บทที่ 696 ตระเตรียม (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

บทที่ 696 ตระเตรียม (2)

บนเรือเหาะมีคนร้อยกว่าคน ทั้งหมดเป็นคนจากสำนักมารกำเนิดและคนในตระกูลลู่ ประกอบด้วยคนธรรมดามากมายที่ไม่มีพลังป้องกันตัวโดยสิ้นเชิง

“อย่างนั้นก็ดี…” อันซาพยักหน้าน้อยๆ

เรือเหาะดูเชื่องช้า แต่ความจริงรวดเร็วว่องไว ไม่นานก็ฝ่าแนวป้องกันแรกได้โดยสมบูรณ์

“ระวังเส้นดำรอบๆ ด้วย พวกมันเป็นเส้นสีดำที่อยู่ในลักษณะกึ่งหลบเร้นซึ่งเห็นได้ยาก เป็นมัจฉาสงครามที่มารดาแห่งความเจ็บปวดปล่อยเอาไว้ เกิดไปโดนเข้า จะถูกมารดาแห่งความเจ็บปวดเจอตัวทันที!”

อันซาเห็นดังนั้นก็เคร่งเครียดขึ้น พร้อมกับร้องเตือนเสียงดัง

เรือเหาะช้าลง แต่ยังคงบินไปยังนภาดาราอย่างมั่นคง

เพียงแต่ไม่ทราบว่ามีตาข่ายสีดำที่รูปทรงเปลี่ยนแปลงไปมาโผล่มารอบๆ ตั้งแต่ตอนไหน ตาข่ายเหล่านี้แผ่ออกและเคลื่อนย้ายด้วยความเร็วสูงผ่านเรือเหาะ เป็นเพราะเร็วเกินไป มองดูไกลๆ จึงดูเหมือนมัจฉาสีดำ

“หักซ้ายสามสิบสององศา! ระวัง! เร่งความเร็วไปด้านหน้า” สุภาพบุรุษชราสั่งการ

“เข้าใจแล้ว”

หมีก่วงอิงตั้งสมาธิควบคุมเรือเหาะให้หักเลี้ยวไปมา ทะลวงผ่านมัจฉาสีดำสิบกว่าตัวอย่างแม่นยำ

“ระวังทางขวา! มาอีกฝูงแล้ว!” อันซาพลันร้องเตือน

“เห็นแล้ว! ข้าจัดการเอง!” หมีก่วงอิงพลิกซ้าย จากนั้นก็กดเรือเหาะลง หลบรอดมัจฉาสีดำฝูงนี้ไปได้อย่างง่ายดาย

ซู่!

เรือเหาะเจาะผ่านตาข่ายพันธนาการซึ่งเป็นมัจฉาสีดำติดต่อกันเป็นฝูงที่สาม

ตาข่ายเหล่านี้ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ความหนาแน่นค่อยๆ บางลงตามกาลเวลาที่ผ่านไปเช่นกัน

ถ้ามีคนมองมาจากทางนภาดาราอันแสนไกล จะเห็นว่า เรือเหาะสีดำได้ฝ่าไปถึงชั้นผิวของตาข่ายมัจฉาดำซึ่งเหมือนกับผ้าโปร่งสีดำผืนหนาแล้ว ขอแค่ทะลวงชั้นที่สองอีกรอบ ก็จะหลุดออกจากดาวปรภพ หลุดพ้นจากวิกฤติการณ์ได้อย่างสมบูรณ์

ไม่นานนัก เรือเหาะก็ทะลวงผ่านตาข่ายมัจฉาดำอีกชั้นไปถึงชั้นสุดท้ายอย่างไร้สุ้มเสียง

“ชั้นสุดท้ายแล้ว ทั้งสองคนระวังด้วย!” หมีก่วงอิงปาดเหงื่อบนหน้าผากและถอนใจช้าๆ ต่อให้เป็นนาง ก็ต้องใช้พลังสมาธิอย่างมหาศาลในการบินหลบอย่างแม่นยำเมื่อครู่นี้เช่นกัน

นางต้องคอยสังเกตวิถีของมัจฉาดำทั้งหมดที่บินมารอบๆ ตลอดเวลา ทั้งยังต้องคาดเดาทิศทางคร่าวๆ ของพวกมันและทิศทางที่พวกมันจะว่ายไปด้วย

แถมยังต้องคอยระวังเช่นกันว่า มีมัจฉาเปลี่ยนทิศทางกะทันหันหรือไม่

“ไม่ต้องห่วง ชั้นนี้มั่นคง พวกเราระวังตัวหน่อยก็พอ ชั้นนี้ถี่ยิ่งกว่าชั้นทั้งหมดเมื่อก่อนหน้าเสียอีก! แต่ถ้าทะลวงไปได้ พวกเราก็จะเป็นอิสระโดยสมบูรณ์!” อันซาเอ่ยเสียงดัง

สุภาพบุรุษชราไม่พูดอะไรเลย เพียงแค่กำหมัดแน่น ลวดลายเทวลักษณ์อันซับซ้อนกะพริบแสงสีดำตรงกลางหน้าผากอย่างต่อเนื่อง

ซู่!

ในตาข่ายดำชั้นสุดท้าย มัจฉาสี่ฝูงพุ่งมาจากทั่วทุกทิศทางด้วยความเร็วที่ช้ากว่าเรือเหาะเพียงเล็กน้อย

“เร่งความเร็ว!” อันซาตะโกน

หมีก่วงอิงจับคันบังคับไว้แน่น ก่อนจะกดขึ้นด้านบน ไม่ให้มันขยับเขยื้อนไปไหน

กระแสพลังงานไร้รูปร่างจำนวนมากพ่นออกมาจากจากสองฟากข้างของเรือเหาะ เพื่อผลักดันเรือเหาะทั้งลำให้เร่งความเร็วขึ้น

เรือเหาะเข้าใกล้มัจฉาสีดำขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป

ตูม!

อยู่ๆ เรือเหาะก็สั่นสะเทือน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ชนใส่อะไร แต่เหมือนมีอะไรสักอย่างมาชนใส่ก่อน

“แย่แล้ว!” อันซาสีหน้าเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เห็นมัจฉาดำทั้งหมดตรงหน้าหยุดชะงักพร้อมกัน ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาเรือเหาะเสียงดังฟ้าวๆๆ

“มีตาข่ายลับ! บัดซบเอ๊ย!”

มารดาแห่งความเจ็บปวดได้วางตาข่ายดำซ่อนเร้นไว้ด้านหน้าตาข่ายมัจฉาดำชั้นสุดท้ายที่ชายขอบของดาวเคราะห์

นางใช้ประโยชน์จากความยากของตาข่ายดำชั้นสุดท้ายที่ถี่ยิบ ดึงดูดความสนใจของทุกคน แล้ววางตาข่ายซ่อนเร้นเป็นท่าสังหารไว้ก่อนล่วงหน้านิดหน่อย เพื่อทำให้พวกนางรับมือไม่ทัน

เรือเหาะโคลงเคลงอย่างรุนแรง หางพลังไร้รูปร่างที่สองฟากข้างเหมือนถูกรบกวน ส่งเสียงพ่นลมออกมาดังซี่ๆ ตลอดเวลา

“จะหยุดที่นี่ไม่ได้ ลงมือ! ฝ่าออกไป!” หมีก่วงอิงผุดสีหน้าเหี้ยมเกรียมขณะควบคุมให้หน้าต่างผลึกของเรือยกขึ้นไปด้านหน้า จากนั้นนางก็พุ่งออกไปผ่านหน้าต่างผลึก

เคร้ง!

เรือเหาะรูปมัจฉาสีดำลำหนึ่งที่พุ่งเข้ามาโดนนางฟันขาดเป็นสองท่อนดุจสายฟ้าฟาด หลังจากเฉียดผ่านกันแล้ว มันก็ระเบิดเสียงดังตูมตาม

ก้อนเพลิงสีแดงชาดกับเสียงระเบิดดึงดูดให้มัจฉาสีดำจำนวนมากกว่าเดิมที่อยู่รอบๆ มารวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง

“รีบไปเร็ว!”

อันซาโบกมือขวา ปราณมารสีดำจำนวนเหลือคณานับทะลักออกมา มังกรดำขนาดยักษ์ที่ยาวมากกว่าพันหมี่ตัวหนึ่งเลื้อยออกมาจากปราณมาร

“เจี๋ยลา ฝากเจ้าด้วย!” อันซาตะโกน

“ข้าจัดการเอง” มังกรดำลากร่างกายที่ยาวเหมือนกับงูไปชนใส่ฝูงมัจฉาสีดำที่ไล่ตามมาอย่างแน่นขนัด

เขามังกรสีดำทนทานไม่บุบสลาย พริบตาเดียวก็ชนทำลายเรือเหาะมัจฉาไปแล้วสิบกว่าลำ

ทว่าก็มีมัจฉาสีดำโต้กลับทันที กระสุนแสงสีดำจำนวนมากถูกระดมยิงใส่ผิวมังกรดำอย่างรุนแรง

เกล็ดมังกรค่อยๆ เปิดออกจนเลือดไหลซึมออกมา

มังกรดำร้องโหยหวนก่อนจะพ่นไฟสีทองออกไปรอบๆ กำจัดเรือเหาะมัจฉาหลายสิบลำได้ในทันที

แต่ก็ได้แค่นั้น เรือเหาะมัจฉาสีดำจำนวนมากกว่าเดิมพุ่งมาแต่ไกล มังกรดำเจี่ยลาขัดขืนอยู่สักพัก จึงค่อยถูกกลบหายเข้าไปกลางกองทัพมัจฉาจำนวนมาก ไม่นานก็สิ้นลมหายใจ แหลกสลายกลายเป็นปราณมารโบราณนับไม่ถ้วน

พรูด

เลือดย้อนขึ้นไปถึงลำคอของอันซา

“มารอัญเชิญของข้าถูกสังหารแล้ว จำนวนพวกมันมีเยอะเกินไป!”

เวลานี้เรือเหาะพอจะทะลวงตาข่ายมัจฉาดำออกมาได้แล้ว แต่กลับสลัดเรือเหาะมัจฉาจำนวนมากที่อยู่ด้านหลังไม่พ้น

“ไม่เป็นไรๆ ใกล้แล้ว! ใกล้จะถึงจุดนัดหมายแล้ว!” หมีก่วงอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเร่งร้อนขณะใช้มือหนึ่งคว้าเรือเหาะไว้ และใช้อีกมือฟันดาบสีดำออกไป ทำลายเรือเหาะมัจฉาที่พุ่งมาลำหนึ่งอย่างรุนแรง

นางรู้ดีว่า ในเรือเหาะบรรจุญาติพี่น้องของลู่เซิ่งไว้ หากว่าเกิดเรื่อง นางจะไม่มีหน้าไปพบลู่เซิ่งแล้ว

เรือเหาะเร่งความเร็วขึ้นทีละนิด ดีที่เร็วกว่ามัจฉาดำที่อยู่ด้านหลังเล็กน้อย

เวลาค่อยๆ ผ่านไป เรือเหาะค่อยๆ ออกห่างจากมัจฉาที่อยู่ด้านหลัง นี่ทำให้ทั้งสามคนต่างโล่งใจ

“อีกนิดเดียวก็น่าจะ…”

ตูม!

เกิดเสียงดังสนั่นในทันใด เรือเหาะทั้งลำพลิกตีลังกา เหมือนกับโดนของที่ใหญ่โตมโหฬารกระแทกใส่อย่างแรง

พวกหมีก่วงอิงพยายามรักษาความมั่นคงให้เรือเหาะ แต่แรงกระแทกรุนแรงเกินไป ทั้งสามรวมพลังกันก็ได้แต่ลดความเร็วในการพลิกตีลังกานิดหน่อยเท่านั้น

ส่วนหางของเรือเหาะถูกชนจนขาดกระจุย มีหนึ่งในห้าส่วนโดนชนหักพร้อมกับลอยไปยังส่วนลึกของจักรวาล

“บัดซบ! กระแสมิติเวลาลับ!” หมีก่วงอิงกัดฟันคำราม

นางนึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าจะมาเจอกระแสมิติเวลาในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้

“ไม่! นี่ไม่ใช่ความบังเอิญ! มารดาแห่งความเจ็บปวดมีความสามารถที่ส่งผลต่อมิติเวลา จะต้องเป็นชั้นป้องกันลับที่ตั้งใจวางไว้เป็นการเฉพาะแน่!” สุภาพบุรุษชราตะโกน

“รีบคิดหาวิธีเร็ว! ไม่อย่างนั้นพวกเราได้ถูกม้วนเข้าไปในกระแสวังวนมิติเวลากันหมดแน่!” อันซากรีดร้อง

เกิดว่าถูกม้วนเข้าไปในกระแสมิติเวลาลับโดยไม่ได้เตรียมเครื่องหมายนำทางไว้ก่อน ก็อย่าคิดกลับโลกมารสวรรค์ตลอดกาล

เรือเหาะพลิกตีลังกาสามร้อยหกสิบองศาอย่างบ้าคลั่ง ทั้งสามประคับประคองสมดุลของเรือเหาะสุดแรงเกิด แต่น่าเสียดายที่แรงกระแทกของคลื่นมิติเวลารุนแรงเกินไปจริงๆ จึงได้แต่ลดความเร็วที่เชื่องช้าที่สุดของมันได้เท่านั้น

ในความมืดกลางนภาดารา

เงาร่างสีดำใหญ่โตที่มีตาเพียงข้างเดียวสายหนึ่งลืมตาจ้องมองเรือเหาะที่ลอยไปไกล พลันเอื้อมแขนข้ามระยะห่างไกลแสนไกลไปผลักใส่ด้านข้างเรือเหาะอย่างแรงอีกรอบ

ตูม!

ฝ่ามือมีขนาดเกือบเท่าเรือเหาะ การกระแทกครั้งนี้ทำให้เรือเหาะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที

ตัวเรือส่วนเล็กๆ ระเบิดกลายเป็นก้อนเพลิงสีแดงชาดอีกครั้ง

หมีก่วงอิงคำราม รวบรวมพลังทั่วร่างเป็นประจุไฟฟ้าสีดำสายหนึ่งแล้วฉาบไว้บนคมดาบสีดำในมือของนาง

“วิญญาณนภาไร้สิ้นสุดฟาดฟัน! กะอีแค่เงาสายเดียว จงทลายไปซะ!”

ฟ้าว!

ดาบสีดำลากประกายดาบยาวมากกว่าร้อยหมี่ ประกายสีเงินเล็กๆ กะพริบด้านหลังประกายดาบสีดำ เหมือนกับเส้นหนึ่งดำเส้นหนึ่งเงินพาดเกี่ยวกัน แล้วฟันใส่ฝ่ามือยักษ์อย่างรุนแรง

ตูม!

คล้ายกับประกายดาบไม่ได้ฟันใส่ร่างมีเลือดมีเนื้อ

ฝ่ามือไม่เสียหายแม้แต่น้อย แต่ในที่สุดหมีก่วงอิงก็ยืมพลังอันยิ่งใหญ่นี้ ดีดเรือเหาะเร่งความเร็วออกห่างจากระบบดาวปรภพได้

“รีบไป…รีบไปแจ้งลู่เซิ่งเร็ว…จงใช้…แร่ดิบของข้า!” หมีก่วงอิงพูดประโยคสุดท้าย ก่อนจะกระอักเลือดออกมา แล้วหงายหลังล้มหมดสติไป

อันซากับสุภาพบุรุษชรารีบเข้าไปประคองนาง พลางฝืนผสานสร้างพลังชั้นขอบเขตมายาขึ้น แล้วควบคุมเรือเหาะจากไปอย่างรวดเร็ว

“ของขวัญพบหน้า หวังว่าเจ้าจะชอบนะ…” สตรีตาเดียวเจ้าของร่างมโหฬารมองดูทิศทางที่เรือเหาะจากไป ก่อนจะยิ้มหยัน

“เรือเหาะแตกเป็นเสี่ยง…หนิงเอ๋อร์หายตัวไปหรือ?!”

ลู่เซิ่งลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วมองแร่ดิบที่ลอยอยู่กลางอากาศด้านหน้า

“ใช่…ตอนที่ใกล้จะออกมาสำเร็จ อยู่ๆ ก็เจอเงาฝ่ามือลี้ลับฟาดเรือเหาะเข้า…คนครึ่งหนึ่ง…ของสำนักมารกำเนิดเสียชีวิต คนหนึ่งในสามส่วนของจวนลู่ตกลงไปตาย…พวกเรา…พวกเรา…”

ลู่เซิ่งฟังเสียงสะะอึกสะอื้นจากแร่ดิบอย่างเงียบๆ โดยไม่แสดงสีหน้า

“รายงานพิกัดของพวกเจ้ามา” เขาพลันตัดบทอีกฝ่าย

“…ห่างจากดาวซีจิงห้าสิบปีแสง รอบๆ มีแถบอุกกาบาต…ยังมี…ใกล้ๆ ยังมีระบบดาวฤกษ์ที่มีดวงอาทิตย์สองดวงแห่งหนึ่ง!”

“ข้าเข้าใจแล้ว…อีกเดี๋ยวจะมีคนไปรับ” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างสงบ

“รับ…รับทราบ…”

การติดต่อของแร่ดิบค่อยๆ ขาดลง

ลู่เซิ่งนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับเงยหน้ามองดูดวงดาวที่สุกสกาวบนฟากฟ้า

“ทัวหลัน เจ้าว่า ทำไมถึงมีคนไม่เข้าใจความล้ำค่าของชีวิตเสมอ การอยู่โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยงดงามขนาดไหน” เขาถามเบาๆ

ทัวหลันปาเฮ่อนิ่งไปครู่หนึ่ง

“อาจ…เป็นเพราะเจ็บปวดก็ได้นะเจ้าคะ”

“เจ็บปวดหรือ” ลู่เซิ่งก้มหน้าลงมองนาง

“เจ้าค่ะ…มีแต่คนที่ใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวดมากกว่าความตายเท่านั้น ถึงจะคิดแสวงหาการหลุดพ้น” ทัวหลันเอ่ยเสียงแผ่ว

“เป็นอย่างนั้นเองเหรอ” ลู่เซิ่งค่อยๆ ลุกขึ้น

“ตอนแรกข้าเตรียมจะถอนตัว หาดาวเคราะห์ดีๆ สักดวงเพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบ เวลาไม่มีอะไรทำก็เลี้ยงลูก อยู่เป็นเพื่อนภรรยา น่าเสียดาย…ทำไม…ทำไมถึงมีคนบีบคั้นข้าอยู่เรื่อย…”

ลู่เซิ่งก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าว ถึงกับเหยียบย่ำความว่างเปล่าเดินขึ้นสู่ท้องฟ้าเหมือนกับขึ้นบันไดล่องหน

ผลึกทรงขนมเปียกปูนสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นด้านหลังเขาอย่างช้าๆ

ฟ้าว!

จากนั้นผลึกก็กางหนวดสีดำที่เหมือนกับกิ่งไม้นับไม่ถ้วนออกไปรอบๆ ในพริบตา

หนวดสีดำปกคลุมอาณาเขตรอบๆ มากกว่าพันหมี่ไว้ทันที

ท้องฟ้ามืดครึ้มลง

เกิดเสียงดังตูม

ลู่เซิ่งหายสาบสูญไปจากที่เดิม

หลังจากเกิดเสียงแจ้งเตือนอย่างรุนแรง ทุกคนก็เห็นเงากระเรียนสีดำที่ใหญ่โตมโหฬารตัวหนึ่งกำลังบินไปยังนภาดารา หายไปด้านนอกชั้นป้องกันของตัวเมืองในพริบตาเดียว

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท