บทที่ 710 ยืนด้วยลำแข้ง (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

บทที่ 710 ยืนด้วยลำแข้ง (2)

“เรียบร้อยแล้ว” ลู่เซิ่งปิดคัมภีร์เวทมนตร์ ใกล้จะต้องอพยพจากที่นี่แล้ว เขาไม่มีอะไรให้ต้องเอาไปนอกจากคัมภีร์เวทมนตร์ เขาไม่สนใจของอย่างอื่น

เมื่อเดินออกจากถ้ำ เขาเงยหน้ามองมังกรตัวอื่น มังกรสีรุ้งโตเต็มวัยจำนวนไม่น้อยแบกก้อนแสงสีม่วงอมดำมากมายไว้ด้านหลัง นั่นเป็นถุงอากาศช่องมิติที่เกิดจากการที่พวกเขาใช้เวทมนตร์ห่อข้าวของทั้งหมดของตัวเองเอาไว้

มังกรสีรุ้งเป็นยอดฝีมือทางเวทมนตร์ตั้งแต่กำเนิด หลังจากโตเต็มวัยพวกเขาต่างก็เป็นระดับจอมเวทขึ้นไป จึงควบคุมเวทมนตร์และพลังงานได้อย่างเชี่ยวชาญ

กอปรกับเวทมนตร์ภาษามังกรจะมีอานุภาพเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ

ดังนั้นจึงเกิดภาพอันตระการตาตรงหน้า

คลื่นเวทมนตร์มิติที่อยู่เหนือกว่าระดับจอมเวทสิบกว่าชนิดรวมกัน บีบอัดสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ แทบทั้งหมดจนตัวสั่นไม่กล้าขยับเขยื้อน

‘เวทมนตร์แตกต่างกับธาตุสายสร้างพลังงาน…ตรงที่ใช้พลังเวทกระตุ้นกฎของมิติโดยตรง…’ ลู่เซิ่งหยีตามองเวทมนตร์มิติบนร่างมังกรสีรุ้งทั้งหลาย พร้อมกับเกิดความคิดที่อธิบายไม่ได้ในใจ

เมื่อเป็นแบบนี้ เวทมนตร์ประเภทนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบจากความหนาแน่นของธาตุ

‘บางทีเราน่าจะพัฒนาไปทางเวทมนตร์อย่างเดียวเลยดีกว่า…ไม่ใช่เอาแต่ฝึกฝนเวทมนตร์ธาตุ…’ ลู่เซิ่งเกิดความคิด

“อิจฉาหรือ” ทีอาบินลงมาบนพื้นอย่างแผ่วเบาจากสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลออกไปพลางมองลู่เซิ่งและแซลลี

“อย่ากังวลไปเลย เวทมนตร์ธาตุที่พวกเจ้าเรียนรู้จะสร้างบ่อพลังธาตุได้หลังจากขั้นหก เมื่อใช้งานจริงๆ จะมีอานุภาพเหนือกว่าเวทมนตร์อย่างเดียวเสียอีก แน่นอนว่าเวทมนตร์ได้เปรียบตรงที่มีอาณาเขตกว้างมาก และใช้ที่ใดก็ได้ ไม่ได้รับผลกระทบจากความหนาแน่นของธาตุ แต่ก็ยากมากเช่นกัน ตอนนี้พวกเจ้าใช้ไม่ได้หรอก”

“ขอบคุณขอรับอาจารย์ทีอา ข้าเข้าใจแล้ว” ลู่เซิ่งพยักหน้า

“อือ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นผู้ที่เยือกเย็นและมั่นคงที่สุดในหมู่พวกเจ้าทั้งสี่ แต่อย่ารีบร้อนนักเลย มังกรสีรุ้งเช่นพวกเราจะไปถึงระดับหกได้เองเมื่ออายุถึงเกณฑ์” ทีอาเอ่ยสอน

“ถึงตอนนี้พวกเจ้าจะเพิ่งก้าวสู่ขั้นหนึ่ง แต่พวกเราเป็นมังกรสีรุ้งที่ครอบครองพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน อนาคตยังอีกยาวไกล”

“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านอาจารย์” ลู่เซิ่งพยักหน้า

“ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะ”

แซลลีขานรับอย่างเชื่อฟังจากด้านข้าง

“แต่เจ้าเดินอยู่เบื้องหน้าพวกเขามาโดยตลอด ลู่เซิ่ง ข้ารู้สึกว่าในตัวเจ้าเหมือนมีคลื่นพลังธาตุที่ยิ่งใหญ่ เจ้าน่าจะเลื่อนสู่ขั้นสองแล้วสินะ” ทีอาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ขอรับ เพิ่งเลื่อนระดับได้ไม่นาน” ลู่เซิ่งที่เตรียมจะเลื่อนสู่ขั้นเจ็ดพยักหน้าอย่างเรียบเฉย

“ช่วงนี้พัฒนาเร็วไปหน่อย รู้สึกรากฐานไม่มั่นคง เลยคิดจะค่อยๆ สร้างพื้นฐานแบบค่อยเป็นค่อยไปก่อนขอรับ”

“พูดถูกแล้ว เจ้าเข้าใจก็ดี” ทีอาพยักหน้าอย่างพอใจ

มังกรสีรุ้งจะโตเต็มวัยเมื่อมีอายุถึงสามร้อยปี หลังจากโตเต็มวัยแล้ว ต่อให้ไม่เรียนอะไรเลย ก็จะใช้เวทมนตร์สายธาตุไฟที่มีอานุภาพขั้นห้ารวมถึงเวทมนตร์ธาตุชนิดอื่นๆ ในขั้นสามได้เอง

ยิ่งอย่าว่าแต่ถ้าร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งโตเหมือนพวกเขาทั้งสี่ตัว เชื่อได้ว่าอนาคตของเจ้าตัวเล็กทั้งสี่จะต้องก้าวข้ามมังกรโตเต็มวัยอย่างพวกเขาได้อย่างแน่นอน

มังกรสีรุ้งที่ตั้งใจเรียนเวทมนตร์ตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่อาศัยแค่พรสวรรค์อย่างเดียว มังกรแบบนี้ ลองคิดดูก็รู้ว่าน่ากลัวขนาดไหน

“พยายามให้มากๆ ต้องการอะไรก็มาบอกข้าได้ น่าเสียดายที่พวกเราต้องอพยพอยู่ตลอด ไม่อาจอยู่ที่ใดที่หนึ่งเพื่อสร้างหอคอยจอมเวทได้ถาวร ไม่อย่างนั้น…” ทีอาเอ่ยอย่างจนใจ

หอคอยจอมเวทมอบบ่อพลังธาตุให้แก่จอมเวทได้ นี่เทียบเท่ากับมีธาตุที่เกือบไร้ขีดจำกัดคอยส่งเสริม ไม่ได้รับผลกระทบจากความหนาแน่นของธาตุ ขอแค่พลังจิตทนได้ ก็สามารถปล่อยเวทมนตร์เพื่อต่อสู้ได้อย่างต่อเนื่อง

ความคงทนกับพลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง

น่าเสียดาย…

“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ อาจารย์ทีอา ขอแค่พยายาม ขอแค่ฝึกฝนอย่างไม่ย่อท้อ จะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอน” ลู่เซิ่งกล่าวเสียงขรึมด้วยความจริงจัง

“ใช่แล้ว…” ทีอาพยักหน้า “ไปเถอะ ครั้งนี้พวกเราเจอเกาะแห่งหนึ่ง หวังว่าจะอยู่ได้นานหน่อย…” สีหน้านางฉายแววจนปัญญาเล็กน้อย

พูดจบ ราชินีมังกรที่อยู่ด้านหน้าก็ส่งเสียงกู่ร้องก่อนจะกระพือปีกบิน

มังกรโตเต็มวัยที่เหลือบินตามไป ทีอาพาลู่เซิ่งกับแซลลีบินขึ้นกลางอากาศ ตามไปด้านในขบวน

มังกรโบราณที่แข็งแกร่งสามตัวเฝ้าอยู่ท้ายขบวน คอยระวังสิ่งมีชีวิตน่าสงสัยที่กล้าเข้ามาใกล้

เหล่ามังกรสีรุ้งจัดเรียงเป็นแถวเดียวขณะบินบนฟ้าสูง พริบตาเดียวก็หายไปในชั้นเมฆหนา มุ่งหน้าไปยังท้องทะเลที่อยู่ไกลออกไป

ฝูงมังกรบินข้ามภูเขาสูง ทุ่งราบ ข้ามผ่านทุ่งหญ้า ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ ค่อยเข้าไปในมหาสมุทรสีน้ำเงินที่กว้างใหญ่ไพศาล

บินตามผิวทะเลไปยังส่วนลึก ไม่นานนัก ใช้เวลาแค่ครึ่งวัน ฝูงมังกรก็มาถึงเขตทะเลลึกที่มีชื่อว่าทะเลจันทร์สีคราม

“เป็นอย่างไร พอจะทนได้ไหม” อันไซเฟอร์เข้าใกล้ลู่เซิ่งกับแซลลีก่อนจะถามเบาๆ “พวกเจ้าไม่ออกไปล่าด้วยกัน การบินเป็นเวลานานแบบนี้จะทำให้ปีกอ่อนแรง ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะประคับประคอง ถ้าไม่ไหวต้องบอกทันทีนะ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเรื่องใหญ่ได้”

“ข้า…ล้านิดหน่อยแล้ว…” แซลลีกัดฟันอดทนพร้อมกับตอบเบาๆ

“เจ้าอยู่ใกล้ๆ อาจารย์ทีอาไว้ เดี๋ยวถ้านางเห็นก็จะปล่อยเวทเพิ่มความคล่องแคล่วให้เจ้าเอง” อันไซเฟอร์บอก

“ได้” แซลลีไม่ดื้อรั้น เข้าใกล้ทีอาอย่างเชื่อฟัง

“ลู่เซิ่ง เจ้าเล่า ยังไหวไหม” อันไซเฟอร์มองลู่เซิ่งต่อ

ไม่มีการตอบสนอง

“ลู่เซิ่ง” เขาเขยิบเข้าใกล้อย่างสงสัยเล็กน้อย

จากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆ…

“เฮ้ย…!?” อันไซเฟอร์ผุดสีหน้างุนงง “หลับอยู่เหรอเนี่ย” เขามองร่างมังกรของลู่เซิ่ง

เส้นสายพลังเวทโปร่งแสงที่เล็กละเอียดมากมายแยกกันเชื่อมต่อร่างของลู่เซิ่งกับเกล็ดของพวกมังกรสีรุ้งโตเต็มวัยที่อยู่ด้านหน้า

สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือ มังกรสีรุ้งพวกนั้นไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย

สิ่งที่พิสดารที่สุดของเส้นพลังเวทพวกนี้ก็คือ ตอนที่มังกรสีรุ้งด้านหน้าเปลี่ยนรูปขบวน เส้นพลังเวทจะขาดออกเอง จากนั้นก็จะเชื่อมกับมังกรสีรุ้งโตเต็มไวอีกตัวที่อยู่ในตำแหน่งเหมาะสมกว่า

“ร้าย…ร้ายกาจ…” อันไซเฟอร์รู้สึกว่าการใช้พลังเวทของตนยกระดับไปอีกขั้น

ที่แท้พลังเวทก็ใช้แบบนี้ได้ด้วย…

ลู่เซิ่งต่างหากที่เป็นผู้ที่ร้ายกาจที่สุดในหมู่พวกเขาสี่ตัว

เขาอดเกิดความคิดแบบนี้ในใจไม่ได้ มิน่าแซลลีถึงได้ตามเขาต้อยๆ เขาพลันเกิดความความเจ็บปวดใจ ได้แต่ค่อยๆ บินออกห่างเพื่อกลับตำแหน่งเดิม

“ไปทางตะวันตก” ราชินีมังกรที่อยู่ด้านหน้าส่งเสียงกู่ร้องพลางชักนำฝูงมังกรให้เปลี่ยนทิศทาง

มังกรสีรุ้งโตเต็มวัยสิบกว่าตัวค่อยๆ เปลี่ยนทิศทาง

“ระวัง!” อยู่ๆ ราชินีมังกรก็คำราม

สายฟ้าสีน้ำเงินสายหนึ่งพุ่งออกมาจากผิวทะเลด้านข้าง

กระแสสายฟ้าพุ่งออกจากผิวทะเล กลายเป็นพายุพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น แล้วพุ่งชนเข้าไปกลางฝูงมังกรสีรุ้งอย่างรุนแรง

ตูม!

สายฟ้ายาวมากกว่าร้อยเมตร ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ตรงกลางขบวนฝูงมังกรไว้เกือบหมด

สายฟ้าขนาดมหึมาระเบิดกลายเป็นคลื่นกระแทกที่น่ากลัวและบ้าคลั่งในพริบตา

“แจ๊ค!”

“ไดอาน่า!”

ฝูงมังกรกระจายตัวอย่างรวดเร็ว แต่มีมังกรสีรุ้งสองตัวหลบไม่ทัน ถูกคลื่นกระแทกจากสายฟ้าชนใส่จนเกราะพลังเวทบนตัวถูกฉีกออก

พลังกระแทกอันรุนแรงฉีกเกราะพลังเวท สายฟ้าที่มีพิษอยู่ด้วยโจมตีเข้าไป ทำให้เส้นประสาทส่วนใหญ่ของมังกรสีรุ้งสองตัวชาดิกทันที

ท่ามกลางเสียงตะโกนเร่งร้อนของมังกรสีรุ้งตัวอื่นๆ มังกรสีรุ้งทั้งสองร่างแข็งทื่อและร่วงดิ่งลงไป

ยังไม่ทันเข้าใกล้ผิวทะเล เงาดำขนาดยักษ์ที่กว้างมากกว่าร้อยเมตรก็โผล่พ้นพื้นน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว

ซ่า!

เงาดำขนาดยักษ์พลันกระโจนออกจากผิวทะเลพุ่งขึ้นท้องฟ้า

ปากสีแดงอมดำขนาดยักษ์กลืนมังกรสีรุ้งสองตัวเข้าไปในครั้งเดียว ก่อนจะเคี้ยวขย้ำ

“ไดอาน่า!” ราชินีมังกรเออร์นีคำราม แต่นางไม่กล้าหยุด

เป็นเพราะนั่นคือซาดีน หนึ่งในผู้ปกครองทะเลจันทร์สีคราม ผู้ปกครองทะเลลึกที่อยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ

และเป็นกึ่งเทพแห่งท้องทะเลตัวจริงเสียงจริง!

เดิมทีซาดีนเคลื่อนไหวในทะเลตะวันตก ครั้งนี้นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอเขาที่นี่ นี่เป็นภัยพิบัติที่ไร้เค้าลางโดยแท้!

“หนีเร็ว! รีบหนีออกจากที่นี่!” ราชินีมังกรตะโกนเสียงดัง

มังกรสีรุ้งที่อยู่รอบๆ โกรธเกรี้ยว แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมามากเหลือเกินในช่วงระยะเวลาพันปีที่ผ่านมา

พวกเขาข่มกลั้นความเจ็บปวดพร้อมกับเร่งความเร็วบินไปยังส่วนลึกต่อ

เป็นเพราะอยู่เหนือท้องฟ้ามากกว่าพันเมตร กอปรกับฝูงมังกรอยู่ในสภาพบินด้วยความเร็วสูง ดังนั้นต่อให้เป็นกึ่งเทพแห่งทะเลลึกก็มีโอกาสลงมือแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

ซาดีนที่กินมังกรสีรุ้งไปสองตัวถือว่าได้เรียกน้ำย่อยแล้ว ร่างสีดำขนาดมหึมาของมันค่อยๆ จมลงไปอีกรอบ

ฝูงมังกรจัดขบวนใหม่อย่างรวดเร็ว

แต่ในตอนนี้เอง มีมังกรสีรุ้งค้นพบว่า มังกรน้อยสองตัวในสี่ตัวหายตัวไป

“แซลลี! แซลลีล่ะ?!”

“ลู่เซิ่งหายไปด้วยเหมือนกัน!”

นัยน์ตามังกรขนาดยักษ์ของทีอาฉายความเจ็บปวดรวดร้าว

สำหรับซาดีนที่มีขนาดมหึมา บางทีอาจเป็นแค่เศษเนื้ออุดร่องฟันเพิ่มมาสองก้อน แต่สำหรับเผ่ามังกรสีรุ้ง นั่นคือความหวังในอนาคต!

“ลู่เซิ่ง! แซลลี!” อันไซเฟอร์น้ำตาร่วงผล็อย

บอร์กที่อยู่ด้านข้างไม่พูดอะไรสักคำเหมือนเหม่อลอย

เกิดมาด้วยกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน ร่ำเรียนด้วยกัน…

เจ้าตัวเล็กทั้งสี่อยู่ด้วยกันมาโดยตลอด นี่เป็นการแยกจากกันครั้งแรก แต่ก็เป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน…

ห้าชั่วยามต่อมา…

ลู่เซิ่งลดความสูงลงแล้วค่อยๆ ทิ้งตัวลงบนยอดประภาคารร้างริมชายฝั่ง

ประภาคารถูกสร้างอยู่เหนือหน้าผา ด้านหน้ามองไปไร้ขอบเขต ด้านหลังคือป่าสีดำอมเทาที่อุดมสมบูรณ์

‘หลงซะแล้ว’ ลู่เซิ่งนึกไม่ถึงเหมือนกันว่า เขาจะถูกแรงกระแทกที่พุ่งมาอย่างกะทันหันซัดออกจากขบวนตอนที่กำลังงีบหลับ

‘พอดีเลย การอยู่ในฝูงมังกรไม่อาจพัฒนาได้มากกว่านี้ เราต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าเดิม และต้องสร้างหอคอยจอมเวทของตัวเอง’

เขาลูบคางพลางใคร่ครวญ

‘การสร้างหอคอยจอมเวทต้องใช้กำลังคน มังกรสีรุ้งมีชื่อเสียงไม่ค่อยดี คงจะมุ่งหน้าไปยังสังคมมนุษย์ไม่ได้ เตะตาเกินไป’ เขาไตร่ตรอง

‘เรื่องทรัพยากร สามารถหาจากเมืองต่างๆ ได้ หอคอยจอมเวทจะต้องหาถิ่นที่ปลอดภัยและพึ่งพาได้ จากนั้นค่อยรวบรวมทรัพยากร แถมจะปล่อยให้ศาสนจักรเจอตัวไม่ได้ด้วย…ถ้าเป็นแบบนี้ เราต้องการเผ่าพันธุ์มีเสถียรภาพที่พึ่งได้ ช่วยเราสร้างหอคอยจอมเวท สร้างอาณาเขตที่ไม่อาจทำลาย…’

ขณะที่กำลังพิจารณา ลู่เซิ่งพลันหันไปเห็นกระต่ายสีเทาตัวหนึ่งเดินผ่านไปด้านล่างประภาคาร มันไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้

‘ดูเหมือนจะใช้ประสบการณ์จากโลกใบนั้นได้พอดี…’ ดวงตาลู่เซิ่งฉายประกายเย็นเยียบ

ถึงวิชาพันเทวะจะดูดซับพลังงานมากมายของเขาไปแล้ว แต่ประสบการณ์การปรับปรุงสัตว์ป่าในสมัยเขาเป็นกระต่ายที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็ยังเต็มเปี่ยมถึงขีดสุด

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท