บทที่ 687 ผลกรรม (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

บทที่ 687 ผลกรรม (1)

ท้องฟ้าผืนดินมืดมิดลงทันตา

ควันดำเหลือคณานับระเบิดกระจายออกไปรอบๆ เสาควันสีดำหลายสายเหมือนกับหนวดสีดำที่เหยียดยื่นออกมา หล่นลงไปยังอาณาเขตนอกรัศมีหลายพันลี้รอบๆ อย่างต่อเนื่อง

กระเรียนดำขนาดยักษ์เป็นวิญญาณแห่งวัฏจักรที่ตัวเขาได้บรรลุหลังจากใช้เวลาเกือบร้อยปี

วิญญาณแห่งวัฏจักรคือรูปร่างดั้งเดิมของจิตวิญญาณของตัวเองที่จะปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติหลังจากบรรลุจิตแห่งวัฏจักร

ลู่เซิ่งเคยนึกว่ารูปร่างดั้งเดิมของจิตวิญญาณของตัวเองจะเป็นสภาพวิถีแปดมารสูงสุด

แต่ในพริบตาที่เข้าใจจนทะลุปรุโปร่งอย่างแท้จริง เขาก็ทราบว่า รูปร่างดั้งเดิมของวิญญาณของตัวเองเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้งในขณะที่หลอมรวมกับตัวเองในทุกๆ โลกจากการจุติในแต่ละครั้ง

การเปลี่ยนแปลงนี้ตัดสินธรรมชาติของรูปจิต

เดิมทีธรรมชาติรูปจิตของเขาเป็นเพียงความมืดอันโกลาหลกลุ่มหนึ่ง แต่จากการทำความเข้าใจในเวลาร้อยปีครั้งนี้ ทำให้เขากำหนดพันเทวะหรือกระเรียนยักษ์เป็นสภาพรูปจิตอันแข็งแกร่งของแกนกลาง

หากยึดตามบันทึกในวิชาหล่อเลี้ยงการฝึกฝนอันเป็นวิชาระดับมายาพิศวง มารสวรรค์จะได้รับจิตแห่งวัฏจักรมาในพริบตาที่เข้าใจถึงวัฏจักร

จิตแห่งวัฏจักรจะดูดซับพลังแห่งวัฏจักรจากโลกภายนอกโดยอัตโนมัติ ทว่าชื่อเต็มของจิตแห่งวัฏจักรในโลกมารสวรรค์เรียกว่ารูปจิตแห่งวัฏจักร

กระเรียนยักษ์พันเทวะเป็นชื่อที่เขาตั้งขึ้นตอนที่รูปจิตของเขาอยู่ในส่วนลึกของรากแรกเริ่ม

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงรูปจิตของตัวเองออกมาอย่างสมบูรณ์

ตูม!

ปีกของกระเรียนยักษ์สีดำฟาดเข้าไปในภูเขาสีดำที่กดทับลงมาเหมือนกับก้อนหินยักษ์สองก้อนที่ปกคลุมฟ้าดิน

แรงโน้มถ่วงกับพละกำลังอันมหาศาลต้านกันอยู่พริบตาหนึ่ง

จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่น ภูเขาระเบิดกระจัดกระจายจากส่วนก้นถึงส่วนยอด ก้อนหินยักษ์เหลือคณานับโปรยปรายไปรอบๆ ดุจห่าฝน

“เป็นไปได้อย่างไร!?” ทารกกำเนิดของฮ่วนซันเต้าหยินผุดสีหน้าอึ้งงัน ก่อนจะหมุนตัวคิดหลบหนี

ซู่!

อยู่ๆ กระแสอากาศสีดำอันน่ากลัวก็ม้วนตัวเขาไว้

“ไม่! เป็นไปไม่ได้! ข้าแพ้ได้อย่างไร!?” พลังวิญญาณทั่วร่างของฮ่วนซันเต้าหยินระเบิดอย่างบ้าคลั่ง หมายจะใช้พลังวิญญาณระเบิดกระแทกเพื่อหนีจากพันธนาการของกระแสอากาศ

แต่ก็ไร้ประโยชน์ กระแสอากาศสีดำยังคงแข็งแกร่ง ลากเขาไปทางกระเรียนยักษ์ทีละนิดๆ

จิตใจของเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในฐานะเซียนมนุษย์และหนึ่งในเซียนจริงแท้สิบสามคนแห่งลัทธิไม่จีรัง เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่าตนจะตกสู่สภาพนี้

นั่นคือภูเขาสั่งสมปราณทั้งลูกเชียวนะ!

ถูกเขาย้ายมาเป็นพันลี้เพื่อกดทับสัตว์ประหลาดสีดำตัวนั้น แต่ว่า…แต่ว่า!?

ต่อให้เขาจะเป็นฮ่วนซันเต้าหยิน ซึ่งฝึกฝนอิทธิฤทธิ์ย้ายเขาถมทะเลเป็นหลัก แต่หากคิดจะย้ายเขาสั่งสมปราณทั้งลูกมา ก็เป็นเรื่องที่ผลาญกำลังถึงขีดสุดเช่นกัน

เวลานักพรตทั่วไปต่อสู้ แค่ย้ายก้อนหินที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบกว่าหมี่หรือสิบยี่สิบหมี่ได้ก็กล้าเรียกว่าภูเขาแล้ว

หากใหญ่กว่านี้ก็จะเป็นแค่หินก้อนใหญ่ขนาดมากกว่าร้อยหมี่ แต่ตอนนี้เขาย้ายภูเขาใหญ่ของจริงมา

เขาสั่งสมปราณกว้างมากกว่าพันลี้

ตอนนี้ถึงกับถูกกระเรียนยักษ์สีดำที่ยาวมากกว่าพันหมี่ตัวหนึ่งฉีกเป็นชิ้นๆ

ถ้ามองดูไกลๆ จะเหมือนกับว่ากระเรียนดำที่มีขนาดเท่าเม็ดงาเจาะทะลุก้อนหินยักษ์ขนาดเท่าอ่างล้างหน้าเป็นผุยผง

“ไม่! เจ้าฆ่าข้าไม่ได้! ข้าคือหนึ่งในสิบสามเซียนจริงแท้แห่งลัทธิไม่จีรัง! ถ้าเจ้าฆ่าข้า เจ้าลัทธิไม่มีทางละเว้นเจ้าแน่!” เขาร้องตะโกนอย่างคลุ้มคลั่งพลางใช้กระบี่สีทองหลายเล่มในมือฟันใส่ควันดำด้านหลังอย่างต่อเนื่อง

แต่เพิ่งจะฟันถูกไปสายหนึ่ง ก็มีควันดำอีกสายลอยมารัดไว้จนสะบั้นไม่ได้ทันที

“โง่เง่า”

ลู่เซิ่งสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง มารสวรรค์ที่บรรลุจิตแห่งวัฏจักรแล้ว จะมีคุณสมบัติดูดซับพลังแห่งวัฏจักรด้วยเช่นกัน

ดูดซับพลังแห่งวัฏจักรมาปรับปรุงโลกรูปจิตของตัวเอง จากนั้นก็บรรลุเป็นมายาพิศวง

ปกติแล้วกระบวนการนี้จะเชื่องช้าเนิ่นนาน แต่กลับมีวิธีการร่นระยะเวลาที่เร็วที่สุดอยู่

นั่นก็คือการชิงพลังแห่งวัฏจักรของคนอื่น

หากดูดซับพลังแห่งวัฏจักรที่กระจัดกระจายอย่างช้าๆ อย่างน้อยต้องใช้เวลามากกว่าหมื่นปีถึงจะสำเร็จ

ทว่าถ้าหากเจอปัจเจกที่แข็งแกร่งซึ่งมีพลังแห่งวัฏจักร จากนั้นก็ดูดซับพลังวัฏจักรบนตัวอีกฝ่ายมา เช่นนั้นก็จะร่นระยะเวลาการฝึกฝนได้อย่างมหาศาล

และเพราะเหตุนี้ อัตราการต่อสู้ฆ่าฟันที่เกิดขึ้นระหว่างเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในระดับชั้นนี้จึงเพิ่มสูงขึ้นในพริบตา

กลืนกินพลังแห่งวัฏจักรของอีกฝ่าย แล้วนำมาปรับปรุงโลกรูปจิตของตัวเอง นี่เป็นเป้าหมายที่ผู้ยิ่งใหญ่มายาพิศวงสายมารสวรรค์ต้องการจะบรรลุให้ได้

ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ผู้ยิ่งใหญ่มารสวรรค์ระดับมายาพิศวงมีจำนวนไม่มากนัก

‘โลกนับไม่ถ้วน แค่โลกมารสวรรค์ สะสมมาตั้งหลายปี ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมายาพิศวงกลับมีอยู่นิดเดียว ไม่ง่ายเลยจริงๆ’

ลู่เซิ่งมองดวงจิตแรกของฮ่วนซันเต้าหยินที่ค่อยๆ ถูกลากเข้ามา ในใจไร้อารมณ์ใดๆ

นี่คือความแตกต่างของระดับ

พูดถึงพลังฝึกปรือและความสามารถ ฮ่วนซันเต้าหยินแข็งแกร่งกว่าเขาที่ยังสัมผัสจิตแห่งวัฏจักรไม่ได้

อย่างอื่นไม่พูดถึง แค่ภูเขาขนาดยักษ์สูงหลายพันลี้ที่ถูกเคลื่อนย้ายมาก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้านทานได้ไหวแล้ว

การปล่อยคลื่นสมุทรในอดีตของเขาเทียบไม่ได้เลย

ก้อนหินกับน้ำ สองสิ่งไม่อาจเทียบน้ำหนักกันได้ ยิ่งไปกว่านั้นปริมาณน้ำที่เขาปล่อยออกมายังเบากว่าน้ำหนักของภูเขาลูกนี้เสียอีก

ต่อให้ใช้ร่างหลักของเขาปล่อย ก็ไม่แน่ว่าจะสู้ได้

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว…

จิตแห่งวัฏจักร คือรูปจิตอันน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากการผสานพลังแห่งวัฏจักรทั้งหมดที่ตนเองมีเข้ากับสสารว่างเปล่าที่ลี้ลับเป็นจำนวนมาก

นี่คือร่างแปลงที่เป็นตัวแทนพลังแห่งวัฏจักรซึ่งจิตและวิญญาณทั้งหมดของลู่เซิ่งในตอนนี้ครอบครองอยู่

‘นี่เป็นไพ่ตายที่เกิดขึ้นจากการระเบิดพลังแฝงของเราทั้งหมด…’ ลู่เซิ่งมองกระเรียนยักษ์สีดำที่กำลังเงยหน้าร้องคำรามท่ามกลางห่าฝนหิน ในใจเกิดความเข้าใจบางอย่าง

‘เราเป็นทั้งคนที่แข็งแกร่งที่สุดและอ่อนแอที่สุด เกิดมีคนฆ่ากระเรียนยักษ์ตัวนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นก็หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างของเรา จิตวิญญาณของเรา จะถูกทำลายในพริบตา ไม่มีทางไปเกิดใหม่ได้อีก’

ฟิ้ว!

พริบตานั้น ฮ่วนซันเต้าหยินถูกกระเรียนยักษ์กลืนกินเข้าปากในคำเดียว เสียงหายไปทันที

ห่าฝนหินยักษ์ทั้งหมดรอบๆ ก็ค่อยๆ สงบลงเช่นกัน ภูเขาสั่งสมปราณระเบิดออก ภูมิประเทศที่อยู่รอบๆ กองสุมกันจนกลายเป็นที่ราบสูงและพื้นที่สูงอันสมส่วน

เสียงครืนครันกับเสียงสั่นสะเทือนค่อยๆ เบาลง

ลู่เซิ่งใช้ความคิด กระเรียนยักษ์สีดำพลันสลายไป ระเบิดกลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วน พร้อมกับหายไปจากกลางอากาศ

จุดสีดำจำนวนมากรวมตัวกันรอบๆ ตัวเขา จากนั้นก็ซึมเข้าไปในร่างเขาอย่างช้าๆ แค่ไม่กี่วินาที จุดดำทั้งหมดก็ถูกดูดหายเข้าไปในร่างของเขาจนหมด

“ท่านพ่อ!”

“องค์ราชา!”

รอจนทุกอย่างสงบลง เงาร่างสิบกว่าสายจากถ้ำราชากระเรียนและพวกหลงเหอจื้อจากสำนักกระเรียนพิสุทธิ์ค่อยรีบวิ่งมาจากที่ไกล

ก่อนหน้านี้ที่ลู่เซิ่งลงมือ ย่อมคอยปกป้องคนเหล่านี้ไปด้วย ยังดีที่พลังของฮ่วนซันเต้าหยินไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเขา ถึงขั้นที่เขาใช้พลังหลงเหลือกระแทกหินก้อนยักษ์ที่หล่นใส่ทุกคนออกไปได้

เวลานี้ถ้ำราชากระเรียนหายไปแล้ว เหลือเพียงที่ราบที่เกิดจากก้อนหินสูงสีเทาอมดำผืนหนึ่งเท่านั้น

พวกที่มาถึงก่อนคือสิบสองกระเรียนปีศาจและเจ้าสนขาว

เงาลวงสิบสามสายวูบไหวมาถึงด้วยความเร็วที่สูงสุดขีด

“ท่านพ่อ…! ในที่สุด ท่านก็กลับมาแล้ว!” เสี่ยวเจินคุกเข่าลง น้ำตานองหน้า ถ้าหากไม่ใช่ลู่เซิ่งกลับมาในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ ถ้ำราชากระเรียนทั้งถ้ำคงจะหายไปตลอดกาล

กระเรียนปีศาจที่เหลือน้ำตาไหล ตอนแรกพวกมันเตรียมตัวตายแล้ว แต่ชะตาชีวิตยังไม่ถึงฆาต

ลู่เซิ่งมาถึงทันเวลา และจุดเชื้อไฟแห่งความหวังขึ้นในก้นบึ้งหัวใจของพวกมันอีกครั้ง

ลู่เซิ่งเหลียวมองกระเรียนปีศาจ

“ลำบากแล้ว ต่อจากนี้ ข้าจะรับช่วงต่อเอง”

ตอนนี้คนสามคนจากสำนักกระเรียนพิสุทธิ์ค่อยเร่งรุดมาถึง พวกเขาเห็นการต่อสู้ที่น่าหวั่นสะพรึงปานทำลายฟ้าดินเมื่อครู่แล้วเช่นกัน

แม้เฮ่อเจินเต้าหยินจะเป็นศิษย์ของหลงเหอจื้อ แต่ระดับพลังและขอบเขตในเวลานี้ของเขากลับเหนือกว่าหลงเหอจื้อไปไกลโข ถึงชนิดที่ผีสางเทวดายากหยั่งคาด

เวลานี้ทั้งสามไม่ทราบจะใช้สีหน้าอย่างไรกับเขาดี ดูเร่งร้อนและซับซ้อนอยู่บ้างเท่านั้น

“อาจารย์ อาจารย์อาทั้งสอง จากกันหลายสิบปี พวกท่านสบายดีหรือไม่” ลู่เซิ่งกลับเป็นฝ่ายทักถามโดยไม่แสดงความห่างเหินแม้แต่น้อย

หลงเหอจื้อริมฝีปากสั่นไหว ครู่ต่อมาจึงค่อยเค้นคำพูดว่า

“ดี…พวกเราสบายดี…”

“เจ้าไปไหนมา พวกเราหาที่ไหนๆ ก็ไม่เจอ ค้นไม่เจอแม้แต่เงา” ป๋อหรูชิงอดถามด้วยน้ำเสียงเร่งร้อนไม่ได้

“ข้า…เรื่องมันยาว…” ลู่เซิ่งส่ายหน้าน้อยๆ “หาที่พักผ่อนแล้วค่อยคุยกันเถอะ”

เมื่อลู่เซิ่งกลับมา ทุกคนย่อมมอบหมายให้เขาเป็นผู้นำ จากนั้นเหล่ากระเรียนปีศาจก็รีบไปขุดศพของฮ่วนซันเต้าหยินออกมา

แต่ศพเน่าสลายเละเทะไปแล้ว หนำซ้ำยังไม่มีพลังวิญญาณแม้แต่น้อย เหมือนกับศพทั่วไป

เพียงแต่หาของเล่นชิ้นเล็กๆ เจอบนตัวศพเท่านั้น เป็นของที่ใช้ได้บางส่วนกับคัมภีร์ที่ชำรุดเล่มหนึ่ง

ลู่เซิ่งเก็บข้าวของ แล้วพาทุกคนกลับตำหนักเยวี่ยอ๋องอย่างรวดเร็ว

ถ้ำราชากระเรียนหายไปแล้ว ย่อมได้แต่ใช้ตำหนักเยวี่ยอ๋องเป็นที่พักแรมชั่วคราว

เขาคำนวณระหว่างทางว่า ตอนนี้ยังต้องจัดการอะไรอีก ความจริงเป้าหมายหลักที่เขามายังโลกใบนี้ได้สำเร็จไปแล้ว

แม้สุดท้ายราชวงศ์ซีหยาจะล่มสลาย เขาเลยไม่อาจสะสางผลกรรมของร่างต้นร่างนี้ได้ ทว่าสำหรับตนที่หลอมรวมกับโลกใบนี้แล้ว การบรรลุจิตแห่งวัฏจักรอย่างสมบูรณ์สำคัญกว่าทุกสิ่ง

นี่เป็นสัญลักษณ์ว่า ภายหลังขอแค่เขาดูดซับพลังแห่งวัฏจักรได้มากพอ ก็จะสำเร็จเป็นมายาพิศวง และก้าวสู่ขอบเขตผู้ยิ่งใหญ่ระดับทำลายดวงดาวได้อย่างแท้จริง

เป้าหมายบรรลุแล้ว เขากลับไปได้ตลอดเวลา แต่พลังของฮ่วนซันเต้าหยินทำให้เขาเกิดการประเมินต่อพลังระดับสุดยอดของโลกใบนี้

โลกใบนี้มีพลังแข็งแกร่งมากจริงๆ!

ปัจจุบันเขานับเป็นผู้ยิ่งใหญ่กึ่งมายาพิศวงได้แล้ว ทว่าฮ่วนซันเต้าหยินยังต่อสู้กับเขาได้หลายกระบวนท่า

ร้ายกาจอย่างยิ่ง

นี่หมายความว่าถ้าหากฮ่วนซันเต้าหยินต้องการ เขาจะทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนผิวโลกได้ซ้ำไปซ้ำมา อย่างน้อยก็เป็นพลังระดับสูงสุดของขอบเขตลวงตา

ตามที่เขาว่า ผู้เข้มแข็งแบบนี้ในลัทธิไม่จีรังมีอยู่อย่างน้อยอีกสิบสองคน

ตำหนักเยวี่ยอ๋อง

ลู่เซิ่งนั่งอยู่ด้านหน้าเยวี่ยอ๋อง จ้องมองใบหน้าที่ชราจนไม่เหลือเค้าเดิมของอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน

ยังมีหยวนย่วนย่วนกับหยวนหลิ่วหลิ่วที่แก่ชราจนแทบจดจำไม่ได้อยู่ข้างๆ เยวี่ยอ๋อง

โฉมงามที่เคยเยาว์วัย เวลานี้กลับพอจะมองร่องรอยเค้าโครงในอดีตออกเพียงเล็กน้อยเท่านี้

“พวกท่าน…หลายปีมานี้ยังสบายดีกระมัง” ลู่เซิ่งนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ

“ถ้ำราชากระเรียนที่เจ้าทิ้งไว้ปกป้องตำหนักเยวี่ยอ๋องมานานมาก” เยวี่ยอ๋องยิ้ม “จะว่าดีก็ไม่ได้ แต่ยังนับว่าสงบสุข เพียงแค่สร้างความลำบากให้แก่น้องสาวสองคนของเจ้า…”

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท