บทที่ 614 แผนร้าย (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

 

บทที่ 614 แผนร้าย (2)

 

“อาจารย์ ปกติถ้าท่านพูดแบบนี้ ข้าจะฟังท่าน แต่ครั้งนี้ท่านช่วยเขาไม่ได้แล้ว” ลู่เซิ่งขวางอยู่ด้านหน้าถูจินโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

 

“หลีกไป!” ถูจินคลั่งแล้ว ทั้งๆ ที่ร่างกายอ่อนแอไม่มีแรง ตอนนี้กลับเลือดลมพลุ่งพล่าน เรี่ยวแรงกลับคืน เหมือนแรงฮึดสุดท้ายก่อนตาย

 

เขาพุ่งเข้ามาหมายจะดึงตัวลู่เซิ่งออกไป

 

“เต๋ออวิ๋น! ขวางอาจารย์ไว้!” ลู่เซิ่งออกคำสั่งอย่างแน่วแน่

 

ด้วยพลังของการเป็นผู้นำมาหลายปี กอปรกับเต๋ออวิ๋นไม่ยินยอมให้อาจารย์สละชีวิตตัวเองเพื่อทำการรักษาอยู่แล้ว เขาลังเลแค่เพียงพริบตาเดียว ก็เข้าไปฉุดดึงถูจินไว้อย่างแน่วแน่

 

“อกตัญญู! พวกเจ้ามันอกตัญญู!” ถูจินถูกรั้งตัวไว้ พลันขัดขืนอย่างรุนแรง

 

“เจ้าหนุ่ม เจ้าจะต้องคิดถึงผลลัพธ์ของการทำแบบนี้ให้ดี” บุรุษวัยกลางคนตรงประตูซึ่งกำลังชมดูกล่าวอย่างเย็นชา ตอนนี้พอเห็นลู่เซิ่งขวางอาจารย์ของตัวเองไว้ไม่ให้ทำการรักษา ก็อดส่งเสียงขู่ไม่ได้

 

ลู่เซิ่งเกิดเพลิงโทสะ ต้องการกำจัดคนผู้นี้ ใช้ชีวิตมาตั้งนานเขายังไม่เคยเจอสวะที่รีบร้อนไปตายแบบนี้มาก่อน

 

“เสี่ยวเยวี่ย เฉิงเช่อกับข้าคบหากันมาหลายปี ข้าไม่สามารถมองดูเขาตายไปเฉยๆ ได้! เจ้ารู้แล้วว่าข้าหมดหนทาง ถ้าเจ้ามีวิธีล่ะก็ เจ้าช่วยข้าทีเถอะ!” ตอนนี้ถูจินนึกขึ้นได้ว่าวิชาแพทย์ของศิษย์ผู้นี้เป็นครามเกิดจากน้ำเงินแต่เหนือกว่า[1] จึงรีบวิงวอนเสียงดัง

 

ลู่เซิ่งข่มจิตสังหารในใจ หางตาเหลือบมองถูจินที่ตอนนี้น้ำตาไหลพราก

 

สุดท้ายก็ถอนใจเงียบๆ

 

“ได้ ข้ารับปากท่านว่าจะพยายามสุดความสามารถ!” เขากล่าวเสียงทุ้มต่ำอย่างจริงจัง

 

ถูจินรู้จักลู่เซิ่งดี ขอแค่อีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ นั่นแสดงว่ายังมีความหวังเล็กน้อย จึงดีใจทันที

 

“เจ้าไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ถ้าช่วยเฉิงเช่อได้ สามขีดจำกัดใหญ่ ข้าจะถ่ายทอดให้เจ้าต่อหน้าเอง!” เขาให้คำมั่นอย่างจริงจัง “นอกจากนี้ ข้าได้เติมด้ายกระตุ้นวิญญาณจำนวนมากพอเข้าไปในร่างของเขาแล้ว น่าจะทนได้สองชั่วยาม เจ้าจะต้องรีบมาเรียกข้า…”

 

“อาจารย์ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ ถ้าช่วยไม่ได้ ข้ารับผิดชอบเอง!” ลู่เซิ่งตัดบทเขา ถูจินประเมินผิดไปแล้ว เลือดลมที่เปลี่ยนจากด้ายกระตุ้นวิญญาณซึ่งเขาเติมเข้าไปทนได้หนึ่งชั่วยามก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

 

แต่เขาไม่อยากจะพูดตรงๆ เพื่อไม่ให้ถูจินกังวล

 

เป็นตายคือสัจธรรม เป็นวัฏจักรของฟ้าดิน ต่อให้เป็นลู่เซิ่งในตอนนี้ ก็ไม่สามารถย้อนความเป็นความตายได้ การลงมือในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ ความจริงขึ้นกับชะตาชีวิตของตัวหลิงเฉิงเช่อเอง

 

ส่วนพิษและอาการบาดเจ็บนี้มาได้อย่างไร นั่นเป็นเรื่องราวในภายหลังแล้ว

 

ลู่เซิ่งเริ่มตรวจสอบสภาพของหลิงเฉิงเช่ออย่างรวดเร็ว ทุ่มเทจิตใจและสมาธิไปกับการช่วยเหลือ

 

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาช่วยเหลือคนสุดกำลังตั้งแต่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางมรรคายุทธ์

 

เขาเปลี่ยนปราณมารเป็นเส้นด้ายอย่างช่ำชองพร้อมกับห่อหุ้มพิษหลายชนิดออกมา โครงสร้างและอวัยวะบางส่วนที่ถูกพิษจนเปลี่ยนเป็นเนื้อตายแล้วถูกเขาใช้ด้ายกระตุ้นวิญญาณเร่งการเกิดใหม่

 

เทียบกับถูจินแล้ว ความได้เปรียบสูงสุดของลู่เซิ่งคือด้ายกระตุ้นวิญญาณที่มีจำนวนน่าหวั่นสะพรึง ขอแค่ยังมีชีวิต เขาก็มีความหวังในการช่วยคนกลับมาได้

 

แยกและขจัดพิษ ซ่อมแซมอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายใน ชดเชยพลังชีวิตและเลือดลม รวมถึงฟื้นฟูจิตวิญญาณส่วนหนึ่งที่เสียหาย

 

การผ่าตัดอันแม่นยำที่ยากราวกับการปีนป่ายสวรรค์สำหรับแพทย์ทุกคน สำเร็จลงอย่างราบรื่นด้วยฝีมือของลู่เซิ่ง

 

ถึงแม้ระหว่างทางจะมีอุปสรรค แต่สภาพโดยรวมกลับเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี

 

เวลาค่อยๆ ล่วงเลยผ่านไป ในที่สุดฟ้าก็สว่าง หลังผ่านไปราวหนึ่งชั่วยามกว่าๆ ลู่เซิ่งก็เดินออกมาจากห้อง

 

คนกลุ่มหนึ่งซึ่งรออยู่ด้านนอกนานแล้ว พอเห็นดังนั้นก็รุมล้อมเข้ามา

 

มีถูจิน เต๋ออวิ๋น และบุรุษวัยกลางคนเมื่อก่อนหน้า โฉวฮัวก็อยู่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสตรีกลุ่มหนึ่งที่โอบกอดสตรีเฒ่าผมขาวซึ่งกำลังปาดเช็ดน้ำตาเงียบๆ อยู่ด้วย

 

“เป็นอย่างไรบ้าง?!” บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นส่งเสียงเป็นคนแรก สายตาจับจ้องลู่เซิ่งอย่างน่ากลัว

 

“ถือว่าราบรื่น” ลู่เซิ่งมองถูจินและพยักหน้าตอบ ไม่ได้สนใจบุรุษวัยกลางคนผู้นี้

 

ถูจินพลันโล่งอก รีบเข้าไปตรวจสอบ

 

คนอื่นๆ พากันกรูเข้าไปในห้องนอน

 

ไม่ใช่แค่ถูจินเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีชายชราท่าทางเหมือนหมอหลายคนติดตามเข้าไปดูด้วย

 

พอตรวจสอบก็พบว่า สถานการณ์ราบรื่นทุกอย่างตามที่ลู่เซิ่งบอก ในที่สุดอาการป่วยของหลิงเฉิงเช่อก็ทรงตัวแล้ว และยังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูด้วย

 

“อาจารย์ ครั้งนี้ท่านพอใจแล้วกระมัง” ลู่เซิ่งเอ่ย “ไปเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ควรอยู่นาน พวกเราจะกลับบ้านทันที!”

 

ลู่เซิ่งยังมีคำพูดที่ไม่ได้บอก ระหว่างการรักษา เขาคว้าจับกลิ่นอายสีเทาที่แข็งแกร่งเหี้ยมหาญถึงขีดสุดจากในร่างของชายชราผู้นั้นได้หลายสาย ประเมินดูจากระดับของกลิ่นอายนี้แล้ว จะต้องเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับอริยะเจ้าเป็นอย่างน้อยทิ้งไว้แน่

 

ยอดฝีมือระดับอริยะเจ้าคนหนึ่งไม่ใช่ผู้อ่อนแอในนครตราชั่ง ตอนนี้เขาไม่อยากจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับการต่อสู้ที่ไม่รู้จัก

 

จึงตัดสินใจพาพวกถูจินกลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน

 

“หยุดพวกเขาเอาไว้!” อยู่ๆ ก็มีเสียงตวาดเฉียบขาดดังมา

 

เคร้ง!

 

องครักษ์พกดาบสิบกว่าคนที่มีกลิ่นอายแข็งแกร่งพลิกม้วนบนร่าง ชักดาบย่างสามขุมเข้ามาล้อมพวกลู่เซิ่งและถูจินเอาไว้

 

“ก่อนที่บิดาข้าจะฟื้น พวกท่านไปไหนไม่ได้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ไม่แน่ว่าภายหลังยังต้องขอให้ทั้งสามท่านเปลืองแรงอีกมาก” บุรุษวัยกลางคนคนนั้นเดินออกมาจากห้อง ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

“พาตัวไป ปรนนิบัติรับใช้ให้ดี”

 

“พวกเจ้า!?” ถูจินไม่ใช่คนอ่อนต่อโลก จึงเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที

 

“ท่านพ่อ! พวกเขา…” หลิงโฉวฮัวผุดสีหน้าแตกตื่น ต้องการเอ่ยปากร้องขอ แต่ก็ถูกองครักษ์หญิงคนหนึ่งเข้ามาขวางไว้ทันที

 

“ลูกเอ๋ย ไม่ใช่ว่าพ่อไม่เห็นแก่น้ำใจ แต่เป็นเพราะการลงมือครั้งนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของตระกูลเรา ท่านหมอสามท่านขจัดพิษนี้ได้ครั้งหนึ่ง จะต้องขจัดครั้งที่สองได้แน่ ไม่แน่ว่าภายหลังจะมีเวลาที่ต้องการตัวทั้งสามท่านอีก ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ล่วงเกินพวกเขาไปแล้ว ถือโอกาสหนึ่งไม่ทำสองไม่เลิกรา ควบคุมไว้ก่อนดีกว่า” บุรุษวัยกลางคนส่งกระแสเสียงอธิบายเบาๆ

 

“แต่…” หลิงโฉวฮัวยังคงรับไม่ได้ นี่มันเป็นเรื่องผิดชัดๆ ไม่ใช่หรือ

 

“ตกลงตามนี้ เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะดูแลท่านตาของเจ้าต่อเอง” บุรุษวัยกลางคนเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยน

 

หลิงโฉวฮัวยังคิดจะพูดบางอย่างต่อ แต่บุรุษวัยกลางคนไม่สนใจอีกแล้ว

 

ตอนนี้ไหนเลยถูจินจะยังไม่เข้าใจว่าตัวเองเข้ามาข้องเกี่ยวกับการต่อสู้ภายในตระกูลหลิงแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินมาว่า สถานการณ์การชิงอำนาจและผลประโยชน์ในตระกูลหลิงรุนแรงมาก

 

แต่นึกไม่ถึงว่าจะรุนแรงถึงขั้นนี้

 

ตอนนี้องครักษ์อาภรณ์ขาวกลุ่มหนึ่งเฝ้าทั้งสามเอาไว้ ถูจินนึกไม่ออกอยู่ชั่วขณะว่าจะมีวิธีการใดที่ใช้หลบหนีออกไปได้

 

“อาจารย์ทำพวกเจ้าลำบากเสียแล้ว” เขาผุดสีหน้าละอายใจ “แต่พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ของแค่เฉิงเช่อฟื้น จะต้องไม่เป็นไรแน่” มิตรภาพในเวลาหลายสิบปีของเขากับหลิงเฉิงเช่อไม่ใช่พูดไปเรื่อย เขามีความมั่นใจในเรื่องนี้

 

องครักษ์กลุ่มหนึ่งล้อมรอบคนทั้งสามไว้ แถมยังมีคนเข้ามาจากประตูทางเข้าออกรอบๆ เพิ่มอีก ลานเรือนทรงกลมเหมือนกับถังน้ำตกสู่วงล้อมอยู่ชั่วขณะ

 

“ถึงอย่างไรอาจารย์ก็เป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้ ไม่เป็นไรหรอก!” เต๋ออวิ๋นยิ้ม ตอนนี้เขาหายกังวลแล้ว

 

ลู่เซิ่งค่อยๆ ใช้ผ้าเปียกเช็ดแขนทั้งสองข้างจนสะอาด จากนั้นก็ใส่มีดผ่าตัดและขวดยาหลายชนิดลงไปในถุงย่ามสีดำใบเล็กที่พกติดตัว

 

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสีเทาที่รู้สึกได้ก่อนหน้านี้ เจ้าของของมันกำลังเข้าใกล้ที่นี่ด้วยความเร็วสูง แสดงให้เห็นว่าเป็นเพราะเขาทำลายแผนการที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ จึงกระตุ้นสัมผัสของฝ่ายตรงข้ามเข้าแล้ว

 

“อาจารย์ พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด” เขากล่าวพลางเพ่งสมาธิ

 

“ข้าเองก็อยาก…” ถ้าหากทำได้ ถูจินก็อยากจะออกไปเช่นกัน ทว่าองครักษ์อาภรณ์ขาวที่อยู่รอบๆ ต่างมีกลิ่นอายพลิกม้วนบนตัว แค่ดูจากคลื่นสารกายที่กระจัดกระจายออกมา องครักษ์พวกนี้ต่างก็เทียบเคียงกับยอดฝีมือมรรคายุทธ์ที่เขาเคยพบเจอได้แล้ว

 

ถึงจะไม่ทราบว่าพลังฝึกปรือเป็นอย่างไร แต่พวกเขาสามคนไม่อาจขัดขืนได้ง่ายๆ เด็ดขาด

 

“ไม่เป็นไร ข้าจัดการเอง” ลู่เซิ่งไม่คิดเปิดเผยพลัง แต่ยังใช้วิชารักษาที่มีแบบแผนอย่างเดียวได้อยู่

 

เขาขยับจิตวิญญาณเล็กน้อย แล้วดีดนิ้วด้วยนิ้วสิบข้าง

 

พรึ่บๆๆๆ!

 

ด้ายกระตุ้นวิญญาณไร้รูปร่างหลายสายพุ่งออกจากปลายนิ้วของเขาในทันที จากนั้นก็พุ่งผ่านจุดลมปราณหลังท้ายทอยของพวกองครักษ์ที่อยู่รอบๆ อย่างไร้สุ้มเสียง

 

ฟ้าว…

 

ราวกับลมอ่อนพัดผ่าน องครักษ์ทั้งหมดในลานเรือนพลันแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อน

 

เคร้ง

 

ดาบในมือของบางคนร่วงตกพื้น ส่งเสียงกังวานใส

 

การเคลื่อนไหวนี้สร้างความตกตะลึงให้แก่ถูจินอาจารย์ศิษย์ พวกเขานึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าด้ายกระตุ้นวิญญาณจะใช้ทำแบบนี้ได้ด้วย

 

“ไป!”

 

ลู่เซิ่งเดินนำหน้าไปยังประตูลาน พวกถูจินจึงรีบติดตามไป

 

ทว่าเพิ่งจะเดินออกมาไม่กี่ก้าว บนพื้นก็มีหมอกสีเทาผืนหนาแผ่กระจายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ

 

ลู่เซิ่งแค่นเสียงเย็นชา ด้ายกระตุ้นวิญญาณระเบิดออกอย่างฉับพลัน พวกมันลอยฉวัดเฉวียนอย่างไร้รูปร่างอยู่กลางอากาศพร้อมกับรัดถูจินและเต๋ออวิ๋นไว้ จากนั้นก็ยกตัวพวกเขาลอยไปยังด้านนอกประตู

 

“มีความสามารถ แต่ก็ยังต้องอยู่ คำพูดที่ข้าพูดไม่เคยไม่เป็นจริง” บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นเอ่ยเสียงเย็น

 

เขาไม่ได้รับผลกระทบจากด้ายกระตุ้นวิญญาณ ในมือมีกระดิ่งใบเล็กๆ สีเทาอันประณีตโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ก่อนเขย่าเบาๆ

 

ติ๊ง…

 

ฉับพลันนั้นปราณสีเทาจำนวนมากแบ่งตัวออกมาแล้วพุ่งใส่ทั้งสามเหมือนกับหนวด

 

องครักษ์ที่เหลือในลานเรือนฟื้นสติกลับมาแล้ว ต่างก็ถือดาบพร้อมพุ่งใส่พวกลู่เซิ่งโดยไม่ส่งเสียง

 

“ท่านพ่อ!” หลิงโฉวหัวหวีดร้องด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน ปะทะกับผู้มีพระคุณช่วยชีวิต แถมยังต้องการบังคับให้อีกฝ่ายรั้งอยู่ นี่ไม่ใช่บิดาที่นางรู้จัก การกระทำที่ไม่สนใจหลักทำนองคลองธรรมนี้ไม่เหมือนสิ่งที่เขาจะทำได้

 

ลู่เซิ่งไม่สนใจหนวดปราณสีเทา หากกดฝ่ามือลงล่าง ด้ายกระตุ้นวิญญาณกลุ่มใหญ่กระจัดกระจายระเบิดออก พร้อมกับรัดพันต้นไม้ประดับสวนที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นเส้นด้ายไร้รูปร่างจำนวนมากก็กระชากคนทั้งสามหลบปราณเทาและดึงร่างลอยไปยังที่ไกล

 

“นี่คือด้ายกระตุ้นวิญญาณหรือ?!” ถูจินพลันทราบว่าเส้นด้ายพิเศษที่ลู่เซิ่งใช้คืออะไร เขานึกไม่ถึงว่าลู่เซิ่งจะใช้งานด้ายกระตุ้นวิญญาณได้ถึงขอบเขตนี้

 

“เฒ่าสวี่ เอาพวกเขาลงมา” บุรุษวัยกลางคนในลานเรือนเบื้องล่างเก็บกระดิ่งในมือโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

 

“ให้ข้าจัดการเถอะ”

 

เสียงนกยูงที่หวีดแหลมระเบิดออกอย่างฉับพลัน เหนือลานเรือนพลันปรากฏเงาสีดำรูปร่างปลาขึ้นผืนหนึ่ง

 

เงาสีดำปกคลุมพวกลู่เซิ่งไว้ในพริบตา ด้ายกระตุ้นวิญญาณทั้งหมดขาดสะบั้นลงและหลอมละลายในทันที

 

ลู่เซิ่งผุดสีหน้าเย็นชา ขณะกำลังจะเปลี่ยนความสามารถเพื่อหลบหนีต่อนั่นเอง

 

ฮ่าๆๆ!

 

เสียงหัวเราะร่าดังมาจากท้องฟ้าไกลออกไปในชั่วขณะที่เลือนราง

 

เส้นแสงสีน้ำเงินสองสายบินมาถึง พริบตาเดียวก็หยุดอยู่เหนือศีรษะคนทุกคน และกลายเป็นเงาคนอาภรณ์น้ำเงินสองสาย

 

แสงสีทองเข้มหลายสายกระจัดกระจายออกไปด้านหลังคนทั้งสอง ดูเหมือนกับว่ามีค่ายกลที่ใช้ตัดขาดและผนึกชนิดหนึ่งเปิดทำงานแล้ว

 

“!” ครั้งนี้แย่แล้ว ถูกไอ้โง่ด้านล่างถ่วงเวลาไว้จนคนผู้นั้นมาถึงแล้ว

 

เดิมลู่เซิ่งคิดจะซ่อนพลังและเบื้องลึกเบื้องหลัง โดยใช้วิชารักษาที่มีแบบแผนพาคนจากไป

 

น่าเสียดาย…

 

“จงตายเสียเถอะ!” เงาคนสีน้ำเงินสายหนึ่งในนี้พลันคว้ากรงเล็บใส่คอของลู่เซิ่ง ส่วนเงาคนอีกสายพุ่งใส่บุรุษวัยกลางคนในลานเรือน

 

ลู่เซิ่งกางสองแขนออก ด้ายกระตุ้นวิญญาณจำนวนมากพุ่งออกไปอย่างไร้รูปร่างแล้วขวางผู้มาเอาไว้ พร้อมกับพาพวกถูจินลอยไปยังที่ไกลต่อ

 

“สหายน้อยในเมื่อมาแล้ว ไฉนจึงรีบกลับนัก” เสียงชราเสียงหนึ่งลอยมาจากที่ไกล

 

“น่ารำคาญ…” ลู่เซิ่งอึดอัดคับข้องใจ

 

“ในเมื่อสหายน้อยขจัดพิษรุนแรงที่ฮัวอวี่ทิ้งไว้ได้ ก็คงขจัดพิษร้อยรุ่งเรืองร่วมใจได้เหมือนกันกระมัง ข้ามีพิษหลายชนิดที่แก้ไขไม่ได้พอดี สหายน้อยได้โปรด…”

 

“น่ารำคาญ…”

 

ลู่เซิ่งรู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม

 

“…หลิงซือเฉิงเชิญเจ้ามา ค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นสามเท่า นอกจากนี้ข้ายังจะ…”

 

“น่ารำคาญโว้ย ย้าก!”

 

ชั่วพริบตานั้นลู่เซิ่งฟาดมือออกไปโดยสัญชาตญาณ หลุมดำสามหลุมปรากฏด้านหน้าทรวงอกอย่างฉับพลัน

 

ด้ายกระตุ้นวิญญาณเหลือคณานับทะลักออกมาจากร่างของเขา กลายเป็นมือใหญ่ยักษ์จับคนสวมอาภรณ์น้ำเงินทั้งหมดที่อยู่กลางอากาศไว้

 

แคว่ก!

 

เลือดเนื้อนับไม่ถ้วนโปรยปราย

 

……………………………………….

 

[1] ครามเกิดจากน้ำเงินแต่เหนือกว่า หมายถึง คลื่นลูกหลังไล่คลื่นลูกหน้า คนมาทีหลังเก่งกว่าคนมาก่อน

 

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท