟาแล้วขับเข้าไปอีกนิดหน่อย ก็จะเป็นตลาดผักขนาดเล็ก ซึ่งมีถนนสายหนึ่ง

บนถนน มีร้านนวดเท้าและร้านทำผมเปิดอยู่หลายร้าน โจวเจ๋อไม่รอนักพรตเฒ่าบอกทาง ค่อยๆ ขับเข้าไปพร้อมสังเกตอาการของนักพรตเฒ่าในขณะเดียวกัน สายตาของนักพรตเฒ่าจ้องมองร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ร้านนวดเท่าชิ่นจู๋’ โจวเจ๋อจึงจอดรถ

นักพรตเฒ่าผลักประตูรถ เดินลงมา แล้วสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งที ถึงแม้เถ้าแก่โจวยากที่จะเข้าใจ มาหาสาวขายบริการ ต้องทำสีหน้าคิดหนักขนาดนี้ด้วยเหรอ ผู้ชายปกติทั่วไปน่าจะกระโดดโลดเต้นเมื่อมาสถานที่แบบนี้ ‘รู้สึกเหมือนลอยได้’ ไม่ใช่เหรอ

นักพรตเฒ่าถอนหายใจ เดินข้ามถนนมุ่งไปทางนั้น โจวเจ๋อเดินตามหลัง เวลานี้สภาพจิตใจของนักพรตเฒ่าทำให้โจวเจ๋อคาดเดาไม่ค่อยถูก

เมื่อผลักประตูร้าน มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งในร้านกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นว่าแขกมา จึงลุกขึ้นเอ่ยว่า “ขอโทษนะคะ วันนี้มีฉันคนเดียวอยู่ที่ร้าน ตอนนี้พวกเราบริการแบบปกติเท่านั้นค่ะ” ความหมายของประโยคนี้คือ เมื่อก่อนพวกเราสามารถทำแบบไม่ปกติได้เช่นกัน และความหมายอีกขั้นหนึ่งคือ หากคุณเพิ่มเงินก็สามารถทำแบบไม่ปกติได้เหมือนกัน

“น้องสาว ข้าแค่มาดูเท่านั้น ข้าเป็นเพื่อนของฟางซิ่งเอ๋อร์”

ผู้หญิงวัยกลางคนหลังจากได้ยิน ‘ฟางซิ่ง’ สองคำนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันที เอ่ยว่า “เหอะๆ โอเค ไม่เป็นไร คุณเข้าไปเองเลย ฉันมาจากร้านที่อยู่ข้างๆ เถ้าแก่เนี้ยยังอยู่ที่สถานีตำรวจ จึงเรียกฉันมาเฝ้าร้าน”

นักพรตเฒ่าพยักหน้า “ขอบใจนะ”

“คุณไม่ต้องเกรงใจ อยู่นอกบ้าน มีเพื่อนที่จริงใจสักคน เยี่ยมยิ่งกว่าสิ่งใด” ผู้หญิงวัยกลางคนมองนักพรตเฒ่าพลางทอดถอนใจเล็กน้อย จากนั้นสายตาของเธอจึงมองไปที่ตัวของโจวเจ๋อที่อยู่ข้างหลังนักพรตเฒ่า แล้วเอ่ยว่า “น้องชายล้างเท้าหน่อยไหมคะ”

โจวเจ๋อส่ายหน้า เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ส่วนตัวของเขา โดยพื้นฐานแล้วอิงอิงเป็นคนเหมาทุกอย่าง หลังจากคุ้นชินกับความอ่อนโยนเอาใจใส่และความเป็นมืออาชีพของอิงอิงแล้ว สิ่งนอกบ้านเหล่านี้ ไม่มีแรงดึงดูดแม้แต่นิดเดียว

อีกอย่าง สถานที่แบบนี้เป็นสถานที่เที่ยวที่ผู้ชายแก่มีอายุอย่างนักพรตเฒ่าชื่นชอบ ไม่เหมาะกับรสนิยมของเถ้าแก่โจว

“ค่ะ” ผู้หญิงวัยกลางคนหยิบแก้วใช้ครั้งเดียวทิ้งออกมาสองแก้ว ใส่ใบชาลงไปแล้วรินน้ำ ก่อนจะยื่นให้โจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่า

“ขอบคุณครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจ”

ผู้หญิงวัยกลางคนกลับไปนั่งบนโซฟาดูโทรทัศน์ต่อ

นักพรตเฒ่ามัวแต่เดินเข้าไปข้างใน ข้างในมีบันไดที่เล็กแคบ แคบสุดๆ หลังจากเลี้ยวตรงมุมแล้ว จึงรู้สึกกว้างมากขึ้น เมื่อเดินขึ้นมาชั้นบน รูปแบบของชั้นสองกว้างพอสมควร มีห้องเดี่ยวขนาดเล็กหกเจ็ดห้อง

ถ้าหากแค่นวดเท้าอย่างเดียว โดยทั่วไปไม่ต้องใช้ห้องเล็กมากมายขนาดนี้ ทุกคนมานวดเท้าไม่ใช่เหรอ แค่วางเก้าอี้เรียงแถวกันให้เห็นชัดๆ อยู่ตรงนั้น ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ

เมื่อบวกกับพื้นหลังสีชมพู ประกอบกับพื้นที่ส่วนตัวแยกเป็นอิสระ ผู้ชายที่มีประสบการณ์ชีวิตอยู่เล็กน้อย ล้วนคาดเดาขอบเขตการใช้สอยของที่นี่ได้แล้ว

“ผมอยากรู้ว่า ฟางซิ่งอยู่ไหน” โจวเจ๋อถาม

นักพรตเฒ่าไม่พูด ได้แต่หันกลับมาหัวเราะอย่างขมขื่นให้โจวเจ๋อหนึ่งที

“คน ตายแล้วเหรอ” โจวเจ๋อถาม

นักพรตเฒ่าหลับตา ถอนหายใจยาว

เพื่อนสนิทตายแล้วนี่เอง มิน่าล่ะ

นักพรตเฒ่าผลักประตูห้องขนาดเล็ก โครงสร้างด้านในประตูมีขนาดเล็กมาก มีแค่เตียงเล็กกว้างครึ่งเมตรเตียงหนึ่งกับตู้ข้างเตียง ข้างบนมีกระดาษทิชชูเปียกกับกระดาษเช็ดหน้า และยังมีตะกร้าใบเล็กอยู่บนนั้น ในนั้นมีถุงยางอนามัยหลากสี

นักพรตเฒ่านั่งลงบนเตียงเล็ก นำเสื้อไหมพรมสีแดงที่ถักได้ครึ่งหนึ่งวางบนเตียง สองมือของเขาประสานเข้าด้วยกัน และก้มหน้า

เถ้าแก่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่คือเห็นสิ่งของแล้วนึกถึงคนตายเหรอ

“เถ้าแก่ เจ้าเคยสัมผัสผู้หญิงที่อยู่ที่นี่ไหม”

โจวเจ๋อยากที่จะตอบ

“เหอะ ดูสิว่าข้าถามอะไร” นักพรตเฒ่าหัวเราะเยาะตัวเอง “จริงๆ แล้ว ข้าชอบที่นี่มาก เพราะความจริงใจของที่นี่ จริงๆ แล้วแค่เจ้าให้เงิน ก็สามารถเปิดเผยความจริงใจกับเจ้าได้ทุกอย่าง”

โจวเจ๋อยืนอยู่ข้างๆ จุดบุหรี่ แล้วคอยฟังอย่างเงียบๆ

“คนมายาไร้คุณธรรม ประโยคหน้าพูดว่าอะไรนะ” นักพรตเฒ่าถาม “อ้อ ไม่ต้องตอบ ความหมายนั้นนั่นแหละ”

“แต่จะพูดอย่างไรดี จริงๆ แล้วไม่ต่างกันมากนัก ข้ามาหาฟางซิ่งน้อยมาก มาหาบ่อยไม่ดี รบกวนชีวิตความเป็นอยู่ของเธอ ปกติแล้วถ้าเธอไม่มีลูกค้าแล้ว มีเวลาว่าง ถึงจะส่งวีแชตหาข้า ถามว่าข้าว่างไหม ลูกชายของฟางซิ่งเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย หลังจากเธอออกจากงาน ก็อาศัยสิ่งนี้หาเงินส่งเสียลูกชายของเขาเรียนหนังสือ สามีของเธอใช้เงินเป็นเบี้ย ไม่หางานทำเป็นชิ้นเป็นอัน จึงไม่มีเงิน ค่าใช้จ่ายในครอบครัว ล้วนเป็นเธอที่คอยจุนเจือดูแล

จริงๆ แล้ว ทำอาชีพนี้ได้เงินเร็ว แต่ก็เหนื่อย เหนื่อยมากจริงๆ และพูดจริงๆ นะ ทำเงินได้ไม่เยอะเท่าไร เธออายุมากแล้ว คลับทั้งหลายไม่ต้องการเธอ ที่นี่เดิมทีเป็นราคาอาหารจานด่วน แถมยังต้องแบ่งครึ่งกับเถ้าแก่อีก ต้องอยู่กับลูกค้าคนหนึ่งด้วยความยากลำบาก เงินที่แบ่งถึงมือ ไม่เยอะเลยจริงๆ แต่หาเงินได้มากกว่าการทำงานปกติอยู่บ้าง

เธออาศัยงานนี้ ส่งลูกชายเรียนจนจบมหาวิทยาลัย และยังเก็บเงินดาวน์บ้านได้อีกด้วย ตอนแรกเธอบอกข้าว่า ต้องรอให้ลูกชายเรียนจบมหาวิทยาลัยถึงจะหยุดมือแล้วกลับบ้าน กลับบ้านไปทำไร่ พักผ่อน เพราะชีวิตที่ผ่านมาเหนื่อยเหลือเกิน

แต่ตอนนี้ลูกชายของเธอกำลังจะแต่งงาน ดังนั้นเธอจึงต้องทำต่อ ช่วยซื้อบ้านให้ลูก ช่วยชำระคืนเงินกู้ ลดแรงกดดันของลูก บางครั้งตอนที่ไม่ยุ่ง เธอถึงจะส่งวีแชตหาข้า ข้าก็จะมา แล้วพูดบ่น เธอเคยบอกข้าว่า พี่ชาย ฤดูหนาวจัดพี่ใส่ชุดนักพรตอย่างเดียวมันหนาวเกินไป เดี๋ยวถักเสื้อไหมพรมให้พี่ตัวหนึ่งแล้วกัน ไม่ว่าอย่างไรหน้าหนาวแล้ว แขกของเธอก็ไม่เยอะ อากาศช่วงนี้หนาวเป็นพิเศษ หนาวมากจนงานแบบนั้นเกือบถูกแช่แข็ง”

“ข้าจึงบอกว่าโอเค”

“เธอจึงถักเสื้อไหมพรมให้ข้า พอมีแขกมา เธอก็วางเสื้อไหมพรม หลังจากทำงานเสร็จ ก็นั่งอยู่บนเตียงนี้ ถักไหมพรมให้ข้าต่อ”

“ข้ากับเธอเป็นความสัมพันธ์แค่เรื่องเงินทองเท่านั้น ทุกครั้งที่ข้ามาก็จะให้เงิน ไม่เคยคิดที่จะกินฟรีเลยสักครั้ง ข้าไม่ทำแบบนั้น ไม่ว่าอย่างไรทุกคนออกมาทำงานหาเงินเพื่อประทังชีวิต ล้วนไม่ง่าย”

โจวเจ๋อคลึงระหว่างคิ้ว แล้วจึงตัดบทพูดพึมพำของนักพรตเฒ่าอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยว่า “เธอเกิดอุบัติเหตุใช่ไหม”

นักพรตเฒ่าเงียบ สองมือกุมใบหน้าของตัวเอง กล่าวด้วยความเจ็บปวดใจ “เมื่อวานตอนเย็นเธอบอกกับข้าว่า เสื้อไหมพรมอีกสองสามวันจะถักเสร็จแล้ว ให้ข้าไปหา แล้วจะได้เอาให้ข้า ข้าจึงตกลง เธอพักอยู่ในห้องเช่าแถวนี้ไม่นอนที่ร้าน นอนที่ร้านไม่ไหว และก็ไม่สะดวก เธอกับเพื่อนที่มาจากบ้านเดียวกันอีกสองสามคนเช่าห้องที่นั่นอยู่ด้วยกัน และมีเพื่อนๆ ที่ทำอาชีพเดียวกันด้วย

เมื่อวานเธอมีประจำเดือน ดังนั้นจึงไม่ได้ไปทำงาน จากนั้นจึงส่งวีแชตคุยกับข้าเป็นระยะตอนอยู่ในบ้าน พลางถักเสื้อไหมพรมให้ข้าไปด้วย เธอเล่าเรื่องลูกชายของเธอ เล่าเรื่องบ้านของลูกชายของเธอ ทั้งยังบอกข้าว่าเธออยากตกแต่งบ้านหลังเก่าที่บ้านนอกของเธอ และยังบอกข้าว่าเธออยากต้อนรับภรรยาของลูกชายอย่างไรบ้าง

พูดเยอะแยะมากมาย เธอรู้ว่าข้าชอบฟัง และไม่เบื่อที่จะฟัง เหอะๆ ข้าอยู่ในร้านหนังสือ เจอผีคนแก่พวกนั้น ก็ยังชอบพูดเล่นกับพวกเขา จากนั้น เธอได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ดังมาจากห้องด้านข้างห้องของเธอ มีสามีภรรยาวัยรุ่นคู่หนึ่งพักอยู่ข้างห้องของเธอ แต่พวกเขาไม่มีลูก เธอจึงไปดู พบว่าเด็กใส่เสื้อผ้าอย่างดี เด็กคนนี้ถูกลักพาตัวมา เธอจึงคว้าตัวเด็กไว้ แล้วตะโกนเสียงดังบอกว่ามีคนลักพาตัว! สามีภรรยาคู่นั้นตบตีเธอ ถีบเธอ เธอก็กอดเด็กไม่ปล่อย จากนั้นผู้ชายคนนั้น จึงหยิบมีดทำกับข้าว…” ชายชรายื่นมือวาดแขนเล็กน้อย

“มีดทำกับข้าวปลายเล็กแคบนั่น แทงลงไปโดยตรง ฟางซิ่งก็ยังไม่ปล่อยมือ จนเลือดไหล เลือดไหลทะลัก… สามีภรรยาคู่นั้นตกใจหนีไปทันที ตอนนี้ตำรวจกำลังตามจับอยู่ เด็กยังคงอยู่ พบตัวแล้ว แต่ฟางซิ่งตายแล้ว เธอตายแล้ว”

โจวเจ๋อฟังมาถึงตรงนี้ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที แล้วสูบบหรี่เข้าเต็มปอด เดิมทีอยากจะพูดว่าทนายอันประกาศหาคู่ให้คุณ แต่คำพูดเหล่านี้ กลับพูดไม่ออก

นักพรตเฒ่าลูบจมูก พูดพึมพำกับตัวเองต่อ “ฟางซิ่งเคยบอกกับข้า เธอรู้ว่าอาชีพนี้ได้เงินเร็ว จะตัดความเป็นไปได้ที่เธอจะเปลี่ยนไปทำมาหากินอาชีพอื่น แต่ไม่ว่าอย่างไรชีวิตของเธอมันเละไปแล้ว อายุก็มาก ร่างกายนี้สามารถใช้ได้กี่ครั้งก็ใช้ไปเท่านั้น เหมือนสกัดน้ำมัน สามารถสกัดออกมาได้อีกหน่อยก็ต้องทำ เหอะๆๆ

เดิมทีข้าคิดว่าคืนนี้อาจจะได้เจอฟางซิ่งที่ร้านหนังสือสักครั้ง แต่เมื่อครู่มองเห็นศพของเธอที่สถานีตำรวจแล้ว เธอมั่นใจว่าเด็กถูกเธอแย่งมาแล้วเธอจึงหมดลมหายใจ เธอจากไปอย่างสงบ จากไปอย่างสงบจริงๆ คนแบบนี้ไม่ต้องมาวนเวียนที่ร้านหนังสือหรอก ข้าแม้แต่ได้เจอหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้าย ก็ยังไม่ได้เจอ…” นักพรตเฒ่ากำเสื้อไหมพรมครึ่งตัวนั้นขึ้นมา สีแดง สีแดงเหมือนเปื้อนเลือด…

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท